เด็กม.ปลายสายม็อบอย่างผมจะกลายเป็นสายเรียลได้ไหมถ้าเป็นนักผจญภัย 34 เมื่อคดีย่างกรายสู่เขาวงกต

ตอนที่ 34 เมื่อคดีย่างกรายสู่เขาวงกต

บทที่ 2 ตอนที่ 8

 

「—-คำขอก่อตั้งกลุ่มนักผจญภัยถูกปฏิเสธ」

 

    นั่นคือสิ่งแรกที่ประธานนักเรียนพูดกับอันนาเมื่อพวกเราไปหาที่สภานักเรียนหลังเลิกเรียน

    นักเรียนผู้มากความสามารถที่มีข่าวลือว่าทำคะแนนสอบได้มากที่สุดในชั้นปีของเขา มีคะแนนส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเกินกว่า 75 จ้องมาที่พวกเราด้วยสายตาไม่แยแสผ่านเลนส์แว่นตาหน้าเตอะ

    พวกเราตัวแข็งทื่อไปครู่หนึ่งกับคำพูดอันฉับพลันและไร้ปราณีของประธานนักเรียน แต่พออันนาได้สติกลับมาคนแรก ก็ทำการรุกใส่อย่างรุนแรง

 

「เดี๋- มันยังไงส์กัน!? ทางนี้ก็หาสมาชิกกับที่ปรึกษาได้แล้วส์นี่!」

「ไม่รู้สิ? เรื่องนั้นช่วยไปถามทางโรงเรียนเอาเองเถอะ ทางสภานักเรียนมีหน้าที่แค่ตรวจสอบข้อผิดพลาดของเอกสารแล้วส่งไปเท่านั้น」

 

    ประธานนักเรียนไม่สนใจคำทักท้วงของอันนา ด้วยการแสดงท่าที่ราวกับว่าเป็นแค่คนกลางทำให้เธอถึงกับผงะ

 

「…..หมายความว่าทางโรงเรียนถึงขนาดออกมาปฏิเสธเองงั้นเหรอส์ค่ะ? ตามปกติ นอกเหนือไปจากกิจกรรมชมรมแล้ว การตั้งกลุ่มแค่ขอไปก็สามารถตั้งได้ใช่ไหมค่ะ?」

「ก็นะ ใช่แล้วล่ะ เว้นแต่จะเป็นกลุ่มอะไรที่แปลกๆอย่าง กลุ่มวิจัยกะ○ู๋ หรือกลุ่มเล่นพนันล่ะนะ」

 

    ประธานนักเรียนยกตัวอย่างชื่อกลุ่มแบบสุดโต่งมากๆ ที่หากส่งคำขอมาต้องได้ถูกปฏิเสธกลับไปแน่นอน

 

「…..หรือก็คือ จะบอกว่ากลุ่มนักผจญภัยของเราถูกมองเป็นเหมือนกับกลุ่มวิจัยก-กะ○ู๋  หรือเล่นพนันงั้นเหรอส์ค่ะ?」

 

    อันนาถามคำถามกลับด้วยน้ำเสียงที่อายและค่อย ประธานนักเรียนพยักหน้ากลับมาห้วนๆ

 

「อันที่จริง อยู่ต่ำยิ่งกว่านั้นด้วยซ้ำนะ」

「ต่ำยิ่งกว่านั้น…..จะบอกว่าอยู่ต่ำกว่ากลุ่มวิจัยกะ○ู๋? กลุ่มนักผจญภัยเนี่ยน่ะ?」

「ใช่ นั่นก็เพราะไม่มีใครตายเพราะกะ○ู๋ไงล่ะ แต่เดาว่ามันก็ขึ้นอยู่กับวิธีใช้งานล่ะนะ…..」

「คือว่า…..ช่วยอย่าพูดกะ○ู๋ให้มากเกินไปจะได้ไหมครับ…..?」

 

    ผมรีบเข้าไปแทรกบทสนทนาระหว่างประธานนักเรียนกับอันนาที่หน้าแดง ประธานนักเรียนเยาะเย้ยกลับมา

 

「ที่จะบอกก็คือ จากมุมมองของประธานนักเรียนที่มีคะแนนส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเกินกว่า 75 แล้ว กลุ่มนักผจญภัยก็ไม่ต่างอะไรกับกะ○ู๋เลย กับพวกเธอที่ไม่น่าจะมีคะแนนส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเกินกว่า 50 คงไม่มีทางเข้าใจหรอก 」

「แน่นอนว่าผมเข้าใจได้อย่างดีครับ ถึงจะเห็นแบบนี้แต่ก็มีคะแนนส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 50 นะครับ」

「ช-ชั้นเองก็เข้าใจนะ…..? ถึงแม้ว่าจะมีคะแนนส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานแค่ 42 ก็เถอะ…..」

『42!?』

 

    ประสานเสียงกับประธานนักเรียน

    มันแปลกๆนะ? ม.ปลายของเรา มีคะแนนส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานที่ 50 นี่นา

 

「…..เก่งมากนะที่มาเข้าโรงเรียนของเราได้」

「ก็เพราะที่นี่เป็นโรงเรียนเอกชนและชั้นก็เป็นลูกสาวของประธานบริษัทส์ไงล่ะคะ」

 

    ความดำมืดสุดๆเริ่มโผล่ออกมาในบทสนทนาเป็นกันเอง

 

「…..มาทำเป็นว่าไม่ได้พูดถึงกันเถอะ ถึงจะเห็นเป็นแบบนี้แต่ผมก็เป็นประธานนักเรียนอยู่ล่ะนะ….. ยังไงซะ ต่อให้เรียกตัวเองเป็นชนชั้นนายทุนที่ประสบความสำเร็จมากแค่ไหนก็ตาม คำตัดสินนี่ไม่สามารถพลิกกลับได้หรอก」

「เป็นเพราะอะไรเหรอครับ?」

 

    เพื่อตอบสนองต่อคำถามของผม ประธานนักเรียนทำหน้าตาแสดงความฉลาดด้วยการใช้มือกระดกแว่นที่มีข่าวลือว่ามันเป็นแค่แว่นแฟชั่น แล้วตอบ

 

「จากมุมมองของผมที่เป็นประธานนักเรียนที่มีคะแนนส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเกินกว่า 75…..ดูเหมือนว่าทางโรงเรียนมองในสถานการณ์ปัจจุบัน ที่การเพิ่มจำนวนนักผจญภัยในโรงเรียนให้มากขึ้นไม่ได้เป็นสิ่งที่น่าสนใจ พวกเขาคงจะคิดว่าหากมีการก่อตั้งกลุ่มนักผจญภัยขึ้นมา มันจะเป็นการยิ่งเร่งกระบวนการมากขึ้น」

「อย่างงี้นี่เอง」

 

    จริงอยู่ว่าจากมุมมองของทางโรงเรียน การที่นักเรียนไปเป็นนักผจญภัยไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆ

    ถ้าหากนักเรียนมาเสียชีวิตในเขาวงกต มันไม่ใช่แค่เพียงนักเรียน 1 คนที่เสียชีวิต ถ้าหากมีอะไรไปทางไม่ดีล่ะก็ ไม่มีอะไรเป็นเครื่องยืนยันว่าทางผู้ปกครองจะไม่มาถามหาความรับผิดชอบกับทางโรงเรียน

    แน่นอนว่าทั้งอาการบาดเจ็บและความตาย เป็นสิ่งที่นักผจญภัยต้องรับผิดชอบด้วยตัวเอง ทว่ามันก็มีพ่อแม่สัตว์ประหลาดอยู่ทุกที่

    โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พ่อแม่ที่ซื้อการ์ดให้กับลูกราวกับของฟุ่มเฟือย จะต้องมีปากเสียงกับเรื่องพวกนี้แน่ๆ

    แล้วท่ามกลางสิ่งเหล่านี้ การเคลื่อนไหวเพื่อก่อตั้งชมรมนักผจญภัยจึงไม่เป็นที่ต้อนรับอย่างแน่นอน

   

「ก็ด้วยเหตุนี้ การก่อตั้งกลุ่มนักผจญภัยจึงถูกปฎิเสธ กรุณากลับไปได้แล้ว」

 

    ประธานนักเรียนที่ทำสีหน้าแข็งกร้าวมาตั้งแต่ต้นจนจบ มายิ้มขายของส่งท้ายแล้วพูดมาแบบนั้น

 

 

 

 

「อา โธ่! ทำไมพวกผู้ใหญ่ถึงได้หัวแข็งส์กันแบบนี้นะ โธ่~!」

 

    ระหว่างทางกลับบ้าน อันนาชูมือขึ้นฟ้าแล้วร้องคำราม

 

「เอาน่า ถ้าโรงเรียนอนุมัติกิจกรรมชมรมที่มีความเสี่ยงต่อชีวิตง่ายๆมันจะน่ากลัวยิ่งกว่าอีกล่ะนะ」

 

    ด้วยคำของโอริเบะ ผมก็พยักหน้าเห็นด้วยกับประเด็นนั้น

    หลังจากตอนนั้น พวกเราก็ไปแวะห้องพักครูแล้วคุยโดยตรงกับคนหลายคนซึ่งรวมไปถึง รองอาจารย์ใหญ่, อาจารย์ใหญ่, และผู้บริหาร แน่นอนว่าผลลัพธ์ออกมาไม่ได้ดีนัก

    ถึงแม้ว่าจะมีอาจารย์บางท่านที่มองในทางที่ดีด้วย แต่นั่นก็เพราะพวกเขาไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับการจัดการบริหาร สำหรับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการบริหารโรงเรียนแล้วก็ถูกมองมาในทางที่ไม่ดี

    ฮิโยริจังไม่สามารถทำอะไรได้เพราะแรงต่อต้านจากผู้บังคับบัญชาของเธอ แถมรองอาจารย์ใหญ่ยัง「ดูจะมีไฟในการเป็นที่ปรึกษาของชมรมใหม่มากเลยนะ」พูดเหน็บ ทำให้เธอต้องก้มหัวแล้วขอให้ทำเหมือนเรื่องที่ปรึกษานี่ไม่เคยเกิดขึ้น

    ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ การก่อตั้งชมรมนักผจญภัยจึงไม่สามารถทำได้

    ต่อให้พยายามตั้งชมรมใหม่ด้วยชื่ออื่น ทางโรงเรียนก็คงเพ่งเล็งและมันก็คงถูกปฏิเสธอีก

    ด้วยเหตุนี้ แทนที่จะเป็นการสร้างชมรมนักผจญภัยของพวกเรา มันกลับลงเอยในจุดที่ย่ำแย่ยิ่งกว่าตอนเริ่มต้นเสียอีก

 

「เอาเถอะ….. ไม่ถูกบอกให้เลิกเป็นนักผจญภัยมันก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ?」

「อืม เป้าหมายคือการสร้างกองกำลังเพื่ออยู่รอดในวันสิ้นโลกใช่ไหม? งั้นก็ไม่จำเป็นต้องยึดติดในรูปแบบของชมรมหรอก」

 

    กับคำพูดของผมและโอริเบะ อันนาก็ทำแก้มป่องแล้วคัดค้าน

 

「ที่มันดีก็เพราะว่าเป็นชมรมต่างหากส์ล่ะ! เพราะมันคือความโรแมนส์ไง โรแมนส์!」

 

    หล่อนนี่ก็จุกจิกจริง ผมกับโอริเมะมองตากันแล้วยิ้มแห้งๆ

    เอาเถอะ ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เข้าใจความรู้สึก

 

「แต่ในความเป็นจริงมันก็ไม่มีอะไรที่สามารถทำได้ เพราะทางโรงเรียนบอกว่าไม่ได้น่ะสิ」

「อุมุมุ ไม่มีทางไหนเลยงั้นเหรอ…..」

 

    กับอันนาที่ไม่ยอมแพ้ ทำการครุ่นคิดขณะที่กอดอก ผมก็คุยเรื่องเบาๆกับโอริเบะ

 

「แล้ว โอริเบะเป็นนักผจญภัยมานานแค่ไหนแล้วล่ะ?」

「ชั้นก็ตั้งแต่ม.ต้นปี 1 ช่วงเดียวกันกับอันนานั่นแหละ….. ถึงแม้ว่าความแตกต่างจากตอนเริ่มต้นจะทำให้เกิดช่องว่างระหว่างแรงค์ขึ้นมาก็เถอะ」

「อย่างงี้นี่เอง…..แล้วที่มีอยู่เป็นยังไงบ้าง?」

「ฟุมุ เมื่อเร็วๆนี้ในที่สุดก็ได้การ์ดแรงค์ C ที่อยากได้มาแล้ว การ์ดแรงค์ D เองก็มีอยู่เยอะ จะให้พูดก็…..เก็บความตื่นเต้นไว้ตอนได้เห็นจะดีกว่า」

 

    โอริเบะยิ้ม กับเธอที่บอกให้คอยตั้งตารอดู ผมก็ตัดสินใจถามเรื่องที่สงสัยมากที่สุดไป

 

「…..จะว่าไป พูดกันตรงๆ ใช้ไอ้นั่นได้รึเปล่า?」

「ไอ้นั่นนี่ หมายถึงลิงค์?」

「โอ้ ใช่ใช่ รู้เรื่องนั้นจริงๆสินะ」

 

    โอริเบะได้แต่ยิ้มแห้งๆให้กับคำพูดของผม

 

「ก็นะ ช่วง 3 ปีที่ผ่านมานี้ก็ไม่ค่อยได้ใช้มันเลย แต่ถึงจะพูดแบบนั้น ที่ใช้ได้ก็แค่เทเลพาทนิดหน่อยเอง」

「…..เหรอ แล้วโอริเบะรู้เรื่องลิงค์ได้ยังไงล่ะ?」

 

    ผมถามคำถามโดยที่ลังเลอยู่ว่าถามไปจะเป็นอะไรรึเปล่า

    …..หลังงานแข่ง ผมได้ลองค้นคว้าเรื่องของลิงค์ด้วยตัวเอง

    ทว่า ไม่ว่าจะค้นหาจากใน internet หรือหนังสือมากแค่ไหนก็ไม่สามารถรู้ได้ว่ามันคืออะไรแน่ นอกเหนือไปจากข่าวลือเกี่ยวกับมันที่โผล่มาเป็นช่วงๆ

    แม้แต่เทปบันทึกรอบชิงชนะเลิศที่ถูกถ่ายทอดตอนคริสต์มาส คำอธิบายเรื่องลิงค์ของชิเงโน่ซังยังถูกแก้และตัดออก

    หรือก็คือ ลิงค์ถูกเก็บให้เป็นความลับอยู่ในระดับประเทศ

    เรื่องเหตุผล ก็พอจะเดาๆได้…..

    พอมาคิดดูเอาตอนนี้ ตอนที่ชิเงโน่ซังโพล่งเรื่องเกี่ยวกับลิงค์ออกมาระหว่างรอบชิงนั้น บางทีก็คงเพราะเป็นการเอาใจช่วยในแบบของเขาเอง

    ไม่งั้นแล้วเขาคงไม่พูดเรื่องเทคนิคที่เรียกว่าลิงค์ ซึ่งเป็นอะไรที่ไม่เป็นที่เปิดเผยในที่สาธารณะออกมาต่อหน้าผู้คนจำนวนมากหรอก

    บางทีแล้ว ชิเงโน่ซังคงอาจจะถูกทางกิลล์ต่อว่าหลังจากนั้น…..

    ครั้งล่าสุดที่ไปกิลล์ตัวเขาก็ยังดูร่าเริงดี ก็ไม่คิดว่าเขาจะถูกไล่ออกอะไรหรอก

    ท้ายที่สุด ผมก็สามารถหาตัวอาจารย์เจอ และได้เรียนรู้เกี่ยวกับลิงค์ แต่ก็สงสัยอยู่ว่ากับนักผจญภัยคนอื่นๆ รับรู้เรื่องลิงค์กันได้ยังไง

    แต่ยังไงซะ มันก็เป็นเทคนิคที่ถูกเก็บเป็นความลับต่อสาธารณะ การจะถามคำถามนั้นอาจจะเป็นเรื่องต้องห้ามก็เป็นได้

    เพราะแบบนั้นผมจึงไม่ค่อยกล้าจะถามคำถามไป แต่โอริเบะกลับตอบกลับมาอย่างง่ายดาย

 

「กรณีของชั้นก็จากอันนาล่ะนะ ตัวอันนาดูจะได้เรียนมาจากมืออาชีพที่ได้รับการสปอนเซอร์จากครอบครัวของเธอ」

「อา อย่างงี้นี่เอง…..」

 

    ผมเห็นด้วยอย่างเต็มที่ มันคือคอนเนคชั่นล่ะนะ พอมาคิดดู ตัวเธอมี『Grand Sponsor』จากที่เป็นคุณหนูของดันเจี้ยนมาร์ท จะมีคนรู้จักเป็นมืออาชีพซักคนหรือ 2 คนก็เป็นเรื่องปกติ

    ที่โอริเบะจะได้เรียนรู้เรื่องลิงค์มาด้วยมันก็สมเหตุสมผล

    ทว่าแบบนั้นมันก็ทำให้เกิดคำถามขึ้นอีก ทำไมอันนาถึงไม่ใช้ลิงค์ในตอนที่แข่งกับผม…..หรือว่าในตอนนั้นจะยังไม่สามารถใช้ลิงค์ได้ แบบนั้นเหรอ?

    ในตอนนั้นเอง ก็มีเสียงเรียกดังขึ้นที่สมาร์ทโฟนของผม

    พอเปิดดู เหมือนว่าจะเป็นเมล์ประกาศข่าวจากทางกิลล์ โอริเบะเองก็มองไปที่มาร์ทโฟนของเธอเช่นกัน

    เนื้อหาก็…..ดูจะเป็นเควสสำหรับค้นหาบุคคลสูญหาย

    ทางกิลล์บางครั้งจะทำคำร้องขอแก่นักผจญภัยออกมาในรูปแบบของเควส

    ยกตัวอย่างเช่น โรงพยาบาลกำลังขาดแคลนโพชั่นจึงร้องขอให้มีการหาโพชั่นไปให้ แบบนั้น

    มีการยืนยันการเกิดอิเรกูลาร์เอ็นเคาเตอร์ในเขาวงกตแรงค์ F เกิดคำร้องให้ไปจัดการ แบบนั้น

    ดูเหมือนจะมีการมองหาข้อมูลเกี่ยวกับอาชญากรรมที่เกิดขึ้นภายในเขาวงกต แบบนั้น

    คำร้องขอพวกนี้จะถูกประกาศแก่นักผจญภัยในรูปแบบของ email และกระดานข่าวภายในกิลล์

    และแม้ว่าตัวผมจะยังไม่ได้รับ แต่ดูเหมือนนักผจญภัยมืออาชีพและกึ่งมืออาชีพบางครั้งก็จะถูกขอให้ทำคำร้องโดยเจ้าหน้าที่กิลล์

    โดยทั่วไปแล้ว คำร้องขอของกิลล์ก็เหมือนการช่วยเหลือสังคม เพราะมันไม่ได้ก่อให้เกิดผลประโยชน์ด้านการเงิน แต่มันจะถูกประทับตราไว้บนใบอนุญาตเป็นความสำเร็จและเกียรติประวัตินิดหน่อย

    นักผจญภัยที่ทำเควสสำเร็จจำนวนมากจะได้รับรางวัลจากทางเมืองไม่ก็ประเทศ บางครั้งก็มีไปออกโทรทัศน์ เพราะงั้นจึงมีนักผจญภัยบางส่วนที่ทำเควสโดยมีจุดประสงค์เช่นนั้น

   ส่วนในคราวนี้ ดูเหมือนจะเป็นคำร้องให้ค้นหานักผจญภัยที่สูญหายไปในเขาวงกตแรงค์ F เมื่อหลายวันก่อน มีบอกไว้ว่าไม่มีการขอความช่วยเหลือโดยใช้ใบอนุญาตนักผจญภัย

 

「เป็นเวลาหลายวันแล้วที่หายตัวไปในเขาวงกตแรงค์ F ที่ตื้นๆ งั้นเหรอ」

 

    โอริเบะพึมพำเล็กน้อยด้วยสีหน้าที่ไม่อาจเข้าใจได้ บางทีผมเองก็คงจะทำหน้าแบบเดียวกันอยู่

    มันควรจะเป็นคำร้องสำหรับการค้นหาบุคคลสูญหาย แต่แบบนี้มันเป็นเควสเพื่อค้นหาสิ่งของที่หลงเหลือและสาเหตุของการเสียชีวิตแล้วแน่นอน

    ถ้าหากว่าเข้าไปในเขาวงกตแรงค์ F ที่สามารถพิชิตได้ในวันเดียวแล้วไม่กลับมาเป็นเวลาหลายวัน นั่นหมายถึงการไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ด้วยตัวเอง อีกทั้งการที่ไม่สามารถแม้แต่จะขอความช่วยเหลือ ก็ทำให้นึกไปถึงการโดดเดี่ยวพื้นที่ที่เกิดจากอิเรกูลาร์เอ็นเคาเตอร์…..และการสังเวยให้กับมัน

    ถ้าเกิดทำพลาดไปแม้แต่อย่างเดียว ผมเองก็คงถูกทำให้เป็นบุคคลสูญหายไปด้วยเหมือนกัน

    รู้สึกถึงความหดหู่ขึ้นมาในใจ

 

「—-น่าแปลก」

 

    โอริเบะกระซิบมาเบาๆ

 

「มีอะไรแปลกงั้นเหรอ?」

「ไม่หรอก…..เกิดสงสัยขึ้นมานิดหน่อยก็เลยลองไล่ดูเมล์คำร้องที่มีเมื่อเร็วๆนี้ แต่ดูจะมีคนสูญหายจำนวนมาก แถมยังแค่ในเขาวงกตแรงค์ F อีก」

 

    พอผมลองไล่เช็คเมล์ดู ก็สังเกตุเห็นว่าในหลายเดือนที่ผ่านมามีจำนวนคนสูญหายพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก

 

「จริงด้วย จำนวนขนาดนี้มันแปลกๆ」

「ใช่ไหมล่ะ? สถานการณ์ที่ถูกจัดการจนหมดโดยที่ไม่สามารถขอความช่วยเหลือได้ภายในเขาวงกตแรงค์ F ที่เป็นไปได้ก็น่าจะเป็นอิเรกูลาร์เอ็นเคาเตอร์ แต่ในกรณีนี้ จำนวนมันมีมากเกินไป อีกทั้งเหยื่อยังสูญหายไปขณะอยู่ในเขาวงกต ถ้าหากว่ามีอิเรกูลาร์เอ็นเคาเตอร์เกิดขึ้นมากขนาดนี้ มันต้องเป็นข่าวใหญ่ไปแล้ว แต่ว่านี่กลับไม่ได้ยินข่าวอะไรเลย」

「…..ถ้าหากไม่ได้เกิดจากอิเรกูลาร์เอ็นเคาเตอร์ แล้วมันเป็นอะไรกันแน่?」

「—-ได้กลิ่นของคดีส์ล่ะ」

「โว้ว!?」

 

    อันนาจู่ๆก็แทรกเข้ามา ทำเอาผมสะดุ้งโหยง

 

「รุ่นพี่ นี่มันคดีส์ล่ะ คดี」

「คดีนี่…..หมายถึงอาชญากรรมเหรอ?」

「ถ้ามีบางอย่างที่ไม่สามารถเกิดขึ้นเป็นปกติธรรมชาติปรากฏขึ้นมา สาเหตุก็ต้องมาจากภายนอก…..หรือก็คือ นี่คือคดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่อาศัยเขาวงกตไงล่ะส์!」

 

    -ชิ้ง-อันนาชี้มาทางผมพร้อมกับบอก

 

「อืม คดีฆาตกรรม งั้นสินะ」

 

    เคยได้ยินมาอยู่ว่ามีผู้คนที่อาศัยประโยชน์จากสภาพแวดล้อมพิเศษภายในเขาวงกตเพื่อก่ออาชญากรรม

    ญี่ปุ่นนั้นพูดได้ว่าเป็นประเทศที่มีอาชญากรรมเกี่ยวข้องกับเขาวงกตน้อยที่สุดเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศต่างๆในโลก ตัวผมเองก็ยังไม่เคยเจออะไรแบบนั้นมาก่อนก็เลยมีบางเรื่องที่ยังไม่ค่อยเข้าใจดีนัก แต่นั่นก็เพราะญี่ปุ่นพิเศษ ได้ยินมาว่าในประเทศอื่นๆมีคดีที่คล้ายๆกันอยู่จำนวนไม่น้อย

    โดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนาและบางพื้นที่ในอเมริกาใต้ ที่ซึ่งการเข้าถึงเขาวงกตยังไม่เข้มงวดเท่าญี่ปุ่น ตัวเขาวงกตได้กลายไปเป็นรังของพวกอาชญากร

    แต่ว่า…..

 

「ต่อให้เป็นคดีจริง แล้วมันยังไงล่ะ?」

 

    พอคิดว่ามีคดีฆาตกรรมต่อเนื่องเกิดขึ้นภายในเขาวงกตก็ทำเอารู้สึกหนาว แต่ว่าก็ไม่มีอะไรที่พวกเราสามารถทำได้ อยากจะงดการไปเขาวงกตด้วยซ้ำ

    กับผมที่เป็นแบบนั้น อันนาที่ดวงตาเต็มไปด้วยความยุติธรรมก็พูดออกมา

 

「มันก็เห็นๆกันอยู่แล้วส์ไม่ใช่เหรอค่ะ! แน่นอนว่ากลุ่มนักผจญภัยของพวกเราจะเป็นผู้ไขคดีนี้เองส์!」

「หา~?」

 

    นี่พูดอะไรอยู่เนี่ย ยัยนี่?

    ผมมองไปที่อันนาด้วยความอึ้ง

 

「มันอะไรที่ทำให้เกิดข้อสรุปนั้นออกมาได้กัน?」

「มีความเป็นไปได้สูงที่มันจะเกิดขึ้นในเขาวงกตไงล่ะ!? อีกทั้งยังเป็นอาชญากรรมน่ารังเกียจที่เล็งเป้าเฉพาะนักผจญภัยระดับต่ำๆอีก! อภัยส์ให้ไม่ได้! แล้วก็ ถ้าหากไขคดีนี้ได้ พวกผู้ใหญ่จะต้องอนุมัติกลุ่มนักผจญภัยของพวกเราแน่นอนส์!」

「ไม่ไม่ไม่ไม่」

 

    ยัยนี่ เอาจริงดิ? ต่อให้ชอบไลท์โนเวลหรือมังงะมากขนาดไหน มันก็ต้องมีขอบเขตกันบ้างสิ!

 

「นี่เธอ พวกเราเป็นแค่นักเรียนม.ปลายนะ แล้วจะไปไขคดีฆาตกรรมเนี่ย…..เป็นไปไม่ได้หรอก นี่น่ะเป็นงานของตำรวจแล้ว」

「เชื่อมือพวกตำรวจไม่ได้หรอก ดังนั้นพวกเราจึงต้องมาไขคดีกันเองยังไงส์ล่ะ! เพราะการที่ตัวเขาวงกตไม่ได้ถูกปิดกั้นและยังไม่เป็นข่าว นั่นหมายความว่าตำรวจก็ยังไม่รับรู้ว่าเป็นคดีเลยส์!?」

「มู…..」

 

    จริงอยู่ที่การมีคนจำนวนมากสูญหายเป็นเรื่องผิดธรรมชาติ แต่กลับยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆในทางสาธารณะ แม้แต่มือสมัครเล่นอย่างผมกับโอริเบะยังรู้สึกตัวทันที จึงไม่น่าจะเป็นไปได้เลยที่พวกผู้ใหญ่จะไม่รู้ตัว

    แต่ว่า…..

 

「อันที่จริง ไม่ใช่ว่าการตีความว่ามันเป็นอาชญากรรมนี่น่าสงสัยอยู่หรอกเหรอ?」

「ทำไมส์ล่ะค่ะ!?」

「ก็หมายถึง ที่ทางเข้าของเขาวงกต มันมีเกทอยู่ใช่ไหมล่ะ? ถ้ามีการตรวจสอบบันทึกการเข้า-ออก ก็ถูกระบุตัวเป็นผู้ต้องสงสัยได้แล้ว」

 

    การเข้า-ออกเขาวงกตจะถูกเชื่อมโยงกับใบอนุญาตนักผจญภัยและบันทึกไว้ที่เกท ถ้าตามสืบข้อมูลก็สามารถพบผู้กระทำผิดได้อย่างรวดเร็ว

    ทั้งๆที่เป็นเช่นนั้น ความจริงที่ยังไม่จับตัวผู้กระทำผิดนั่น ก็หมายความว่าไม่มีบุคคลอื่นใดอยู่ในเขาวงกตในช่วงเวลาเดียวกันกับเหยื่อ หรือไม่ก็ถูกยืนยันความบริสุทธิไปแล้ว

 

「อุ ร-เรื่องนั้นมัน…..ใช่แล้ว! ใบอนุญาตปลอมไง ใช้ของที่ขโมยมาจากคนอื่นเพื่อเข้าและออกส์! หรือบางที่อาจจะมีช่องทางอื่นที่เราคาดไม่ถึงก็เป็นได้!」

「ต่อให้เป็นใบอนุญาตปลอม ก็สามารถตรวจสอบผ่านกล้องบันทึกของดันเจี้ยนมาร์ทได้นี่นา」

 

    โอริเบะแย้งกลับคำของอันนาทันที

    ตามที่เธอพูด ต่อให้เป็นใบอนุญาตปลอม มันก็ยังมีกล้องรักษาความปลอดภัยภายในดันเจี้ยนมาร์ท ถ้าดูภาพที่บันทึก ก็ตามตัวผู้กระทำผิดได้ง่ายๆ

 

「เพราะงั้นมันจึงอาจไม่ได้เป็นอาชญากรรมตั้งแต่แรก ต่อให้มันเป็นอาชญากรรมจริง ก็คงจับถูกจับได้ทันที แต่ถ้าใช้วิธีที่แม้แต่ตำรวจก็ยังคาดไม่ถึงล่ะก็ มันก็เกินมือของพวกเราไปแล้ว พวกเราเป็นแค่เด็กนักเรียนม.ปลายนะ」

「อุงุงุ…..」

 

    อันนาถูกผมและโอริเบะโต้กลับไปได้อย่างสมบูรณ์ จึงได้แต่ร้องครางพร้อมกลั้นน้ำตาเอาไว้

    …..ก็นะ ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่อาชญากรรม คำถามมันก็ยังคงอยู่ ว่าจำนวนของบุคคลสูญหายที่ผิดแปลกนี่มันคืออะไรกัน

    เอาเถอะ เรื่องนั้นทางกิลล์หรือตำรวจคงจะแก้ได้เอง

 

「ต-แต่ว่าแต่ว่า! ถ้าหากว่ามีคนร้ายที่สามารถแก้ไขกล้องจับภาพกับบันทึกของเกทได้อยู่ล่ะ!? ถ้าพวกเราจะไปสำรวจเขาวงกต พรุ่งนี้ก็อาจจะเป็นพวกเราที่โดนก็ได้ส์ไม่ใช่เหรอ?」

 

    ยังจะพูดอยู่อีก…..

 

「คนร้ายแบบไหนกันที่มันจะหลอกได้ทั้งเกทเขาวงกตและกล้องบันทีกภาพของดันเจี้ยนมาร์ทกันได้ล่ะ? อย่างน้อยมันก็ต้องเป็น, คนของ, ดันเจี้ยนมาร์ท…..」

「ห-หรือว่า…..!?」

 

    พวกผมต่างจ้องไปที่อันนา

    สามารถเข้าไปยุ่งกับข้อมูลกล้องจับภาพได้ง่ายๆ, ควบคุมทางเข้า-ออกของเขาวงกต, มีแค่ลูกสาวคนเดียวของบริษัทหนึ่งเดียวในประเทศนี้ ในตอนนี้ อยู่ข้างๆพวกเรา…..

 

「………………..ห๋า!? ช-ชั้นเหรอ!?」

「ท-ที่จะให้พวกเราไปมองหาคนร้ายนี่ กำลังวางแผนอะไรอยู่กันแน่…..?」

「ห-หรือว่าพวกเราเองก็…..?」

 

    อันนาที่ถูกพวกผมมองด้วยสายตาหวาดกลัว ก็ทำท่าตื่นตระหนกอย่างจริงจัง

 

「ด-ด-ด-ด-เดี๋-เดี๋เดี๋เดี๋…..!?」

 

    พอได้เห็นท่าทางน่าสงสารแบบนี้เข้า พวกผมก็เลยหยุดมองด้วยความสงสัย

    ถ้าคิดตามหลักสามัญสำนึกแล้ว ดันเจี้ยนมาร์ททำแบบนั้นไปก็ไม่ได้ประโยชน์ใดๆ

    นั่นเพราะผลประโยชน์ที่ได้จากการโจมตีนักผจญภัยมือใหม่ภายในเขาวงกต เทียบไม่ได้กับสิ่งที่ดันเจี้ยนมาร์ทจะต้องเสียหากถูกเจอเข้า

    ก็นะ เจอตอกฝาโลงไปขนาดนี้ อันนาก็คงจะไม่ไปตามหาคนร้ายอีกแล้วแน่นอนล่ะ

    ถ้าใช้สามัญสำนึก การพยายามจะไปจับตัวคนร้ายมันย่อมอันตรายเกินไป

    …..แต่ว่า ไม่ว่ามันจะเป็นคดีหรือไม่ เรื่องที่มีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นในเขาวงกตนั้นไม่ผิดแน่

    ถ้าคิดสุดโต่ง ตราบเท่าที่ไม่ได้เกิดกับผมหรือคนรู้จักแล้วมันก็ไม่เป็นอะไร…..

    คงจะต้องให้โอโน่ระวังตัวเผื่อเอาไว้ก่อนล่ะกัน

 

「เน่! ได้ฟังอยู่รึเปล่า!? ไม่ใช่ชั้นส์จริงๆนะ!」

「…..ช่วยกรุณาอย่าเอามือเปื้อนเลือดมาแตะต้องตัวผมจะได้ไหม?」

「เดี๋ยวสิ!」

 

    ขณะที่ล้ออันนาเล่นไปพร้อมกันกับโอริเบะ ความรู้สึกกังวลก็ก่อตัวขึ้นมาภายในอกของผม

 

 

 

 

 

【Tips】เควส

    กิลล์เป็นสื่อกลางในการหารือคำปรึกษาจากภาคเอกชนและบริษัทต่างๆ มาสู่นักผจญภัยในรูปแบบของเควส

    เนื้อหาของเควสมีแตกต่างกันออกไปอย่าง ส่งอุปกรณ์เวทกับการ์ด, จัดการอิเรกูลาร์เอ็นเคาเตอร์, ช่วยเหลือผู้คนยามฉุกเฉินและค้นหาบุคคลสูญหาย, และอีกหลายๆอย่าง แต่รางวัลที่ได้รับจะไม่สูงมาก อย่างการส่งอุปกรณ์ก็แค่เพิ่มจากราคาตลาดขึ้นมานิดหน่อย

    โดยพื้นฐานแล้วจะมีตัวแปรใหญ่ของการช่วยเหลือสังคม โดยเฉพาะหากเป็นผู้ที่ทำคำร้องฉุกเฉินอย่างการช่วยเหลือผู้คนยามฉุกเฉิน หรือจัดการอิเรกูลาร์เอ็นเคาเตอร์ได้สำเร็จหลายๆครั้ง ก็จะมีการมอบรางวัลโดยทางเมือง หรือทางประเทศให้

    มีทฤษฎีว่าการรับทำเควสเยอะๆ จะช่วยมอบประโยชน์ในการหางาน ว่ากันว่านักเรียนนักผจญภัยจำนวนหนึ่งต่างทุ่มเทอย่างมากให้กับการทำเควสด้วย

 

 

ข้อมูลเพิ่มเติม

พ่อแม่สัตว์ประหลาด / Monster parents

พ่อแม่ที่ปกป้องลูกจนเกินตัว เมื่อเป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับลูกตัวเองแล้ว จะเป็นสิ่งที่ไม่สมเหตุสมผลกับผู้อื่น ชอบเรียกร้องสิ่งต่างๆกับโรงเรียน

https://en.wikipedia.org/wiki/Monster_parents

เด็กม.ปลายสายม็อบอย่างผมจะกลายเป็นสายเรียลได้ไหมถ้าเป็นนักผจญภัย

เด็กม.ปลายสายม็อบอย่างผมจะกลายเป็นสายเรียลได้ไหมถ้าเป็นนักผจญภัย

Score 10
Status: Completed
ณ ช่วงเวลาหนึ่ง ในโลกคู่ขนานของญี่ปุ่น จู่ๆ เขาวงกตได้ปรากฏขึ้น ที่ซึ่งมอนสเตอร์โผล่ออกมา ในช่วงแรกเริ่มนั้นเขาวงกตไม่ได้ต่างอะไรไปจากภัยพิบัติ แต่สถานการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไปด้วยทรัพยากรที่เขาวงกตผลิต และตัวตนของ 'การ์ด' ที่ตกจากมอนสเตอร์ กลายเป็นช่วงแห่งการกอบโกย การ์ดมอนสเตอร์ที่สามารถอัญเชิญมอนสเตอร์ออกมาได้ดั่งใจนึก เหล่านักผจญภัยที่ใช้พลังของการ์ดเพื่อพิชิตเขาวงกต ถ่ายทอดสถานการณ์เหล่านั้นด้วยดันเจี้ยนTV, โคลอสเซียมที่มอนสเตอร์ต่อสู้กัน..... สิ่งเหล่านี้กระตุ้นความสนใจในตัวผู้คน แล้วก่อนที่จะรู้ตัวนักผจญภัยก็กลายเป็นอาชีพที่ผู้คนใฝ่ฝันจะเป็น คิทากาว่า・อุทามาโร่ เด็กม.ปลายสายม็อบ เห็นเพื่อนที่น่าจะเป็นสายม็อบเดียวกัน หลังจากที่เป็นนักผจญภัยแล้วกลับถีบตัวไปอยู่ในกลุ่มท็อบได้ จึงตัดสินใจที่จะเป็นนักผจญภัยด้วยตัวเอง อุทามาโร่ เพื่อที่จะได้แรร์การ์ดไปอวดทุกคนได้จึงเดิมพันชีวิตกับกาชาสุดบ้าระห่ำราคา 1 ล้านเยน ทว่า---?

Options

not work with dark mode
Reset