ฉันเดินไปที่ข้างๆ บ้านประมาณนาทีนึง แล้วก็ตะโกนเรียก
“คุณเอลลิสคะ พอมีเวลาหรือเปล่าคะ?”
“จ้า~ รอแป๊บนึงนะ…… ฮึบ แล้วนี่มีอะไรให้ชั้นช่วยหรือเปล่าจ๊ะ?”
“คือ ฉันอยากให้ช่วยเรื่อง จริงๆ คือ อยากจะไปซื้อของหน่อยน่ะค่ะ ฉันอยากได้เฟอร์นิเจอร์กับของจิปาถะอะไรพวกนี้ ฉันซื้อได้ที่ไหนเหรอคะ?”
หลังจากที่ฉันเรียกคุณเอลลิสไป ยังไม่ทันรอนานเท่าไหร่ เธอก็ออกมาแล้ว พอฉันถาม คำตอบก็มาแบบทันทีเลย
“นั่นสินะ เฟอร์นิเจอร์เนี่ย เธอสั่งจากช่างไม้ก็ได้ ถ้าเป็นกระทะหรือหม้อ ก็ต้องสั่งจากช่างตีเหล็ก ที่ร้านขายของชำ เธอก็พอซื้อของได้ประมาณนึง แต่ถ้าเกิดไม่ใช่ของที่ขายดีก็ต้องสั่งเอาจากในเมืองนะ”
อ้า นี่เป็นหมู่บ้านเล็กๆ จริงๆ ด้วยสินะเนี่ย
ถ้าเป็นในเมืองหลวง คงไม่มีปัญหาอะไรแบบนี้แน่นอนเลยล่ะ
เอาเถอะ! ฉันแค่ไปดูก่อน! จะซื้อไม่ซื้อก็ค่อยว่ากัน!
“ว่าแล้วเชียว เป็นแบบนั้นสินะคะ ฉันขอถามตำแหน่งหน่อยได้หรือเปล่าคะ?”
“ชั้นไม่เกี่ยงหรอกนะ แต่ว่า…”
คุณเอลลิสนิ่งคิดอยู่ซักพัก ก่อนจะพยักหน้าทีนึง
“จริงสิ เดี๋ยวชั้นช่วยพาเธอดูรอบๆ เลยดีกว่า เพราะงั้น รออยู่ที่บ้านซักพักนึงนะ”
“จะดีเหรอคะ?”
“ที่นี่เป็นแค่หมู่บ้านเล็กๆ เอง ให้ทุกคนได้คุ้นๆ หน้าเธอเอาไว้หน่อยมันก็ดีกว่าไม่ใช่เรอะ? ให้เป็นหน้าที่ชั้นเอง!”
“ช่วยได้มากเลยค่ะ! ขอบคุณนะคะ!”
ฉันโค้งหัวขอบคุณคุณเอลลิสที่ให้รอยยิ้มที่ดูพึ่งพาได้ พลางทุบอกของตัวเองเบาๆ
“เยี่ยมเลย เอ้า! เข้ามาสิ!”
ฉันเข้าไปในบ้านตามที่คุณเอลลิสชวน แล้วก็ดื่มด่ำกับชาอุ่นๆ ที่เธอรินให้
มาคิดดูแล้วเนี่ย ตั้งแต่มาถึงหมู่บ้าน ฉันยังไม่ได้ดื่มน้ำซักแก้วเลยนี่นา
“ดีล่ะ! ฉันพร้อมละ! ไปกันเลยมั้ย?”
“อะ ค่ะ! ขอฝากด้วยนะคะ แล้วก็ ขอบคุณสำหรับชาด้วยนะคะ”
หลังจากที่ออกมาจากบ้านของคุณเอลลิส ฉันก็ถูกนำทางพามาที่บ้านเดี่ยวหลังนึง
มีไม้วางกองอยู่รอบๆ แล้วถึงที่นั่นจะเป็นสถานที่ที่ดูเหมือนโรงงาน แต่ก็ไม่มีป้ายแปะบอกเลย
ดีจัง นี่ถ้าไม่มีคนนำทางให้ ฉันคงมองที่นี่ยากไม่น้อยแน่เลย
“เกเบิร์ก อยู่มั้ย?”
พอเห็นคุณเอลลิสเดินอาดๆ เข้าไปในบ้านนั้นเลย ฉันก็เดินตามเธอไปอย่างไม่ลังเล
“อะไรล่ะ เอลลิส สั่งของเรอะ? ฮึ? เด็กสาวข้างหลังนั่น เพิ่งเคยเจอเป็นครั้งเลยไม่ใช่เรอะนั่นน่ะ?”
คุณลุงดูอาวุโสคนนึงเดินออกมาจากข้างหลังร้าน
นอกนั้น ฉันก็ไม่ได้รู้สึกถึงความอาวุโสอะไรออกมาจากการเคลื่อนไหวที่ดูมีชีวิตชีวาของเขาเลย
ทั้งสายตาที่ดูแหลมคม ทั้งสีหน้าที่ดูเข้มงวด เขาดูเหมือนช่างไม้หัวแข็ง สำหรับคนอย่างฉันที่สื่อสารไม่เก่งเอามากๆ แล้ว ฉันรู้สึกกลัวหน่อยๆ ที่ต้องพูดคุยกับเขาคนเดียวเลยนะ
“เด็กคนนี้คือซาราสะจัง เพิ่งย้ายมาใหม่น่ะ แถมยังเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุด้วยน้า!”
“โอ้ ร้านนั้นน่ะเหรอ? แบบนั้นก็ช่วยได้เยอะเลย อยากให้ซ่อมบ้านเรอะ?”
“อะ เปล่าค่ะ ไว้จะขอให้ช่วยเรื่องนั้นทีหลังนะคะ แต่วันนี้ ฉันอยากได้เฟอร์นิเจอร์ก่อนค่ะ”
ของชิ้นเดียวที่จำเป็นมากเลยก็คือเตียงนี่แหละ
ถ้าคิดเรื่องนอนค้างนอกบ้านเนี่ย จะนอนที่พื้นก็ไม่เป็นไรหรอก แต่พอจะทำแบบนั้นในบ้านของตัวเองนี่ มันน่าเศร้านะ
ฉันก็อยากได้โต๊ะกับเก้าอี้ด้วยล่ะนะ แต่พอคิดถึงเรื่องเงินที่ฉันมีอยู่แล้วนี่ ฉันว่าฉันเอาเรื่องพวกนั้นไว้ก่อนดีกว่ามั้ง?
“ฉันขอสั่งเตียงหน่อยได้หรือเปล่าคะ? ขอเร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้เลยค่ะ ฉันขอแค่ทำสำเร็จก็พอ ไม่มีรายละเอียดอย่างอื่นแล้วค่ะ”
“อึม มีปัญหากับการนอนงั้นเหรอ ถ้างั้น ราคาก็―――”
ตอนที่นิ่งคิดไปแวบนึง คุณเอลลิสก็ตบหลังคุณเกเบิร์กดังป้าบจนเขาอ้าปากออกมาเลย
“พูดเรื่องอะไรเนี่ย! ตาลุงนี่! เด็กสาวน่ารักอุตส่าห์ย้ายเข้ามา! แถมยังเป็นท่านนักเล่นแร่แปรธาตุอีกนะ! ทำไมไม่ให้เตียงเธอซักหลัง สองหลังเป็นของขวัญต้อนรับขึ้นบ้านใหม่ซักหน่อยเล่า!”
“อะ ไม่ต้องก็ได้นะคะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ตามที่เหมาะสม-…?”
“แต่ว่านะ ซาราสะจัง จะเป็นมือใหม่หรือเปล่าก็เถอะ แค่มาที่ชนบทห่างไกลแบบนี้ก็พอแล้วจ้ะ เธอเองก็ไม่ได้มีเงินมากขนาดนั้นใช่มั้ย?”
“อูว…”
“อีกอย่าง บ้านหลังนั้นก็ยังไม่มีเครื่องเรือนอะไรเลยใช่มั้ยล่ะ?”
“…จริงสิ ของในบ้านหลังนั้น ตอนที่เจ้าหนูคิริคตั้งบ้านหลังใหม่ก็ขนออกไปแล้วนี่นา ดีล่ะ เข้าใจแล้ว เดี๋ยวทำเตียงหลังนึงให้เธอฟรีเลย”
“เอ๋!? คือ จะดีเหรอคะ?”
“อย่างที่เอลลิสว่านั่นแหละ ถ้าฉันให้ของขวัญขึ้นบ้านใหม่กับเด็กที่ตัวเล็กกว่าหลานของตัวเองยังไม่ได้ ฉันก็ไม่ใช่ผู้ชายแล้วล่ะ”
“ข- ขอบคุณนะคะ!”
ว่าตามตรง เรื่องนี้ช่วยฉันได้มากเลย เพราะเงินที่มีมาจากเมืองหลวงก็มีไม่พอเท่าไหร่แล้วด้วย
คุณลุงหน้าตาน่ากลัว ถูกแทนที่ด้วยคุณลุงท่าทางใจดี ที่หัวเราะจนแก้มยกขึ้นแล้ว ฉันก็พูดขอบคุณพร้อมโค้งให้ด้วย
หลังจากออกมาจากร้านของคุณเกเบิร์ก ฉันก็ถูกพามาที่ร้านของคุณจิสด์ที่เป็นช่างตีเหล็กต่อ
เพราะเรื่องงบที่ฉันมี นี่ก็เลยเป็นการพบหน้ากันเฉยๆ
“ถ้าพูดถึงร้านขายของในหมู่บ้านนี้ล่ะก็ ร้านขายของชำนี้ก็เป็นร้านเดียวที่เรามีนี่แหละ ผัวเมียคู่นึงเขาเปิดร้านนี้เอาไว้ แต่ส่วนใหญ่ พวกนั้นก็จะออกไปหาซื้อของกัน ตัวลูกสาวอย่างโลเรียก็เลยมักจะเป็นคนคอยดูแลร้านล่ะนะ”
ตึกใหญ่ตรงหน้าเรานี่ ใหญ่กว่าบ้านเดี่ยวหลังอื่นๆ ประมาณ 2 เท่าได้
ฉันเดาว่าส่วนพื้นที่ที่อยู่อาศัยน่าจะใหญ่เท่าๆ กับบ้านหลังอื่นๆ ละมั้ง งั้นนี่แสดงว่าพื้นที่หน้าร้านใหญ่เท่าๆ กับขนาดของบ้านหลังนึงเลยงั้นเหรอ?
ร้านของฉันมันใหญ่ ถึงรวมพื้นที่หน้าร้านไปแล้ว ก็ยังแค่เท่าๆ กับบ้านเดี่ยวปกติๆ อยู่เลย แพ้เหรอเนี่ย…
“สวัสดีค่า~”
ที่นี่ต่างจากที่ของคุณเกเบิร์ก เพราะมีป้ายบอกชัดเจนเลย จะหาที่นี่ก็ง่ายกว่าอยู่นิดนึง
พอมองตามคุณเอลลิสที่รีบเข้าไปในร้านอีกแล้ว ฉันก็เดินตามเข้าไปพร้อมพูดทักทาย คนที่ออกมารับก็เป็นเด็กผู้หญิงที่น่าจะอยู่ในวัยใกล้ๆ กับฉัน ไม่ก็เด็กกว่านิดหน่อย
เธอมีผมสั้น สีหน้าร่าเริง แล้วก็ยิ้มได้น่ารักมากๆ เลย
“ยินดีต้อนรับค่า~ อะ คุณเอลลิส สวัสดีค่ะ! มาซื้ออะไรเหรอคะ?”
“เปล่าหรอก มานำทางให้เด็กคนนี้น่ะ”
“ฉันชื่อซาราสะค่ะ ฉันจะเปิดร้านเล่นแร่แล้ว เพราะงั้น จากนี้ไปก็ขอฝากตัวด้วยนะคะ”
พอคุณเอลลิสผลักฉันขึ้นมา ฉันก็ก้าวออกมา แล้วก็แนะนำตัว
“อะ ค่ะ! โลเรียค่ะ ฝากตัวด้วยนะคะ! …โห! เด็กในเมืองนี่นา”
“เอ๊ะ? เด็กในเมือง?”
นี่ฉันอยู่ที่ไหนนะ?
เทียบกับคนอื่นๆ ที่อยู่รอบๆ ฉันแล้ว ฉันก็เป็นเด็กในเมืองงั้นเหรอ?
ฉันยุ่งอยู่แต่เรื่องเรียน ก็เลยไม่มีเวลาหรือเงินไปแต่งเนื้อแต่งตัวเลยนะ
“อะ เปล่าค่ะ คือ… เสื้อผ้า ท่าทาง ต่างจากเด็กๆ แถวๆ นี้เลยนี่คะ…?”
“งั้น เหรอคะ?”
ก็จริงอยู่นะที่กระโปรงนี้ พวกรุ่นพี่พาฉันไปซื้อที่ร้านในเมืองหลวงนั่นแหละ
บางที พวกรุ่นพี่อาจจะอดไม่ได้ นานๆ ก็เลยพาฉันไปซักทีนึงล่ะมั้ง
พวกรุ่นพี่ที่เป็นขุนนางเป็นรุ่นพี่ที่ดี และคิดถึงสถานการณ์ทางการเงินของฉันด้วย พวกเขาจะพาฉันไปร้านขายเสื้อผ้ามือ 2 ที่ไม่ค่อยได้เอามาใช้ด้วย
ท่าทางนี่… มันต่างจนดูออกได้เลยงั้นเหรอ?
“เปล่าค่ะ ก็! ที่หมู่บ้าน ก็จะเป็นของทำมือธรรมดาๆ ฉันก็เลยอยากจะใส่ของนู่นนี่เยอะแยะเลยค่ะ!”
“เอ๊ะ? แต่ฉันคิดว่าเสื้อผ้าของคุณโลเรียนี่ ถึงอยู่ในเมืองหลวงก็ไม่ได้ดูแปลกแยกนะคะ?”
หรือ อาจจะอยู่ในกลุ่มเสื้อผ้าทันสมัยเลยก็ได้
คนในเมืองหลวงที่มองว่า ‘จะใส่อะไรก็ได้’ อย่างฉันเองก็มีไม่น้อยเลยเหมือนกัน
“เมืองหลวง! เมือง! หลวง! สุดยอด! เมืองใหญ่เลย! นี่! นี่! ถ้าพอมีเวลา ช่วยเล่าให้ฉันฟังหน่อยนะคะ!”
“อ- อื้อ…”
ฉันพยักหน้าให้ พอรู้สึกถึงอารมณ์ที่เอ่อล้นออกมาพร้อมกับดวงตาที่เป็นประกายคู่นั้น
เมืองเหรอ… ไม่สิ เอาเถอะ ถ้าเทียบกับหมู่บ้านนี้แล้ว ก็คงเป็นแบบนี้ล่ะมั้ง แต่ทำไมถึงชื่นชมมากขนาดนี้กันนะ?
แม้แต่ในเมืองหลวง คนยากคนจนก็จนจริงๆ ต้องสวมผ้าขี้ริ้วแทนเสื้อผ้าเลย หลายๆ ที่เองก็ไม่ได้สวยงามอะไร แค่การพูดแบบนั้นมันจะดีหรือเปล่านะ?
“เอาล่ะๆ โลเรีย ทำงานได้แล้วนะ ที่ซาราสะจังมาที่นี่ ก็จะมาซื้อของนะ”
“อ- อือ จริงสินะคะ! อยากได้ของจำเป็นอะไรเหรอคะ? ฉันจะลดราคาให้เต็มที่เลยค่ะ! …ภายในขอบเขตที่จำกัดนะคะ”
“เออ คือ แบบนั้นจะดีเหรอคะ?”
“อือ ฉันอาจจะลดให้ไม่ได้ขนาดนั้น แต่ถ้าให้ของแถมบ้างซักหน่อยก็ได้อยู่นะคะ?”
“ขอบคุณนะคะ งั้น ฉันอยากได้ถังน้ำ, ฟูกที่นอน แล้วก็ของจิปาถะอีกนิดหน่อย ได้หรือเปล่าคะ?
“ถังน้ำอยู่แถวๆ นั้นเลยค่ะ ถ้าเป็นถังไม้ก็จะถูกกว่าหน่อยนะคะ”
พอฉันมองตามนิ้วที่ชี้ไป ก็มีถังขนาดประมาณแขนโอบอยู่หลายแบบ
มีของที่ทำมาจากแผ่นโลหะ แล้วก็ของที่ทำมาจากไม้
ถ้าคุณเกเบิร์กหรือคุณจิสด์เป็นคำทำแล้ว ฉันคงไม่ต้องห่วงเรื่องแขนของตัวเองจะยกไม่ไหวสินะ
“ฟูกนี่ไม่มีนะคะ เป็นของที่ต้องสั่งทำ… แต่ถึงยังงั้น พวกคุณป้าในละแวกนี้ก็ทำกันเองเลย เพราะงั้น ถ้าคุณทำได้ คุณก็อาจจะอยากทำเองเลยก็ได้นะคะ ที่นี่มีวัตถุดิบขายให้ค่ะ”
ยังงี้เอง ถ้าเป็นหมู่บ้านแบบนี้ ปกติเราก็จะทำของเองเลยงั้นเหรอ?
ถ้าแบบนั้น ฉันเองก็ทำได้เหมือนกันนะ
ตอนที่ฉันย้ายไปอยู่ที่หอพักโรงเรียน ฉันก็ทำฟูกรองนอนกับคุณครูที่บ้านเด็กกำพร้าอยู่
ถึงฉันจะเคยทำฟูกมาแค่ครั้งเดียว แต่ฉันก็เก่งเรื่องเย็บปักถักร้อยอยู่นะ บางที ฉันอาจจะทำเองเลยก็ได้ล่ะมั้ง?
รู้ใช่มั้ยว่าทำไม? เพราะว่า ฉันสามารถซ่อมมันได้ แล้วก็ใช้มันจนถึงซ้ำๆ จนถึงขีดจำกัดได้เลย
“ทีนี้ก็ได้ของจิปาถะแล้ว―――งั้นก็อาหารประจำสินะคะ? มีอาหารถนอมสำหรับนักเก็บสะสมอยู่ แต่นอกเหนือจากนั้น ก็อาจจะเป็นธัญพืชนะคะ? ฉันช่วยติดต่อคนที่ผลิตได้โดยตรง จะให้ฉันช่วยเป็นคนกลางก็ได้นะคะ แต่…”
“อา เดี๋ยวชั้นช่วยเรื่องนั้นก็ได้นะ ซาราสะจังก็อยู่ในหมู่บ้านนี้เหมือนกัน ได้เจอหน้าพบปะกับเธอบ่อยๆ ก็ดีกว่าใช่มั้ยล่ะ?”
อา พื้นที่นี้อยู่ในเขตชนบทจริงๆ นั่นแหละ
ในเมืองหลวง อาหารซื้อได้ตามร้าน แล้วก็ไม่มีช่องทางติดต่อโดยตรงกับผู้ผลิต
พอฉันถามว่าทำไมไม่มีอยู่ที่ร้าน ก็ได้คำตอบมาว่าถ้าไถเกี่ยวมาเลย ก๋ไม่รู้ว่าจะขายออกหรือเปล่า จะทิ้งไว้ในไร่ก็ไม่ได้ด้วย
ดูเหมือนว่าถ้าติดต่อขอไป ก็จะเก็บเกี่ยวแค่ปริมาณเท่าที่จำเป็น แล้วก็แบ่งขายให้เท่านั้น
“นั่นสินะคะ ไว้ถ้ามีเวลาแล้ว ก็ขอฝากด้วยนะคะ”
ตอนนี้ ฉันยังทำอาหารไม่ได้ด้วย
ฉันขอให้เธอเอาของอีกหลายๆ อย่างมาให้ฉันดู ท้ายที่สุด ฉันก็ซื้อกาละมัง, ถังไม้, ผ้ากับนุ่นสำหรับทำฟูก แล้วก็อุปกรณ์บนโต๊ะอาหารอีกนิดหน่อย
แต่จะให้ถือไปด้วยเดินไปเดินมาก็คงลำบาก ฉันก็เลยฝากเอาไว้ที่ร้านก่อน แล้วเดี๋ยวค่อยแวะมาเอาตอนขากลับไปที่บ้านอีกทีนึง
“ดีล่ะ แบบนี้ก็ไม่เป็นไรแล้วค่ะ”
“ก็! ถ้าลืมอะไรก็แวะมาได้เสมอเลยนะคะ! ถ้าไม่ใช่กลางดึก ฉันสะดวกตลอดเลยค่ะ!”
โห สมกับเป็นในชนบทเลยแฮะ
ถ้าเป็นในเมืองหลวงเนี่ย คงไม่มีการติดต่อภายหลังหรอกมั้ง?
“ขอบคุณนะคะ ไว้ถ้ามีปัญหาอะไรก็ขอฝากด้วยนะคะ”
TN: โลเรียจัง น่าร้า~ก ^^