คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า 408 ลูกวัวแรกเกิดไม่กลัวเสือ

ตอนที่ 408 ลูกวัวแรกเกิดไม่กลัวเสือ

ตอนที่ 408 ลูกวัวแรกเกิดไม่กลัวเสือ

แน่นอนว่ามีวิธีรักษาได้

ฉินหลิวซีรู้อยู่แก่ใจ ทว่าไม่เอ่ยออกมา เอ่ย “อายุมากแล้ว อวัยวะภายในร่างกายเริ่มเสื่อมลง หากต้องรักษาแน่นอนว่ารักษาได้ ทว่าอาจใช้เวลานานสักเล็กน้อย กลับคืนสู่สภาพเดิมได้ค่อนข้างช้า สุดท้ายอาการโรคของท่านก็จะยืดออกไปอีก”

“ยืดออกไปอย่างนั้นหรือ” ตงหยางโหวเอ่ยขึ้น “ไม่ควรจะเป็นเช่นนั้น แข้งขานี้มันต้องมีความผิดปกติบางอย่าง ข้าเคยตามหมอทหารและหมอที่มีชื่อเสียงมารักษาแล้ว”

“เพราะเหตุใดจึงหนักขึ้นเรื่อยๆ เล่า จะเห็นได้ว่ารักษาไม่ถูกจุด” ฉินหลิวซียิ้ม เอ่ย “ขาทั้งสองข้างของท่านแม่ทัพอาวุโสนี้ เกิดจากสภาพอากาศและการไม่ระมัดระวังในการดูแลรักษาตัวเอง เกรงว่าเป็นเพราะสถานที่ที่ท่านอาศัยอยู่เป็นประจำนั้น เปียกชื้นมากใช่หรือไม่”

บ่าวรับใช้ชราอึกอักคล้ายกับจะเอ่ยสิ่งใด ทว่ากลับไม่ได้เอ่ยออกมา เพียงเหลือบมองไปยังตงหยางโหว

ตงหยางโหวที่เม้มริมฝีปาก เอ่ย “ข้าอยู่ที่ทะเลตงหยาง ใกล้กับทะเล ทำสงครามทางน้ำและฝึกกองทัพอยู่เป็นประจำ ต่อให้อยากดูแลรักษา แต่ก็ไม่มีวิธี”

เขากดไปที่ขา หลุบตาลง เอ่ย “หากข้ารักษาตัวเป็นอย่างดี คือการต้องคร้านที่จะฝึกกองทัพ ดังคำที่ว่าเป็นถึงแม่ทัพแล้วไร้ความสามารถ ก็อาจพาลส่งผลไปทั่วทั้งกองทัพ ในเมื่อเจ้าเรียกข้าว่าท่านแม่ทัพอาวุโส ก็คงจะเข้าใจความรับผิดชอบที่ข้าต้องแบกรับ หากข้าเอาแต่นอนรักษา ทหารนายนี้ก็คงไร้ค่า ยามที่โจรสลัดรุกรานเข้ามาทางน้ำ แล้วไม่สามารถต่อสู้เอาชนะพวกมันได้ ชาวบ้านต่างหากที่จะเป็นผู้ได้รับความหายนะนั้น”

เมื่อผู้คนที่อยู่ตรงนั้นได้ฟังแล้ว พลันลุกขึ้นแสดงความเคารพเลื่อมใสศรัทธาอย่างสุดซึ้งในทันที

ตอนนี้ที่โลกสงบสุขลงได้ หรือว่าที่พวกเขากลายเป็นคนอ่อนแอไร้กำลังเช่นนี้ เพราะอาศัยแม่ทัพและกองทัพทหารเหล่านี้เป็นผู้ขวางกั้นอันตรายออกไปจากแนวหน้าของบ้านเมือง

เพราะพวกเขาแบกรับภาระอันหนักหน่วงไว้ พวกเราถึงได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข และอยู่อย่างสุขสบาย

“แม่ทัพอาวุโสช่างมีคุณธรรมสูงส่ง” ฉินหลิวซียืนขึ้นเอามือทั้งสองประสานกันยกขึ้นระดับหน้าอกและโค้งคำนับแบบเต๋าต่อหยางตงโหว เอ่ยต่อ “ถึงท่านแม่ทัพอาวุโสจะเอ่ยเช่นนี้ แต่ก็มีสองประการ ท่านต้องพักผ่อน ทุกวันก่อนพักผ่อน บำรุงร่างกายให้ดีๆ ก็พอแล้ว นอกจากนี้การดูแลรักษาสุขภาพ ไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ภายในชั่วข้ามคืน เป็นเรื่องของวันต่อวันสม่ำเสมอ เช่นเดียวกับเหล้าที่ไม่สามารถดื่มมากจนเกินไป ไม่อาจกินแต่เนื้อกินแต่ปลาไม่มีผักในทุกๆ มื้อ ทั้งหมดล้วนมีความสำคัญ หากไม่บำรุง สุดท้ายมันก็ไร้ประโยชน์ไปเท่านั้น”

“กลับมาที่เรื่องแข้งขาของท่าน ในเมื่อท่านต้องฝึกกองทัพทางน้ำ อยู่กับน้ำตลอดทั้งวัน ทำให้น้ำ อากาศ และความเย็นบุกเข้ามาในเส้นลมปราณ แต่ท่านกลับไม่สนใจที่จะบำรุงหรือเสริมส่วนของต้นตอสาเหตุ นี่จะยิ่งกลายเป็นเรื่องร้าย และอีกประการที่สอง ที่ท่านไปหาหมอชื่อเสียงโด่งดังมานับครั้งไม่ถ้วน แต่กลับไม่มีวิธีรักษาได้ มาคิดๆ ดูแล้วการสั่งยาตามอาการนั้น เกรงว่าคงใช้ตำรับยากระจายลมเป็นหลักหรือไม่”

ตงหยางโหวลมหายใจถี่ขึ้น พยักหน้า “เป็นเช่นนั้นจริงๆ ”

“เมื่อครู่นี้ข้าจะใช้ตำรับยากระจายลมก่อน วิธีนี้ใช้ไม่ได้หรอกหรือ” หมออาวุโสท่านหนึ่งที่แซ่หลิวเอ่ยขึ้นด้วยความไม่เข้าใจ “เพียงกำจัดลมร้าย อาการนี้ก็หายไปแล้วไม่ใช่หรือ”

สายตาทุกคนมองไปยังฉินหลิวซีอย่างเป็นประกาย

ฉินหลิวซีเอ่ย “เช่นนั้นข้าขอถามพวกท่าน การใช้ตำรับยาลมซ้ำๆ ลมร้ายนี้กระจายหายไป แล้วพลังงานเดิมจะได้รับความเสียหายหรือไม่”

“เอ่อ…”

“เกิดความเสียหายแน่นอน การใช้ตำรับยาลมบ่อยๆ พลังงานเดิมของร่างกายได้รับความเสียหาย จะต้องเสริมรากฐานและสร้างพลังเดิมของร่างกายถึงจะเป็นหลักการที่ถูกต้อง” หมอเหมาที่กำลังลูบเคราเอ่ย “พลังงานเดิมในร่างกายกับสารจิงและเลือดเท่ากันทุกคน หากพลังงานเดิมของร่างกายเสียหาย หรือสารจิงและเลือดเสียหาย แสดงว่าการใช้ตำรายาลมไม่มีผล”

ฉินหลิวซียิ้มและยกนิ้วโป้งให้ “ท่านหมอเหมาเยี่ยมยอดยิ่งนัก”

หมอเหมาส่ายหน้า ยิ้มฝืดเฝื่อน “หากไม่ใช่เพราะท่านเอ่ยทักท้วงขึ้นมา ข้าคงไม่อาจนึกได้ มิน่าตอนที่ข้าจับชีพจรของท่านแม่ทัพอาวุโส ถึงได้มีเลือดพร่องติดขัด เพียงคิดเป็นเหตุของอาการเหน็บชา ทว่าคิดไม่ถึงว่าจะมีเรื่องอย่างที่กล่าวมา”

“หนึ่งไม่บำรุงร่างกายอย่างถูกต้อง และสองไม่เสริมพลังงานของร่างกาย แม้ท่านจะเป็นคนที่แข็งแกร่ง ยังต้องถูกสายลมของน้ำค้างกัดเซาะอยู่ดี” ฉินหลิวซีเอ่ย “ฉะนั้นที่ข้ากล่าวมาอาการป่วยของท่านแม่ทัพอาวุโสนั้นร้ายแรงมาก ซึ่งท่านเป็นผู้ก่อมันขึ้นมาเอง บ่าวรับใช้ก็มิได้ใส่ใจนัก”

บ่าวรับใช้ชราใบหน้าเต็มไปด้วยความละอายแก่ใจ

คนของตงหยางโหวที่เห็นแววตาของฉินหลิวซีทั้งหมดต่างนับถือ ช่างเป็นลูกวัวที่ไม่กลัวเสือเสียจริงๆ กล้าเอ่ยว่าท่านโหวอาวุโสเป็นคนก่อมันขึ้นมา ท่านเป็นคนแรก

หากชายชราจะโกรธขึ้นมา คอลูกเจี๊ยบเล็กๆ ของท่านคงไม่พอให้บีบ

ทว่าตงหยางโหวกลับไม่โกรธ ตรงกันข้ามเขากลับดูผ่อนคลายและสบายใจ หัวเราะเสียงดัง เอ่ย “ที่เจ้าด่ามาก็ถูก เช่นนั้นเจ้าบอกมาว่าข้าต้องรักษาอย่างไร”

ด่าอะไรกัน อีกฝ่ายเพียงบอกกับตัวเองว่าอาการป่วยนี้ฟังดูดีมีเหตุผล เข้าใจอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง ในใจของเขาจึงสงบลงมาก อย่างน้อยก็รู้แล้วว่าอาการป่วยนี้เกิดจากอะไรไม่ใช่หรือ

“รักษาหรือ ข้าจะใช้วิธีการฝังเข็มเชาซานหั่วปัดเป่าความเย็นและล้างพิษให้กับท่าน…”

“เชาซานหั่ว” หมอเหมาพลันตัวสั่น เอ่ยขึ้นอย่างรีบร้อน “เจ้าอาวาสน้อย ไม่ทราบว่าข้าและคนอื่นๆ สามารถดูอยู่ข้างๆ ได้หรือไม่”

ทันทีที่เขาเอ่ยออกไป พลันรู้สึกว่าเหมือนตนนั้นจะขอมากไป ถึงอย่างไรการลงเข็มเช่นนี้ก็ให้ความสำคัญกับการถ่ายทอด อีกทั้งตนนั้นไม่ใช่ลูกศิษย์ของนาง ช่างหน้าไม่อายนัก

ทว่าฉินหลิวซีกลับเอ่ย “แน่นอนว่าย่อมได้ นี่ก็ไม่ใช่ความลับอะไร พวกท่านอยากดูก็ดูเถิด”

เหล่าหมอก็พลันฮึกเหิมขึ้นมาในทันที

ตงหยางโหวค่อนข้างประหลาดใจ ถามขึ้น “เจ้าอาวาสน้อยไม่ได้ปิดบังเลยหรือ หมอเลื่องชื่อบางคนจะไม่สอนการฝังเข็มตามอำเภอใจนี่”

“นั่นคงเป็นเหตุผลที่ข้ายังไม่ได้เป็นหมอเลื่องชื่อละมั้ง” ฉินหลิวซีกะพริบตาด้วยความปลิ้นปล้อน เอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ข้าเป็นคนของลัทธิเต๋า ด้วยแนวคิดศีลธรรมในด้านการแพทย์ที่กว้างขวาง วิธีการฝังเข็ม ไม่มีอะไรที่ไม่สามารถส่งต่อได้ ยิ่งมีคนมีคนเรียนรู้ได้มาเท่าไร ก็จะยิ่งช่วยเหลือคนได้มากขึ้นเท่านั้น ล้วนแต่เป็นบุญกุศลและความดีอันใหญ่หลวง ข้าได้กำไร”

ตงหยางโหวและคนของเขา ขณะนี้เริ่มรู้สึกหน้าร้อนขึ้นมาแล้ว โดยเฉพาะไอ้แม่ทัพหนุ่มที่ตำหนิฉินหลิวซีตั้งแต่ตอนแรก

พวกเขาเสียสละมากเพียงใด

แม้แต่หมอหลายคนก็ดูเหมือนจะกระจ่างขึ้น

“นอกจากการฝังเข็มเพื่อปัดเป่าความหนาวเย็นผ่านเส้นลมปราณแล้ว ดื่มน้ำแกงหวงฉีใส่อบเชยก็ช่วยให้ได้ผลลัพธ์อย่างน่ามหัศจรรย์ การแปะยาสี่แผ่นก็สามารถลดชาและไล่ลมได้” ฉินหลิวซีเอ่ยต่อจากสิ่งที่เพิ่งเอ่ยไป

“น้ำแกงหวงฉีมีประสิทธิภาพหลักๆ ในการรักษาอาการชาไร้ความรู้สึกได้ทั่วร่าง และขับลมในตับ รักษาอาการได้อย่างตรงจุด” หมอหวงที่อยู่ตรงนั้นเอ่ยขึ้น

บ่าวรับใช้ชราถามขึ้นอย่างรีบร้อน “เช่นนั้นเพียงสองอย่างก็รักษาหายแล้วใช่หรือไม่”

ตงหยางโหวก็ทำตาปริบๆ มองไปที่ฉินหลิวซี ดูเหมือนจะค่อนข้างง่าย ฉะนั้นเขาต้องเป็นคนฟื้นฟูตัวเองกลับมาจากอาการป่วยที่รุนแรงอย่างจริงจัง

“แน่นอนว่าไม่สามารถทำได้ ก่อนหน้านี้ข้าได้เอ่ยไปแล้ว พลังงานดั้งเดิมของร่างกายได้รับความเสียหาย เช่นเดียวกับที่หมอเหมากล่าว จะต้องเสริมรากฐานและสร้างพลังดังเดิมของร่างกาย ดังนั้นข้าจะสกัดยาเม็ดให้ท่าน และยังขาดยาบางอย่าง บำรุงรักษาร่างกายมากกว่าหนึ่งเดือน ก็จะหายเป็นปกติ”

ตงหยางโหวเมื่อได้ยินดังนี้ก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง

แม้แต่องครักษ์ข้างกายก็ถามขึ้นด้วยความรู้สึกตื่นเต้น “อย่างนั้นถ้าหายเป็นปกติแล้ว ท่านแม่ทัพอาวุโสก็ยังสามารถเป็นตัวแทนนำทัพและฝึกทัพต่อไปได้อยู่ใช่หรือไม่”

“เมื่อหายเป็นปกติแล้วก็สามารถทำได้แน่นอน ไม่เช่นนั้นจะเรียกว่าหายได้อย่างไร” ฉินหลิวซีเหลือบมองเขาครู่หนึ่ง เอ่ย “แต่ว่าหากหายเป็นปกติแล้ว ก็ไม่สามารถประมาทได้เช่นเมื่อก่อน จริงๆ แล้วอายุของท่านเองก็ประมาณหนึ่งแล้ว คนแก่ควรบำรุงร่างกายก็ควรบำรุงไป หากบำรุงดีแล้วเราสามารถอยู่ได้นานขึ้น เรื่องอื่นไม่ต้องเอ่ยถึงเลย หากท่านยังคิดว่าท่านเหมือนเมื่อก่อน เหมือนกับเด็กหนุ่มเช่นนั้น ก็ไม่ต้องสนใจแล้ว ทันทีที่อาการของโรคนี้กำเริบอาจนำไปสู่โรคหลอดเลือดสมอง หากอาการไม่รุนแรงก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าหากรุนแรงก็อาจถึงแก่ชีวิตได้เช่นกัน”

ตงหยางโหวหัวเราะเหอะๆ “แค่รักษาหาย เจ้าบอกเช่นไรก็เช่นนั้น”

“อื้ม รอให้ท่านรักษาร่างกายให้ดีก่อน ข้าจะเขียนใบสั่งยาอาบสมุนไพรเพื่อปัดเป่าความหนาวเย็นของร่างกายให้ท่าน ถึงอย่างไรท่านก็อยู่ใกล้ทะเล ละอองน้ำรุนแรง ความเย็นชื้นก็รุนแรงเช่นกัน กินตามใบสั่งยาอย่างปลอดภัย…”ดวงตาของฉินหลิวซีหมุนไปมองหมอเหมา และเอ่ย “ไม่สิ ยาหย่างหรงที่ร้านยาตำหนักอายุวัฒนะ ท่านไปซื้อมากิน ก็ดีเช่นกัน”

บ่าวรับใช้ชราพลันดีใจ “นี่คงเป็นหมอจากร้านยาตำหนักอายุวัฒนะสินะ ยาหย่างหรงหาซื้อยากจะตายไป!”

หมอเหมาเอ่ยขึ้นอย่างลึกซึ้ง “สูตรยาที่เจ้าอาวาสน้อยคิดขึ้นมาเอง แน่นอนว่าต้องน่าซื้ออยู่แล้ว”

ถึงอย่างไรนางก็เป็นคนปรุงเอง ไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับนาง ขายได้ ก็ขายมันมากขึ้น พอขายหมดก็ให้นางปรุงใหม่

คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Score 10
Status: Completed
คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า นางคือปรมาจารย์ปู่ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น! รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาชีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่ง ฉินหลิวชี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเดำเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไป เบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู่ฉิว ผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงิน ปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิด เมื่อโชชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่นปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้ เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมรื่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัว เฮ้อ แม้ไม่หวังการก้วหน้าใดๆ แต่สรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเขียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้า เขาก็ดั้นดันเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า! "เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ" "ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ" "ไม่ป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง" "ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า" ฉีเซียนเอ่ย "ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป..." ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ "เดิมที่ท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน" "..."

Options

not work with dark mode
Reset