เด็กในร้านลอบกรอกตาบนเงียบๆ ท่านเองดูแล้วก็ไม่เหมือนคนเพิ่งอายุยี่สิบปีเลยนี่ คนจากแดนตะวันตกนี่หน้าแก่… “สรุปก็คือ เถ้าแก่ พระชายาอายุมากกว่าท่านเสียอีก ในเมืองหลีของพวกเรายังมีสตรีงดงามอีกมาก ท่านก็…” อย่าได้ไปเกี้ยวพาราสีพระชายาอีกเลย เดี๋ยวจะตายเอาเสีย! ต่อให้ท่านอ๋องไม่เอาท่านตาย ชาวบ้านเมืองหลีก็ได้ตีท่านตายอยู่ดี
ความรักที่เพิ่งก่อตัวขึ้นเป็นต้นเอ่อน ถูกเด็กในร้านที่ไม่รู้ชื่อบดขยี้ให้ตายลงตั้งแต่ยังไม่ทันได้เบ่งบาน แต่กระนั้นก็ไม่เสียแรงที่เกิดมาในชาติพันธุ์ที่เป็นกันเองและเปิดเผย ชายหนุ่มผมทองหงอยเหงาไปเพียงครู่ ก็กลับมาคึกคักมีชีวิตชีวาอีกครั้ง “หลี่ที่รัก เมื่อครู่ข้าเพิ่งได้พบผู้ปกครองสูงสุดของที่นี่หรือนี้ สวรรค์ ข้าถึงขั้นไม่ได้ทักทายเขาเลย ช่างเสียมารยาทเหลือเกิน รีบจัดเตรียมของขวัญเร็วเข้า ข้าจะไปเข้าเยี่ยมคารวะด้วยตนเอง…ได้ยินว่าท่านอ๋องของพวกเจ้าเป็นผู้ที่หลักแหลมยิ่งนัก ถึงแม้เมื่อครู่ข้าจะไม่ทันได้สังเกตเห็นเขา แต่คนที่คู่ควรกับพระชายาผู้งดงามนั้น ก็น่าจะเป็นท่านอ๋องที่ไม่เลวนัก เขาคงไม่รังเกียจที่จะทำการค้ากับข้า”
เขาเป็นบุตรชายคนรองของพ่อค้าผู้ร่ำรวยจากแคว้นหนึ่งทางตะวันตก ตามกฎตระกูลแล้วบุตรชายคนโตสามารถสืบทอดสมบัติแทบจะทั้งหมดของตระกูล ส่วนบุตรชายคนอื่นๆ จะได้รับเพียงสมบัติก้อนหนึ่ง ซึ่งไม่ถือว่ามากมาย แต่ก็เพียงพอที่จะกินใช้ไปตลอดชีวิตหรือไม่ก็เปิดกิจการได้แล้ว บุตรชายคนรองของตระกูลที่อายุยังน้อยผู้นี้เลยนำเงินก้อนนี้เดินทางรอนแรมมายังดินแดนตะวันออกที่ว่ากันว่าเต็มไปด้วยทองคำ ถึงแม้จะไม่ถึงขั้นเต็มไปด้วยทองคำ แต่เขาก็รู้สึกว่าตนจะหาเงินจำนวนมากได้จากที่นี่ และถึงขั้นสามารถสร้างกิจการที่ไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลเป็นของตนเองได้ เมื่อคิดถึงข้อนี้ ชายหนุ่มผมทองก็อดดีใจจนเนื้อเต้นขึ้นมาไม่ได้ “ช่างสมบูรณ์แบบจริงๆ ถึงแม้พระชายาผู้งดงามจะแต่งงานไปแล้ว แต่บางทีพระชายาอาจจะมีน้องสาวที่ยังไม่แต่งงานก็เป็นได้ หลี่ เจ้าพูดถูก ในเมืองนี้มีสตรีงดงามอยู่มากจริงๆ เมื่อวานข้ายังได้เห็นสตรีงดงามนางหนึ่งด้วย บางทีนางอาจยังไม่ได้แต่งงาน ทั้งยังยินดีที่จะรับความรักจากข้า”
เด็กในร้านที่แซ่หลี่ลอบกรอกตาบนเงียบๆ ก่อนหมุนตัวไปจัดเตรียมของขวัญ แต่กระนั้นเขาก็ยังนึกภาพออกว่า เจ้านายของเขาคงถูกตำหนักติ้งอ๋องไล่ตะเพิดออกมา และอาจถึงขั้นถูกประชาชนนเมืองหลีตีตายเพราะเที่ยวไปเกี้ยวพาสตรีของตระกูลผู้ดีเข้าเป็นแน่
เมื่อออกจากร้านค้านั้นแล้ว สีหน้าม่อซิวเหยายังคงดูย่ำแย่อยู่มาก เยี่ยหลีคล้องแขนเขา เหลือบตาขึ้นเอ่ยกลั้วหัวเราะอย่างเห็นขันว่า “คนผู้นั้นแค่ดูก็รู้แล้วว่าเพิ่งมาถึงจงหยวน ไม่รู้จักกฎระเบียบของจงหยวน ท่านจะโกรธเขาไปไย”
ม่อซิวเหยากัดฟันกรอด ข้าจะปิดร้านเขาเสีย แล้วไล่เขาออกจากเมืองหลี” คิดจะเกี้ยวอาหลีของเขาหรือ ข้าจะเอามันให้ตาย!
เยี่ยหลีส่ายหน้า “เขาไม่ได้คิดเช่นนั้น บางทีแคว้นของเขาอาจจะเป็นกันเช่นนี้” เยี่ยหลีมองออก ชายหนุ่มผู้นั้นไม่ได้มีจุดประสงค์ไม่ดีอะไร แค่เป็นเช่นเดียวกับชาติพันธุ์ทางฝั่งตะวันตกบางพื้นที่ ที่พอเห็นสตรีสวยๆ ก็จะเข้าไปแสดงท่าทีเป็นมิตรด้วยก็เท่านั้น หากมีโอกาสก็อาจได้สานสัมพันธ์ต่อไป อย่างมากก็เพียงแค่จิบชาด้วยเท่านั้น
ม่อซิวเหยาส่งเสียงหึเบาๆ เขาย่อมเห็นแววชื่นชนด้วยความบริสุทธิ์ใจในดวงตาของคนผู้นั้น แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้น เขาก็ยังไม่พอใจอยู่ดี
“เอาเถิด อย่าไปสนใจเขาอีกเลย ไม่ได้บอกว่าจะมาเดินเล่นซื้อของเป็นเพื่อนข้าหรือ เจ้าหน้าบูดบึ้งเช่นนี้จะเดินซื้อของได้อย่างไร” เยี่ยหลีเอ่ยพร้อมอมยิ้ม นานๆ ทีจะได้ออกมาเดินเล่นเป็นเพื่อนอาหลี ม่อซิวเหยาย่อมไม่อยากให้เสียบรรยากาศ จึงผลักเรื่องเมื่อครู่ออกไปจากหัวแล้วจูงมืออาหลีเดินเล่นไปท่ามกลางผู้คน
บนถนนเส้นที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดของเมืองหลี บนชั้นสองของโรงน้ำชาแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ริมถนน หน้าต่างที่เปิดออกกว้าง สามารถมองเห็นสภาพการณ์บนถนนได้เกือบทั้งหมด ด้านในหน้าต่าง หนุ่มสาวที่รูปลักษณ์ไม่ธรรมดานั่งอยู่ด้วยกันเป็นคู่ๆ ข้างกายเหรินฉีหนิงย่อมเป็นพระชายาเห่อหลันกับสนมอวิ๋น ส่วนเยียหลี่ว์เหยี่ยที่นั่งอยู่ตรงข้าม ข้างกายเขาคือชิงอีน่าที่ยังคงมีผ้าโปร่งปิดบังใบหน้าอยู่
แต่ไหนแต่ไรมา สตรีเป่ยจิ้งมักตรงไปตรงมาและเรียบร้อย พระชายาเห่อหลันจึงรู้สึกไม่ชอบใจกับการปิดบังใบหน้าและดวงตาเย็นชาของหลิ่วกุ้ยเฟยอย่างมาก นางเบ้ปากแดงระเรื่อพลางเอ่ยกลั้วหัวเราะว่า “องค์ชายเจ็ด สตรีเป่ยหรงของท่าน ไปเลียนแบบการประดิษฐ์กิริยาเยี่ยงสตรีจงหยวนมาตั้งแต่เมื่อใด” ระหว่างที่พูด ยังได้กวาดตามองไปยังสนมอวิ๋นที่นั่งอยู่อีกด้านของเหรินฉีหนิงด้วย เห็นได้ชัดว่าคำว่าประดิษฐ์นั้นตั้งใจพูดกับนาง แต่ต่อให้เป็นคนที่มีกิริยาประดิษฐ์อย่างสนมอวิ๋น นางก็ยังไม่ปิดบังใบหน้าด้วยผ้าโปร่งเช่นนี้
เมื่อถูกพระชายาเห่อหลันเหน็บแนม ในใจสนมอวิ๋นย่อมรู้สึกเดือดดาล แต่กับสตรีในชุดขาวที่นั่งอยู่ตรงข้ามนี้นางก็รู้สึกไม่พอใจเช่นกัน สตรีผู้นี้แค่ดูก็รู้ว่าเป็นคนจงหยวน มาอยู่กับองค์ชายเจ็ดแห่งเป่ยหรงแล้วยังต้องตั้งชื่ออย่างคนเป่ยหรงอีก หนำซ้ำยังปิดบังใบหน้าราวกับพบเจอผู้คนไม่ได้ แล้วยังกล้าใช้สายตาดูแคลนมองตนเช่นนี้ นางคิดว่านางเป็นใครกัน
“พี่หญิงพระชายาคงจะพูดผิดไป สตรีจงหยวนอย่างพวกเราถึงแม้จะไม่เปิดเผยตรงไปตรงมาอย่างสตรีเป่ยจิ้ง แต่อย่างไรก็ทำทุกอย่างอย่างถูกต้องเหมาะสม นอกจากสตรีที่ยังไม่ออกเรือนแล้ว ก็ไม่มีใครปิดบังหน้าตาหรอกเพคะ” หากเป็นสตรีที่ยังไม่ออกเรือน ก็ย่อมไม่ควรตามติดบุรุษไปไหนมาไหนเช่นนี้ ในเมื่อติดตามบุรุษไปไหนมาไหนแล้ว แล้วยังจะปิดบังใบหน้าไปเพื่อเหตุใด
หลิ่วกุ้ยเฟยพอถูกสตรีสองนางพูดจาเหน็บแนมอย่างไม่ไว้หน้าเช่นนี้ ดวงตาของนางก็ราวกับจับตัวกลายเป็นน้ำแข็ง “เป่ยจิ้งอ๋อง ในวังของท่านมีแต่สตรีเหล่านี้ที่ชอบเล่นน้ำลายหรือ หรือว่าม่อซิวเหยาสังหารสตรีที่พอเป็นหน้าเป็นตาของเป่ยจิ้งไปหมดแล้ว ถึงได้ต้องพาสตรีสองนางนี้ออกมาทำให้ขายหน้าเช่นนี้”
เมื่อพูดเช่นนี้ออกไป ไม่เพียงพระชายาเห่อหลันกับสนมอวิ๋นเท่านั้น แม้แต่เหรินฉีหนิงก็พลอยหน้าเปลี่ยนสีไปด้วย สายตาที่บึ้งตึงมองจ้องหลิ่วกุ้ยเฟยอยู่ครู่ใหญ่ แล้วถึงได้เอ่ยกับเยียหลี่ว์เหยี่ยเรียบๆ ว่า “พี่เยียหลี่ว์ คู่หมั้นของท่านท่านนี้ช่างน่าสนใจ…”
ครานี้กลายเป็นหลิ่วกุ้ยเฟยบ้างที่สีหน้าย่ำแย่ เช่นเดียวกับการที่นางดูแคลนไม่ยอมลดตัวลงไปต่อปากต่อคำกับพระชายาเห่อหลันและสนมอวิ๋น โดยการหันไปพูดกับเหรินฉีหนิงแทน เหรินฉีหนีก็เมินเฉยต่อนางแล้วไปพูดกับเยี่ยหลี่ว์เหยี่ยโดยตรงเช่นกัน ซึ่งก็เป็นการแสดงท่าทีให้เห็นว่าเขาไม่นึกคิดเล็กคิดน้อยกับสตรี
เยียหลี่ว์เหยี่ยลอบมองหลิ่วกุ้ยเฟยด้วยสายตาตักเตือนทีหนึ่ง หลิ่วกุ้ยเฟยถึงแม้จะยังโกรธแต่กลับทำได้เพียงข่มโทสะเอาไว้เงียบๆ เท่านั้น
พระชายาเห่อหลันเหลือบมองเยียหลี่ว์เหยี่ย ก่อนจะหันมองหลิ่วกุ้ยเฟยอีกครั้ง แล้วจึงเอ่ยกลั้วหัวเราะว่า “ข้าสู้พี่หญิงไม่ได้ก็จริง แต่อย่างไรก็ยังพอพบหน้าผู้คนได้กระมัง องค์ชายเจ็ด เป่ยจิ้งของพวกเรายังมีสตรีที่เหมาะแก่การเป็นภรรยาอยู่อีกมาก สตรีของท่านผู้นี้ไม่เห็นดีเลย”
ในยามนี้สนมอวิ๋นไม่สนใจจะทะเลาะเบาะแว้งกับพระชายาเห่อหลันแล้วเช่นกัน นางเอ่ยถามอย่างมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่นว่า “ตรงใดที่ไม่ดีกัน ข้าว่าแม่นางผู้นี้ออกจะงดงาม”
“อายุมากเกินไป สตรีของเป่ยจิ้งอายุเท่านี้ต่างก็เป็นท่านย่ากันแล้วทั้งนั้น” พระชายาเห่อหลันเอ่ยขึ้นอย่างไม่เกรงใจ อายุในการออกเรือนของสตรีเป่ยจิ้งนั้นน้อยกว่าสตรีจงหยวน อายุอานามอย่างหลิ่วกุ้ยเฟยนี้ ก็เป็นท่านย่าท่านยายกันแล้วไม่น้อยจริงๆ ต่อให้หลิ่วกุ้ยเฟยจะงดงามตราตรึงใจเพียงใด แต่ร่องรอยแห่งวัยบางอย่างกลับปิดอย่างไรก็ปิดไม่มิด