บทที่ 314 ถูกเตะจนนั่งบนหัวหมู
บทที่ 314 ถูกเตะจนนั่งบนหัวหมู
เมื่อเจอเขาอย่างกะทันหันแบบนี้ เซี่ยชิงหยวนก็ไม่มีเวลาคิดอย่างถี่ถ้วน ด้วยความคิดที่ไม่อยากให้เกิดปัญหา เธอจึงหันหลังกลับและพยายามหลบไปด้านข้างทันที
แต่ทันใดนั้น คนขายเนื้อก็ตะโกนบอกเธอว่า “คุณต้องการซื้อตัวเดียวอันเดียวของวัวด้วยไหม? ตัวเดียวอันเดียวของฉันอร่อยมากเลยนะ”
เจ้าของร้านข้าง ๆ ก็ตะโกนว่า “ตัวเดียวอันเดียวของฉันยาวกว่า ถ้าคุณซื้อสองอันฉันลดให้คุณได้อีกนะ”
ตลาดสดมีเสียงดังอยู่แล้ว และคนขายเนื้อก็คุ้นเคยกับการพูดเสียงดัง ดังนั้นจึงไม่มีใครคิดว่ามันเป็นเรื่องใหญ่
ขืนกระซิบลูกค้าคงไม่ได้ยินกันพอดี
เซี่ยชิงหยวนซึ่งตื่นตระหนกอยู่แล้วก็สะดุ้งทันทีกับสิ่งที่พวกคนขายเนื้อตะโกน เธอมองไปและเห็นว่าสิ่งที่ใกล้ตัวมากที่สุดตอนนี้คือตัวเดียวอันเดียว!
เจ้าของร้านทั้งสองจงใจชูตัวเดียวอันเดียวมารวมกันราวกับเป็นการแข่งขัน
อาการหน้าแดงพุ่งขึ้นมาบนใบหน้าของเซี่ยชิงหยวนทันที และก่อนที่เธอจะปฏิเสธ ฉีจิ่นจือก็หยุดชั่วคราวในขณะที่กำลังจะเดินผ่านเธอ
ขณะนี้ดูเหมือนเวลาจะเดินช้าลง ดวงตาของฉีจิ่นจือจ้องมองไปยังใบหน้าด้านข้างของเซี่ยชิงหยวน จากนั้นจึงเลื่อนลงไปที่…ตัวเดียวอันเดียววัวที่ถูกชูขึ้นใกล้หน้าเธอ
ดวงตาอันเร่าร้อนสีดอกพีชของเขาหรี่ลง และมองไปที่เซี่ยชิงหยวนอย่างมีความหมาย
หญิงสาวรู้สึกได้ถึงการจ้องมองที่อยู่ข้างหลังราวกับหนามที่ตำหลังตัวเองอยู่ ตอนนี้เธอก้มศีรษะลงจนเกือบถึงหน้าอกอยู่แล้ว
เธอกำมือแน่นอธิษฐานในใจ ขอให้ฉีจิ่นจือจากไปโดยเร็ว
โชคดีที่ฉีจิ่นจือไม่ได้อยู่นานเกินไป และก้าวเท้าอีกครั้งโดยวางแผนที่จะจากไปเช่นกัน
แต่ในขณะเดียวกัน ชายคนหนึ่งพร้อมรถเข็นที่เต็มไปด้วยเนื้อกำลังพุ่งมาทางนี้
เขาเอาแต่ตะโกนบอกทุกคนให้ออกไปให้พ้นทาง แต่ความเร็วของเขาไม่ได้ลดลงเลย
หมูที่ถูกเชือดวางอยู่บนรถเข็นเล็ก ๆ นั้น ขนาดรถเข็นที่ไม่กว้างพอ ขาของหมูบางส่วนจึงห้อยออกมาจากรถเข็น ทำให้บางคนที่ไม่มีเวลาหลบโดนมัน
ฉีจิ่นจือพากลุ่มคนของเขาหลบออกไปอย่างรวดเร็ว
แต่เมื่อชายเข็นรถเข็นคนนั้นอยู่ห่างจากพวกเขาเพียงหนึ่งหรือสองเมตร เท้าของเขาก็ลื่น รถเข็นเริ่มไม่มั่นคงและหันไปทางกลุ่มของเซี่ยชิงหยวน
เซี่ยชิงหยวนสังเกตเห็นสถานการณ์นี้ เลยรีบดึงหลินตงซิ่วและป้าอู๋หลบอย่างรวดเร็ว
แต่ด้วยวิธีนี้ทำให้ช้ากว่าคนอื่นครึ่งก้าว ตอนนี้เธอกำลังจะโดนรถเข็นบรรทุกหมูที่อยู่ข้างหลังชนแล้ว
ทันใดนั้น เซี่ยชิงหยวนที่เห็นว่าจวนตัวแล้วจึงยกเท้าขึ้นเพื่อจะเตะรถเข็นที่เสียการควบคุมออกไป
ท่ามกลางสถานการณ์ที่คับขัน ฉีจิ่นจือผู้ซึ่งหลบไปแล้วเห็นเหตุการณ์นี้จึงรีบก้าวมาข้างหน้าเพื่อกันตัวเซี่ยชิงหยวนจากรถเข็น
เซี่ยชิงหยวนถอยเท้าของตัวเองกลับไม่ทัน เท้าของเธอจึงเตะไปอย่างแม่นยำ…ที่หว่างขาของฉีจิ่นจือ
จากแรงเตะของเซี่ยชิงหยวน ฉีจิ่นจือก็ล้มลงไปนั่งลงบนหัวหมูบนรถเข็นอย่างไม่อาจควบคุมได้
เซี่ยชิงหยวน “…”
ฉีจิ่นจือ “…”
คนอื่น ๆ “!”
เซี่ยชิงหยวนตกใจมากจนรีบถอยขากลับ
ส่วนตอนนี้ ฉีจิ่นจือมีสีหน้าที่ไม่อาจอธิบายได้
เขาต้องการที่จะเอื้อมมือออกไปโดยไม่รู้ตัว และปกปิดจุดที่เซี่ยชิงหยวนเตะเมื่อครู่
พอคิดว่ามีคนอยู่มากมาย เขาก็ทำได้เพียงกัดฟันและลุกขึ้นยืนอย่างเข้มแข็งเท่านั้น
แต่หลังจากที่เขายืนตัวตรง ขาของเขาก็บีบเข้าหากันโดยไม่รู้ตัว
ตอนนี้ใบหน้าของเซี่ยชิงหยวนแดงไปจนถึงลำคอแล้ว
ซึ่งหลังจากหน้าแดงไม่นานหน้าของเธอก็เริ่มซีดขาว
ซวยแล้วไง!
กลุ่มคนที่อยู่กับฉีจิ่นจือรีบวิ่งมาช่วยเขาเช็ดคราบสกปรก และบางคนถึงกับอยากจะตบรอยเท้าของเซี่ยชิงหยวนบนกางเกงของเขา
ฉีจิ่นจือบังชายคนนั้น พลางมองเซี่ยชิงหยวนด้วยสายตาบอกไม่ถูก และเม้มริมฝีปากแน่นจนไม่น่าดู
เซี่ยชิงหยวนรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาแล้วส่งให้ฉีจิ่นจือ “ฉันขอโทษจริง ๆ ฉันไม่ได้ตั้งใจค่ะ!”
เธอรู้สึกละอายใจและรำคาญตัวเอง หญิงสาวไม่เคยคาดคิดว่าฉีจิ่นจือจะพุ่งเข้ามาแบบนี้
ยิ่งไปกว่านั้น ส่วนที่เธอเตะเขานั้นก็น่าอับอายมาก จะดีกว่าไหมถ้าเธอเตะก้นของเขาแทน?
ฉีจิ่นจือไม่ได้พูดอะไร เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าไปจากเธอ พลางมองลงไปที่รอยเท้าบนกางเกง แล้วใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดเบา ๆ
ป้าอู๋และหลินตงซิ่วก็ขอโทษฉีจิ่นจือเช่นกัน
“พ่อหนุ่ม ขอโทษด้วยนะคะ คุณนายของฉันประมาทเอง ฉันพอมีเงินติดตัวอยู่บ้างโปรดรับไปเพื่อเป็นการขอโทษ…” ป้าอู๋รีบพูดขึ้น
“ขอโทษจริง ๆ พ่อหนุ่ม หลังจากนี้ถอดกางเกงมาให้ป้าคนนี้นะ เดี๋ยวป้าจะเอากลับไปซักใหม่ให้เอง แล้วส่งกลับให้ดีไหม?” หลินตงซิ่วพูดตาม
ป้าอู๋กำลังจะจ่ายเงิน แต่หลินตงซิ่วกำลังคิดที่จะซักกางเกงให้อีกฝ่าย ซึ่งเซี่ยชิงหยวนตกใจมากจนคว้าตัวหลินตงซิ่ว
เมื่อได้ยินแบบนี้ฉีจิ่นจือก็ยิ้มออกมา
รอยยิ้มอันอ่อนโยนพร้อมสัมผัสแห่งการเยาะเย้ย
เขาเข้าใกล้เซี่ยชิงหยวนก้าวหนึ่งแล้วพูดว่า “คุณนายช่างเป็นคนผูกใจเจ็บเหลือเกินนะครับ”
หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็โบกมือให้คนที่อยู่ข้างหลัง แล้วออกเดินนำจากไป
เขาเดินอย่างโอ่อ่าพอ ๆ กับตอนที่เดินเข้ามา ยกเว้นว่าตอนนี้ขาสองข้างของเขาดูไม่ปกติเหมือนตอนแรก ทั้งยังมีคราบเลือดและเนื้อหมูที่ก้น
เมื่อเห็นฉีจิ่นจือจากไป เซี่ยชิงหยวนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
หลินตงซิ่วกังวลอย่างมาก “ชิงหยวน ลูกคิดว่าคนนั้นจะแค้นเรารึเปล่า?”
ยิ่งกว่านั้น ทำไมเขาถึงบอกว่าเซี่ยชิงหยวนเป็นคนผูกใจเจ็บล่ะ? เธอไม่เข้าใจเลยจริง ๆ
หลินตงซิ่วไม่เข้าใจ แต่เซี่ยชิงหยวนเข้าใจ
เขาพูดอย่างชัดเจนถึงช่วงเวลาที่ทั้งสองพบกันครั้งแรกในเมืองกว่างโจว ตอนที่พวกเขาถูกแก๊งชิงเฉิงไล่ล่า เขาก็ขอให้เธอมุดเข้าไปในรูสุนัขลอด
เธอรู้สึกว่าตัวเองไม่เข้าใจกับสิ่งที่ฉีจิ่นจือกำลังคิดอยู่เลยจริง ๆ
เธอสงบลงและตบมือหลินตงซิ่ว “ไม่เป็นไรค่ะแม่ ไม่ต้องกังวลไปนะคะ”
…
เดิมทีเซี่ยชิงหยวนต้องการบอกเสิ่นอี้โจวเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ไม่คาดคิดเลยว่าพอเขากลับมาเพื่อกินมื้อเที่ยง พอกินเสร็จ เขาก็รีบกลับไปทำงานทันที
เธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องกลืนคำพูดทั้งหมดลงท้อง โดยคิดว่าตอนเย็นที่จะไปบ้านของหยวนหงหลี่ เธอค่อยเล่าให้เขาฟังเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็ได้
เนื่องจากเธอจะไปร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำ เซี่ยชิงหยวนจึงแต่งตัวสวยขึ้นอีก
เธอสวมกางเกงยีนสีน้ำเงินอ่อน เสื้อชีฟองสีขาวและรวบผมหางม้าสูง ดูอ่อนเยาว์มากและเหมือนเด็กสาวที่อายุไม่เกินสิบเจ็ดหรือสิบแปดปีเลย
เมื่อเสิ่นอี้โจวเห็นชุดที่เธอสวม ดวงตาของเขาก็ประกายขึ้น จากนั้นเขาก็พูดด้วยรอยยิ้ม “ถ้าผมพาคุณออกไปเดินตามท้องถนน ผู้คนคงจะบอกว่าผมเป็นวัวแก่กินหญ้าอ่อนแน่นอน”
เซี่ยชิงหยวนยิ้ม “คุณอายุมากกว่าฉันแค่สี่ปีเอง คุณคิดว่าตัวเองอายุเท่าไหร่กันแน่?”
ทั้งสองคนถือของขวัญที่เตรียมไว้ และเดินไปที่บ้านของหยวนหงหลี่ด้วยกัน
หยวนหงหลี่ก็อาศัยอยู่ในเขตที่พักเดียวกัน และใช้เวลาเดินไปที่นั่นเพียงประมาณสิบนาทีเท่านั้น
หยวนหงหลี่และภรรยายืนอยู่ที่ประตูเพื่อทักทายแขก ซึ่งคนที่พูดคุยและหัวเราะกับพวกเขาตอนนี้กลายเป็นเซี่ยจื่ออี้
ขณะเดียวกัน ฉีจิ่นจือก็ยืนอยู่ข้าง ๆ พวกเขาด้วย พลางเตะก้อนกรวดใต้เท้าของตัวเองด้วยความเบื่อหน่าย