ตำนานเทพกู้จักรวาล 757 อนุสาวรีย์กุศลกรรมไฟนรก

ตอนที่ 757 อนุสาวรีย์กุศลกรรมไฟนรก

ภูติ​บดี​ที่​ไร้​ข้อจำกัด​ผูกมัด​

ผู้เฒ่า​นำทาง​ความตาย​รู้​ว่า​ภูติ​บดี​นั้น​เป็น​เทพเจ้า​ก่อน​ฟ้าและ​ดิน​ ถือกำเนิด​จาก​ธรรมชาติ​ การกระทำ​ของ​เขา​มากมาย​ถูก​จำกัด​เอาไว้​ด้วย​กฎ​แห่ง​แดน​ใต้พิภพ​ หลัก​กฎ​ที่​ไม่อาจ​ล่วงละเมิด​ได้​ แม้แต่​การ​เติบโต​ของ​เขา​ก็​ต้อง​ผนวก​รวม​เข้าไป​ใน​ระบบ​แห่ง​แดน​ใต้พิภพ​ และ​เขา​ไม่อาจ​สลัด​หลุด​ออก​ไป​จาก​เต๋า​อัน​ยิ่งใหญ่​แห่ง​แดน​ใต้พิภพ​

เขา​นั้น​เป็น​ฉายาลักษณ์​แห่ง​เต๋า​แดน​ใต้พิภพ​ และ​แม้ว่า​เขา​จะมีสำนึก​รู้​และ​ความคิด​เป็น​ของ​ตนเอง​ แต่​พฤติการณ์​ของ​เขา​ไม่อาจจะ​สลัด​หลุด​ไป​จาก​กฎ​เด็ดขาด​ของ​เต๋า​อัน​ยิ่งใหญ่​แห่ง​แดน​ใต้พิภพ​ไป​ได้​

“แต่ทว่า​ เจ้าตัว​จ้อย​ที่​ถือกำเนิด​ใน​แดน​ใต้พิภพ​นั้น​แตกต่าง​ออก​ไป​ เขา​เป็น​สิ่งมีชีวิต​แรก​ใน​แดน​ใต้พิภพ​ที่​ถือกำเนิด​ออก​มาจาก​ครรภ์​ เขา​นั้น​แตกต่าง​ไป​จาก​ภูติ​บดี​ และ​ยัง​แตกต่าง​ไป​จาก​ผี​เขียว​ สัตว์ประหลาด​ และ​มาร​เท​วะ​ใต้พิภพ​ อัน​โอปปาติกะ​ขึ้น​มาเอง​ใน​แดน​ใต้พิภพ​”

เสียง​ของ​ภูติ​บดี​ดัง​มาจาก​โถงศักดิ์สิทธิ์​ และ​ผู้เฒ่า​นำทาง​ความตาย​ก็​หันกลับ​ไป​มอง​ วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​นั่ง​อยู่​ที่​ทางเข้า​โถงวัง​และ​กำลัง​แทะ​ไก่​ของ​เขา​ครึ่ง​ที่​เหลืออยู่​

“เขา​นั้น​เหมือนกับ​ข้า​ ได้รับ​การ​อวยพร​จาก​หลัก​กฎ​ของ​เต๋า​อัน​ยิ่งใหญ่​แห่ง​แดน​ใต้พิภพ​เมื่อ​เขา​ถือกำเนิด​ขึ้น​มา ในเวลานั้น​ ข้า​ถึงกับ​คิด​ว่า​ข้า​กำลังจะ​มีน้องชาย​”

“แต่​หลังจากนั้น​ข้า​ถึงรู้​ว่า​ไม่ใช่”

ดวงตา​ที่สาม​ของ​ภูติ​บดี​ฉายแสง​เจิดจ้า​ และ​ปิดผนึก​ถ้อยคำ​ของ​พวกเขา​เอาไว้​ใน​ดวงตา​เพื่อ​ไม่ให้​มัน​รั่วไหล​ออก​ไป​ภายนอก​

“การ​เติบโต​ของ​เจ้าตัว​จ้อย​นี้​น่า​แตกตื่น​ยิ่งนัก​ และ​เพราะว่า​เขา​เป็น​สิ่งมีชีวิต​หลัง​ฟ้าดิน​ เขา​จึงไม่อยู่​ภายใต้การควบคุม​บังคับ​ของ​เต๋า​อัน​ยิ่งใหญ่​แห่ง​แดน​ใต้พิภพ​ เขา​อยาก​จะกิน​อะไร​ก็​กิน​ อยาก​จะกระทืบ​ใคร​ก็​กระทืบ​ได้​ตามใจชอบ​”

แม้ว่า​ฉิน​เฟิงชิงจะก่อกรรมทำเข็ญ​อย่าง​ไม่หยุดยั้ง​ แต่​ภูติ​บดี​ก็​ดูเหมือน​จะรื่น​เริงใจ​กับ​เรื่อง​นี้​อยู่​ด้วย​เหตุผล​บางอย่าง​

ฉิน​เฟิงชิงเหมือนกับ​ภูติ​บดี​น้อย​ หากว่า​เขา​โต​ขึ้น​มา เขา​ก็​จะเป็น​ภูติ​บดี​ใหญ่​ที่​ก่อเรื่อง​ร้าย​อย่าง​มหาศาล​ ดังนั้น​ภูติ​บดี​จึงไม่มีทางเลือก​นอกจาก​ปิดผนึก​และ​ตรึง​สะกด​เขา​เอาไว้​ เนรเทศ​เขา​ออก​ไป​ยัง​โลก​ภายนอก​

“ที่​น่าประหลาด​ยิ่งไปกว่านั้น​ก็​คือ​ ฉิน​เฟิงชิงผู้​ถูก​เนรเทศ​ออก​ไป​ยัง​โลก​ภายนอก​ ได้​แปร​เปลี่ยนไป​เป็น​ฉิน​มู่ เดิมที​ฉิน​เฟิงชิงก็​มิได้​อยู่​ภายใต้การควบคุม​ของ​เต๋า​อัน​ยิ่งใหญ่​แห่ง​แดน​ใต้พิภพ​อยู่แล้ว​ และ​เมื่อ​มาถึงฉิน​มู่ เขา​ก็​ทลาย​ฝ่าพันธนาการ​ของ​หลัก​กฎ​เต๋า​อัน​ยิ่งใหญ่​แห่ง​แดน​ใต้พิภพ​โดยสิ้นเชิง​ ฝึกปรือ​มรรคา​ วิชา​ และ​ทักษะ​เท​วะ​ที่อยู่​นอก​แดน​ใต้พิภพ​!”

วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​ที่​กำลังกิน​ไก่​อยู่​ มองออก​ไปนอก​โถง และ​เห็น​เทพ​เจ้าที่​มีเขา​วัว​กับ​ศีรษะ​พยัคฆ์​กำลัง​เผย​สีหน้า​พิลึก​ประหลาด​ เห็นได้ชัด​ว่า​เขา​กำลัง​พิศวง​สงสัย​ว่า​ฉิน​มู่สามารถ​ทลาย​ฝ่าพันธนาการ​จาก​หลัก​กฎ​ของ​เต๋า​อัน​ยิ่งใหญ่​แห่ง​แดน​ใต้พิภพ​ได้​อย่างไร​

“เวท​ปิดผนึก​ของ​เขา​ได้​เปลี่ยน​เขา​ให้​กลายเป็น​คนธรรมดา​ที่​ไม่อาจ​ฝึก​วร​ยุทธ​ได้​ แต่กระนั้น​สำนึก​รู้​ที่สอง​ของ​เขา​ก็​ถือกำเนิด​ขึ้น​มาจาก​ร่างกาย​นั้น​ เขา​ลุย​ฝ่าประสบการณ์​อัน​ท้าทาย​ สามารถ​ทะลุ​ผ่าน​ผนึก​ของ​ข้า​ได้​อย่างไร​ก็​ไม่ทราบ​ และ​ฝึกปรือ​จน​มีความสำเร็จ​ไม่เล็กน้อย​ด้วย​กาย​เนื้อที่​เป็นไปไม่ได้​ใน​การ​ฝึก​วร​ยุทธ​”

ภูติ​บดี​กล่าว​ด้วย​สีหน้า​แปลกประหลาด​ “สำนึก​รู้​แรก​คือ​ฉิน​เฟิงชิงที่​เกิดขึ้น​มาจาก​สันดาน​มาร​แห่ง​แดน​ใต้พิภพ​ เขา​นั้น​เหมือนกับ​เทพ​บรรพกาล​ ครึ่ง​เทพ​ และ​ยัง​เหมือนกับ​สิ่งมีชีวิต​ที่เกิด​มาหลัง​ฟ้าดิน​ก่อตัว​ สำนึก​รู้​ที่สอง​คือ​ฉิน​มู่ สิ่งมีชีวิต​หลัง​ฟ้าดิน​ตั้ง​แต่ต้นจนจบ​ กระนั้น​เขา​ก็​ทำให้​ข้า​ประหลาดใจ​ได้​มาก​ที่สุด​”

ภายใต้​การ​ก่อเรื่อง​วุ่นวาย​มากมาย​ของ​ฉิน​มู่ ฉิน​เฟิงชิงก็​เกือบจะ​หลุด​ออก​มาจาก​เวท​ปิดผนึก​ของ​ภูติ​บดี​ตั้ง​หลายครั้ง​หลาย​หน​ ทำให้​ในที่สุด​ภูติ​บดี​ต้อง​ออกโรง​มาควบคุมสถานการณ์​ถึงสอง​สามครั้ง​

และ​เพราะว่า​เขา​เข้า​ใจดี​ ก็​เลย​ทำให้​ภูติ​บดี​คือ​บุคคล​อัน​คาดหวัง​มาก​ที่สุด​ใน​ตัว​ฉิน​มู่ ฉิน​เฟิงชิง

เขา​อยาก​ที่จะ​หา​วิธี​ใน​การ​ทลาย​ฝ่าข้อจำกัด​พันธนาการ​ของ​ตัว​เขา​เอง​จาก​ฉิน​มู่

ที่​เขา​บอ​กว่า​ฉิน​มู่คือ​ภูติ​บดี​อัน​ไร้​ข้อจำกัด​ผูกมัด​นั้น​ไม่ใช่การ​พูด​เกินเลย​

ใน​สายตา​ของ​ภูติ​บดี​ ฉิน​เฟิงชิงและ​ฉิน​มู่คือ​บุคคล​คน​เดียวกัน​ พวกเขา​ไม่ใช่พี่ชาย​น้องชาย​ แม้ว่า​สำหรับ​พวกเขา​แล้ว​ พวกเขา​จะมองว่า​เป็น​พี่น้อง​กัน​ก็ตาม​

น้องชาย​นั้น​มองว่า​พี่ชาย​ตนเอง​เต็มไปด้วย​ความ​ชั่วร้าย​ และ​พี่ชาย​ก็​มองว่า​น้องชาย​เต็มไปด้วย​ลูกไม้​แสบ​ๆ

“เพื่อ​ทลาย​ฝ่าข้อจำกัด​ของ​ข้า​ ข้า​ได้​ทดลอง​หลาย​วิถีทาง​ แต่​พวก​มัน​ล้วนแต่​ล้มเหลว​ นี่​คือ​โอกาส​ของ​ข้า​”

สายตา​ของ​ภูติ​บดี​ลึกล้ำ​ และ​เมื่อ​วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​มอง​ไป​ เขา​ก็​รู้สึก​ว่า​ดวงตา​ทั้ง​สามของ​อีก​ฝ่าย​นั้น​เหมือนกับ​เหว​ไร้​บึ้ง​สามหลุม​อัน​ลึก​สุด​จะหยั่ง​ และ​มีคลื่น​กระเพื่อม​ปรากฏ​เป็นครั้งคราว​

ณ ด่าน​กุญแจ​หยก​

แม่ทัพ​มาร​เท​วะ​ตน​นั้น​นำทาง​ฉิน​มู่สามเศียร​หก​กร​เข้าไป​ใน​ด่าน​ ขณะที่​เม็ด​เหงื่อ​เย็นเยียบ​ตกลง​มาจาก​หน้าผาก​ของ​เขา​อย่าง​ไม่ขาดสาย​ นั่น​ก็เพราะว่า​เขา​รู้สึก​ไม่สบาย​เนื้อ​สบาย​ตัว​จาก​ฉิน​เฟิงชิง ผู้​ซึ่งเอาแต่​จ้องมอง​หัว​และ​คอ​ของ​เขา​

ภาพ​จิต​นา​การปรากฏ​ใน​หัว​เขา​ไม่หยุดหย่อน​ และ​มัน​คือ​ภาพ​ของ​ทารก​ยักษ์​ที่จับ​หัว​เขา​ไป​แทะ​

“ข้า​จะเรียก​พี่​ทาง​เต๋า​ว่า​อย่างไร​หรือ​” หนึ่ง​ใน​ศีรษะ​ของ​ฉิน​มู่มองดู​รอบ​ๆ และ​อีก​หัว​หนึ่ง​ก็​สนทนา​กับ​เขา​อย่าง​แช่มชื่น​

“ผู้พิทักษ์​วิญญาณ​ซ้าย​แห่ง​ด่าน​กุญแจ​หยก​แดน​ใต้พิภพ​ โม่ฉีหมี​”

ดวงตา​ของ​แม่ทัพ​มาร​เท​วะ​บิด​กระตุก​ และ​เขา​ก็​คิด​อยู่​ใน​ใจ ใน​อดีต​ โอรส​ศักดิ์สิทธิ์​ใต้พิภพ​ไม่มีความเคยชิน​แบบนี้​ เขา​เพียงแต่​จับ​มากิน​โดย​ไม่ถามไถ่ ตอนนี้​เขา​กลายเป็น​สุภาพ​ขึ้น​มา เขา​ถึงกับ​ถามชื่อ​แซ่ก่อน​จะจับ​กิน​…

“ตรงนั้น​คือ​อะไร​” ฉิน​มู่ชี้ไป​ยัง​แท่น​จารึก​หิน​สีดำ​และ​ถามด้วย​ความสุภาพ​

ผู้พิทักษ์​วิญญาณ​ซ้าย​โม่ฉีหมี​มอง​ไป​ยัง​แท่น​จารึก​หิน​ดำ​และ​กล่าว​ “นี่​คือ​อนุสาวรีย์​สะกด​วิญญาณ​ และ​เรียกขาน​กัน​อี​กว่า​อนุสาวรีย์​กุศลกรรม​ไฟนรก​ พวก​มัน​ถูก​สร้าง​ขึ้น​มาจาก​ฟัน​ที่​ร่วงหล่น​ของ​ภูติ​บดี​ และ​พวก​มัน​ถูก​ใช้เพื่อ​ตรึง​สะกด​ความ​ชั่วร้าย​ที่นี่​ ผู้คน​ที่​มีกุศลกรรม​อัน​ยิ่งใหญ่​จะไม่สามารถ​ถูก​ตรึง​สะกด​ แต่​พวก​ที่​มีบาปหนา​จะต้อง​ทน​ทรมาน​จาก​ไฟนรก​ที่นี่​ พวกเขา​ไม่อาจ​ปลดปล่อย​พลัง​วัตร​ออกมา​ด้วย​เช่นกัน​ และ​ความเจ็บปวด​ก็​จะทวีคูณ​ไป​หลายเท่า​”

ฉิน​มู่มอง​ไป​ยัง​ที่​ไกลๆ​ และ​เห็น​ว่า​มีอนุสาวรีย์​กุศลกรรม​ไฟนรก​อยู่​ที่นี่​อย่าง​มากมาย​ราวกับ​ป่า​ มีตั้งอยู่​ทุกๆ​ ระยะ​ร้อยห้าสิบ​วา​ มากมาย​ยิ่งนัก​

“ภูติ​บดี​มีฟัน​เยอะแยะ​ขนาด​นี้​เชียว​?”

เขา​อึ้ง​ไป​และ​กระซิบกระซาบ​ “หรือ​ฟัน​ของ​ภูติ​บดี​จะหัก​เพราะ​ใคร​บางคน​”

ฉิน​เฟิงชิงพูด​อย่าง​ตื่นเต้น​ “ฟัน​ของ​ภูติ​บดี​เป็น​สีดำ​ แต่​ของ​ข้า​เป็น​สีขาว​ ดู​สิๆ”

เขา​อ้า​ปาก​และ​เผย​ให้​เห็น​ช่องปาก​อัน​เต็มไปด้วย​เขี้ยว​คมกริบ​ราว​มีดโกน​ที่​สะท้อน​แสงเย็นเยียบ​ สายตา​ของ​เขา​เป็นประกาย​และ​ร้องบอก​ “โม่ฉีหมี​ เข้า​มาหา​ข้า​สิ และ​ดู​พวก​มัน​ใกล้​ๆ”

ผู้พิทักษ์​วิญญาณ​ซ้าย​โม่ฉีหมี​เดิน​สะดุด​ และ​เขา​ก็​พา​ฉิน​มู่ตรง​ไป​ยัง​ป่า​แห่ง​อนุสาวรีย์​กุศลกรรม​ไฟนรก​ จำนวน​ของ​แท่น​จารึก​หิน​ที่นี่​มากมาย​เกิน​จินตนาการ​ของ​ฉิน​มู่ และ​แม้ว่า​จะเดิน​อยู่​นาน​ ก็​ยัง​เดิน​ไม่สิ้นสุด​

แท่น​จารึก​หิน​พวก​นี้​มีจำนวน​หลาย​หมื่น​แท่น​ ภูติ​บดี​จะต้อง​ใช้ฟัน​มากมาย​แค่​ไหน​ถึงจะหลอม​สร้าง​แท่น​จารึก​หิน​ได้​เยอะแยะ​ขนาด​นี้​

ผู้พิทักษ์​ซ้าย​เหลือบมอง​ฉิน​มู่และ​ตกตะลึง​ เดิมที​เขา​คิด​ว่า​เมื่อ​ตัวตน​อัน​ชั่วร้าย​ไร้​ปาน​เปรียบ​ผู้​นี้​ย่างเท้า​เข้ามา​ใน​ป่า​อนุสาวรีย์​ เขา​ก็​จะถูก​อนุสาวรีย์​กุศลกรรม​ไฟนรก​สะกด​ข่ม​เอาไว้​ และ​ถูก​แผดเผา​ด้วย​ไฟนรก​จน​ปวดแสบปวดร้อน​

กระนั้น​ฉิน​มู่ก็​เดิน​เข้าไป​ใน​ป่า​โดย​ไม่มีอะไร​เกิดขึ้น​เลย​สักนิด​ ยิ่งไปกว่านั้น​ ทารก​หัวโต​ก็​ยังคง​ดูดกลืน​ไฟนรก​เข้าไป​อย่าง​ลิงโลด​ และ​ไฟนรก​ก็​ไหลบ่า​เข้ามา​ราวกับ​เส้น​บะหมี่​หาย​เข้าไป​ใน​ปาก​ของ​เขา​ เขา​ฮุบ​งับ​ด้วย​ความ​สมใจ

เจ้านี่​จะไม่มีจุดอ่อน​เลย​สักนิด​หรือ​ ความกลัว​คืบคลาน​เข้ามา​ใน​หัวใจ​ของ​เขา​

ทันใดนั้น​ ก็​มีใคร​บางคน​เดิน​ไป​ด้วย​ความยากลำบาก​อยู่​ใน​ป่า​อนุสาวรีย์​ตรงหน้า​ และ​มัน​ก็​คือ​ดวงวิญญาณ​ที่​ถูก​ห้อมล้อม​ไว้​ด้วย​ไฟนรก​ ใบหน้า​ของ​เขา​บิดเบี้ยว​ใน​เพลิง​ไฟ และ​ปาก​ เบ้าตา​ และ​หู​ของ​เขา​ ก็​ล้วนแต่​เป็น​รู​ดำ​โหวง​ เขา​ดูเหมือน​จะกำลัง​กรีดร้อง​ด้วย​ความเจ็บปวด​

“นี่​คือ​ราชา​สวรรค์​อวี่​อ้า​น”​

ผู้พิทักษ์​วิญญาณ​ซ้าย​กล่าว​ “ราชา​สวรรค์​อวี่​อ้า​น​เป็น​เทพเจ้า​จาก​เมื่อ​หนึ่ง​ล้าน​ปีก่อน​ เขา​เป็น​แม่ทัพ​หน่วย​องครักษ์​ขนนก​ไพร​แห่ง​สภาสวรรค์​หลง​ฮั่น​ เขา​เป็น​เทพเจ้า​ที่​ดูแล​ด้าน​การเหาะ​เหิน​เดินอากาศ​ และ​เดิมที​เขา​เป็น​นกยูง​ยักษ์​ก่อน​ฟ้าดิน​ แต่​เพราะว่า​เขา​ชมชอบ​จะกลืน​กิน​ครึ่ง​เทพ​และ​สิ่งมีชีวิต​อ่อนแอ​ เขา​สามารถ​กลืน​กิน​ผู้คน​เป็น​ล้าน​ได้​ด้วย​คำ​เดียว​ และ​ดังนั้น​จึงก่อ​บาป​อัน​หนักหน่วง​ นี่​จึงเป็นเหตุให้​เขา​ถูก​ตรึง​สะกด​เอาไว้​ใน​ด่าน​กุญแจ​หยก​หลังจากที่​ถึงแก่​ความตาย​ และ​เป็นเหตุให้​เขา​ต้อง​เดิน​ท่อง​ไป​ใน​ป่า​อนุสาวรีย์​ทั้ง​ทิวา​และ​ราตรี​ เขา​นั้น​ได้​ทน​ทรมาน​จาก​ไฟนรก​มาเป็นเวลา​หนึ่ง​ล้าน​ปี​ เขา​เดินดุ่ม​ใน​ป่า​นี้​มาโดยตลอด​ แต่​ไม่ว่า​เขา​จะเดิน​ไป​กี่​ปี​ต่อ​กี่​ปี​ เขา​ก็​ไม่อาจ​ออก​ไป​ได้​จนกว่า​จะถึงวันที่​บาปกรรม​ของ​เขา​จะถูก​ชดใช้​ไป​จน​สิ้น​ และ​สิ่งที่​รอ​เขา​อยู่​ข้างหน้า​ก็​คือ​ถูก​ภูติ​บดี​กลืน​กิน​เข้าไป​” หลังจากที่​เขา​กล่าว​ เขา​ก็​เหลือบมอง​ไป​ทาง​ฉิน​มู่

ฉิน​มู่กล่าว​อย่าง​เคารพนับถือ​ “ภูติ​บดี​นั้น​เที่ยงธรรม​ใน​การ​ให้รางวัล​และ​ลงโทษ​ เขา​นั้น​ไร้​ความลำเอียง​ เรื่อง​นี้​เขา​จัดการ​ไป​อย่าง​ไร้​ที่​ติ​”

ผู้พิทักษ์​วิญญาณ​ซ้าย​คิดในใจ​ เจ้าทำ​เรื่อง​ชั่วช้า​มากมาย​ขนาด​นี้​ เจ้าไม่กลัว​หรือ​อย่างไร​

แน่นอน​ เขา​ไม่กล้า​พูด​ออก​ไป​ตรงๆ​

เขา​เดิน​ต่อไป​ข้างหน้า​ และ​เขา​พบ​กับ​บุคคล​อีก​ผู้​หนึ่ง​ มัน​เป็น​จิตวิญญาณ​ดั้งเดิม​ของ​ครึ่ง​เทพ​ เขา​นั้น​กำลัง​แบก​ภูเขา​และ​เดิน​ไป​ใน​ไฟนรก​ เขา​ถูก​แผดเผา​จนกระทั่ง​คร่ำครวญ​หวน​ไห้​ด้วย​ความเจ็บปวด​

“นี่​คือ​สเย​อู๋ฉี​ องค์​ชาย​รัชทายาท​แห่ง​สภาสวรรค์​หลง​ฮั่น​ เขา​เป็นยอด​ฝีมือ​ที่​มีสายเลือด​ของ​จักรพรรดิ​ฟ้าและ​จักรพรรดินี​ฟ้า เมื่อ​เขา​เติบโต​ขึ้น​เต็ม​วัย​ กำลัง​ฝีมือ​ของ​เขา​ก็​แข็งแกร่ง​เทียบ​เท่ากับ​ยอด​ฝีมือ​บัลลังก์​จักรพรรดิ​ ดังนั้น​เขา​จึงก่อ​กบฏ​และ​หมาย​แย่งชิง​บัลลังก์​ หลังจากที่​เขา​ตาย​ไป​ เขา​ถูก​ตรึง​สะกด​เอาไว้​ที่นี่​” ผู้พิทักษ์​วิญญาณ​ซ้าย​กล่าว​

“ครึ่ง​เทพ​ บัลลังก์​จักรพรรดิ​?”

ทารก​หัวโต​พลัน​น้ำลายไหล​เยิ้ม​เหมือน​น้ำตก​ และ​ถูมือ​ไปมา​ด้วย​ความตื่นเต้น​ ฉิน​มู่พลัน​รู้สึก​ว่า​ร่างกาย​ของ​เขา​กลายเป็น​หด​สั้น​ลง​ และ​เขา​เห็น​ตัวเอง​กำลัง​คลาน​เข้า​ไปหา​สเย​อู๋ฉี​เพื่อ​หมาย​ที่จะ​กิน​อีก​ฝ่าย​

“พี่ชาย​ อย่า​ใจร้อน​สิ! ไป​พบ​ท่าน​แม่สำคัญ​กว่า​!”

ทารก​ยักษ์​ถอนหายใจ​ด้วย​ความเสียดาย​ จากนั้น​ฉิน​มู่จึงกลับมา​ควบคุม​ร่างกาย​

พวกเขา​เดินทาง​ต่อไป​ข้างหน้า​ และ​ผู้พิทักษ์​วิญญาณ​ซ้าย​โม่ฉีหมี​ก็​กล่าว​ “ยิ่ง​เทพ​เจ้าที่​ถูก​ตรึง​สะกด​อยู่​ลึก​เข้าไป​เท่าไร​ บาปกรรม​ของ​พวกเขา​ก็​หนักหนา​มาก​เท่านั้น​ จาก​อดีต​จนถึง​ปัจจุบัน​ อาชญากร​ตัวเอ้​ทั้งหลาย​ล้วนแต่​ถูก​ตรึง​สะกด​เอาไว้​ที่นี่​ ไม่ว่า​พวกเขา​จะชั่วร้าย​หรือ​แข็งแกร่ง​แค่​ไหน​ตอนที่​ยัง​มีชีวิต​อยู่​ เมื่อ​พวกเขา​ตาย​ลงมา​ก็​มีแต่​จะต้อง​มาทน​ทรมาน​อยู่​ที่นี่​!” หลังจาก​พูด​ไป​แล้ว​ เขา​ก็​ปรายตา​มอง​ฉิน​มู่อีกครั้ง​

ฉิน​มู่ยังคง​ไม่สังเกตเห็น​อะไร​

“ท่าน​แม่ของ​ข้า​ไม่ได้​ทำ​เรื่อง​ชั่วร้าย​อะไร​ ทำไม​นาง​ถึงถูก​ตรึง​สะกด​เอาไว้​ที่​ส่วนลึก​ที่สุด​ของป่า​อนุสาวรีย์​”

ทารก​หัวโต​รู้สึก​ขุ่นข้อง​ และ​เขา​กล่าว​ด้วย​ความโมโห​ “เป็น​ความผิด​ของ​ข้า​ทั้งนั้น​ ท่าน​แม่ไม่เกี่ยว​ด้วย​ ภูติ​บดี​ไม่เป็นธรรม​เลย​สักนิด​ หากว่า​ข้า​จับ​เขา​ได้​ ข้า​จะเด็ดหัว​กะ​ขา​ของ​เขา​ออกมา​แล้วก็​กิน​เสีย​!”

ผู้พิทักษ์​วิญญาณ​ซ้าย​ตัว​สั่นเทิ้ม​ และ​เขา​ก็​คิด​อยู่​ใน​ใจ หมอ​นี่​ทั้ง​โหดร้าย​และ​ไร้เหตุผล​

พวกเขา​เคลื่อน​ต่อไป​ข้างหน้า​ และ​เห็น​จิตวิญญาณ​ดั้งเดิม​ของ​ยอด​ยุทธ​ฝีมือ​แกร่ง​ที่​ถูก​ตรึง​สะกด​เอาไว้​ที่นี่​มากขึ้น​ทุกที​ๆ ไม่ว่า​พวกเขา​จะโดดเด่น​เหนือ​ธรรมดา​มาก​สัก​เท่าไร​ตอนที่​ยัง​มีชีวิต​อยู่​ พวกเขา​ก็​ยัง​ต้อง​มาถูก​แผดเผา​ทรมาน​ด้วย​ไฟนรก​เหมือน​คนธรรมดา​สามัญ

และ​ทัณฑ์​ทรมาน​นี้​ดู​ราวกับ​ไร้​จุดสิ้นสุด​ พวกเขา​ไม่รู้​ว่า​จะถูก​ปลดปล่อย​ให้​หลุด​พ้นไป​เมื่อไหร่​

ท่าน​แม่ต้อง​ทน​ทรมาน​เช่นนี้​ด้วย​หรือเปล่า​ ฉิน​มู่รู้สึก​เศร้าใจ​ขึ้น​มาอย่าง​หนักหน่วง​

หลังจาก​ผ่าน​อนุสาวรีย์​กุศลกรรม​ไฟนรก​ตั้ง​ไม่รู้​เท่าไร​ ในที่สุด​พวกเขา​ก็​มาถึงใจกลาง​ป่า​อนุสาวรีย์​

ที่นั่น​ อนุสาวรีย์​ตั้งอยู่​อย่าง​แน่นขนัด​ ถี่ยิบ​ใน​ระยะ​สี่ห้า​ก้าว​ แต่ทว่า​มีจิตวิญญาณ​ดั้งเดิม​ปรากฏ​ให้​เห็น​ไม่มาก​นัก​

ฉิน​มู่รู้สึก​พิศวง​ และ​เขา​ก็​พลัน​เห็น​แท่น​จารึก​หิน​ดำ​ที่ตั้ง​เรียง​กัน​เป็น​วงกลม​ขนาดใหญ่​ วงกลม​นี้​มีรัศมี​ราวๆ​ ร้อยห้าสิบ​วา​ และ​มัน​ก็​ยังมี​แท่น​หิน​จารึก​ที่ตั้ง​เรียง​กัน​เป็น​วง​ซ้อน​วง​แล้ว​วง​เล่า​ข้างใน​นั้น​

เมื่อ​มอง​ไป​ที่​ใจกลาง​วงกลม​ มีเทพเจ้า​ตน​หนึ่ง​อัน​มีเขา​ของ​วัว​และ​ศีรษะ​ของ​เสือ​ถูก​ล่าม​พันธนาการ​เอาไว้​ด้วย​โซ่ดำ​ทมิฬ​ ไฟนรก​เผาผลาญ​รอบ​ๆ กาย​ของ​เขา​อย่าง​ไม่หยุดหย่อน​

ฉิน​มู่สีหน้า​แปรเปลี่ยน​อย่าง​รุนแรง​ และ​เขา​มอง​ไป​ยัง​ผู้พิทักษ์​วิญญาณ​ซ้าย​ แต่ทว่า​โม่ฉีหมี​มีทีท่า​เหมือนกับ​มองไม่เห็น​เทพ​เจ้าที่​ถูก​ตรึง​สะกด​ และ​เพียงแค่​เดิน​อ้อม​ไป​

ฉิน​มู่ยื่นมือ​ขึ้นไป​จับตัว​เขา​ยกขึ้น​มาตรงหน้า​และ​ถามด้วย​สีหน้า​แช่มชื่น​ “ใต้เท้า​ผู้พิทักษ์​ซ้าย​ เกิด​อะไร​ขึ้นกับ​ภูติ​บดี​ใน​ป่า​อนุสาวรีย์​ ทำไม​ถึงมีภูติ​บดี​ถูก​ตรึง​สะกด​เอาไว้​ที่นี่​”

“อย่า​มุทะลุ​!”

ผู้พิทักษ์​ซ้าย​ร้อง​ออกมา​ “ข้า​ยอม​ตาย​เสีย​ดีกว่า​ที่จะ​ปริปาก​สัก​คำ​!”

ฉิน​มู่โยน​เขา​ไป​ให้​ทารก​หัวโต​ และ​ฉิน​เฟิงชิงกอด​เขา​เอาไว้​แน่น​ “น้องชาย​ดี​กับ​ข้า​จริงๆ​ ข้า​กำลังจะ​กิน​ล่ะ​นะ​ ได้เวลา​หม่ำ​!”

“ข้า​จะพูด​แล้ว​!”

ฉิน​มู่รีบ​คว้า​ตัว​เขา​กลับมา​ และ​ฉิน​เฟิงชิงก็​เดือดดาล​ เขา​เงื้อ​กำปั้น​สอง​ข้างขึ้น​มาทุบตี​หัว​ของ​ฉิน​มู่อย่าง​ดุร้าย​ “น้องชาย​ตัว​ร้าย​! ข้า​จะทุบ​เจ้าให้​ตาย​!”

“นั่น​คือ​ร่าง​กลับ​ชาติ​ของ​ภูติ​บดี​”

ผู้พิทักษ์​วิญญาณ​ซ้าย​ยังคง​ไม่ฟื้น​จาก​ความ​หวาดผวา​ และ​รีบ​แตะ​หัว​ตนเอง​ไปๆ มาๆ​ เขา​ถอนหายใจ​ด้วย​ความ​โล่งอก​เมื่อ​พบ​ว่า​หัว​ของ​เขา​ยังคง​ติดกับ​บ่า​ดี​ “ระหว่าง​ช่วงต้น​ๆ ของ​ยุคสมัย​หลง​ฮั่น​ ภูติ​บดี​ได้​กลับ​ชาติ​ลง​ไป​เกิด​หนึ่ง​ครั้ง​ และ​ร่าง​นี้​ก็​คือ​เขา​ที่​กลับ​ชาติ​ไป​เกิด​”

ใบหน้า​ของ​ฉิน​มู่ฟกช้ำ​ไป​หมด​ และ​เขา​ใช้ทักษะ​เท​วะ​เสกสรร​เพื่อ​ลบล้าง​รอย​ช้ำพวก​นั้น​ด้วย​การ​เพิ่มพูน​การ​ไหลเวียน​โลหิต​ เขา​ถามด้วย​ความสงสัย​ “งั้น​ทำไม​ภูติ​บดี​ถึงตรึง​สะกด​ร่าง​กลับ​ชาติ​ของ​เขา​เอาไว้​ที่นี่​”

ผู้พิทักษ์​วิญญาณ​ซ้าย​กล่าว​ “ข้า​เกิดขึ้น​มาใน​ช่วง​ยุคสมัย​จักรพรรดิ​สูงส่ง ข้า​จะไป​รู้เรื่องราว​ดึกดำบรรพ์​อย่างนั้น​ได้​อย่างไร​”

ฉิน​มู่หิ้ว​ตัว​เขา​ขึ้น​มาอีกครั้ง​ และ​ผู้พิทักษ์​ซ้าย​ก็​รีบ​บอก​ “ข้า​จะพูด​แล้ว​! ข้า​จะพูด​หมด​ทุกอย่าง​ ปล่อย​ข้า​ได้​ไหม​”

ฉิน​มู่วาง​เขา​ลง​ไป​คืน​ และ​ผู้พิทักษ์​วิญญาณ​ซ้าย​ก็​ลังเล​ไป​ครู่หนึ่ง​ เขา​เหลียว​ซ้าย​แล​ขวา​ก่อน​จะกล่าว​ด้วย​เสียง​แผ่ว​ “คือ​ข้า​ได้ยิน​มาว่า​…ข้า​ได้ยิน​ข่าวลือ​ ดังนั้น​มัน​อาจจะ​ไม่จริง​ก็ได้​! อย่า​เอา​ไป​พูด​ต่อ​และ​อย่า​บอก​ใคร​ว่า​เป็น​ข้า​ที่​บอก​เจ้าเรื่อง​นี้​!”

ฉิน​มู่ผงกหัว​หงึก​ๆ ราว​ไก่​จิก​

“ข้า​ได้ยิน​มาว่า​ตอนนั้น​ภูติ​บดี​กลับ​ชาติ​ลง​ไป​เกิด​เป็น​มนุษย์​ก็เพราะว่า​เขา​ต้องการ​จะค้นหา​วิธีการ​ที่จะ​ก้าว​ข้าม​ตนเอง​ไป​อีก​ขั้น​ และ​ทำให้​สายเลือด​ของ​เขา​สืบทอด​ต่อไป​ได้​ หลังจากที่​เขา​กลับ​ชาติ​ลง​ไป​เกิด​ หน้าตา​ของ​เขา​ยัง​เป็น​เหมือนเดิม​ แต่​เขา​มีร่างกาย​อัน​ประกอบ​จาก​เลือด​และ​เนื้อ​ จากนั้น​เขา​ก็​พบ​ว่า​เขา​มีเจ็ด​อารมณ์​และ​หก​ความปรารถนา​ แต่​เพราะว่า​เขา​อัปลักษณ์​…”

ผู้พิทักษ์​ซ้าย​ลังเล​อยู่​ครู่หนึ่ง​และ​ถามอย่าง​น่าเวทนา​ “เจ้าจะไม่เอา​ไป​แพร่งพราย​ต่อ​แน่​นะ​?”

“ไม่ต้อง​ห่วง​!”

ฉิน​มู่ตบ​หน้าอก​ตนเอง​ผาง​และ​กล่าว​ “หากว่า​ข้า​เอา​ไป​เล่า​ต่อ​ขอให้​ข้า​ถูก​ฟ้าและ​ดิน​ทำลายล้าง​! รีบ​บอก​ข้า​เร็ว​เข้า​!”

ฉิน​เฟิงชิงเอง​ก็​สงสัย​ใคร่รู้​ และ​เร่งรัด​เขา​ “แล้ว​เกิด​อะไร​ขึ้น​หลังจากที่​เขา​หน้าตา​อัปลักษณ์​”

“เพราะว่า​เขา​อัปลักษณ์​ จึงไม่เป็นที่​ต้อนรับ​จาก​ผู้คน​”

ผู้พิทักษ์​ซ้าย​กลืนน้ำลาย​และ​รีด​เร้น​ความกล้าหาญ​ออกมา​ “ทุกๆ​ คน​เริ่ม​จะโห่ร้อง​ขับไล่​เขา​ และ​มอง​เขา​เป็น​สัตว์ประหลาด​มาร​ร้าย​ และ​ยังมี​ตัวตน​บรรพกาล​หลาย​ตน​ที่​รู้​ว่า​เขา​กลับ​ชาติ​ลงมา​เกิด​ และ​รู้​ว่า​นี่​คือ​จังหวะ​อัน​ดี​ที่จะ​กำจัด​เขา​ ดังนั้น​พวกเขา​จึงลงมือ​ใส่เขา​ แต่​เพราะว่า​ศักดิ์​ฐานะ​ของ​ตนเอง​ ภูติ​บดี​ไม่ตอบ​โต้กลับ​ไป​ แต่​หลังจากนั้น​ก็​มาถึงวันที่​ภรรยา​และ​บุตรสาว​ของ​เขา​ถูก​สังหาร​ สันดาน​มาร​ของ​ภูติ​บดี​ก็​บ้าคลั่ง​หลุด​จาก​การควบคุม​ เขา​นั้น​ไม่ถูก​หลัก​กฎ​แห่ง​แดน​ใต้พิภพ​จำกัด​เอาไว้​ ดังนั้น​เขา​จึงแก้​แค้​น.​..”

เขา​เผย​สีหน้า​สยดสยอง​ และ​เสียง​ของ​เขา​ก็​แหบ​พร่า​ “ข้า​ได้ยิน​ว่า​มีเทพ​บรรพกาล​มากมาย​ที่​ตก​ตาย​ลง​ไป​ และ​ครึ่ง​เทพ​ที่​ถูก​ปลิดชีวิต​ก็​มีจำนวน​นับไม่ถ้วน​ หลังจาก​ภูติ​บดี​กลับมา​ เขา​ก็ได้​ตรึง​สะกด​ร่าง​กลับ​ชาติ​ของ​เขา​เอาไว้​ และ​ปล่อย​ให้​ร่าง​กลับ​ชาติ​ของ​เขา​ทนทุกข์ทรมาน​อยู่​ที่นี่​”

ตำนานเทพกู้จักรวาล

ตำนานเทพกู้จักรวาล

Score 10
Status: Completed

อ่าน ตำนานเทพกู้จักรวาล PDF ตอน 1 – 443 คลิกเพื่ออ่าน

( อ่านต่อด้านล่าง )


ในดินแดนรกร้าง ยังมีหมู่บ้านประหลาดซึ่งเต็มไปด้วยผู้เฒ่าพิการ ขาเป๋ เป็นใบ้ ตาบอด หูหนวก

เหล่าคนชราเก็บทารกแรกคลอดที่ลอยน้ำผ่านมาได้ เลี้ยงดูจนเติบใหญ่และตั้งชื่อให้ว่า… ฉินมู่

ฉินมู่ หนุ่มน้อยหน้าซื่อตาใสเจ้าของรอยยิ้มกระชากใจ ‘พี่สาว’ ทั้งหลาย แต่ทำให้ศัตรูเดือดแค้นเจียนตาย

บางคนก็เรียกเขาว่ากวางน้อยเซ่อซ่าที่เห็นเรื่องตื่นเต้นที่ไหนก็โดดไปมุงดู

ไม่ว่าเทพกับมารตีกัน ใครจะยกทัพไปยึดโลกมิติใด หลวงจีนคนนั้นจะกิ๊กกับราชาสวรรค์องค์ไหน

เป็นต้องเห็นเงาร่างหมอนี่ตลอด พับผ่าสิ!

ความอยากรู้อยากเห็นไร้สิ้นสุดของฉินมู่จะคลายปริศนาลึกลับของจักรวาลได้หรือไม่

ความลับของเทพเจ้าโบราณคืออะไร

ใครคือเงามืดที่คอยเก็บเกี่ยวต้นอ่อนของยอดยุทธ์วิชาเทวะตลอดหลายแสนปีที่ผ่านมา…

เด็กหนุ่มผู้นี้จะกลายเป็นผู้กอบกู้จักรวาลให้รอดพ้นจากการถูกทำลายล้างได้หรือไม่

นี่คือการผจญภัยของฉินมู่ผู้เจียมตัวว่าเก่งเป็นอันดับสองของทุกศาสตร์วิชาในโลก!

‘ฉินมู่กะพริบตาปริบอย่างใสซื่อ…แต่ผู้อื่นเห็นแล้วขนหัวลุกแทบตาย’

Options

not work with dark mode
Reset