บทที่ 534 รูปลักษณ์เซียน
บทที่ 534 รูปลักษณ์เซียน
ลู่หยวนพึมพำขณะมองร่างของมหาจักรพรรดิในท้องนภา จากนั้นเผยรอยยิ้มบาง “มันก็เป็นร่างจำแลงเท่านั้น ข้าสามารถบดขยี้ให้มันตายได้ด้วยการฟันเพียงครั้งเดียว!”
ตี้อู่เหอซั่นส่ายหน้าแล้วไม่เก็บคำพูดของลู่หยวนมาคิดจริงจัง
เพราะนางมาจากแดนเซียน ทำให้ทราบดีว่าผู้มีนามว่ามหาจักรพรรดิในแดนเซียนทรงพลังมากแค่ไหน!
ต่อให้เป็นจิตเทวะที่ถูกดึงออกมาโดยร่างจำแลงหรือแม้จะถูกอัญเชิญออกมาโดยวิถีสวรรค์ มันก็ต้องถูกจองจำอยู่ภายในโลกใบนี้อย่างเลี่ยงไม่ได้
แต่ก็ยังเป็นไปได้ที่จะสังหารเพียงลู่หยวนคนเดียว!
ในตอนนี้ ผู้ที่เข้ามาในซากปรักหักพังต่างกระจัดกระจายอยู่ไม่ไกล ผู้ที่คิดว่ามีพละกำลังอยู่บ้างต่างวิ่งเข้ามา
แม้แต่ละคนจะไม่กล้าเข้าใกล้เกินไป แต่พวกเขาล้วนยืนอยู่ในจุดที่สามารถเฝ้ามองสถานการณ์ได้
ถึงพวกเขาจะมาที่นี่ ต่อให้จะมีวาสนาแบบใด แต่ทุกคนก็ไม่สามารถเอาไปได้ แม้กระทั่งเพียงมองดูสถานการณ์ปัจจุบันก็ยังมีแนวโน้มที่จะได้รับผลกระทบ
แต่การต่อสู้ของลู่หยวนกับรูปลักษณ์เซียนคือเหตุการณ์ที่หาได้ยากในรอบร้อยปี!
พวกเขาไม่ต้องทำอะไรนอกจากรับชมจากด้านข้างเท่านั้น!
เมื่อฝูงชนได้ยินคำพูดอันอวดดีของลู่หยวน ทุกคนก็เริ่มพากันสนทนา ผ่านไปสักพัก ความหลายหลากก็ปั่นป่วนไปทั่ว
“บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ควรค่าแก่การเป็นสมาชิกแห่งแดนเหนือ เขาถึงขั้นกล้าต่อสู้กับรูปลักษณ์เซียนเพียงลำพัง! หลังจากวันนี้ไป เกรงว่าตำนานของเขาจะยิ่งถูกจารึกเอาไว้!”
“ใช่แล้ว ใช่แล้ว ความสำเร็จแต่ละอย่างที่บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ทำ เกรงว่าคงไม่มีใครในแผ่นดินหยวนหงสามารถเทียบเคียงเขาได้! หากสวรรค์ไม่ให้กำเนิดเขาขึ้นมา มหาวิถีก็คงเป็นได้เพียงค่ำคืนอันยาวนานเท่านั้น!”
“อา~ ข้านับถือบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่~ ข้าได้ยินมาว่ามีสาวใช้มากมายอยู่รายล้อม~ ไม่รู้เลยว่าความมั่งคั่งของข้ามากพอจะพิชิตความโปรดปรานของเขาได้หรือไม่~”
“เพ้อเจ้อ เจ้าเป็นผู้ชาย คิดหรือว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่จะยอมรับเจ้า? หากเจ้ากล้าก้าวออกไปละก็ เขาต้องฆ่าทิ้งอย่างแน่นอน!”
หลังจากฝูงชนทั้งหลายรู้สึกหนาวเหน็บ พวกเขาก็เริ่มสรรเสริญอีกฝ่าย ดูท่าว่าลู่หยวนจะเป็นคนแรกในใต้หล้าที่เป็นแบบอย่างให้กับผู้คนทั้งหลาย!
แน่นอนว่ามีบางคนแสดงความเหยียดหยันหลังจากได้ฟังคำชื่นชมดังกล่าว
ผู้ชายในชุดสีขาวเย้ยหยัน “เหอะ… มหาวิถีเป็นเพียงค่ำคืนอันยาวนานงั้นหรือ? ขอบังอาจถามเสียหน่อย เจ้าคิดว่าพวกข้าตำหนักประตูสวรรค์ไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้วหรือไง?!”
ใครบางคนที่อยู่ข้างกายยังคงเอ่ยต่อ “พวกที่อยู่ในแดนเหนือต่างเป็นคนป่าเถื่อน ข้าได้ยินมาว่าหลังจากจบสงครามครั้งใหญ่เมื่อสามแสนปีก่อน ยอดฝีมือบางส่วนที่มีพลังต่อสู้ยอดเยี่ยมได้เดินทางไปที่นั่นเพื่อสืบพันธุ์ลูกหลานและสร้างกลุ่มชาติพันธุ์ พวกเขาตั้งรกรากอยู่ที่มุมหนึ่ง และทำแค่เพียงเฝ้ามองบางสิ่งเกี่ยวกับพลังต่อสู้เท่านั้น ช่างหน้ามืดตามัวเหลือเกิน”
“มันก็จริง เหอะ คุณชายดีกว่าลู่หยวนในทุกด้าน! แม้กระทั่งตอนนี้คุณชายก็ยังเติบโต ไม่มีใครสามารถทำให้เขาตามหลังได้แม้แต่คนเดียว! ไม่ว่าจะพลังต่อสู้หรือกลยุทธ์ เขาก็เหนือกว่าทั้งสิ้น! ตอนนี้ทั่วทั้งห้าดินแดนล้วนแล้วแต่…”
ผู้ชายในชุดขาวหยุดคำพูดของอีกฝ่ายทันเวลา ”เหอะ อีกไม่นาน พวกเจ้าจะรู้เองว่าใครกันแน่ที่แข็งแกร่งที่สุด! ยอดฝีมือที่รู้เพียงวิธีต่อสู้จะไปทำอะไรได้? ลู่หยวนจะสามารถต้านทานพลังที่ยิ่งใหญ่กว่านับพันเท่าหรือต่อสู้กับแนวคิดทั่วหล้าเพียงลำพังได้งั้นหรือ?!”
คำพูดของชายผู้นี้ย่อมลอยเข้าหูของผู้คนทั้งหลายในแดนเหนือ พวกเขามาจากสถานที่เดียวกับลู่หยวนก็เลยนับว่าอยู่ฝั่งเดียวกับอีกฝ่ายมานานแล้ว การที่คนเหล่านี้ดูถูกลู่หยวนก็ไม่ต่างอะไรกับการตบหน้าพวกตนเอง!
คนเหล่านี้ที่ถูกเรียกว่า ‘ยอดฝีมือ’ ในแดนเหนือต่างมองหน้ากัน จากนั้นก็จับอาวุธเพื่อเริ่มเข่นฆ่าผู้คนเมื่อครู่อย่างดุเดือด!
ฝูงชนเริ่มทำการต่อสู้อย่างรวดเร็ว ไม่ทราบว่ามีผู้คนข้องเกี่ยวกับความโกลาหลครั้งนี้มากแค่ไหน
ลู่หยวนเหลือบมองที่นี่ก่อนจะได้ยินเสียงลุ่มลึกดังมาจากท้องนภา
“เจ้าหนู เจ้าทำตัวอวดดีหยิ่งผยองเกินไปแล้ว…”
รูปลักษณ์เซียนเอ่ย “แม้สิ่งที่กำลังเผชิญหน้ากับเจ้าเป็นเพียงจิตเทวะจากร่างจำแลงของข้า ประกอบกับแดนเซียนก็แยกออกจากแผ่นดินขนาดเล็กจนทำให้พลังของข้าอ่อนแอครั้งแล้วครั้งเล่า แต่แค่นั้นก็มากพอที่จะกำราบเจ้าได้”
“หากเจ้าโกหกว่าสามารถต่อสู้หรือถึงขั้นเอาชนะจนปลิดชีพข้าได้ด้วยการฟันเพียงครั้งเดียว… เหอะ… มันก็ดูออกจะมากเกินไปหน่อย!”
ลู่หยวนยิ้มหยันขณะยกง้าวในมือ จากนั้นก็ทำการเสียบลงกับพื้นอย่างรุนแรง!
อำนาจจักรพรรดิมหาศาลเริ่มพลุ่งพล่านออกมาจากเขา แล้วอำนาจมังกรก็ถูกเปิดเผยออกมาเช่นกัน
กลิ่นอายของราชาเผ่าพันธุ์มนุษย์กับเผ่ามังกรปกคลุมทั่วฟ้าดินในทันที!
คนเหล่านั้นที่กำลังต่อสู้กันอุตลุดก็ถูกกำราบในทันที!
พวกเขาทุกคนต่างย่อกายราวกับโลหิตถูกควบคุมด้วยพลังที่ไม่สามารถเพิกเฉยได้!
ลู่หยวนหันมามองตี้อู่เหอซั่น ดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยกลิ่นอายของราชาผู้ดูแคลนทั่วหล้า
แม้ตอนนี้ตี้อู่เหอซั่นจะยืนอยู่ในระนาบเดียวกับลู่หยวน นางก็ยังรู้สึกเหมือนโดนอีกฝ่ายดูถูก
ตี้อู่เหอซั่นตกอยู่ในภวังค์ชั่วขณะราวกับสิ่งมีชีวิตที่คืบคลานอยู่ใต้เท้าของลู่หยวน!
เมื่อลู่หยวนฟาดฟันดาบออกไป เพลิงขุนพลสวรรค์ยังคงลุกไหม้ขณะกลืนกินสรรพสิ่งรอบข้างอย่างรวดเร็ว “ข้าจะให้โอกาสเจ้าเพียงครั้งเดียว ยอมจำนนหรือตาย!”
หัวใจของตี้อู่เหอซั่นเต้นรัว ตอนนี้เองที่เสียงฟ้าร้องยังคงดังกึกก้องทั่วท้องนภา
“เหอะ เจ้าหนู เจ้าคิดหรือว่าข้าคนนี้จะตาย!”
ทันทีที่สิ้นคำ ร่างสีทองบนท้องนภาพลันคว้าลู่หยวนด้วยมือขนาดใหญ่!
มือดังกล่าวกดทับห้วงอากาศจนพังทลายไปตลอดทาง แล้วมันก็บดขยี้มาทางลู่หยวน!
กลิ่นอายซึ่งเป็นของมหาจักรพรรดิแห่งแดนเซียนอยู่ข้างลู่หยวนประหนึ่งตาข่ายสวรรค์ที่กักขังเขาเอาไว้อย่างแน่นหนาอยู่นานแล้ว!
ลู่หยวนละสายตาจากตี้อู่เหอซั่นก่อนมือขนาดใหญ่จะเคลื่อนถึงตัวอย่างรวดเร็ว เมื่อหันสายตามามอง มันก็บดบังท้องนภาก่อนนิ้วทั้งห้าจะกางออกเพื่อคว้าร่างของเขาเอาไว้!
นิ้วทั้งห้าพลันโอบรัด แล้วแรงกดดันมหาศาลไร้ใครเทียบก็เริ่มกระจายออกมาจากมือดังกล่าว
แรงกดดันระลอกแล้วระลอกเล่าประหนึ่งกระบี่สังหารเทพที่ตรงเข้าหาลู่หยวนเพื่อหมายจะปลิดชีพ!
เมื่อแรงกดดันเหล่านี้บดขยี้ห้วงอากาศจนพังทลายและแตกสลาย แม้กระทั่งหลุมดำที่พยายามจะปกคลุมห้วงอากาศก็แตกสลายเพราะแรงกดดันดังกล่าว!
ตูม!
นิ้วทั้งห้าโอบรัดลู่หยวนเอาไว้อย่างแน่นหนา
รูปลักษณ์เซียนซึ่งอยู่เหนือห้วงอากาศยิ้มหยัน “เจ้าพูดจาเสียใหญ่โต แต่กลับไม่สำแดงอุบายเลยสักครั้งงั้นหรือ?”
“ข้ายังไม่ได้ใช้ความสามารถเลยสักครั้ง! ชิ นึกแล้วเชียวว่าโลกใบนี้มันมีแต่ขยะ!”
รูปลักษณ์เซียนกำมืออีกครั้ง แล้วกลิ่นอายซึ่งเป็นของมันก็กระจายออกไปเพื่อหมายจะสังหารอีกครั้ง
หลังจากมั่นใจแล้วว่าลู่หยวนไม่มีโอกาสรอด มันก็เอ่ยกับห้วงอากาศไร้พรมแดน “ชายหนุ่มผู้นี้คุ้มค่ากับที่วิถีสวรรค์จะอัญเชิญข้ามาที่นี่เชียวหรือ?”
ไม่มีคำตอบจากห้วงอากาศดังกล่าว หมู่เมฆยังคงก่อตัวหนาดังเดิม
ตี้อู่เหอซั่น อู๋เต้า และเจิ้งชิงเทียนล้วนจับจ้องท้องนภา ทว่าอู๋เต้ากับเจิ้งชิงเทียนทราบว่าลู่หยวนยังไม่ตาย
เนื่องจากสายสัมพันธ์พิเศษระหว่างพวกเขา หากลู่หยวนตาย สายสัมพันธ์นี้ก็จะพังทลายลง
แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาประหลาดใจยิ่งกว่าก็คือลู่หยวนยังไม่ตายงั้นหรือ?!