ตอนที่ 288 กลุ่มการค้าแห่งอาณาจักร
「ดีใจที่เห็นคุณกลับมาอย่างปลอดภัยนะคะ มาสเตอร์」
ต้องขอบคุณความพยายามของดยุกดรากูนอทที่ทำให้ผมถูกยอมรับจากกษัตริย์คานาเรียให้กลายเป็นลอร์ดแห่งทีทิสได้ พอเสร็จงานก็ได้เวลากลับอิชกะเสียที
เนื่องจากกษัตริย์ไม่สามารถมอบตำแหน่งให้ผมได้ในทันทีเพราะเรื่องการเตรียมพิธีการและจัดการกับพวกระดับสูงให้เรียบร้อยนิดหน่อย อ๊ะจริงสิ พอจะได้รับตำแหน่งแล้วจะให้เรียกกษัตริย์ก็คงไม่ได้ ต้อง ฝ่าบาทแล้วสิน้อ
เอาเป็นว่าเมื่อกลับมาถึงคฤหาสน์เมืองอิชกะ ก็พบว่ามิโรสลาฟกำลังรอคอยผมและทักทายเกินเบอร์พอตัว
คือมันก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเราเจอกันหลังกลับมาจากเกาะหรอก แต่จอมเวทสาวผมแดงคนนี้ก็ก้มหัวให้กับผมเหมือนเป็นข้ารับใช้ คราวก่อนที่พวกผมเจอกันก็เป็นตอนที่พาคาการิไปยังป่าทีทิสนั่นแหละ แน่นอนว่าผมได้เจอลูนามาเรียกับวิสทีเรียด้วย
ผมได้เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นบนเกาะให้พวกเธอฟังทั้งหมด ก็ตามที่คาดมิโรสลาฟสามารถตามเรื่องราวทั้งหมดและช่วยคิดแผนการต่อจากนี้สำหรับการอพยพไว้แล้ว
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่มิโรสลาฟกลับมายังเมืองอิชกะเพียงลำพังในขณะที่ลูนามาเรียกับวิสทีเรียกำลังอยู่ที่ป่า เธอต้องการจัดการเรื่องของคาการิ
ส่วนถ้าถามว่าผลงานที่เธอทำระหว่างที่ผมไปกำจัดพวกโจรมีเขามาริสและเจรจากับดยุกดรากูนอทเรื่องพวกคิจินแล้วละก็――
「กลุ่มการค้าซัลซ่าเป็นยังไงบ้าง? 」
「พ่อของฉันยินดีให้ความร่วมมือค่ะ」
ทางนั้นก็คงจะเห็นผลกำไรจากการเจรจาคราวนี้แน่ ผมจึงให้มิโรสลาฟเป็นตัวกลางขอความร่วมมือจากซัลซ่าในเรื่องการอพยพที่จะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ ให้เจาะจงก็คือผมอยากให้พวกเขาหาเสื้อผ้า อาหารสำหรับพวกคิจินที่อพยพมา
ก็จริงว่าหากมีแค่คนร้อยสองร้อยคน พวกผมคงพอจัดหาอะไรได้ แต่หากเป็นพันเป็นหมื่นยังไงก็ไม่มีหวัง ดังนั้นผมจึงต้องยืมมือกลุ่มการค้าใหญ่ยักษ์แทน
แล้วกลุ่มการค้าที่โตขนาดนั้นซึ่งเส้นสายของผมพอจะสรรหาได้ก็คือซัลซ่า
คงรู้กันอยู่แล้วว่า ซัลซ่าคือกลุ่มการค้าที่ตระกูลของมิโรสลาฟเป็นผู้ดูแล โดยพวกเขาเป็นถึง 1 ใน 3 กลุ่มการค้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในคานาเรีย แต่ถึงจะบอกว่า 1 ใน 3 ความแตกต่างของระดับ 3 กับ 1 2 ก็ค่อนข้างมากจนเรียกได้ว่าเศรษฐกิจของคานาเรียอยู่ในกำมือของ 2 อันดับแรกอย่างแท้จริง
พ่อของมิโรสลาฟที่ตามหลังพวกนั้นอยู่ จึงวางแผนจะใช้ลูกสาวของตนเอาชนะใจผมมาสักพักได้แล้ว หากเขาสามารถเอาลูกสาวของตนมาแต่งงานกับชายที่กำลังจะได้แต่งงานกับคลอเดีย ดรากูนอท (ซึ่งเขาคิดเอาเอง) เขาก็จะสามารถสร้างเส้นสายกับดยุกดรากูนอทได้ด้วย
โดยส่วนตัวผมก็ไม่ได้อยากจะช่วยเหลือกลุ่มการค้าซัลซ่านักหรอก ทว่าความสะดวกในการใช้งานผ่านมิโรสลาฟมันก็เป็นของจริง เอาเป็นว่าอย่างน้อยก็คงต้องสร้างสัมพันธ์ประมาณว่าสั่งตัดชุดพิธีการสำหรับผมกับคลอเดียไว้แล้วกัน
อย่างไรก็ตามถึงจะเป็นซัลซ่าที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของคานาเรียแต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายอยู่ดีที่จะหาเสบียงให้กับคนเป็นพันเป็นหมื่น ในขณะที่ประเทศกำลังวุ่ยวาย ทั้งเรื่องงานแต่ง เรื่องโจร แต่ปัญหาใหญ่สุดก็คือผมก็ไม่มีทุนมากพอจะไปซื้อของให้พอกับจำนวนคน
ตอนนี้ผมก็เลยให้เขาจัดหาสิ่งของสำหรับคนสัก 100 คนไว้ก่อน หากได้สัก 100 ก็น่าจะพอเป็นทีมตั้งต้นในการล่าพวกมอนสเตอร์หาทุนต่อ
เรื่องนี้ผมได้คุยกับคาการิไว้แล้ว
ให้ทีมหน่วยสำรวจ 100 คน เดินทางมาจากคิไค เพื่อสำรวจป่าทีทิสและหาทุนโดยล่าพวกมอนสเตอร์ นอกจากนี้ก็อาจจะช่วยคาการิที่ได้รับคำแนะนำจากลูนามาเรียและคนอื่นๆ เรื่องป่าทีทิสด้วย อีกมุมหนึ่งก็คือการสร้างความมั่นใจนั่นแหละ ไหนจะเรื่องการสร้างโกดังสำหรับเก็บเสบียงล่วงหน้าอีก
ผมได้ถามมิโรสลาฟต่อ
「แล้วราคาที่ต้องจ่ายในคราวนี้คือการสร้างเส้นสายกับดยุกดรากูนอทเหรอ? 」
「ไม่ถึงขนาดนั้นค่ะ เงื่อนไขที่ฉันยื่นไปคือการรับประกันตำแหน่งในการจัดหาอาหารและวัสดุการก่อสร้างที่จำเป็นในเขตซึ่งจะกำเนิดขึ้นมาใหม่」
「มันก็ฟังดูดีนะแต่ว่า……」
ผมมองด้วยความสงสัย
ถึงมันจะฟังดูดีที่บอกว่าได้เป็นกลุ่มการค้าแห่งอาณาจักร (ผู้จัดหาสินค้าให้กับขุนนางเฉพาะคน) แต่บริษัทซัลซ่าจะคุ้มค่าที่ลงแรงไปหรือทั้งๆ ที่อีกฝ่ายเป็นเพียงขุนนางหน้าใหม่
จะบอกว่าเขาเห็นโอกาสในการค้าสำหรับผู้อพยพที่จะตามมาทีหลังอีกจำนวนมากก็คงไม่ใช่เพราะผมไม่ได้ให้ข้อมูลเรื่องพวกคิจินกับพ่อของเธอเลย
พวกคิจินตกเป็นเป้าของการรังแกมาอย่างยาวนานเนื่องจาก มหาสงครามเมื่อ 300 ปีก่อน ยิ่งไปกว่านั้นเขาบนหัวของพวกเขาก็เป็นไอเทมเวทมนตร์ระดับสูงที่ทำเงินได้มหาศาล จึงทำให้พวกเขาเหลือกันอยู่ไม่มากในทวีปหลัก
แล้วตัวผมที่กำลังพยายามจะย้ายพวกคิจินไปยังป่าทีทิสในจำนวนหลักหมื่นนี่คงไม่ใช่เรื่องเล่นๆ
หากพ่อของมิโรสลาฟรู้เรื่องนี้เข้า เขาคงจะถามแน่ๆ ว่าพวกคิจินไปอยู่ไหนกันมาถึงได้เหลือมากขนาดนี้ หากไม่ตอบหรือเลือกเมินไปก็คงไม่ดีนักสำหรับการเจรจากับอีกฝ่าย
นอกจากนี้พ่อของมิโรสลาฟก็เป็นเพียงคนธรรมดา หากไปบอกเรื่องคิไค จ้าวมังกร ลัทธิแห่งแสง แผนการของตระกูลมิตสึรุกิ และอีกมากมายคงได้ปวดหัวตายเอา
เลวร้ายสุดก็คือเรื่องพวกนี้จะหลุดออกไปยังภายนอกแล้วทั่วทวีปก็จะตกอยู่ในความวุ่นวาย ดังนั้นผมจึงไม่เผยเรื่องทั้งหมดให้เขาฟัง
หากพวกผมจะประกาศถึงตัวตนของพวกเขาอย่างน้อยก็ต้องให้เรื่องเจรจาการอพยพเรียบร้อยเสียก่อน ไม่สิเป็นไปได้ก็อยากจะประกาศหลังพวกเขาย้ายกันเสร็จหมดแล้ว
――แต่ก็นะ ถ้าเห็นคนจำนวนมากสวมผ้าคลุมหัวเดินผ่านไปตามเมืองต่างๆ ถึงจะไม่คิดสนใจยังไงมันก็ต้องจำได้บ้างแหละ ความลับที่หวังจะเก็บไว้หลังการอพยพเสร็จสิ้นยังไงก็เป็นไปไม่ได้ อีกอย่างมิโกะคนปัจจุบันของฝ่ายจ้าวมังกรคงเคลื่อนไหวเหมือนกันแน่
สรุปก็คือถึงจะรู้ว่าเรื่องจะแดงแน่ๆ แต่ตอนนี้ก็เร็วเกินไปที่จะให้พ่อของมิโรสลาฟรู้
ก็ไม่คิดหรอกนะว่ามิโรสลาฟจะทรยศผมแล้วเอาเรื่องพวกนี้ไปบอกพ่อเธอเพื่อเจรจา ทว่าผมก็ยังแปลกใจอยู่ดีที่พ่อของเธอพอใจกับการเป็นเพียงผู้จัดหาให้กับขุนนางที่กำลังเกิดใหม่อย่างผม แทนที่จะเป็นการขอเส้นสายไปสู่ตระกูลดยุกดรากูนอทเลย
พอผมถามไป มิโรสลาฟก็ตอบอย่างง่ายดายราวกับว่าเป็นเรื่องที่สมควรอยู่แล้ว
「พ่อของฉันเติบโตมาจากการเป็นเพียงแต่เจ้าของร้านขายเสื้อผ้าเล็กๆ ก่อนจะไต่เต้ามาเป็นกลุ่มการค้าระดับสูงของอาณาจักร ดังนั้นฝีมือในการจัดหาเสื้อผ้าหรือเสบียงสำหรับผู้คนนั้นย่อมเคยผ่านมือเขามาหมดแล้ว เขาจึงมองว่าเป็นโอกาสดีในการสร้างสัมพันธ์อันดีกับมาสเตอร์ผู้เป็นดราก้อนสเลเยอร์ด้วยงานเล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้ค่ะ」
มิโรสลาฟกล่าวเสริมอีกว่า เธอไม่จำเป็นต้องใช้คำพูดอะไรโน้มน้าวพ่อเธอนักเลย
พอได้ยินมาจากปากของลูกสาวผู้นำกลุ่มการค้าเองแบบนี้ก็คงงั้นมั้ง
เขาอาจจะมองเห็นผลประโยชน์ที่ตนรับคำขอของดราก้อนสเลเยอร์ก็ได้
ถึงผมจะถูกเรียกว่าดราก้อนสเลเยอร์ แต่ก็ไม่กลุ่มคนไม่น้อยเหมือนกันที่มองว่าผมเป็นของปลอม แถมผมมองว่าชื่ออย่างดราก้อนสเลเยอร์นี่มันไม่ได้มีคุณค่าอะไรในเชิงพาณิชย์เท่าไหร่ ทว่ามันก็ถูกปฏิเสธด้วยคำพูดของมิโรสลาฟ
「ชื่อของดราก้อนสเลเยอร์นั้นยิ่งใหญ่กว่าที่คุณคิดมากนะคะมาสเตอร์ หากมีใครรู้ว่าดราก้อนสเลเยอร์ได้กลายเป็นลอร์ดแห่งทีทิสขึ้นมา คนทั้งประเทศก็ต้องให้ควมสนใจอยู่แล้วว่ากลุ่มการค้าใดกันที่คอยสนับสนุนดราก้อนสเลเยอร์อยู่ นอกจากนี้ยังสามารถใช้ชื่อของมาสเตอร์ในการเจรจาภายภาคหน้าได้อีกด้วยค่ะ」
「ขนาดนั้นเลยเหรอ」
ผมที่ไม่ค่อยมีหัวเชิงเจรจาธุรกิจอะไรก็พยักหน้าไปตามที่เธอบอก ทางมิโรสลาฟก็ยิ้มออกมา
「ก็ประมาณนั้นแหละค่ะ」
「……ท่าทางเธอดูมีความสุขนะ ไปเจออะไรดีๆ มาล่ะ? 」
「มันเป็นความยินดีที่ฉันมีประโยชน์และสามารถช่วยเหลือคุณค่ะมาสเตอร์ 」
หลังจากพูดจบ เธอก็แสดงสีหน้าเศร้าออกมาเล็กน้อย
「ตอนนี้ตัวฉันไม่สามารถยืนหยัดสู้เคียงข้างมาสเตอร์ได้ค่ะ ฉันไม่สามารถเทียบกับคิจินเด็กที่ชื่อว่าคาการิได้เลย ไหนจะมีคุณไคลอา คุณเออซูร่าอีก ทว่าหากเป็นเรื่องการค้า ฉันมันใจค่ะว่าตัวเองจะมีประโยชน์กับมาสเตอร์มากกว่าทุกคน」
「ใช่ซะที่ไหนกัน โพชั่นที่เธอพัฒนาขึ้นมีประโยชน์มากเลยนะตอนเข้าไปยังคิไค นอกจากนี้เธอก็คอยดูแลแคลนของเราที่อิชกะนี้ระหว่างฉันไม่อยู่ใช่ไหมล่ะ จะว่าไปดูเหมือนเธอพยายามจะตามฉันในด้านการต่อสู้ให้ทันสุดตัวเลยนี่? 」
「อ๊ะ…เอ่อ..คือว่า มันก็ใช่อยู่หรอกค่ะ แต่….」
พอผมถามไปแบบนั้นมิโรสลาฟก็กะพริบตาด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะถามผมด้วยท่าทีขวยเขิน
「ก็แปลว่า…มาสเตอร์รู้แล้วเหรอคะ ว่าฉันกำลังวิจัยอะไรอยู่? ลูน่าใช่ไหมคะที่เป็นคนบอก……」
「ก็ไม่นะ ฉันไม่ได้ถามหรอก แต่ตัวเธอน่ะไม่มีทางพูดว่าตัวเองไม่มีประโยชน์ในด้านการต่อสู้หรอกหาก ไม่คิดจะตั้งใจตามฉันให้ทันในอนาคต นอกจากนี้――」
「นอกจากนี้? 」
「มิโรสลาฟ ซัลซ่าที่ฉันรู้จักน่ะไม่ใช่คนประเภทที่จะยอมอยู่ในตำแหน่งไร้กำลังไปตลอดหรอก」
พอพูดจบ มิโรสลาฟก็เหมือนจะเหม่อไปสักพักราวกับพูดอะไรไม่ออก
ไม่นานนัก จอมเวทย์สาวผมแดงก็สงบสติอารมณ์ลงได้ ก่อนจะเปิดปากของเธอพร้อมกับกุมมือทั้งสองข้างไว้ที่หน้าอกตนราวกับกำลังกุมบางอย่างที่แสนสำคัญไว้อยู่
「ถูกต้องแล้วค่ะ แค่เพราะตอนนี้ตัวเองไม่มีประโยชน์ใช่ว่าฉันจะหยุดเสียหน่อย ขอบคุณมาสเตอร์มากเลยนะคะ ที่ทำให้ฉันได้เห็นความอ่อนแอของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นจากตัวมาสเตอร์เอง หรือพวกพ้องที่คุณนำกลับมาด้วย」
พอพูดจบมิโรสลาฟก็ยิ้มออกมา
มันเป็นรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจในชัยชนะของตน ดั่งตอนที่เธอเคยสังกัดอยู่กับดาบฮายาบุสะ
——-
Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code