การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ 286 เตรียมตัว

ตอนที่ 286 เตรียมตัว

ตอนที่ 286 เตรียมพร้อม

 

「――แบบนี้นี่เอง มีเรื่องแบบนี้เกิดในวังตอนฉันอยู่บนเขามาริสสินะ」

 

 

 

 

หลังปราบพวกโจรบนเขามาริสเสร็จ ผมก็กลับมายังคฤหาสน์ดรากูนอทพร้อมกับแอสทริด ดยุกดรากูนอทก็ได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง

 

 

ก็เคยได้ยินชื่อของผู้บงการอย่างดยุกโควิสอยู่หลายครั้งหรอกแต่มันก็ไม่ได้ทำให้ผมคิดอะไรเป็นพิเศษ

 

 

เพราะตั้งแต่ผมเดินทางมายังคานาเรียหลังถูกเนรเทศ คนที่รับตำแหน่งตรงนั้นก็เป็นดยุกดรากูนอทไปแล้ว ถึงในอดีตดยุกโควิสจะเคยมีหน้ามีตาขนาดไหน สำหรับผมเขาก็เป็นเพียงขุนนางทั่วไปไม่ต่างกับคนอื่น

 

 

ทว่าสำหรับดยุกดรากูนอท อีกฝ่ายคงเป็นคนที่ตนให้ความเคารพมาก สีหน้าของดยุกระหว่างเล่าเลยไม่สู้ดีนัก แอสทริดที่นั่งอยู่ข้างๆ เขาก็เหมือนจะสับสนเอามากๆ

 

 

พอคนเป็นพ่อเห็นอาการของลูกสาวเช่นนั้น เขาก็พยายามลูบใบหน้าของเธอเบาๆ

 

จากเรื่องในคราวนี้ ดยุกโควิสได้ถูกคุมขังภายในวังเพื่อหาทางจัดการต่อไป

 

 

 

แต่เรื่องนี้มันค่อนข้างอ่อนไหวจะให้ตัดสิทโทษของเขาอย่างเป็นทางการก็ไม่ได้ ด้วยเหตุนี้ผมจึงมองว่าเขาคงได้ถูกขังลืมจนตายแน่

 

 

 

ทางตระกูลโควิสก็คงจะได้ลูกชายของดยุกเป็นคนดูแลต่อ แต่ระหว่างนี้ทางกษัตริย์ก็ได้ให้คนของตัวเองมาจัดการอะไรให้ลงตัวไปก่อนด้วยการอ้างเหตุผลต่างๆ นาๆ

 

จากนั้นก็มีเรื่องของวิหารเทพแห่งกฎหมายเข้ามาเกี่ยวด้วย

 

 

「ดูเหมือนว่าท่านเซเรมจะขอให้พวกครูเซเดอร์ของวิหารไปประจำอยู่ที่ป่าทีทิสเป็นการถาวรตามที่สันตะปาปาโนอาห์ร้องขอแล้วนะ」

 

 

 

「พวกครูเซเดอร์เหรอครับ? 」

 

 

ผมขมวดคิ้วถาม ทางดยุกก็ตอบกลับอย่างจริงจัง

 

「ใช่แล้ว ก็อย่างที่ท่านโซระรู้ ว่าสันตะปาปาได้สร้างบาเรียที่ป่าทีทิสก่อนพิธีแต่งงานเพื่อไม่ให้พิษของมันแพร่กระจายต่อ จากที่ท่านประเมินเหมือนท่านจะมีความกังวลว่าพิษดังกล่าวจะมีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ จนบาเรียไม่สามารถคงอยู่ได้นานนัก ท้ายที่สุดป่าก็อาจจะถูกทำลายลง」

 

 

 

「ก็เลยจำเป็นต้องให้คนของทางนั้นมาประจำการอยู่สินะ」

 

 

「อย่างที่ท่านพูด ทางท่านเซเรมเองก็เสนอจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายของทางวิหารเองด้วย ยังไงแม่น้ำจากป่านั่นก็นับว่าเป็นเส้นชีวิตของการเกษตรประเทศเรานี่นะ ยังไงคนของประเทศเราก็ควรปกป้องเองทางเราก็เลยปฏิเสธไปและบอกว่าจะจัดการเรื่องคนกับค่าใช้จ่ายเอง แต่ทางวิหารก็ยืนยันว่าเต็มใจที่จะทำและพร้อมให้ความช่วยเหลือ นับว่าเป็นบุญของประเทศเสียจริงแม้จะตกอยู่ในสภาวะเช่นนี้……」

 

 

 

 

พอพูดจบดยุกก็ถอนหายใจออกมา

 

 

 

ก็จริงอยู่ใจของเขารู้สึกขอบคุณ แต่ก็ใช่จะยอมรับได้ง่ายๆ เพราะในอีกมุมหนึ่งมันก็เหมือนกับว่าคนของประเทศอื่น หรือสันตะปาปาโนอาห์แห่งคาริทัสได้ส่งกองกำลังของตัวเองเข้ามาคานาเรียโดยที่ทางคานาเรียไม่สามารถขัดได้

 

 

ก็นะใครมันจะไปปฏิเสธคำขอของทางนั้นได้ตรงๆ แถมบุญคุณที่ช่วยเปิดโปงความผิดของดยุกโควิสและปิดเรื่องไม่ให้แดงก็ค้ำคออยู่ ไหนจะตอกฝาโลงด้วยการบอกว่าจะรับผิดชอบเรื่องค่าใช้จ่ายเอง

 

 

ดยุกดรากูนอทรู้สึกได้ทันทีว่าตั้งแต่ตนได้ยินคำขอนี้ ความสงสัยภายในใจของเขาก็เพิ่มพูนขึ้นกว่าเดิม

 

 

 

เพราะมันคือความปรารถนาดีจากนครศักดิ์สิทธิ์ที่มากเกินไปจนชวนให้รู้สึกขนลุก พวกเขาพยายามช่วยเหลือเปิดโปงความผิดของดยุกโควิสในเรื่องนี้หากจะทวงบุญคุณด้วยอะไรใหญ่โตก็ไม่ใช่เรื่องยากเลย แต่พวกเขากลับไม่ใช้ประโยชน์จากมัน เท่านั้นยังไม่พอยังใช้กำลังคนและทรัพยากรของตัวเองในการปกป้องป่าทีทิสที่เป็นของคานาเรียเสียอีก ไม่ว่าใครก็คิดมันว่าแปลกเกินไป

 

 

ไม่มีทางที่จะเป็นเจตนาแสนบริสุทธิ์แน่นอน การที่สันตะปาปาโนอาห์สั่งให้คนของเธอเคลื่อนไหวเองก็หมายความว่าการกระทำในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อนครศักดิ์สิทธิ์และวิหารเทพแห่งกฎหมายเป็นอย่างมากแน่นอน

 

 

น่าเสียดายที่เขายังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าผลประโยชน์นั้นคืออะไร อะไรกันที่มันดึงดูดให้พวกเขาต้องมาอยูที่ป่าทีทิสซึ่งถูกไฮดราทำลายไป ทั้งหมดนั้นคือความสงสัยของดยุกดรากูนอท

 

ฟังมาถึงตรงนี้ผมก็ไม่อยากจะบอกนะแต่ผมดันตอบคำถามของเขาได้หมดเลยนี่สิ

 

เป้าหมายของพวกนั้นคงเป็นรังมังกรที่อยู่ในป่าทีทิส หากรวมข้อมูลในคิไคกับคำพูดของลาสคาริสที่เจอในทะเลทรายคราวก่อนก็สรุปได้ประมาณนั้นแหละ

 

ในอดีตข้อมูลของผมที่ไม่มีมากพอก็เลยไม่สามารถปักใจเชื่อลาสคาริสได้ ผมก็เลยเลือกจะเก็บเรื่องนี้ไว้ในใจก่อน ทว่าพอได้เห็นสิ่งที่เกิดในคิไคก็พอจะเชื่อแล้วว่าคำพูดของหมอนั่นส่วนมากเป็นเรื่องจริง

 

 

 

ผมจึงตัดสินใจบอกทุกอย่างทั้งคำพูดของลาสคาริส เรื่องในคิไค จุดประสงค์ของวิหารเทพแห่งกฎหมาย สถานะปัจจุบันของผม รวมไปถึงคำพูดของสันตะปาปาโซเฟียให้ดยุกดรากูนอทและแอสทริดได้รับฟัง

 

 

แม้จะเป็นเรื่องที่ชวนให้แปลกใจจนทำใจเชื่อไม่ลง แต่ทั้งสองก็รับฟังอย่างจริงจังจนจบ

 

จากนั้น

 

 

 

 

「……ช่างเป็นเรื่องที่ชวนให้ประหลาดใจเสียจริง」

 

นั่นคือคำพูดแรกที่ออกมาจากปากของดยุกหลังได้ยินเรื่องราวทั้งหมด

 

 

 

 

น้ำเสียงของเขาดูหนักแน่นกว่าเดิม

 

 

 

「ไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ ว่าเป้าหมายของวิหารจะเป็นรังมังกรและยิ่งไปกว่านั้น มหาสงครามเมื่อ 300 ปีก่อนก็เป็นผลพวงมาพวกจ้าวมังกรและสันตะปาปาโซเฟีย ส่วนเรื่องของลิชที่ชื่อว่าลาสคาริส ก็อดคิดไม่ได้จริงๆ ว่าจะจริงแท้สักแค่ไหน」

 

 

 

พอได้ยินแบบนี้ แอสทริดก็มองพ่อตัวเองด้วยความกังวล

 

 

 

 

 

「ท่านพ่อ……」

 

 

 

「พ่อไม่เป็นไรหรอกแอสทริด คงคิดสินะว่าพ่อจะไม่เชื่อ นั่นสินะหากเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ท่านโซระพูด พ่อก็คงเชื่อไม่ลงเหมือนกัน」

 

 

 

แอสทริดก็ดูจะคลายกังวลลงนิดหน่อย เธอคงกังวลว่าหากพ่อของเธอปฏิเสธเรื่องที่ผมเล่าจะทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างผมกับตระกูลเธอแทน

 

 

 

ส่วนตัวผมก็นับถือทั้งสองคนมากจริงๆ เพราะผมเองกว่าจะมาถึงตรงนี้และเชื่อเรื่องราวที่ฟังมาได้ก็ผ่านอะไรมาเยอะจริงๆ การที่ทั้งสองสามารถยอมรับเรื่องที่ผมเล่าได้นับว่าดีแค่ไหนแล้ว

 

 

อดรู้สึกประทับใจไม่ได้จริงๆ

 

 

 

「ขอบคุณที่ท่านเชื่อนะครับ」

 

 

「เหตุใดต้องมาขอบคุณกัน ทางเราสิต้องขอบคุณท่าน เพราะท่านจึงทำให้พวกเราเข้าใจเป้าหมายของวิหารที่ไม่เคยสามารถทำความเข้าใจได้มาก่อน พอมาคิดดูแล้วการเคลื่อนไหวของท่านดาเรนคราวนี้ก็อาจจะถูกชักจูงโดยพวกวิหารด้วยก็ได้โดยใช้พวกผู้ศรัทธาที่ทำงานให้กับท่านดาเรน พวกนั้นคงจะปั่นหัวและปลูกฝังแนวคิดให้ท่านดาเรนว่าคานาเรียตอนนี้แย่แล้วหากไม่ทำอะไร ท่านดาเรนที่ถูกกระตุ้นในเรื่องนี้ก็――」

 

 

ดยุกดรากูนอทพูดพึมพำออกมาราวกับปรารถหาให้เป็นเช่นนั้น จากมุมของดยุกแล้วการที่ดยุกโควิสถูกชักจูงให้กระทำผิดย่อมรู้สึกดีกว่าการที่เขาตั้งใจทำด้วยตัวเอง

 

 

ส่วนตัวแล้วผมก็แอบคิดว่าทางวิหารน่าจะอยู่เบื้องหลังจริงๆ นั่นแหละ

 

 

 

ตัวตนของดยุกโควิสที่ไม่ชอบจักรวรรดิและวิหารเทพแห่งกฏหมาย ยังไงก็เป็นของแสลงที่ควรกำจัดออกไปสำหรับพวกนั้นหากต้องการขยายอำนาจในคานาเรีย

 

 

ขอแค่กำจัดดยุกโควิสไปได้ จะช่วยเหลืออาณาจักรคานาเรียมากสักแค่ไหนก็คงคุ้มค่าสำหรับพวกเขา

 

 

ดยุกกล่าวว่าหากเรื่องราวดำเนินไปในทางนี้ วิหารเทพคงจะเริ่มเดินแผนการมาตั้งแต่เมื่อ 5 ปีก่อนที่ดยุกโควิสออกจากวังไปและใช้ชีวิตหลังเกษียณที่เขตตัวเอง แต่การที่ใช้เวลาขนาดนั้นมันจะคุ้มค่าสำหรับพวกเขาจริงหรือแถมไม่รู้จะว่าสำเร็จด้วยแท้ๆ ――

 

 

 

『ถึงจะดูนานสำหรับนายแต่วิหารเทพแห่งกฎหมายที่เกิดขึ้นมาเมื่อ 300 ปีก่อนก่อนโดยมีจักรวรรดิเป็นศูนย์กลาง ก็ถือว่ามาไกลพอสมควรนะ ดังนั้นหากพวกเขาจะใช้เวลาค่อยๆ ดำเนินแผนไปก็คงไม่แปลกใช่ไหมล่ะ? 』

 

 

คำพูดของลาสคาริสในอดีตโผล่ขึ้นมา

 

มันอาจจะกลายเป็นคำตอบที่ว่าวิหารเทพแห่งกฏหมายมีส่วนในการทำลายหมู่บ้านคามูนะเมื่อ 40 ปีก่อนด้วยหรือเปล่า

 

 

สำหรับพวกนั้นแล้วที่ไล่ตามเป้าหมายมากว่า 300 ปี แค่ 40 ปีคงไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไร นับประสาอะไรกับแค่ 5 ปี

 

 

พอมาถึงจุดนี้ดยุกดรากูนอทก็ส่ายหน้าไปมาราวกับอยากขจัดความสับสนในหัวตน

 

ก่อนจะพูดขึ้นมาอีกครั้ง

 

 

 

「ท่านโซระ หากเป้าหมายของพวกมันคือรังมังกร ทางสันตะปาปาโนอาห์ก็คงไม่คิดจะถอนกองกำลังตัวเองในป่านั้นไปแน่ อีกทั้งทางเราก็ติดหนี้ก้อนโตกับทางวิหาร จึงทำให้ไม่สามารถผลักพวกเขาออกไปได้」

 

 

 

「นั่นสินะ」

 

 

「ทว่าสิ่งที่พวกเขาทำได้ก็เป็นเพียงการส่งกองกำลังเข้าไปหาใช้อำนาจในการปกครองพื้นที่ ดังนั้นหากพวกเราเคลื่อนไหวโดยการมอบสิทธิ์การปกครองป่าทีทิสให้บุคคลที่เหมาะสมพอจะคุมพวกคนของวิหารได้ ก็นับว่าเป็นการโต้กลับที่ดี โดยปกติแล้วหากจะหาคนที่ปกครองดินแดนเช่นนั้นในประเทศก็คงเป็นไปไม่ได้ ทว่า――」

 

 

เขาพูดและจ้องมายังภายในดวงตาของผม

 

 

 

สายตาของเขาดูดุดันและเริ่มถามกับผม

 

 

「คำขอของท่านโซระก่อนหน้านี้ที่บอกว่าอยากจะมีอำนาจในฐานะลอร์ดแห่งทีทิสเพื่อนำเหล่าผู้อพยพอย่างคิจินมาอาศัยภายในป่า หากข้านำเรื่องนี้ไปคุยกับฝ่าบาทโดยบอกเป้าหมายของวิหารด้วยแล้ว ข้าคิดว่าคงจะสามารถโน้มน้าวให้พระองค์รับไว้พิจารณาได้ เพราะยังไงท่านก็เป็นถึงดราก้อนสเลเยอร์แห่งคานาเรีย ประเทศเราก็คงไม่อยากจะเสียท่านไปให้กับจักรวรรดิด้วยสิ ยิ่งไปกว่านั้นฝ่าบาทควรจะรับรู้เรื่องนี้เพื่อหาทางรับมือกับความทะเยอทะยานของวิหารด้วย」

 

 

 

「ก็อย่างที่ท่านกล่าว」

 

 

「อย่างไรก็ตาม หากเรื่องราวดำเนินไปทางนี้ ท่างโซระก็จำเป็นต้องรับใช้อาณาจักรคานาเรียอย่างเป็นทางการ การกระทำของท่านคงไม่ได้ดำเนินอย่างอิสระเช่นอดีตและหากประเทศของเราขัดแย้งกับจักรวรรดิหรือนครศักดิ์สิทธิ์ ท่านก็จำเป็นต้องรับภาระในการช่วยขจัดปัญหาด้วย อีกทั้งยังมีปัญหาอีกมากทั้งจัดการกับคนของวิหาร ดูแลพวกคิจินที่ย้ายไปอยู่ในป่า ความขัดแย้งทางการเมืองภายใน ท่านจะแบกภาระเอาไว้ไหวหรือ เพราะหากถึงจุดนั้นท่านจะไม่สามารถถอยหนีได้หรอกนะ ท่านจะต้องใช้เวลาทั้งชั่วชีวิตของท่านในการดูแลป่าทีทิส」

 

 

ดยุกดรากูนอทพูดจบ ก่อนจะเงียบไปอีกสักพักแล้วถามใหม่

 

 

 

 

「ดังนั้นท่านจะยอมรับข้อเสนอของข้าหรือไม่? หากท่านตัดสินใจแล้วข้าก็จะดำเนินเรื่องต่อให้ทางฝ่าบาท」

 

 

แน่นอนว่าผมมีคำตอบในใจอยู่แล้ว

 

 

 

ผมยอมรับความจริงที่ต้องดูแลผลที่จะตามมาไปตลอดชีวิตแม้ดยุกจะไม่เป็นคนเปิดปากบอก ผมไม่มีทางมาลังเลเอาตอนท้ายหรอก

 

 

 

 

 

「ฮ่ะ ผมพร้อมรับข้อเสนอนั้น」

 

 

「――เอาล่ะ หากเป็นเช่นนี้ ตัวข้า ปาสคาล จิม ดรากูนอทผู้นี้ก็จะทำการโน้มน้าวฝ่าบาทให้สำเร็จเอง」

 

 

 

ผมก้มหัวเคารพต่อดยุกดรากูนอทที่ยอมรับคำขอของทางผมอย่างแข็งขัน

 

 

พอได้อาศัยอยู่ที่อิชกะมานานกว่า 5 ปี ก็แอบเหงานิดหน่อยเหมือนกันหากต้องลาจาก….

——–

Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code

 

 

 

 

 

 

 

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

Score 10
Status: Completed
ตระกูลมิตสึรุกิได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่สำคัญในการปกป้องประตูปีศาจจากองค์จักรพรรดิ โซระ มิตสึรุกิ ผู้เกิดมาเป็นลูกชายคนโตของตระกูล กำลังตั้งตารอพิธีตัดสินในปีที่เขาอายุครบ13ปี การทดสอบที่จำเป็นต้องเอาชนะให้ได้เพื่อเรียนรู้วิชาดาบเดียวมายาซึ่งสืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นภายในตระกูลมิตสึรุกิ พี่น้องของเขาทั้งหมดนั้นต่างก็ผ่านบททดสอบดังกล่าว จะเหลือก็เพียงโซระ บัดนี้พ่อ น้องชาย คู่หมั้น และญาติของเขาก็ต่างจับจ้องไปยังโซระที่จะเริ่มทดสอบกันอย่างเคร่งขรึม

Options

not work with dark mode
Reset