แม้ว่าในตอนแรกนางจะท้อแท้หมดกำลังใจ แต่ถึงกระนั้นพระชายาฉีอ๋องก็ไม่เคยคิดจะจบชีวิตตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากได้โอบกอดร่างเล็กๆ ของบุตรสาวในคืนวานและซึมซาบความโหยหาที่บุตรสาวมีต่อนาง ความปรารถนาที่จะมีชีวิตอยู่ก็ยิ่งทวีขึ้น
พระชายาฉีอ๋องพยายามดิ้นสุดชีวิตเพื่อเลี่ยงยาพิษที่กรอกอยู่ที่มุมปาก
“เสี่ยวหง เจ้าตายแล้วรึ” ผอจื่อแผดเสียงในขณะที่จับร่างพระชายาฉีอ๋องให้แน่นขึ้น
เสี่ยวหงที่ถูกเอ็ดเช่นนั้นก็รีบรวบมือของผู้เป็นนายหญิงเอาไว้
แต่เนื่องจากร่างกายของพระชายาฉีอ๋องผ่ายผอมลงไปมากตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ไม่จำเป็นต้องกล่าวถึงผอจื่อร่างท้วม เพราะลำพังแค่แรงของหญิงสาวร่างเล็กอย่างเสี่ยวหง นางยังสู้ไม่ได้ ฉะนั้น นางดิ้นได้เพียงไม่นานก็ค่อยๆ สงบลง
ของเหลวในขวดกระเบื้องสีขาวถูกกรอกเข้าไปในปาก นางรับรู้ได้ถึงรสขมเฝื่อน
นี่นางคงไม่รอดแล้วจริงๆ หรือ
น้ำตาหยดใสไหลรินจากตาของพระชายาฉีอ๋อง ความรู้สึกท่วมท้นพรั่งพรู
“ท่านแม่…” ประหนึ่งว่ามีเสียงขานเรียกของเด็กหญิงกระซิบแผ่วเบาที่ข้างหู
พระชายาฉีอ๋องพยายามกุมสติให้มั่น และจู่ๆ นางก็มีแรงฮึดขึ้นมาครั้ง
ในชั่วแล่น นางสะบัดร่างจนหลุดพ้นจากพันธนาการของเสี่ยวหงได้สำเร็จ นางลอดตัวออกมาจากช่องว่างระหว่างเสี่ยวหงและผอจื่อ
“เสี่ยวหง…” ผอจื่อร้องลั่นโดยพลันก่อนจะรีบสับเท้าวิ่งตามไป
เสี่ยวหงวิ่งตาม แต่แล้วจู่ๆ ขาของนางกลับอ่อนแรง ส่งผลให้นางเซไปด้านหน้า และเผอิญชนเข้ากับร่างของผอจื่อที่วิ่งนำอยู่
ผอจื่อล้มลงในท่าสุนัขก้มกินอุจจาระ นางยังไม่ทันตอบสนองก็มีวัตถุขนาดใหญ่กดทับซ้ำบนร่าง สิ่งเดียวที่ทำได้คือกรีดร้องสุดเสียง
สิ่งที่ทับอยู่บนร่างของนางคือเสี่ยวหงที่วิ่งสะดุดล้ม เด็กสาวแน่นิ่งไม่ขยับเขยื้อน
“เสี่ยวหง เจ้ากลายร่างเป็นปูนไปแล้วรึ ล้มทับคนอื่นแล้วยังไม่รีบขยับออกไปอีกเล่า” ผอจื่อโกรธเกรี้ยว ปากบ่นไปพร้อมกับพลิกตัวกลับมา และผลักร่างของเสี่ยวหงออกไปจนพ้นทาง
เสี่ยวหงร้องโอดครวญ ตัวของนางเกลือกกลิ้งไปตามพื้น
ผอจื่อไม่สนใจว่าเสี่ยวหงจะอยู่หรือตาย ทันทีที่ลุกขึ้นก็รีบวิ่งตามพระชายาฉีอ๋องไป
เพียงไม่นาน พระชายาฉีอ๋องก็วิ่งออกมาถึงหน้าเรือน แต่นางกลับวิ่งออกไปทางด้านหลัง
สาเหตุที่นางไม่ได้วิ่งไปทางด้านหน้า เนื่องจากมีองครักษ์จวนอ๋องเฝ้าประจำการอยู่ หากคนเหล่านั้นรู้เข้า นางคงถูกจับได้ในเวลาอันรวดเร็ว และนางก็คงไร้ทางรอด ฉะนั้นนางทำได้เพียงวิ่งออกไปทางด้านหลัง เพราะไม่แน่ว่านางอาจจะใช้ประตูข้างหนีออกไปได้ นี่คือหนทางรอดเดียวของนาง
แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าความหวังนั้นช่างริบหรี่ แต่พระชายาฉีอ๋องก็ไม่คิดยอมแพ้
ที่พำนักของนางอยู่ในซอกหลืบห่างไกลผู้คน เพื่อไม่ให้เป็นใครสงสัย ฉีอ๋องจึงมิได้ส่งองครักษ์มาคอยเฝ้า ดังนั้นเมื่อไม่มีผอจื่อและเสี่ยวหง ทางก็สะดวก นางวิ่งห่างออกมาระยะหนึ่งแล้ว แต่ไม่พบบ่าวรับใช้เลยสักคนเดียว
แต่ความราบรื่นนี้อยู่เพียงไม่นาน
เสียงร้องตะโกนของผอจื่อก็ดังขึ้นจากด้านหลัง “รีบไปจับตัวพระชายาเอาไว้ นางกำลังคลุ้มคลั่ง…”
บ่าวรับใช้สองสามคนที่กำลังยืนอึ้งถึงได้หลุดจากภวังค์ ทั้งหมดรีบวิ่งไล่ตามพระชายาฉีอ๋อง
พระชายาฉีอ๋องวิ่งนำ ส่วนบรรดาบ่าวรับใช้ก็วิ่งตาม ราวกับเป็นเรื่องตลก
แต่ไม่ทราบว่าด้วยเหตุอันใด ทุกคนที่วิ่งไล่ตามพระชายาฉีอ๋องกลับรู้สึกว่าเท้าของตัวเองลื่นชอบกล ทำให้พวกเขาพลาดโอกาสที่จะคว้าตัวของพระชายาฉีอ๋องอยู่ตลอดเวลา
พระชายาฉีอ๋องวิ่งวนจนน่าเวียนหัว ผมเผ้าของนางหลุดลุ่ย และในที่สุดนางก็เห็นประตูข้าง
“จ้าวจยา รีบไปจับพระชายาเร็วเข้า!”
บ่าวรับใช้ที่วิ่งตามร้องตะโกน
จ้าวจยาที่พวกนางเรียกคือหญิงชราที่ทำหน้าที่เฝ้าประตูข้าง ซึ่งในขณะนั้นนางกำลังถือกะละมังใส่น้ำใบหนึ่งเดินออกมาพอดี ครั้นเห็นพระชายาฉีอ๋องวิ่งพรวดออกมา นางก็ชะงักไป
คำสั่งนั้นเตือนให้สติของนางคืนกลับ หญิงชรารีบพุ่งตัวเข้าไปขวาง “พระชายา ท่านจะเสด็จออกไปไม่ได้นะเจ้าคะ…”
เท้าของจ้าวจยาลื่นไถลทำให้กะละมังน้ำในมือลอยลิ่วและกระแทกเข้ากับศีรษะของผอจื่อซึ่งอยู่ใกล้พระชายาฉีอ๋องมากที่สุดพอดี
ก่อนหน้านี้เสี่ยวหงล้มทับผอจื่อ ทำให้ร่างของนางปวดระบบแทบแย่ และในตอนนี้กะละมังก็ฟาดเข้าที่ศีรษะของนางอย่างแรง ดวงตาของผอจื่อกลิ้งเป็นวงก่อนที่นางจะล้มลง
แต่น่าเสียดายที่นางไม่ได้หมดสติ นางจ้องมองพระชายาฉีอ๋องวิ่งออกไปทางประตูข้างเต็มสองตา และเพียงไม่นานเงาของนางก็หายวับไป
“สวรรค์ พระชายาวิ่งออกไปที่ถนนแล้ว…” ผอจื่อร้องลั่น ความจริงอันน่าตื่นตะลึงทำให้นางเป็นลมล้มไปในที่สุด
หลายคนวิ่งผ่านร่างผอจื่อที่เป็นลมไป ในวินาทีนั้นไม่มีใครสนใจว่านางจะอยู่หรือจะตาย เสี่ยวหงที่ตะลีตะลานเผลอเหยียบเข้าที่มือของผอจื่อ
ผอจื่อร้องโหยหวน นางลืมตาตื่นและเขม็งจ้องไปที่ใบหน้าขาวซีดของเสี่ยวหง
เสี่ยวหงชะงักงัน นางกล่าวอย่างเลื่อนลอย “พระชายาวิ่งออกไปแล้ว…”
เมื่อครู่ยังเป็นลมอยู่เลย แค่เหยียบนิดเดียวก็ฟื้นเฉยเลย?
ผอจื่อไม่รู้ตัวว่าเสี่ยวหงจงใจเอาคืน นางผลักเสี่ยวหงที่ขวางทางอยู่และวิ่งไปที่ประตูข้าง
ในขณะนั้น พระชายาฉีอ๋องวิ่งออกมาถึงถนนใหญ่แล้ว
ที่ถนนนั้นมีผู้คนพลุกพล่าน ทันทีที่เห็นคนวิ่งพรวดออกมาจากจวนฉีอ๋อง ผู้คนที่อยู่ตรงนั้นต่างก็หันมามองด้วยความใคร่รู้
พระชายาฉีอ๋องวิ่งพล่านพลางร้องตะโกนไปตามทาง “ข้าคือพระชายาฉีอ๋อง ฉีอ๋องจะสังหารข้าเพื่อแต่งงานกับสตรีสูงศักดิ์…”
นางไม่กล้าเปิดโปงเสียนเฟยในที่นี้ เพราะเกรงว่าจะทำให้คนอื่นๆ ตกอกตกใจ และทำให้ตัวเองตายไวขึ้น
เรื่องฉาวโฉ่ของฉีอ๋องดึงดูดความสนใจของผู้คนได้ดีกว่า ถึงขนาดที่ต่อให้นางถูกบุรุษผู้นั้นลากตัวกลับไป เขาก็คงยังไม่กล้าลงมือสังหารนางในตอนนี้
เพราะหากทำเช่นนั้นจะเป็นการยืนยันสิ่งที่นางกล่าว
สถานการณ์สิ้นหวังกระตุ้นความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะมีชีวิตรอดของพระชายาฉีอ๋อง
ในเวลาเพียงไม่นาน จำนวนคนที่ออกมายืนดูเหตุการณ์ก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ในที่สุดคนจากจวนฉีอ๋องก็ตามทัน ผอจื่อสองคนเข้ามารวบตัวพระชายาฉีอ๋องก่อนจะหันไปอธิบายแก่บรรดาไทยมุง “ต้องขออภัยทุกท่านด้วย พระชายาของพวกข้าสติฟั่นเฟือน ทุกคนอย่าได้ถือสาสิ่งที่นางพูดเลย…”
พระชายาฉีอ๋องไม่เหลือเรี่ยวแรงจะขัดขืน
แต่เมื่ออยู่ท่ามกลางฝูงชนจำนวนมาก อีกทั้งยังเป็นกลางวันแสกๆ พระชายาฉีอ๋องก็ไม่จำเป็นต้องดิ้นรนอีกแล้ว นางกล่าวออกมาอย่างไม่กลัวเกรง “ท่านอ๋องรังเกียจที่ข้าป่วย จึงหมายจะปลิดชีพข้าและแต่งงานกับสตรีสูงศักดิ์นางอื่น พวกเจ้าโปรดช่วยข้าที ข้ายังมีบุตรสาวอีกคนที่ต้องดูแล ข้ายังไม่อยากตาย…”
เขาบอกเองมิใช่หรือว่านางสติไม่ดี นางก็จะไม่ปฏิเสธ แต่นางจะทำให้ทุกคนทราบถึงสาเหตุที่ท่านอ๋องต้องการจะกำจัดนาง
ในสถานการณ์เช่นนี้ หากพระชายาฉีอ๋องตีอกชกหัวว่า ‘ข้าไม่ได้บ้า’ นั่นคงเป็นการขุดหลุมฝังตัวเอง และเมื่อนางถูกลากตัวกลับจวนไปแล้ว คนอื่นๆ ที่มายืนมุงดูเหตุการณ์ก็คงแยกย้ายกันไปในเวลาอันรวดเร็ว
คนบ้าที่ไหนก็มักจะบอกว่าตัวเองไม่บ้า
และดูเหมือนว่าผลลัพธ์จะเป็นตามที่นางคาด เพราะสายตาของจีนมุงที่มองมายังบ่าวรับใช้จวนฉีอ๋องแปลกไปทันใด
ฝ่ายบ่าวรับใช้จากจวนฉีอ๋องก็ยืนงงเป็นไก่ตาแตกดุจกัน
พระชายามาไม้นี้…จะทำอย่างไรดี
ผอจื่อที่รีบวิ่งตามมาแผดเสียงดังสนั่น “ชักช้าอยู่ไย ไม่รีบพาพระชายากลับไปที่จวนอีกเล่า ปล่อยไว้แบบนี้คนเขาก็หัวเราะเยาะกันพอดี”
สาวรับใช้และผอจื่อช่วยกันลากตัวพระชายาฉีอ๋องกลับไปที่จวน
บ่าวรับใช้เข้ามาล้อมหน้าและหลังของพระชายา แม้คนเดินถนนจะไม่เห็นเงาของนาง แต่ยังคงได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือ “ฉีอ๋องจะฆ่าภรรยาของตัวเองและแต่งงานใหม่ พวกเจ้าช่วยข้าด้วยเถิด ข้าไม่อยากให้บุตรสาวของข้าต้องเป็นลูกไม่มีแม่…”
ไม่นานเสียงร้องขอความช่วยเหลือก็ค่อยๆ หายลับไป
ฉีอ๋องที่เพิ่งได้ทราบข่าวรีบรุดมายังที่เกิดเหตุ เขายืนหลบอยู่หลังประตูข้างพร้อมใบหน้าคล้ำหม่น ฉีอ๋องอยากจะจับพระชายาและสาวรับใช้ที่ทำภารกิจไม่สำเร็จหักกระดูกออกเป็นท่อนๆ
หลี่ซื่อก่อเรื่องใหญ่โตปานนี้ เขาคงไม่เหลือหน้าไปสู้ใครอีกแล้ว
แต่ในทันใดนั้นเองก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น “ช้าก่อน”
บุรุษสองสามคนวิ่งมาที่หน้าประตูข้าง และเรียกให้คนรับใช้เหล่านั้นคอยก่อน
ผอจื่ออาวุโสเอ่ยถามเสียงแหลม “พวกเจ้าเป็นใคร ที่นี่คือจวนฉีอ๋อง ฉะนั้นพวกเจ้าไม่มีสิทธิ์มาก้าวก่าย!”