พระชายาฉีอ๋องเอาแต่ยืนนิ่งจึงถูกผอจื่อและสาวรับใช้ลากตัวเข้าไป
เพียงไม่นานความเงียบในห้องภายใต้เปลวไฟส่องสลัวก็ถูกแทนที่ด้วยเสียงครวญครางของหญิงสาว
ผอจื่อเดินออกมาจากห้องพร้อมส่ายศีรษะ นางขากเสมหะที่พันคอลงพื้น
เดิมทีในช่วงแรกที่นางถูกส่งมาดูแลพระชายาฉีอ๋องที่เรือนท้าย ผอจื่อยังมีความเคารพในตัวนายหญิงอยู่บ้าง แต่ครั้นมาถึงตอนนี้ ความรู้สึกเหล่านั้นไม่หลงเหลืออีกแล้ว
วันเวลาผันผ่านมานานแล้ว พระชายาฉีอ๋องก็ไม่อาจกลับไปเป็นเหมือนเก่า และไม่แน่ว่าท่านอ๋องอาจต้องการให้นางจบชีวิตไปเสียที
ในฐานะที่พวกนางเป็นข้ารับใช้ พวกนางควรตระหนักให้ได้ว่าสิ่งใดคือความต้องการของผู้เป็นเจ้านาย
ผอจื่อจับดอกไม้สดบริเวณปอยผมตัวเองในขณะที่เดินไปที่กลางลานและหยุดยืนอยู่ตรงที่ที่มีแสงแดดส่องสว่างที่สุด
ดวงอาทิตย์ค่อยๆ คล้อยลงทางทิศตะวันตก รังสีทอสายเรียวเล็ก และทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะที่หน้าประตูเรือน
ผอจื่อรีบวิ่งออกไปเปิดพลางก่นด่าวันที่ผ่านมาอยู่ในใจ เวรกรรมอะไรของข้า ที่วันๆ ต้องมานั่งสู้รบตบมืออยู่กับหญิงเสียสติ ขนาดอาหารสามมื้อยังต้องรอให้คนนำมาส่ง ไม่สามารถออกไปรับเองที่ครัวใหญ่ได้
สำหรับผอจื่อ การไปที่ห้องครัวนับเป็นงานอดิเรกของนางเลยก็ว่าได้ แต่ทว่าในตอนนี้ชีวิตของนางกลับไม่ต่างอะไรจากการถูกจองจำ
ประตูถูกเปิดพร้อมกับสาวรับใช้หน้าตาธรรมดา
ในมือของสาวรับใช้มีสำรับอาหารสามชั้นขนาดใหญ่ แม้จะมีฝาปิดมิดชิด แต่กลิ่นหอมเย้ายวนก็ทำให้แววตาของผอจื่อวาวโรจน์
จะเรียกว่าความหวังในแต่ละวันของนางคืออาหารทั้งสามมื้อก็ย่อมได้
ท่านอ๋องจิตใจดีเหลือเกิน ขนาดพระชายาเป็นถึงขั้นนี้แล้ว อาหารของนางกลับไม่เคยบกพร่องเลยสักมื้อ ส่วนหญิงสติฟั่นเฟือนนั่นกินได้ไม่กี่คำ สุดท้ายอาหารที่เหลือก็ตกเป็นของนางและเสี่ยวหง
ผอจื่อแอบลูบเอวชั้นหนาของตัวเองก่อนส่งยิ้มประจบประแจงพลางรับสำรับอาหารมาถือ
“หวังมาหม่าไม่ต้องตื่นกลัวไป” ใบหน้าของสาวรับใช้ยังคงนิ่งเรียบ ทว่าน้ำเสียงที่เปล่งกลับหวานเยิ้ม
ผอจื่อชะงักงัน นางหรี่ตามองภาชนะใส่อาหารเคลือบสีดำสลักลายสีทองขนาดใหญ่ในมือ
เหตุใด สำรับอาหารวันนี้ถึงได้ดูบริบูรณ์ยิ่งนัก หรือว่ามีสิ่งใดเปลี่ยนไปงั้นหรือ
สาวรับใช้ชี้นิ้วไปที่ถาดอาหารชั้นล่างสุดพลางกระซิบแผ่วเบา “หวังมาหม่าต้องจำว่า อาหารว่างในนี้เตรียมไว้สำหรับพระชายาเท่านั้น”
“อาหารว่าง?” ผอจื่อตะลึง
ขนาดอาหารสามมื้อต่อวัน หญิงเสียสตินางนั้นยังกินได้ไม่เท่าไร จะให้กินอาหารว่างอะไรกัน
สาวรับใช้คลี่ยิ้มเล็กน้อยก่อนที่น้ำเสียงอ่อนหวานจะเปลี่ยนเป็นเย็นชา “ใช่ หลังจากที่พระชายากินมื้อเย็นแล้วก็รออีกสักหนึ่งชั่วยามแล้วค่อยให้นางกิน จะได้ไม่ส่งผลต่อการย่อยอาหาร”
ผอจื่อได้ยินดังนั้นในหัวของนางก็ขาวโพลน แต่ทำได้เพียงพยักหน้ารับไปอย่างนั้น
สาวรับใช้หันหลังเดินกลับไป
ผอจื่อถือสำรับอาหารยืนนิ่งอยู่ที่กลางลาน และพยายามชั่งน้ำหนักสิ่งของที่อยู่ในมือ ยิ่งพิจารณาดู นางก็ยิ่งสงสัย จึงใช้มือข้างหนึ่งเปิดถาดอาหารชั้นล่างสุด
ในนั้นไม่มีอาหาร มีเพียงขวดกระเบื้องสีขาวขนาดเล็กใบหนึ่งพร้อมกับตั๋วเงินปึกเล็กๆ
ผอจื่อตะลึงพรึงเพริดก่อนจะรีบหยิบตั๋วเงินยัดใส่ในอก นางวางสำรับอาหารลงบนโต๊ะหิน และบรรจงเปิดจุกขวดกระเบื้อง
กลิ่นขมบางเบาอวลออกมาจากปากขวด
ผอจื่อถือขวดนิ่งเนิ่นนานกว่าจะตระหนักได้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร มือของนางสั่นสะท้านจนเกือบทำขวดนั้นหลุดมือ
นางรีบปิดฝากลับคือที่เก่า กายของนางในขณะนั้นเย็นเฉียบ
ท่านอ๋อง…ท่านอ๋องหมายจะจบชีวิตพระชายา…
นางอดไม่ได้ที่จะหันไปมองที่หน้าต่าง แววตาจ้องนิ่งที่ขอบหน้าต่างเลือนรางและหัวใจของนางก็สั่นระรัว
อาหารเย็นมื้อนั้นจืดชืดไร้รสชาติ สายตาของผอจื่อชำเลืองไปที่นาฬิกาทรายเป็นระยะ เหงื่อไหลซึมจนฝ่ามือเปียกชุ่ม
เมื่อไม่มีใครแย่งอาหาร เสี่ยวหงก็รับประทานอย่างเอร็ดอร่อย
เมื่อเห็นสาวรับใช้อีกคนกินอย่างไม่รู้สึกรู้สา ผอจื่อก็ฉุนขึ้นมาทันใด นางเอื้อมมือไปหยิกเด็กสาวพลางบอก “เลิกกินได้แล้ว รีบๆ เก็บเร็วเข้า!”
เสี่ยวหงขบริมฝีปากพลางเก็บถ้วยและตะเกียบไปวางไว้ที่ห้องข้างๆ ผอจื่อเดินตามเข้ามาและกระซิบเล่าเรื่องทั้งหมดให้นางฟัง
ชามร่วงหลุดจากมือเสี่ยวหง
แต่ผอจื่อคว้าไว้ได้ทัน นางเอ่ยเสียงลอดไรฟัน “อยากตายหรือไง หากเรื่องแค่นี้เจ้ายังทำไม่ได้ แล้วจะไปทำอะไรได้”
เมื่อเห็นว่าสาวรับใช้ตัวน้อยตื่นตระหนกสุดขีด ผอจื่อกลับสงบนิ่งยิ่งกว่าเก่า
หากพระชายาตายไป พวกนางจะได้ไม่ต้องถูกขังอยู่ในคุกเน่าๆ นี้อีกแล้ว นางแอบนับตั๋วเงินปึกนั้นแล้ว มีทั้งหมดสองร้อยตำลึง เพียงพอให้นางได้ใช้ชีวิตที่เหลืออย่างสุขสบาย
“หากถึงตอนนั้นเจ้าห้ามทำตัวส่อพิรุธเด็ดขาด หากมีเสียงเล็ดลอดมาแม้แต่นิดเดียว ข้าจะตัดลิ้นเจ้า!”
เสี่ยวหงยกมืออุดปากตัวเองพลางพยักหน้าหงึกหงัก
เมื่อถึงยามสวี่ ในขณะที่ผอจื่อเห็นว่าควรแก่เวลาแล้ว จู่ๆ ก็มีเสียงกระหน่ำเคาะที่ประตูเรือน
เสียงเคาะประตูในคืนปลายฤดูใบไม้ผลิชัดเจน ประหนึ่งว่าทุกการเคาะกระทบลงที่หัวใจของนาง กายของหญิงชราสั่นสะท้าน
ผอจื่อทำได้เพียงวิ่งออกไปพลางตะโกนถาม “ใครน่ะ มาส่งเสียงเอะอะกลางค่ำกลางคืน”
“ข้าเอง เปิดประตู! ข้าต้องการพบท่านแม่…” เสียงอ่อนเยาว์ของเด็กสาวลอดผ่านประตูไม้
ผอจื่อผงะไป “คุณหนูใหญ่?”
เมื่อคนที่หน้าประตูคือย่วนเจี่ยเอ๋อร์ คุณหนูใหญ่จวนฉีอ๋อง ผอจื่อก็ไม่กล้าชักช้า นางรีบเปิดประตู
เด็กน้อยในวัยแปดเก้าขวบวิ่งพรวดเข้ามา
ทรงผมของเด็กหญิงเป็นมวยคู่น่าเอ็นดู แก้มทั้งสองของนางแดงระเรื่อจากการวิ่ง เด็กน้อยดันผอจื่อพลางวิ่งเข้าไปด้านใน “ท่านแม่…”
พระชายาฉีอ๋องรี่ออกมา “ย่วนเจี่ยเอ๋อร์…”
ภาพมารดาและบุตรสาวกอดกันและร้องไห้สะอึกสะอื้นที่กลางลานทำให้ผอจื่อและเสี่ยวหงเริ่มทำตัวไม่ถูก
แม้พระชายาฉีอ๋องจะสูญเสียอำนาจไปแล้ว แต่ถึงอย่างไรคุณหนูใหญ่ก็เป็นธิดาคนโตที่เป็นทายาทสายตรงของจวนอ๋อง นางมิใช่คนที่บ่าวรับใช้จะล่วงเกินได้
เสียงร่ำไห้ของสองแม่ลูกดังสะท้อนไปไกลจนผอจื่อเริ่มร้อนใจ นางจึงรีบเข้ามาโน้มน้าวทั้งคู่ “คุณหนูใหญ่ นี่ก็ดึกมากแล้วอีกทั้งอากาศด้านนอกก็เย็นมาก พระองค์รีบกลับไปที่เรือนจะดีกว่านะเจ้าคะ…”
“บังอาจ!” ท่าทีของเด็กหญิงที่ร้องไห้อยู่ในอ้อมกอดของพระชายาฉีอ๋องทำให้ผอจื่อนิ่งอึ้งไป “ข้ากำลังคุยกับท่านแม่ ผอจื่ออย่างเจ้ามีสิทธิ์มายุ่งอะไรด้วย”
ผอจื่อไม่กล้าเหิมเกริมต่อหน้าเด็กสาว นางเพียงแต่ห่อไหล่พลางกล่าว “บ่าวแค่กังวลว่าคุณหนูใหญ่จะไม่สบายเจ้าค่ะ…”
สติของพระชายาฉีอ๋องคืนกลับ นางลูบเรือนร่างของบุตรสาวพลางบอก “ย่วนเจี่ยเอ๋อร์ เข้าไปข้างในกับแม่”
แต่แล้วก็มีเสียงร้องเรียกลอยมาจากที่ไกล “คุณหนูใหญ่ คุณหนูใหญ่…”
ผอจื่อเผยสีหน้ายินดี
สาวรับใช้ของคุณหนูใหญ่มาตามแล้ว
สาวรับใช้สองคนวิ่งเข้ามา และพบย่วนเจี่ยเอ๋อร์อยู่ในเรือนพระชายาฉีอ๋องตามคาด พวกนางกล่าวพร้อมเสียงลมหายใจหอบรัว “คุณหนูใหญ่ เหตุใดจู่ๆ ถึงวิ่งมาที่นี่ล่ะเจ้าคะ พวกบ่าวเป็นห่วงแทบแย่ กลับไปกับพวกบ่าวเถิดนะเจ้าคะ อย่ารบกวนความสงบของพระชายาเลยนะเจ้าคะ…”
พระชายาฉีอ๋องจับมือย่วนเจี่ยเอ๋อร์แน่นเพราะกลัวว่าจะมีคนพาตัวบุตรสาวของนางไป
ย่วนเจี่ยเอ๋อร์หัวเราะเยาะ “หากพวกเจ้ายังพูดจาเยิ่นเย้อ ข้าจะบอกให้ท่านพ่อไล่พวกเจ้าออกให้หมด ข้าคือธิดาของพระชายาอ๋อง แล้วข้าจะรบกวนความสงบของท่านแม่ได้อย่างไร”
หญิงรับใช้ทั้งสองจนด้วยคำถาม
“เอาเถอะ พวกเจ้ากลับไปได้แล้ว คืนนี้ข้าจะนอนกับท่านแม่ที่นี่”
สีหน้าหญิงรับใช้ทั้งสองเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง “คุณหนูใหญ่ ไม่ได้นะเจ้าคะ หากท่านอ๋องทรงทราบ…”
ย่วนเจี่ยเอ๋อร์ถามเสียงเรียบ “ท่านพ่อจะไม่อนุญาตให้ข้ามานอนกับท่านแม่อย่างนั้นหรือ”
ไม่มีใครกล้าตอบคำถามนี้
ใครต่างก็รู้ว่าท่านอ๋องไม่อนุญาตให้คุณหนูใหญ่พบพระชายา แต่จะบอกเช่นนั้นกับคุณหนูใหญ่ตามตรงคงไม่ได้
หากคุณหนูใหญ่โตกว่านี้ นางคงเข้าใจและไม่สร้างเรื่องที่อาจส่งผลเสียต่ออนาคตตัวเอง แต่เพราะตอนนี้นางยังเด็ก เมื่อนางเอาแต่ใจ บ่าวรับใช้ก็ไม่อาจทำอะไรได้
“ท่านแม่ เข้าไปข้างในกันเถิด”
เมื่อเห็นย่วนเจี่ยเอ๋อร์และพระชายาฉีอ๋องเดินเข้าไปแล้ว สาวรับใช้ทั้งสองก็กระทืบเท้าพลางบ่น “จะทำอย่างไร!”
ผอจื่อเอ่ยแผ่วเบา “พวกเจ้าไปรายงานท่านอ๋องก็แล้วกัน ส่วนคุณหนูใหญ่ พวกข้าจะช่วยดูให้เอง”
คืนนี้ คงยังลงมือไม่ได้