เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ?เล่มที่ 19 554 ตามหาท่านอาจารย์

เล่มที่ 19 ตอนที่ 554 ตามหาท่านอาจารย์

เล่มที่ 19 ตอนที่ 554 ตามหาท่านอาจารย์

“ห้องบรรทมของฮ่องเต้ นอกจากฮ่องเต้แล้ว ยามปกติหาได้มีผู้ใดได้รับอนุญาตให้รั้งอยู่ไม่ พวกเราเองก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่าในนี้จะมีห้องลับมากมายขนาดนี้” อามู่ทั่วอธิบายให้เขาฟัง “ส่วนอามู่เต๋อ ตลอดมาเขามักจะถูกเสด็จพ่อขังเอาไว้ในห้องเพื่อปรุงยาพิษ ข้าเองก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะคุ้นเคยกับห้องนี้ถึงเพียงนี้เช่นกัน”

หลิงมู่เอ๋อร์ที่ไล่ตามมาได้ยินประโยคนี้เข้าพอดี ด้วยเพลิงไฟแห่งความร้อนรนที่รุมเร้าจิตใจ โลหิตสดๆ พลันกระอักออกมาคำโต

ซั่งกวนเซ่าเฉินรีบคว้าหยุดนางเอาไว้ “มู่เอ๋อร์ มู่เอ๋อร์เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”

ตงฟางเชวี่ยที่กำลังตัดสินใจจะออกไล่ตามหาท่านอาจารย์เห็นหลิงมู่เอ๋อร์กระอักออกมาเป็นเลือด ชายหนุ่มไม่สนใจสิ่งอื่นใด รีบพุ่งเข้ามาหานางทันที “ข้าบอกเจ้าแล้วว่าต่อให้เจอเรื่องอันใดก็ตามก็ห้ามตื่นตระหนกตื่นเต้นเด็ดขาด เหตุใดเจ้าถึงได้ใจร้อนวู่วามนัก”

มือรีบร้อนฝังเข็มให้นาง ยามที่เห็นว่านางค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ ตงฟางเชวี่ยถึงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก “ยังดีที่เจ้าแค่ถูกรบกวนจิตใจธรรมดา มิได้เจ็บป่วยมีไข้ มิเช่นนั้นเวลาเช่นนี้ข้าจะหายาที่ไหนมาให้เจ้า จะรับประกันได้อย่างไรว่าเจ้าจะตื่นขึ้นมา?”

หลังจากที่เอ่ยขอบคุณจบ หลิงมู่เอ๋อร์ก็มองไปรอบข้าง เห็นได้ชัดว่าทุกคนรอบตัวนางกระจัดกระจายแตกซ่านออกไปเพราะอามู่เต๋อ ทว่าไหนเล่าเงาร่างของท่านปรมาจารย์กับอามู่เต๋อ ไปอยู่ที่ใดกันแล้ว?

“ล้วนเป็นความผิดของข้าทั้งสิ้น ข้ามิอาจควบคุมตนเองให้ดี ไม่อย่างนั้นด้วยวิชาตัวเบาของเจ้าจะต้องไล่ตามพวกเขาได้ทันแน่ๆ”

ตงฟางเชวี่ยมองไปรอบด้าน “ไม่เป็นไร”

“แม่นางหลิง เจ้าไม่เป็นกระไรกระมัง ในเมื่อเจ้าไม่เป็นไรแล้ว มิสู้พวกเราออกไปก่อนดีหรือไม่” อามู่ทั่วลุกขึ้นยืนในเวลาที่เหมาะสมพอดี “ผลของดอกไม้ประจำแคว้นถูกคนแย่งไปแล้ว อามู่เต๋อที่วางแผนเพื่อมันย่อมไม่มีทางยอมให้คนนั้นทำสำเร็จแน่ ดังนั้น ตราบใดที่เราเจออามู่เต๋อ เราก็จะหาคนที่ขโมยไปคนนั้นเจออย่างแน่นอน”

หลิงมู่เอ๋อร์พยักหน้า รู้สึกว่าคำพูดนี้มีเหตุผล ยามที่นางกำลังจะขอให้ซั่งกวนเซ่าเฉินช่วยพยุงนางขึ้น ด้านหน้ากลับปรากฏร่างของสาวใช้นางหนึ่งที่เดินเข้ามาหา

นางคิดว่าเป็นท่านปรมาจารย์ที่ปลอมตัวมา หญิงสาวพลันตะโกนอย่างตื่นเต้นยินดีทันที “เป็นนาง รีบจับนางไว้เร็วเข้า!”

ตงฟางเชวี่ยและอามู่ทั่วไม่สนสิ่งอื่นใดทั้งสิ้น เมื่อได้ยินเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความร้อนรนของหลิงมู่เอ๋อร์ พวกเขาก็รีบพุ่งเข้าไปคว้าแขนสาวใช้ทั้งซ้ายและขวาไว้ทันที ทว่าน่าเสียดายนัก รอจนกระทั่งหลิงมู่เอ๋อร์ได้เห็นหน้านาง ก็ให้รู้สึกผิดหวังแล้ว

“เจ้าเป็นใคร? เหตุใดเจ้าถึงได้ใส่เสื้อผ้าเหมือนกับคนคนนั้น?”

สาวใช้หวาดผวาจนสติไม่สมประกอบ ยังไม่ทันเข้าใจเหตุการณ์อันใดก็ถูกจับกุมตัวเอาไว้แล้ว นางเอ่ยเสียงสั่นเทาว่า “บ่าว บ่าวคือข้ารับใช้ในห้องบรรทมเจ้าค่ะ ข้ารับใช้หญิงในห้องนี้ล้วนแต่งกายชุดเดียวกันหมด แม่นาง มิใช่ว่าท่านอาจมองอันใดผิดไปนะเจ้าคะ”

ยามนั้นหลิงมู่เอ๋อร์ถึงได้เล่าเรื่องปรมาจารย์แห่งหุบเขาเย่าหวางที่นางพบให้ทุกคนฟัง

ตงฟางเชวี่ยตื่นตกใจ “เหตุใดเจ้าไม่บอกข้าให้เร็วกว่านี้เล่า”

ไม่รอให้หลิงมู่เอ๋อร์เอ่ยปากอธิบาย สาวใช้ผู้นั้นก็แบมือที่สั่นระริก “องค์… องค์ชายใหญ่ แม่นาง นี่ นี่คือกล่องที่ใครบางคนยัดใส่อกบ่าวเมื่อครู่ บอกให้บ่าวมอบมันให้แม่นางด้วยมือตนเอง หรือว่า หรือว่าคนคนนั้นคือคนที่แม่นางกล่าวถึงกันเจ้าคะ?”

เมื่อเห็นกล่องผ้าแกะสลักสีดำในมือของสาวใช้ ตงฟางเชวี่ยก็เอ่ยซ้ำประโยคที่เพิ่งเอ่ยออกมาเมื่อครู่อีกครา “เหตุใดเจ้าไม่บอกข้าให้เร็วกว่านี้!”

เขาแย่งกล่องผ้าในมือของนางมาและเปิดออก ด้านในปรากฏเม็ดโอสถวางนิ่งๆ อยู่เม็ดหนึ่ง

เขาวางมันไว้ใต้จมูกเพื่อดมกลิ่น หลังจากมองประเมินอย่างละเอียดแล้วรอบหนึ่ง ตงฟางเชวี่ยก็ยิ้มอย่างยินดี “เป็นผู้ใดกันช่างใจดี ส่งยาช่วยชีวิตมาในเวลานี้ เป็นท่านอาจารย์ ต้องเป็นท่านแน่ๆ”

ทันทีที่หลิงมู่เอ๋อร์ได้ยิน นางก็ไม่สนใจร่างกายที่อ่อนแอของตนเอง รีบตรงเข้าไปแย่งเม็ดยามาทันที

ยาที่ปรุงด้วยสมุนไพรจีนโบราณแทบจะไม่ต่างกันเลย หลังจากที่พิจารณาดมกลิ่นตรวจสอบแล้ว นางก็สามารถเข้าใจสรรพคุณของมันโดยสังเขป หลังจากที่เข้าใจ นางก็ตื่นเต้นจนมิอาจควบคุมตนเองได้

“นี่ต่างหากยาล้ำค่าสมุนไพรบำรุงสิบขนานที่แท้จริง เพียงเม็ดเดียว โรคภัยไข้เจ็บในร่างกายจะถูกควบคุมไว้ในระยะเวลาชั่วขณะ ต้องเป็นเจ้าสำนักแห่งหุบเขาเย่าหวางแน่ เจ้าเอ่ยไม่ผิด มีเพียงนางคนเดียวเท่านั้นที่สามารถปรุงยาที่แสนอัศจรรย์เช่นนี้ขึ้นมาได้”

“แล้วเจ้ายังจะมัวรีรออันใดอยู่อีก รีบทานลงไปเสีย”

ตงฟางเชวี่ยรีบยัดยาเข้าไปในปากของนาง ราวกับกลัวว่าจะมีคนมาแย่งมันไป เขาหาได้สนใจดวงตาแดงก่ำที่อาบย้อมไปด้วยความละโมบด้านหลังนั้นเลยแม้แต่นิด

“ท่านอาจารย์ถึงขนาดรู้ว่าเจ้าได้รับบาดเจ็บและต้องการยา ดูเหมือนว่าที่เราวิเคราะห์กันจะไม่ผิดไปจากความจริง นางต้องอยู่ใกล้ๆ นี้แน่”

เมื่อเห็นดวงหน้าของมู่เอ๋อร์ค่อยๆ ซับสีแดงกุหลาบด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ซั่งกวนเซ่าเฉินก็วิเคราะห์ว่า “มิสู้พวกเราลองหารอบๆ นี้เล่า”

อามู่ทั่วไม่คิดไตร่ตรองต่อ เขารีบสั่งให้คนเริ่มการกระจายตัวค้นหาทันที ซั่งกวนเซ่าเฉินและตงฟางเชวี่ยพยุงหลิงมู่เอ๋อร์ไปนั่งพักตรงมุม ทั้งสองกำลังคิดจะเข้าร่วมการค้นหา ทว่าหลิงมู่เอ๋อร์กลับคว้าสองแขนของพวกเขาไว้

“กล่องนี้มีกลไก”

ทั้งสองรีบคุกเข่าลง และใช้เวลาตรวจสอบอย่างละเอียดทันที แม้กล่องผ้าแกะสลักสีดำนี้จะดูวิจิตรงดงาม ทว่าไม่ว่าอย่างไรก็มองไม่ออกว่าด้านในซ่อนความลึกลับอันใดไว้

“เจ้ารู้ได้อย่างไร?” ตงฟางเชวี่ยประหลาดใจเล็กน้อย อีกทั้งยังตื่นเต้นนิดหน่อย

เขาสนใจเรื่องสมบัติใหม่ๆ เป็นที่สุด ทว่าสำหรับกล่องนี้ เขาแน่ใจว่าเขาไม่สามารถเปิดมันออกได้

“กล่องมีสองชั้น ยาถูกวางไว้ที่ชั้นบนสุด ด้านล่างมีพื้นที่ใหญ่ขนาดนั้นไม่มีทางที่มันจะว่างเปล่าได้” ยิ่งไปกว่านั้น ลางสังหรณ์บอกกับนางว่า ท่านปรามาจารย์แห่งหุบเขาเย่าหวางต้องการจะเอ่ยบางอย่างกับนาง

หลิงมู่เอ๋อร์ดึงผ้าสักหลาดบนชั้นแรกของกล่องออกทันที ปรากฏว่าด้านล่างนั้นเผยพื้นผิวกล่องแบบใหม่ปรากฏขึ้น ทว่ากลไกที่อยู่ด้านบนนั้นกลับกลายเป็นปริศนาตัวเลขซูโดกุในยุคปัจจุบัน!

หลิงมู่เอ๋อร์ตกตะลึงอึ้งค้างไปแล้ว นางไม่รู้ว่าควรจะอธิบายให้ซั่งกวนเซ่าเฉินและตงฟางเชวี่ยเข้าใจได้อย่างไร

หากทุกอย่างก่อนหน้านี้เป็นเพียงการคาดเดาของนาง นางแค่สงสัยและไม่กล้าด่วนสรุป ทว่ายามนี้นางมั่นใจและแน่ใจเป็นอย่างยิ่งว่าเจ้าสำนักของหุบเขาเย่าหวางมาจากโลกอนาคต!

มิเช่นนั้นโลกใบนี้จะมีเรื่องบังเอิญขนาดนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร!

ราวกับว่านางได้พบญาติ หลิงมู่เอ๋อร์ก็รีบเริ่มศึกษาอย่างระมัดระวัง แม้ว่านางจะเป็นอัจฉริยะในสาขาการแพทย์ ทว่าเมื่อเอ่ยถึงซูโดกุ…

“ทำไมหรือ แม้แต่เจ้าก็เปิดไม่ออกหรือ?”

ซั่งกวนเซ่าเฉินรับกล่องผ้านั้นมาอย่างระมัดระวัง เขามองมันอย่างละเอียดอยู่ครึ่งค่อนวัน ก่อนจะค้นพบบริเวณที่แปลกเข้า “สี่เหลี่ยมเล็กๆ นี้สามารถขยับเคลื่อนย้ายได้หรือ?”

“ไม่ผิด ตราบใดที่ชิ้นสี่เหลี่ยมนี้เคลื่อนไปยังตำแหน่งที่ถูกต้อง กลไกของกล่องผ้าจะเปิดขึ้นเองทันที” หลิงมู่เอ๋อร์พยายามใช้คำที่เขาจะเข้าใจได้มากที่สุดอธิบายให้เขาหฟัง

ซั่งกวนเซ่าเฉินเริ่มเลื่อนชิ้นสี่เหลี่ยมทันที ท่าทางเข้าท่าเป็นไปตามกฎเกณฑ์มากทีเดียว

ยามที่อามู่ทั่วรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขาก็รีบโน้มหน้าเข้าไปดู ทว่าน่าเสียดายที่เขามีความรู้เพียงน้อยนิด มองแล้วไม่เข้าใจเลยสักนิด

จนกระทั่งยามที่ทุกคนกลั้นลมหายใจและฝากความหวังทั้งหมดไว้กับซั่งกวนเซ่าเฉิน ตอนนั้นเองห้องลับอันสงบเงียบพลันบังเกิดเสียงดัง “แกรก” ขึ้นมา กล่องถูกเปิดออกในที่สุด

“สามีของข้าเก่งกาจเหลือเกิน”

หลิงมู่เอ๋อร์เอ่ยชมเชย นางที่ทานยาสมุนไพรบำรุงสิบขนานเข้าไปแล้ว ยามนี้ไม่เพียงแต่มีสีหน้าดีขึ้นไม่น้อยเท่านั้น แม้แต่ร่างกายเองก็มีกำลังวังชาดีขึ้นมากทีเดียว นางรีบคว้ากล่องผ้าไปดู ปรากฏว่าในนั้นมีกระดาษข้อความหนึ่งใบวางอยู่เงียบๆ ด้านใน

“หากหาข้าพบ ข้าจะมอบผลไม้ประจำแคว้นให้แก่เจ้า หลิงมู่เอ๋อร์ ข้าเชื่อในตัวเจ้า”

“นี่คือข้อความที่เขียนถึงเจ้า” ตงฟางเชวี่ยเผยแววผิดหวังเล็กน้อย “หลิงมู่เอ๋อร์ ตกลงแล้วเจ้าเกี่ยวข้องอันใดกับท่านอาจารย์กันแน่? ข้อความนี้มิใช่ว่าควรทิ้งไว้ให้ข้ามากกว่าหรือ?”

“จะทิ้งไว้ให้ใครย่อมไม่สำคัญ สิ่งสำคัญก็คือท่านปรมาจารย์อยู่ใกล้ๆ นี่ เป็นไปได้ว่าอามู่เต๋อเองก็อยู่ใกล้ๆ คอยจับตาดูพวกเราอยู่เช่นกัน ที่นี่เต็มไปด้วยกลไกและห้องลับมากมาย ดูท่าแล้วพวกเราคงต้องแยกกันค้นหา”

หลิงมู่เอ๋อร์หยัดกายยืนขึ้น ก่อนสบประสานสายตากับซั่งกวนเซ่าเฉิน ทั้งสองคนเริ่มต้นค้นหาทันที

นี่คือห้องลับใต้ดิน ทว่าภายในห้องลับก็ยังมีห้องลับอื่นอีก เหมือนกับตุ๊กตาแม่ลูกดกอย่างไรอย่างนั้น แม่ตัวใหญ่ซึ่งมีลูกตัวเล็กอยู่ข้างใน จะต้องมีกลไกซ่อนอยู่ในตำแหน่งที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าแน่

ตงฟางเชวี่ยและอามู่ทั่วมองหน้ากันและกัน พวกเขาเองก็เริ่มกระจายกำลังออกไปค้นหาทั้งสองด้าน เงาร่างทั้งสี่ตรงกับสี่ทิศในห้องพอดี

ผ่านไปครึ่งชั่วยาม ผ่านไปหนึ่งชั่วยาม หรือแม้กระทั่งผ่านไปครึ่งวัน และความคาดหวังรอคอยของทั้งสี่กลับค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นความโมโหและความหงุดหงิด… ทว่าสุดท้ายก็ยังไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวของเบาะแส

“แม้ว่าห้องลับนี้จะไม่เล็ก ทว่ามันก็ไม่ใหญ่เช่นกัน แล้วเหตุใดพวกเราถึงไม่เจออะไรเลยเล่า? แปลกนัก ตัวคนเพิ่งหายไปจากตรงนี้แท้ๆ ทว่าเหตุใดถึงหากลไกไม่เจอเลยสักนิด!”

แม้แต่ตงฟางเชวี่ยผู้มีอารมณ์ดีเป็นนิจก็ยังอดรนทนไม่ไหว เขากระแทกหมัดลงบนผนัง เห็นได้ชัดว่าโทสะจวนเจียนจะระเบิดแล้ว

“ค้นหาดูทุกทิศแล้ว หรือว่าพวกเรามองข้ามอะไรบางอย่างไป?”

หลิงมู่เอ๋อร์ยืนอยู่ตรงกลาง สายตาอันเฉียบคมกวาดมองไปรอบๆ อย่างละเอียด เป็นไปไม่ได้ ในห้องนี้ไร้ที่หลบซ่อน ทว่าเหตุใดถึงไร้เงาคนได้เล่า?

นางถอนหายใจด้วยความปวดร้าว นางคิดจะเงยหน้าขึ้นมองฟ้าตามปกติเวลาที่นางต้องใช้ความคิด เป็นวินาทีนั้นเองที่นางตระหนักได้ว่ายามนี้พวกนางอยู่ในห้องลับที่ล้อมรอบด้วยความมืดมิด ทว่าด้วยความคิดนี้เองที่ทำให้นางเข้าใจได้ในทันที!

ใช่แล้ว พวกเขาทั้งสี่มีหน้าที่รับผิดชอบทั้งสี่ทิศทั้งเหนือ ใต้ ออก ตก ทว่ากลับไม่มีผู้ใดคิดถึงว่าเหนือหัวพวกเขายังมีท้องฟ้าอยู่!

“ข้าคิดว่าข้าเจอแล้ว”

น้ำเสียงของนางไม่ดัง ทว่ากลับดังก้องซ้ำไปซ้ำมาในห้องลับพิเศษที่ซ่อนอยู่นี้ วินาทีนั้นทุกคนพลันหยุดชะงัก มองนางด้วยความเคร่งเครียดทันที

“เซ่าเฉิน วิชาตัวเบาของเจ้าเลิศล้ำ มิสู้ลองที่นี่ดูสักหน่อยเป็นไร?”

หลิงมู่เอ๋อร์ชี้ไปยังบริเวณที่เรียบๆ ธรรมดา ซั่งกวนเซ่าเฉินหาได้ลังเลเลยสักนิดไม่ เขาแตะปลายนิ้วเท้า ทะยานขึ้นไปบนฟ้า หลังจากแตะเบาๆ พลันมีเสียง ‘แกรก’ ดังขึ้นในหูของทุกคนอีกครา ก่อนที่ประตูล่องหนจะเปิดขึ้นด้านหลังทุกคนอีกครา

“ระวังหน่อย!”

ตงฟางเชวี่ยเอ่ยกำชับ เขาเป็นคนแรกที่เดินนำไปข้างหน้า วิชาตัวเบาของเขายอดเยี่ยมที่สุด หากมีการโจมตีจากกับดัก เขาย่อมเป็นคนแรกที่หลบหลีกมันได้

ซั่งกวนเซ่าเฉินเดินปกป้องหลิงมู่เอ๋อร์ที่อยู่ตรงกลางเอาไว้ ส่วนอามู่ทั่วอยู่ปลายหางสุดของแถว และเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ กลไกได้รับการออกแบบอย่างมหัศจรรย์ วินาทีที่ทั้งสี่คนก้าวย่างเข้าไป ประตูลับก็ปิดโดยทันที

พวกเขาทุกคนไม่มีเวลาให้ไตร่ตรองเรื่องอื่น ล้วนเดินตามหลังตงฟางเชวี่ยเข้าไป ทว่าสิ่งที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจก็คือด้านในนั้นไม่เพียงแต่ปราศจากกลไกในห้องเท่านั้น แต่พวกเขายังเดินย่ำที่เดิมซ้ำแล้วซ้ำอีก ราวกับว่าพวกเขายังอยู่ที่จุดเริ่มต้นมิได้ไปไหน

“เหมือนพวกเราจะเคยเดินผ่านตรงนี้มาแล้วเมื่อครู่นี้นะ” หลิงมู่เอ๋อร์ชี้ไปที่กำแพง “เมื่อครู่ข้ารู้สึกแปลกๆ ก็เลยแกะสลักทำรอยเอาไว้ที่นี่ ทว่าพวกเรากลับเดินกลับมาตรงนี้อีกครา”

หลิงมู่เอ๋อร์แน่ใจว่าห้องลับนี้เป็นเขาวงกต หากหาทางออกไม่ได้ ทุกคนก็ทำได้เพียงเดินหมุนวนเวียนอยู่ที่เดิมรอบๆ นี้

นี่ไม่ใช่สัญญาณที่ดีเลยสักนิด

“เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้ไปได้” อามู่ทั่วผู้อ่อนโยนงามสง่ามาโดยตลอด ยามนี้กลับถอนหายใจด้วยความหงุดหงิด เขาหมุนกายหันกลับมามองไปรอบๆ “ไม่ผิด พวกเราเอาแต่วนอยู่ที่จุดเดิม หากเป็นเช่นนี้ต่อไป พวกเราคงจะติดกับดักและตายที่นี่แน่”

“ไม่มีทาง หากมีกลไกก็ต้องมีทางออก!”

เกรงว่าหลิงมู่เอ๋อร์น่าจะเป็นคนที่สงบนิ่งที่สุดในที่นี้แล้ว นางหลับตาครุ่นคิดอย่างรอบคอบเกี่ยวกับเส้นทางที่นางเพิ่งเดินผ่านมา ในไม่ช้า นางก็ลืมตาขึ้นพรึบ “คือยันต์แปดทิศ!”

“อันใดคือยันต์แปดทิศ?” แม้แต่ซั่งกวนเซ่าเฉินก็เริ่มสงสัยเช่นกัน

“หากข้าเดาไม่ผิดละก็ กับดักที่ท่านปรมาจารย์ตั้งไว้นั้นถูกกำหนดตามตำแหน่งของยันต์แปดทิศ ส่วนที่เราเพิ่งเดินคือส่วนแรก หากเราออกไปจากส่วนนี้ไม่ได้ เราก็จะทำได้เพียงเดินวนไปวนมาอยู่ในนี้เท่านั้น มิสู้พวกเราจะลองเดินตามตำแหน่งที่แท้จริงของยันต์แปดทิศดูสักทีดีหรือไม่?”

ทุกคนไม่มีความเห็นอื่น ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกจะปฏิบัติตามการจัดการของหลิงมู่เอ๋อร์ ตงฟางเชวี่ยยังคงเดินนำอยู่ข้างหน้า และทุกคนก็ตามตามหลังอย่างใกล้ชิด ทว่าพวกเขาคิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะพบทางออกเข้าจริงๆ!

หลังจากออกมาจากห้องลับได้ ตรงหน้าก็ปรากฏบันไดทางเดินยาวขึ้นไป ยามที่มองเห็นแสงสว่าง ทุกคนก็อยู่ในลานมหัศจรรย์แล้ว

“เหตุใดมันถึงได้มหัศจรรย์เช่นนี้ พวกเรามิได้อยู่ในห้องลับภายในวังหรือ? เหตุใดเดินไปเดินมาถึงได้เดินออกจากวังได้เล่า?”

เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ?

เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ?

Score 10
Status: Completed
ชาตินี้นางจะร่ำรวยจนทำให้พวกท่านแม่นับเงินกันจนมือเป็นตะคริวเอง! “ขอเพียงแค่เจ้าอยากได้ ข้าก็จะช่วยเจ้าหามาให้ได้ทั้งสิ้น” ผู้สืบทอดทางการแพทย์ข้ามมิติมาเป็นสาวชาวนาตัวเล็กๆ ในสมัยโบราณ นางมีพี่ชายที่เป็นง่อย และน้องชายที่ป่วย มารดาที่ไม่กล้าสู้คน บิดาที่หายหน้า ครอบครัวก็ยากจน แม้แต่ไข่ใบเดียวก็คือของล้ำค่า ทว่า… โชคดีที่นางมีช่องว่างแห่งทวยเทพและมันสมองที่เหนือกว่าผู้ใด อยากได้ร้านอาหารหรือ? เปิด! อยากเรียนหรือ? ส่งไปเลยทีเดียวสี่คน! บ้านใหม่หรือ? จะเอากี่หลังดี! เงินทองเอ๋ย ไหลเข้ามาแล้วอย่าหวังว่าจะไหลออกไป!

Options

not work with dark mode
Reset