เล่มที่ 19 ตอนที่ 553 ผลิดอกออกผล
มีคนบุกเข้าไปในห้องลับหรือ?
สีหน้าของอามู่เต๋อพลันชะงักค้างไปครู่หนึ่ง ยามที่ทุกคนกำลังตกอยู่ในความตื่นตระหนก ชายหนุ่มก็รวบดาบเก็บก่อนจะพุ่งออกไปทันที
“จับอามู่เต๋อไว้ อย่าให้เขาหนีไปได้ เขาคือฆาตกรสังหารเสด็จพ่อ เร็วเข้า ทหาร จับเขาเดี๋ยวนี้!”
สายตาแลเห็นอามู่เต๋อกำลังใช้วิชาตัวเบาหลบหนีออกจากที่นี่ มั่วจวินเหยาพลันกระโดดขึ้นมาคำรามเสียงดังก้อง
ช่วงเวลาหลายวันมานี้นางถูกอามู่เต๋อคุมขังเอาไว้ในวัง ไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปที่ใด เป็นเมื่อวานนี้เองที่จู่ๆ ท่านพี่ใหญ่ก็ปรากฏตัวขึ้นเพื่อช่วยนางออกมา อีกทั้งยังข่มขู่ให้นางเอ่ยทุกสิ่งที่ตนเองรู้ ยิ่งไปกว่านั้นยังสั่งให้นางชี้ตัวอามู่เต๋อในท้องพระโรงวันนี้ด้วย
แน่นอนว่านางไม่กล้า ทว่าสิ่งที่อามู่ทั่วและซั่งกวนเซ่าเฉินเอ่ยนั้นถูกต้อง มีเพียงการชี้ตัวอามู่เต๋อและสังหารเขาให้สิ้นเท่านั้นที่จะสามารถรับรองชีวิตของนางในภายภาคหน้าได้ นั่นถึงจะทำให้นางวางใจ มิเช่นนั้น นางก็จะถูกเขาใช้ประโยชน์ ถูกเขาควบคุมอยู่ร่ำไป และจุดจบสุดท้ายของนางก็มีเพียงแค่ความตายเท่านั้น!
ทว่าหากวันนี้นางชี้ตัวเขา แล้วหากเขาไม่ตาย เช่นนั้นจุดจบสุดท้ายของนางก็มิใช่ความตายหรอกหรือ?
“ท่านพี่ใหญ่ ท่านรีบตามไปเร็วเข้า ใกล้จะถึงเวลาที่ดอกไม้ประจำแคว้นจะบานแล้ว หากอามู่เต๋อได้ดอกไม้นั้นไปแล้วขึ้นครองบัลลังก์ เช่นนั้นท่านกับข้าก็คง…”
“เหยาเหยาวางใจ พี่ใหญ่บอกแล้วว่าจะปกป้องเจ้า พี่ก็จะทำให้ได้ วันนี้อามู่เต๋อต้องตายอย่างมิต้องสงสัย!”
หลังจากเอ่ยทิ้งท้ายไว้เช่นนั้น อามู่ทั่วและซั่งกวนเซ่าเฉินก็สบประสานสายตา ก่อนที่พวกเขาทั้งสองจะไล่ตามไปทันที
“มู่เอ๋อร์ ระวังตัวด้วย” ซั่งกวนเซ่าเฉินกอดหลิงมู่เอ๋อร์ไปพลางไล่ตามไปทิศทางที่อามู่ทั่ววิ่งไป ความเร็วของเขาย่อมช้าลงเป็นธรรมดา
ยามที่หลายคนมาถึงห้องบรรทมของฮ่องเต้แห่งแคว้นซีอวี้ เป็นช่วงเวลาที่เห็นเงาร่างสายหนึ่งโฉบผ่านไปพอดี เขากำลังหนีไปในทิศทางตรงกันข้ามอามู่เต๋อที่อยู่ชิดเพียงลมหายใจกั้น ก่อนจะหายลับเข้าไปในห้องลับในห้องบรรทม
“เมื่อครู่คือผู้ใดกัน?” อามู่ทั่วแปลกใจยิ่ง เขาคิดจะไล่ถามหลิงมู่เอ๋อร์ ทว่าเมื่อเห็นอามู่เต๋อตามเข้าไปในห้องลับ เขาพลันมิอาจตัดสินใจให้เด็ดขาดได้ “อย่าบอกนะว่าคนคนนั้นคือปรมาจารย์แห่งหุบเขาเย่าหวาง เช่นนั้นแล้วพวกเราจะไล่ตามท่านปรมาจารย์ไปหรือควรไล่ตามอามู่เต๋อไปดี?”
ในยามที่พวกเขากำลังลังเลอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีเงาร่างหนึ่งร่อนลงมาตรงหน้าหลิงมู่เอ๋อร์ เมื่อนางจ้องเขม็งมองให้ชัด หากมิใช่ตงฟางเชวี่ยแล้วจะเป็นผู้ใดได้อีก?
“ดีเหลือเกิน เจ้าไม่เป็นไรกระมัง?” หลิงมู่เอ๋อร์ยินดีเป็นล้นพ้น
“ต้องขอบคุณความช่วยเหลือจากองค์ชายใหญ่ ข้าถึงได้หลบหนีออกมาได้อย่างปลอดภัย” ตงฟางเชวี่ยอธิบายง่ายๆ ว่าความจริงแล้วเขาถูกคนของอามู่เต๋อจับตัวไปเมื่อราตรีวาน เพื่อล่อหลิงมู่เอ๋อร์และซั่งกวนเซ่าเฉินให้ออกมาช่วยเหลือ หากเป็นเช่นนี้พวกเขาทั้งหมดก็จะถูกหว่านแหรวบจับในคราวเดียว
ทว่าเขาทนรออยู่ทั้งคืน แต่เป้าหมายกลับไม่ปรากฏ ทว่ากลับเป็นคนของอามู่ทั่วที่ปรากฏตัวออกมาช่วยเหลือเขาแทน วิชาตัวเบาของเขาเลิศล้ำ ตราบใดที่ยังมีความหวัง แม้จะริบหรี่แต่ก็นับว่ายังมีโอกาสให้เขารอดออกไปได้
หลังจากที่เขาได้รับอิสรภาพ สิ่งแรกที่เขาทำคือการบุกเข้าไปในวังหลวง
“หรือว่าเจ้าคือคนที่บุกเข้าไปในห้องลับเมื่อครู่นี้?” อามู่ทั่วเอ่ยถามอย่างสงสัย ทว่าหากเป็นตงฟางเชวี่ยจริง วินาทีนี้กลับไม่ปรากฏร่องรอยของอามู่เต๋อเลยแม้แต่นิด
“ข้าเองก็เพิ่งมาถึง ทำไมหรือ มีคนบุกเข้าไปในห้องลับหรือ?” ตงฟางเชวี่ยหมุนลูกตาหันไปมองตาม “เป็นท่านอาจารย์ ต้องเป็นนางแน่นอน หลังจากที่ข้าหนีออกจากการจับกุมของอามู่เต๋อได้เมื่อเช้านี้ ข้าก็รีบไปที่เหลาอาหารอวิ๋นอวี้ทันที คุณชายตู๋กูเอ่ยว่าเมื่อราตรีวานเขาพบคนที่มีหน้าตาเหมือนเจ้าทุกประการ หลิงมู่เอ๋อร์ แผนของเจ้าสำเร็จแล้ว”
วินาทีนั้นหลิงมู่เอ๋อร์ทั้งตื่นเต้นยินดีทั้งตกใจ “การที่ท่านอาจารย์มาถึงวังแห่งนี้อีกคราย่อมต้องมีความเกี่ยวพันกับดอกไม้ประจำแคว้นแน่ และอามู่เต๋อก็หายตัวไปจากบริเวณใกล้ๆ นี้ เช่นนั้นก็แน่นอนแล้วว่าเขาต้องไปเอาดอกไม้ประจำแคว้นจากห้องลับห้องอื่น!”
จู่ๆ บรรยากาศพลันถูกปกคลุมด้วยความตึงเครียด ในใจของทุกคนเริ่มร้อนรนวิตกกังวล
“ไม่มีเวลาให้เสียเปล่าแล้ว ดอกไม้ประจำแคว้นกำลังจะผลิบาน ข้าคิดว่าพวกเจ้าเองก็คงไม่ต้องการให้อามู่เต๋อได้ไป แล้วเอามาใช้ข่มขู่หรอกกระมัง?” อามู่ทั่วเอ่ยปากเตือนทุกคนได้ทันเวลาพอดี
เมื่อเห็นความสับสนไม่แน่ใจของหลิงมู่เอ๋อร์ ตงฟางเชวี่ยก็รีบเป็นฝ่ายขันอาสาทันที “เอาเช่นนี้แล้วกัน ข้าจะไล่ตามท่านอาจารย์ไป ข้าอยากจะติดตามเขาในฐานะผู้ที่สืบทอดตำแหน่งเจ้าสำนักของหุบเขาเย่าหวาง บางทีอาจารย์อาจจะยอมออกมาพบหน้าข้าก็เป็นได้ ส่วนพวกท่านก็รีบไปรับผลของดอกไม้ประจำแคว้นมา”
วิชาตัวเบาของตงฟางเชวี่ยล้ำเลิศ ให้เขาไล่ตามคนไปนับว่าเหมาะสมยิ่งนัก
หลิงมู่เอ๋อร์พยักหน้า หลังจากเอ่ยทิ้งท้ายให้เขาระวังตัว นางก็รีบตามซั่งกวนเซ่าเฉินและอามู่ทั่วเข้าไปในห้องลับที่มีดอกไม้ประจำแคว้นอยู่
ส่วนตงฟางเชวี่ยก็หมุนกายหันไปในทิศทางตรงกันข้าม
“หยุด ผู้ใดกล้าก้าวเข้ามาใกล้แม้แต่ก้าวเดียว ข้าจะทำลายดอกไม้ประจำแคว้นทิ้งทันที!”
อามู่เต๋อชูดาบในมือขึ้นสูง มองกลุ่มคนที่วิ่งเข้ามา ชายหนุ่มพ่นเสียงหัวเราะเย็นชา “เดิมทีข้าคิดจะใช้ผลของดอกไม้มาเพื่อทำข้อตกลงกับพวกเจ้า ทว่าเป็นพวกเจ้าที่บีบบังคับข้าจนถึงทางตันเช่นนี้!”
สายตาของเขาหมุนมองไปทางหลิงมู่เอ๋อร์ “หลิงมู่เอ๋อร์ ข้าพยายามอย่างหนักกว่าจะพาเจ้าออกมาจากแคว้นเทียนเฉาจนมาถึงซีอวี้ได้ ประเคนทั้งของกินชั้นเลิศ ของใช้ชั้นเยี่ยม ปรนนิบัติเจ้าอย่างดี เจ้าควรจะรู้ว่าตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ข้าปรารถนาเพียงสิ่งเดียว! แล้วเป็นอย่างไร ยามนี้เจ้าไม่มีเวลาให้คิดแล้ว มอบของของเจ้าให้ข้าเสียดีๆ เถิด”
“สายเกินไปแล้ว”
ดวงตาของหลิงมู่เอ๋อร์ค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นนิ่งงัน ราวกับว่านางกำลังถูกบางสิ่งบางอย่างดึงดูด
วินาทีที่อามู่เต๋อตกอยู่ในความสงสัยไม่เข้าใจ รอบข้างพลันทอประกายแสงสว่างที่ทิ่มแทงสายตา เขาหันหลังกลับอย่างรวดเร็ว เห็นเพียงลำแสงหลากสีที่พุ่งตรงออกมา
ดอกไม้ประจำแคว้นผลิบานก่อนกำหนด!
“ตำนานกล่าวว่าดอกไม้ประจำแคว้นใช้เวลาเพียงหนึ่งเค่อเท่านั้นที่จะผลิดอกออกผล และช่วงเวลาเพียงหนึ่งเค่อนี้จะเป็นปรากฏภาพเหตุการณ์ที่แสนมหัศจรรย์ตระการตา คิดไม่ถึงเลยว่าข้าจะโชคดีพอที่จะได้เห็นปรากฏการณ์นี้ในช่วงชีวิตที่มีอยู่ของข้า”
แว่วเสียงของตงฟางเชวี่ยจากด้านข้าง
วินาทีนั้นหลิงมู่เอ๋อร์ที่กำลังเคลิบเคลิ้มไปกับภาพดอกไม้ประจำแคว้นกำลังผลิบานพลันรู้สึกตัว กลุ่มของพวกนางกำลังจ้องมองดอกไม้ประจำแคว้นมานาน นานจนพวกเขาลืมแม้กระทั่งจับอามู่เต๋อด้วยซ้ำ
“เหตุใดเจ้าถึงกลับมาได้เล่า?” นางเมียงมองไปด้านหลัง หาได้มีสิ่งใดผิดปกติไม่ แม้หลิงมู่เอ๋อร์จะคาดเดาได้ ทว่าก็ยังผิดหวังเล็กน้อย “แม้แต่เจ้าก็ไล่ตามไม่ทันหรือ?”
“คิดไม่ถึงว่าวิชาตัวเบาของท่านอาจารย์จะเยี่ยมยุทธ์ถึงเพียงนี้ ถึงขนาดที่ข้าเองยังไล่ตามไม่ทัน” ตงฟางเชวี่ยถอนหายใจ “อย่าว่าแต่ไล่ตามคนเลย แม้แต่ร่องรอยสักนิดก็หามีไม่ ราวกับว่านางไม่เคยปรากฏตัวมาก่อนเลยด้วยซ้ำ”
ตงฟางเชวี่ยลูบคางของตนเอง “หลิงมู่เอ๋อร์ เจ้าว่าคงมิใช่ว่าเป็นพวกเราที่คิดไปเองมาตลอดหรอกกระมัง? บางทีท่านอาจารย์อาจจะจากไปตั้งนานแล้วก็เป็นได้?”
“เป็นไปไม่ได้!”
หลิงมู่เอ๋อร์ขัดความคิดของเขาอย่างเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ “ข้าคิดไม่ถึงว่าวิชาตัวเบาของนางจะวิเศษกว่าเจ้า ในเมื่อนางล่วงหน้ามาถึงที่นี่ อีกทั้งยังจงใจก่อเรื่องวุ่นวาย ดูท่าแล้ว นางคงจะมีแผนการของตนเอง”
หลิงมู่เอ๋อร์คิดเช่นนี้ ทันใดนั้นนางก็ตระหนักได้ว่า “ไม่ ในเมื่อนางเก่งกาจถึงเพียงนั้น สามารถเข้าออกได้โดยไร้เงาไร้ร่องรอย แล้วเหตุใดนางถึงต้องจงใจดึงความสนใจของพวกเราด้วยเล่า? บางทีเงาที่พวกเราเห็นเมื่อครู่แท้จริงแล้วอาจจะไม่ใช่นาง!”
ตงฟางเชวี่ยเข้าใจความหมายแฝงในประโยคนั้นทันที “ความหมายของเจ้าคือตั้งแต่ที่ท่านอาจารย์เข้ามาในนี้ นางอาจจะยังไม่เคยได้จากไปไหน”
“ดอกไม้ประจำแคว้นจะผลิบานสะพรั่งและออกผลภายในไม่กี่วินาทีต่อจากนี้ หากท่านปรมาจารย์แห่งหุบเขาเย่าหวางซ่อนตัวอยู่ที่นี่จริง วันนี้นางย่อมไม่มีทางพลาดนาทีสำคัญ บางทีนางอาจแค่อยากใช้เงาเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของเรา” ซั่งกวนเซ่าเฉินกล่าวเสริม ดวงตาของเขากวาดมองไปรอบๆ ทันที
หลิงมู่เอ๋อร์เองก็หันหลังหมุนกายทันทีที่คิดได้เช่นกัน
เรื่องดอกไม้ประจำแคว้นของแคว้นซีอวี้มิได้ถูกเก็บเป็นความลับมาตั้งแต่แรกแล้ว ดังนั้นวินาทีที่อามู่เต๋อบุกเข้ามาที่นี่ หลายคนก็รีบเข้ามาด้วยเช่นกัน
แม้ว่าห้องลับจะไม่ใหญ่นัก ทว่าประตูกลับเต็มไปด้วยผู้คน นอกจากขุนนางสองสามคนแล้ว ยังมีเหล่าคนที่ขวัญกล้าอยู่อีกจำนวนหนึ่ง
แม้ว่าสายตาของพวกเขาจะถูกดอกไม้ประจำแคว้นที่กำลังเบ่งบานดึงดูด ทว่าหลิงมู่เอ๋อร์กลับสังเกตเห็นบางสิ่งที่ผิดปกติในนั้น!
ที่ด้านหลังสุดของฝูงชน มีสตรีผู้หนึ่งที่แต่งกายด้วยชุดของสาวใช้ แม้ว่านางจะซ่อนตัวอยู่ในมุมลับตาที่สุดของห้อง ทว่าแววตาที่ปรากฏออกมาให้เห็นเพียงอย่างเดียวนั้นก็ทำให้หลิงมู่เอ๋อร์แยกออกทันที นั่นมิใช่แววตาดวงเดียวกับที่นางเห็นยามที่อยู่ในเหลาอาหารอวิ๋นอวี้หรอกหรือ?
“เป็นเจ้า!”
หลิงมู่เอ๋อร์ทะยานเข้าไปข้างหน้าด้วยความตื่นเต้น ทว่าด้านหลังกลับมีเสียงตะโกนของอามู่ทั่วที่ดังขึ้นมาว่า “ดอกไม้ประจำแคว้นผลิดอกออกผลแล้ว!”
ไม่รอให้หลิงมู่เอ๋อร์ได้หมุนกายหันกลับมา เหล่ากลุ่มคนที่อยากรู้อยากเห็นพลันกรูเข้ามารุมล้อมมองปรากฏการณ์ที่หายากนี้อย่างใกล้ชิดทันที
ทันทีที่ซั่งกวนเซ่าเฉินเห็นภาพตรงหน้า เขาก็รีบใช้แขนยาวของตนดึงนางเข้ามาไว้ในอ้อมแขน ดวงตาที่คุ้นเคยคู่นั้นเป็นอีกคราที่หายไปท่ามกลางสายตาของหลิงมู่เอ๋อร์
วินาทีที่นางกำลังคิดจะให้ตงฟางเชวี่ยไล่ตามไป อามู่เต๋อที่ไม่มีผู้ใดสนใจพลันเปิดกลไกของห้องลับทันที เขายื่นมือเปล่าออกไปหมายจะคว้าผลของดอกไม้ประจำแคว้น
“อามู่เต๋อ หยุดมือเดี๋ยวนี้!”
แทบจะเป็นวินาทีเดียวกัน เสียงตะโกนของอามู่ทั่วดังก้อง เขาคิดจะหยุดอามู่เต๋อ ทว่าน่าเสียดายที่ผลไม้อันงดงามราวกระเบื้องเคลือบที่ห้อมล้อมด้วยแสงหลากสีอยู่บนฝ่ามือของอามู่เต๋อแล้ว
“ฮ่า ฮ่าๆๆ คิดไม่ถึงละสิว่าสิ่งนี้จะตกอยู่ในมือของข้า!”
อามู่เต๋อเงยหน้าขึ้นเย้ยฟ้า คำรามด้วยท่าทีหยิ่งผยองบ้าคลั่ง
สายตาของเขาพลันเปลี่ยน มองตรงไปทางหลิงมู่เอ๋อร์ทันที “ข้าจะให้โอกาสเจ้าคราสุดท้าย จงนำของที่ข้าต้องการออกมา ไม่เช่นนั้น ข้าจะทำลายมันทิ้ง!”
ช่วงเวลาอันยาวนานทว่าที่จริงกลับสั้นนัก อามู่เต๋อก็บีบผลไม้ในมือแน่น นิ้วมือทั้งห้าออกแรงกดเล็กน้อย ราวกับว่าเขาจะทำลายมันเมื่อใดก็ได้
“อย่านะ!” หลิงมู่เอ๋อร์เร่งร้อนตะโกนเสียงดัง
นางอดทนรั้งรออยู่ในแคว้นซีอวี้มานานจนถึงตอนนี้ก็เพียงเพื่อผลไม้ผลนี้เท่านั้น หากนางต้องยืนมองมันถูกทำลาย เช่นนั้นนางจะต้องเสียใจในภายหลังเป็นล้นพ้นแน่
อาจเป็นเพราะอารมณ์พุ่งสูงมากเกินไป ศีรษะของนางถึงได้รู้สึกมึนงงเล็กน้อย มือของนางข้างหนึ่งจับซั่งกวนเซ่าเฉินไว้เพื่อพยุง ยามที่มองไปทางอามู่เต๋ออีกครา มุมปากของนางก็หยักยกขึ้น “เจ้าต้องการสมบัติของข้า ได้สิ ข้ามอบให้เจ้าได้ แต่เจ้าจะรับประกันได้อย่างไรว่าหากข้ามอบสมบัติให้เจ้าแล้ว เจ้าจะให้ผลไม้แก่ข้า ข้าต้องการให้เจ้านำผลไม้กลับไปวางไว้ที่เดิม”
นี่ไม่ใช่การเจรจา แต่เป็นคำสั่ง!
อามู่เต๋อขมวดคิ้วเล็กน้อย “เจ้าไม่มีสิทธิ์ต่อรองกับข้า!”
“ถ้าอย่างนั้น ข้าเองก็สามารถทำลายสิ่งที่เจ้าต้องการได้เช่นกัน!”
“เจ้า!”
อามู่เต๋อโมโหจัด ขณะที่เขากำลังคิดจะบันดาลโทสะ ทว่าเมื่อไตร่ตรองให้ดีแล้ว เขาก็หัวเราะออกมาเบาๆ “หลิงมู่เอ๋อร์ บางทีเจ้าอาจจะยังไม่เข้าใจ ผลไม้ชนิดนี้ไม่ใช่ผลไม้ธรรมดา มันไม่สามารถเก็บรักษาเอาไว้ได้นาน หากเจ้าไม่กลัวว่ามันจะเน่าในมือของข้า เจ้าก็ถ่วงเวลารอไปเถิด ข้าอยากเห็นนักว่าผู้ใดมีความอดทนมากกว่ากัน”
มุมปากของหลิงมู่เอ๋อร์กระตุกสั่น นางจ้องอามู่เต๋อด้วยสายตาที่อยากจะพุ่งเข้าไปรัดคอเขาให้ตาย ทว่าจนปัญญาที่นางไม่รู้ว่าคนร่างแผนออกแบบที่นี่ไว้อย่างไร นางไม่อาจเปิดใช้งานมิติเทพได้ ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงการเร้นกายซ่อนตัวอยู่ในนั้น
ใช่แล้ว ปรมาจารย์แห่งหุบเขาเย่าหวางเองก็อยู่ที่นี่มิใช่หรือ
มิใช่ว่านางเองก็ต้องการผลของดอกไม้ประจำแคว้นเหมือนกันกระมัง?
“นำผลกลับไปวางในดอกไม้ประจำแคว้นเหมือนเดิม แล้วข้าจะมอบสิ่งที่ต้องการให้ทันที ข้าจะนับถึงสาม”
ไม่รอให้อามู่เต๋อตอบตกลง นางก็เริ่มนับทันที “หนึ่ง สอง…”
“ได้ ข้าจะวาง”
ท้ายที่สุดอามู่เต๋อก็เลือกที่จะประนีประนอม ทว่าสิ่งที่เขาคิดไม่ถึงก็คือ วินาทีที่เขาเพิ่งจะวางผลไม้กลับเข้าไปในดอกไม้ประจำแคว้น จู่ๆ ก็มีเงาร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า เพียงเอื้อมมือก็แย่งชิงผลไม้นั้นไปได้ทันที
ยังไม่ทันรอให้ผู้ใดได้โต้ตอบ เงาร่างของคนคนนี้ก็ได้หายวับไปจากสายตาของทุกคนแล้ว
“สารเลว ไอ้สารเลว!”
อามู่เต๋อโมโหจนถึงขีดสุด เขาเร้นกายหายตัวไล่ตามไปทันที ตงฟางเชวี่ยที่เห็นเช่นนี้ก็คิดจะตามไปติดๆ เหล่าคนอยากได้ผลไม้เองก็เริ่มไล่ตามไปเช่นกัน ฉากตรงหน้าพลันแปรเปลี่ยนเป็นอลม่านวุ่นวายอีกคราทันใด
ซั่งกวนเซ่าเฉินที่โอบประคองหลิงมู่เอ๋อร์ไว้ค่อยๆ เดินตามมารั้งท้าย ยามที่พวกเขาเห็นตงฟางเชวี่ยกำลังจะไล่ตามสาวใช้ในวังที่ปลอมตัวไป สาวใช้ผู้นั้นกลับเร้นกายหายลับเข้าไปในห้องลับทันที
“มารดามันเถิด เหตุใดมีห้องลับอยู่ที่นี่อีกเล่า?” ตงฟางเชวี่ยปล่อยหมัดที่เต็มไปด้วยความหงุดหงิดกระแทกกำแพงอย่างแรง
ประตูที่อยู่ตรงหน้า กำแพงนี้หากมองด้วยตาเปล่าย่อมไม่ต่างจากผนังธรรมดา ทว่าผู้ใดจะคิดว่ามีห้องลับที่สามารถซ่อนตัวได้ตลอดเวลาปรากฏขึ้นที่นี่กัน?
ชายหนุ่มหันมองย้อนกลับไป คิดจะมองหาเงาร่างของหลิงมู่เอ๋อร์ ตงฟางเชวี่ยพลันค้นพบว่าอามู่เต๋อก็หายไปเช่นกัน
“เหตุใดอามู่เต๋อถึงได้หายลับไปด้วยเล่า? หรือว่ายังมีห้องลับอื่นๆ ซ่อนอยู่ที่นี่อีก?” ตงฟางเชวี่ยสับสนไปหมดแล้ว ทั้งๆ ที่เป็นเพียงวังหลวง เป็นเพียงแค่ห้องบรรทมของฮ่องเต้ แล้วจะสร้างห้องลับไปมากมายเพื่ออันใด? ต้องการเล่นเขาวงกตหรือ?
——————————