ตอนที่ 368 ผมอยากเป็นแค่อาหารของคุณ
ณ เกาะเล็กๆ แห่งหนึ่ง
แสงแดด ชายหาด คลื่นทะเล
น้ำทะเลสีเขียวอมน้ำเงินตัดกับท้องฟ้าสีครามอมชมพู ก่อเกิดเป็นทิวทัศน์ยามอาทิตย์อัสดงที่แสนโรแมนติกและอ่อนโยน
เย่ว์เลี่ยงสวมกระโปรงเดรสสายเดี่ยวสีสดเอนตัวอยู่ริมชายหาด หลับตาดื่มด่ำกับดวงอาทิตย์ตกขอบทะเลที่แสนงดงามและกว้างใหญ่
อวิ๋นไป๋นอนตะแคงอยู่บนเก้าอี้ริมหาดอีกตัวหนึ่งข้างกัน มองคนที่ชอบ แทบไม่อยากกะพริบตา รู้สึกเพียงว่ามองเท่าไรก็ไม่พอ
เย่ว์เลี่ยงที่หลับตาอยู่ยังรู้สึกได้ถึงสายตาอันร้อนแรงของเขา อดมองค้อนอยู่ในใจไม่ได้
“มองแบบนี้ทุกวันไม่เบื่อบ้างหรือไง”
“เว้นเสียแต่ผมหยุดหายใจ ไม่อย่างนั้นผมก็ไม่มีทางเบื่อไปตลอดกาล” ความอ่อนโยนในดวงตาอวิ๋นไป๋ชวนให้ลุ่มหลงยิ่งกว่าดวงอาทิตย์ในตอนนี้
เย่ว์เลี่ยงเงียบไปหลายวินาที “คำว่าตลอดกาล พูดออกมาง่ายๆ ไม่ดีนะ”
“ผมพูดออกมาแล้วก็คือทำได้ เย่ว์เลี่ยง เชื่อผมนะ”
“อวิ๋นไป๋…ขอแค่คุณเปลี่ยนใจ คุณไม่ขาดอะไรเลยนะ”
“แต่โลกของผมขาดคุณไม่ได้ ในชีวิตของผมคุณสำคัญเทียบเท่าอากาศ”
เย่ว์เลี่ยงถอนหายใจอยู่ในใจ “เมื่อคุณได้ใกล้ชิดก็จะพบว่า ฉันไม่ได้ดีเหมือนที่คิดไว้”
“ไม่ๆๆ คุณอยู่ในใจผมมาตลอด ใกล้ผมจนใกล้กว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว ผมรักคุณมากกว่าเมื่อวานมาตลอด”
“…”
คนคนนี้ทำไมถึงได้หยอดเก่งขนาดนี้ แถมไม่เคยซ้ำกันเลย!
หนึ่งเดือนที่อยู่บนเกาะแห่งนี้ ไม่เพียงแต่เขาจะไม่ละสายตาจากเธอ ทั้งยังวันๆ เอาแต่พูดคำที่ชวนให้ใจอ่อน…
“เย่ว์เลี่ยง ทำไมคุณถึงไม่อยากแต่งงานล่ะ”
“แล้วทำไมต้องแต่งงานด้วย เป็นแบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ สบายๆ มีอิสระ”
“มันก็ดี แต่ไม่สมบูรณ์แบบ ผมช่วยเติมเต็มสิ่งที่คุณบกพร่องได้”
เย่ว์เลี่ยงได้ฟังก็หันหน้าไปมองอวิ๋นไป๋ ถามด้วยความไม่เข้าใจ “ฉันบกพร่องอะไร”
ก็เห็นเขาพูดว่าเธอดีอย่างนั้นดีอย่างนี้มาตลอด วันนี้กลับคำงั้นเหรอ
“คุณหลงทางเก่งเกินเยียวยา”
“!”
เย่ว์เลี่ยงอยากตีเขาให้ตาย!
อวิ๋นไป๋พูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อนแต่ก็จริงจังมาก “เย่ว์เลี่ยง คุณดีหมดทุกอย่าง แต่ก็ยังขาดความสดใสในชีวิตไปหน่อย ผมอยากให้ชีวิตของคุณสมบูรณ์แบบและกว้างใหญ่ยิ่งขึ้น อะไรที่คุณขาดผมจะช่วยเติมเต็ม”
เย่ว์เลี่ยงละสายตามองท้องฟ้าสีอมชมพูที่สวยเหมือนภาพลวงตา เธอพูดเสียงเบา “แต่ฉันว่าแบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว”
“นั่นเป็นเพราะคุณไม่เคยลองสิ่งที่ดีกว่า”
“หึ พูดอย่างกับว่าคุณเคยมีชีวิตแบบนั้น”
“ผมเคยจินตนาการ ความฝันทั้งหมดของผมเกี่ยวข้องกับคุณ”
“…”
“เย่ว์เลี่ยง ผมรู้ว่าคุณก็ชอบผมอยู่บ้าง…”
“เหลวไหล”
“ดูเอานะ ถ้าคุณไม่ชอบคงไม่พูดแบบนี้” อวิ๋นไป๋ยิ้มกว้าง ราวกับมีสายรุ้งที่ขอบฟ้า งดงามเกินใคร
เย่ว์เลี่ยงเคลิ้มไปชั่วขณะ จากนั้นก็พูดเสียงแข็งเล็กน้อย “อวิ๋นไป๋ ฉันต้องการอะไรก็มีทั้งนั้น ไม่จำเป็นต้องมีผู้ชายเพิ่มเข้ามา”
“คุณก็ยังทำงาน กินข้าว นอนหลับ พักผ่อนได้เหมือนเดิม มีผู้ชายเพิ่มเข้ามาแล้วมันจะกระทบอะไร”
“…อาจเพราะชินกับการอยู่คนเดียวแล้วมั้ง”
แต่ต่อให้มีอวิ๋นไป๋เพิ่มเข้ามาก็ไม่มีทางส่งผลกระทบต่อเธอ เพราะชาตินี้เธอไม่ได้มองความรักเป็นใหญ่
“เย่ว์เลี่ยง ผลวิจัยบอกว่า การทำอะไรซ้ำๆ เกินยี่สิบเอ็ดวันจะกลายเป็นติดนิสัย ทำซ้ำเกินเก้าสิบวันจะก่อเกิดเป็นความเคยชินที่แน่นอน เย่ว์เลี่ยง ลองให้ผมอยู่กับคุณเก้าสิบวันดูสิ”
“เก้าสิบวัน…ฉันไม่มีเวลาพักเยอะขนาดนั้น”
“ขอแค่ได้อยู่ข้างกายคุณ ไปไหนมาไหนพร้อมกัน ไม่จำกัดว่าต้องที่ไหน”
เย่ว์เลี่ยงถามด้วยความสงสัย “อวิ๋นไป๋ อะไรที่ทำให้คุณมานะได้นานขนาดนี้”
“นับตั้งแต่คุณเข้ามาในชีวิตผมก็ไม่มีอะไรแทนที่ได้ ไม่ใช่ความมานะ แต่พอเข้าสายตาก็ไม่มีสิ่งอื่นอีก สี่ทิศมีแต่คุณ ไม่ว่าคุณจะอยู่ตรงหน้าผมหรือไม่ก็ตาม”
เย่ว์เลี่ยงเดาทางผู้ชายไม่ถูกเลยจริงๆ
มีหลายคนที่กะล่อนปลิ้นปล้อน
คนนอกเผ่าหย่าร้างมากมาย ชีวิตคู่เปราะบาง พูดว่ารักมั่นนิรันดรได้อย่างง่ายดาย มันก็แค่เรื่องตลก
คนในเผ่าซื่อสัตย์ต่อชีวิตคู่มาก เหมือนกับหมาป่า รักมั่นในคู่ชีวิตไปตลอดกาล
“อวิ๋นไป๋…”
“เย่ว์เลี่ยง คุณกลัวอะไร”
เย่ว์เลี่ยงส่ายหน้า “ฉันไม่ได้กลัว ฉันแค่ไม่อยากเปลี่ยนชีวิตที่เป็นอยู่”
“แต่คุณไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนอะไรเลยนะ ก็แค่มีผมเพิ่มเข้ามา ถ้าคุณไม่พอใจก็แค่ทำเป็นมองไม่เห็น ผมไม่มีทางโกรธคุณ ไม่มีทางทำให้คุณลำบากใจ ถึงขั้นที่ว่าคุณไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย”
“ไม่รับผิดชอบ…ฉันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ” เย่ว์เลี่ยงอยากขำทั้งน้ำตา
“เย่ว์เลี่ยง หรือคุณอยากรับผิดชอบเหรอ” เสียงทุ้มต่ำของอวิ๋นไป๋ตื่นเต้นขึ้นมาทันที
“รับผิดชอบอะไร ฉันไม่มีอะไรต้องรับผิดชอบ!” เย่ว์เลี่ยงถลึงตาใส่เขา
“ขอแค่คุณอยากมันมีได้หมดแหละ”
“…”
นัยน์ตาสีดำทอประกายเต็มไปด้วยความรู้สึก
“งั้นพ้นหกสิบวันคุณก็จะไปแล้วงั้นเหรอ”
“เปล่า ชีวิตนี้ผมไม่มีทางไปจากคุณ”
“แล้วคุณจะเอาหกสิบวันทำไม”
อวิ๋นไป๋ยิ้มกว้างเผยให้เห็นฟันขาว “ให้คุณชิน ผมเชื่อทฤษฎี”
“อวิ๋นไป๋ คุณเป็นคนดีจริงๆ นะ…”
“ผมไม่ต้องการบัตรคนดี”
“อุ๊บ…ฉันไม่ได้ยื่นบัตรคนดีให้คุณเสียหน่อย ฉันแค่อยากชมคุณ”
อวิ๋นไป๋ลุกพรวดขึ้นมานั่งหลังตรง ใบหน้าเหมือนดอกไม้ที่บานสะพรั่ง งดงามอย่างมหัศจรรย์
“ฉันให้เวลาคุณหกสิบวันให้ฉันได้ปรับตัว ถ้าไม่ไหว…”
“ให้อีกหกสิบวัน”
เย่ว์เลี่ยงหมดคำจะพูด “กล้าคิดเนอะ”
“ยังไงซะชีวิตนี้ผมก็ไม่มีทางไปจากคุณ”
“จำคำพูดของตัวเองในหนึ่งเดือนนี้ให้ดี ถ้าทำไม่ได้ ฉันจะจับคุณไปเป็นอาหารหมาป่า” ที่เธอรับปากมาเที่ยวด้วยก็เพราะอยากให้โอกาสกันและกัน
ถ้าเยี่ยนหังจะมาเกิดในท้องเธออีกครั้ง พ่อของเขาต้องเป็นอวิ๋นไป๋เท่านั้น
“ผมอยากเป็นแค่อาหารของคุณ”
อวิ๋นไป๋ใช้ใบหน้าที่หล่อจนสาวๆ กรี๊ดมองเย่ว์เลี่ยง ดวงตาทอประกายร้อนแรงยิ่งกว่าดวงอาทิตย์
เย่ว์เลี่ยง “…”
นี่เขาคิดลามกกับเธออยู่หรือเปล่า
“เย่ว์เลี่ยง พรุ่งนี้พวกเราไปดำน้ำกันนะ บนเรือมีอุปกรณ์”
“ฉันดำน้ำไม่เป็น”
“ผมพาคุณไปเอง คุณภาพน้ำที่นี่ดีมาก หมู่ปะการังก็เยอะ ดำลงไปสี่ห้าเมตรก็เห็นแล้ว ไม่จำเป็นต้องดำลึก”
“คุณคุ้นเคยดีเหรอ”
“ตอนผมซื้อเกาะมาก็ได้สำรวจทะเลรอบเกาะไว้หมดแล้ว เย่ว์เลี่ยง คุณว่าพวกเราเปิดเกาะนี้เป็นเกาะท่องเที่ยวดีไหม”
“คุณไม่ได้ขาดแคลนเงินเสียหน่อย จะทำไปทำไม”
“ไม่งั้นก็สร้างพวกอาคารเล็กๆ สำหรับพวกเราไว้พักผ่อนเอง”
“ไม่ได้มาเที่ยวทุกวันเสียหน่อย เปลืองเงิน วันหน้าถ้ามาเที่ยวก็นอนบนเรือหรือไม่ก็กางเต็นท์เอา”
“แล้วแต่คุณ”
“ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าแล้ว พวกเรากลับเรือไปกินข้าวเถอะ”
“อืม”
อวิ๋นไป๋ดึงเย่ว์เลี่ยงลุกขึ้น จากนั้นก็ไม่ปล่อยมืออีกเลย
เย่ว์เลี่ยงยิ้ม มุมปากยกขึ้นเป็นเส้นโค้งเล็กน้อย
กลับขึ้นห้องครัวบนเรือ เย่ว์เลี่ยงถาม “อาหารใกล้หมดแล้วไหม”
เธอไม่คิดว่าจะพักอยู่นานขนาดนี้ เดิมทีคิดว่าประมาณครึ่งเดือนก็กลับแล้ว
ตามคาด มาพักผ่อนสองคนกับมาทั้งครอบครัวมันไม่เหมือนกัน เธอเกือบลืมเวลาไปเลย
“อืม เหลือกินได้อีกสามวัน”
“งั้นอีกสองวันกลับกัน”
“ได้”
ไม่ว่าจะชาติที่แล้วหรือชาตินี้ เย่ว์เลี่ยงไม่มีทางทำอาหาร แต่อวิ๋นไป๋คนเดียวทำกับข้าวสามอย่างกับหนึ่งน้ำแกงได้ในเวลาไม่นาน
เย่ว์เลี่ยงฝึกวรยุทธ์ ดังนั้นค่อนข้างกินเยอะ
กับข้าวสามอย่างกับหนึ่งน้ำแกง สองคนกินกำลังพอดี
กินเสร็จอวิ๋นไป๋ก็ล้างชาม
เย่ว์เลี่ยงอยู่ข้างๆ มองเขาทำความสะอาดห้องครัวกับโต๊ะอาหาร สายตาวูบไหวเล็กน้อย มุมปากอมยิ้ม
“อวิ๋นไป๋ ทำไมคุณถึงเรียนทำอาหารล่ะ”
“อยากทำให้เมียกับลูกกิน”
“ลูก…ฉันจะสี่สิบเอ็ดแล้ว คุณไม่คิดเปลี่ยนคนเป็นแม่ของลูกเหรอ”
“เมียกับลูก เมียมาก่อนลูก”
“…”
เอาเถอะ เธอเปลี่ยนเรื่องคุยดีกว่า ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวก็วกกลับมาเข้าตัวอีก