ตอนที่ 162 อันธพาลข้างถนน
ครึ่งชั่วโมงต่อมา
หลิงหนานก็ได้ขับรถเฟอรารี่ของเยจิงเฉิงกลับมาถึงหมู่บ้านหมิงเหมิน หลังจากนํารถเข้าไปจ อดในโรงรถด้านในแล้ว หลินหนานจึงได้เดินออกมา และพบว่าพ่อบ้านคู่กําลังยืนรอเขาอยู่ที่สวนด อกไม้ด้านหน้า
“ลุงรู่ คุณหนูรองกลับมาถึงบ้านหรือยังครับ?” หลินหนานเอ่ยถามขึ้นทันที
“ยังไม่กลับมาเลย!” พ่อบ้านฉ่ตอบกลับด้วยสีหน้าเรียบเฉย
หลินหนานได้แต่นึกแปลกใจ จึงรีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรหาเย่เข่อเอ่อ แต่แล้วเขาก็ต้ องรู้สึกประหลาดใจระคนสงสัยมากยิ่งขึ้น เมื่อโทรติดแต่กลับไม่มีคนรับสาย หลังจากกดตัดสายไป แล้ว หลินหนานจึงได้แต่พึมพําออกมาเบาๆ
“เกิดเรื่องอะไรกับยัยตัวแสบหรือเปล่านะ?! ทําไมถึงไม่ยอมรับโทรศัพท์?”
แต่แล้วจู่ๆ โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น หลินหนานรีบยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู และพบว่าเป็นเย่ เข่อเอ๋อโทรกลับมา แต่ทันทีที่หลินหนานกดรับสาย กลับมีเสียงผู้ชายดังขึ้นมาจากปลายสายแทน
“ฟังให้ดีนะ! ตอนนี้เย่เข่อเอ๋ออยู่ในกํามือพวกเราแล้ว! ถ้าไม่อยากให้ยัยเด็กนี่ตาย ก็นําเงิน สามล้านมาไถ่ตัวไป จําไว้ว่าฉันให้เวลาแกหนึ่งชั่วโมงเท่านั้น! อ่อ.. แล้วก็อย่าแจ้งตํารวจล่ะ เพราะ ไม่อย่างนั้น ฉันฆ่ายัยเด็กนี่ทิ้งแน่!”
“นี่เอ่อเอ๋อ หยุดเล่นบ้าๆ แล้วก็รีบกลับบ้านได้แล้ว ตอนนี้ฉันกําลังรอเธออยู่ที่บ้าน!”
หลินหนานตอบกลับทันที เพราะคิดว่าเยี่เข่อเอ๋อคงจะแกล้งหลอกเขาเล่นเท่านั้น นั่นเพราะเรื่ องเงินสดสามล้านที่เขาเพิ่งได้รับมาจากเสี่ยวจือหลงนั้น นอกจากเย่เข่อเอ๋อแล้ว ก็ยังไม่มีใครรู้เรื่ องนี้เลย อีกอย่าง หากเย่เข่อเอื้อถูกจับตัวไปเรียกค่าไถ่จริงๆ โจรลักพาตัวควรจะต้องโทรไปหาเย่ จิงเฉิง มากกว่าที่จะโทรหาเขา!
“พี่เขยช่วยฉันด้วย! พวกมันบอกว่าถ้าพี่เขยไม่มา มันจะฆ่าฉันตาย…”
แต่ในระหว่างที่หลินหนานกําลังครุ่นคิดอยู่นั้น เสียงร้องไห้ตื่นตระหนกตกใจของเยเข่อเอ๋อ ก็ดังขึ้นมาจากปลายสาย หลินหนานจึงรีบถามกลับไปทันที
“เอ่อเอ๋อ ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน? แล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”
ทันทีที่ได้ยินเสียงร้องห่มร้องไห้ของเยี่เข่อเอ๋อ หัวใจของหลินหนานก็ตกไปถึงตาตุ่ม เขาเริ่มรู้ แล้วว่า เด็กสาวไม่ได้สร้างเรื่องหลอกเขาเล่นอย่างที่คิด แต่เวลานี้ น้องสาวของภรรยาเขาถูกคนจับ ตัวไปเรียกค่าไถ่จริงๆ
“จําไว้ว่า แกมีเวลาเพียงแค่หนึ่งชั่วโมงเท่านั้น! อ่อ แล้วก็ต้องนําเงินสดสามล้านมาคนเดีย วด้วยนะ ไม่อย่างนั้น แกก็เตรียมมาเก็บศพแม่สาวน้อยนี่ได้เลย!”
ตุ๊ดๆๆ
สายถูกตัดทิ้งทันทีที่อีกฝ่ายพูดจบ โดยไม่รอให้หลินหนานได้ถามอะไรต่ออีกแม้แต่คําเดียว หลังจากได้ยินเสียงสัญญาณตัดสายดังขึ้น สีหน้าของหลินหนานก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้นมาทันที ดวงตาทั้งคู่เป็นประกายขึ้นมาวูบหนึ่งก่อนจะดับลง..
หลินหนานวิ่งกลับไปที่โรงรถทันที เขากระโดดขึ้นไปบนรถเฟอรารี่สีแดง พร้อมกับสตาร์ทเค เรื่องและขับออกมาอย่างรวดเร็ว
ส่วนพ่อบ้านนุ่ที่รับรู้ได้ถึงบางอย่างที่ไม่ปกติ จึงรีบร้องตะโกนถามหลินหนานไปว่า “นี่ คุณ จะไปไหน? เกิดเรื่องอะไรขึ้นงั้นรึ?”
“ไม่มีอะไรครับลุงฉ่! ผมแค่จะออกไปหาข้าวกิน..” หลินหนานร้องตะโกนตอบกลับไป พร้อม กับเหยียบคันเร่งพุ่งทะยานออกไปทันที
บนถนนคดเคี้ยวที่มุ่งหน้าสู่ยอดเขาฟูหลงนั้น มีรถตู้คันหนึ่งเปิดไฟหน้ารถจอดอยู่ข้างทาง และ ภายในรถตู้ขนาดเจ็ดที่นั่งคันนี้ ก็มีชายฉกรรจ์นั่งอยู่ด้านในนับสิบคนได้
“นี่ลูกพี่ ไอ้คนแซ่หลินนั่นมันจะกล้ามาเหรอ? แล้วถ้ามันไม่มาล่ะ พวกเราจะทํายังไงต่อ?”
เด็กหนุ่มใบหน้าตกกระที่นั่งอยู่บนเบาะข้างคนขับ หันไปมองลูกพี่ของมันที่ชื่อว่าอาจิน พร้อม กับร้องถามออกไปด้วยสีหน้าที่ไม่สบายใจนัก
อาจินที่มีสีหน้าดุดันปรายตามองเด็กหนุ่มเล็กน้อย และตอบกลับไปด้วยน้ําเสียงเย็นชา “นี่ อาหม่า ยังไม่ครบกําหนดเวลานัดเลย แกจะร้อนใจไปทําไม? อีกอย่าง ตอนนี้พวกเราก็เป็นโจรลัก พาตัวแล้ว ไม่ใช่อันธพาลกระจอกๆข้างถนน ทําตัวให้สมกับเป็นโจรเรียกค่าไถ่หน่อยสิวะ!”
อาหม่าพยักหน้าหมึกๆ พร้อมตอบกลับไปว่า “แต่ว่า.. พวกเราไม่เคยทํางานแบบนี้มาก่อนเลย นะลูกพี่! อย่างมากที่ผ่านมาพวกเราก็แค่ทําร้ายข่มขู่คน แต่ไม่เคยลักพาตัวใครมาเรียกค่าไถ่แบบนี้ พวกเราไม่ใช่โจรเรียกค่าไถ่มืออาชีพสักหน่อย..”
“แกไม่เคยได้ยินคําพูดที่ว่า ทุกอย่างต้องมีก้าวแรกบ้างหรือยังไง? วันนี้ฉันจะแสดง ให้พวกแกเห็นเอง!”
หลังจากที่อบรมอาหม่าไปแล้ว อาจินก็หันไปสั่งลูกน้องที่นั่งอยู่ด้านหลังว่า “ถึงเวลาที่ต้องจัด การกับมัน พวกแกก็อย่าทําให้ฉันต้องผิดหวังแล้วก็อับอายเชียวล่ะ!”
“พี่จิน.. พี่ไม่ต้องห่วง พวกเราไม่ใช่นักเลงกระจอกงอกง่อย ต่อให้มันมากันเป็นสิบ พวกเราก็ สามารถจัดการได้ไม่ยาก แต่นี่มันมาแค่คนเดียว รับรองได้ว่าพวกเรากระทืบมันน่วมแน่นอน!”
“นี่ลูกพี่ ยัยเด็กผู้หญิงแซ่เย่นหน้าตาจิ้มลิ้มน่ารักไม่เบาเลย ระหว่างที่รอไอ้หมอนั่นมา ขอพวกฉันเล่นสนุกคลายเครียดกับยายนี่หน่อยจะได้มั้ย?”
อาหม่าหันไปถามลูกพี่ ก่อนจะเหลือบมองไปทางร่างของเยี่เข่อเอ๋อ ซึ่งถูกจับมัดและโยนไปไว้ ที่หลังรถตู้ตรงบริเวณที่ใช้เก็บสัมภาระ พร้อมกับแสยะยิ้มออกมาด้วยสีหน้าตื่นกระหาย
เวลานี้ ใบหน้างดงามของเยี่เข่อเอื้อเปื้อนไปด้วยน้ําตา สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความตื่นตระ หนกตกใจ และแววตาก็บ่งบอกถึงความท้อแท้สิ้นหวัง ทั้งมือและเท้าของเธอถูกพวกโจรเรียกค่าไถ่ จับมัดไว้แน่น ส่วนปากก็ถูกปิดไว้ด้วยเทปกาว สภาพเช่นนี้ไม่มีทางที่เธอจะหลบหนีไปได้แน่!
“ตื่นไม่ดูเวล่ําเวลาจริงๆนะอาหม่า ฉันว่าสักวันแกคงได้ตายคาอกผู้หญิงแน่ๆ แกลืมไปแล้วเห รอว่า เดี๋ยวพวกเราต้องพาตัวยัยเด็กผู้หญิงแซ่เย่กลับไปให้เจ้านาย! หลังจากเสร็จงานนี้พวกเราก็ จะได้เงินค่าจ้างก้อนโต ถึงตอนนั้นแกจะหาผู้หญิงหน้าตาสวยขนาดไหนมานอนด้วยก็ได้!”
อาจินตอบกลับลูกน้องที่ชื่ออาหม่า พร้อมกับยกมือขึ้นลูบไล้สร้อยทองเส้นโตที่ลําคอ แวว ตาของเขาปรากฏอารมณ์ปรารถนารุนแรงขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว
เฮ้อ.. มีสาวสวยเอ๊าะๆอยู่ต่อหน้าแท้ๆ แต่กลับทําอะไรไม่ได้ ทรมานชะมัด!
อาจินเองก็รู้สึกเร่าร้อนไม่น้อยไปกว่าลูกน้อง และตั้งใจแน่วแน่ว่า หลังจากได้เงินมาแล้ว เขา จะต้องไปเที่ยวคลับ และหาหญิงสาวเร่าร้อนสักคน มาดับไฟปรารถนาที่กําลังลุกโชนเผาไหม้อยู่นี้ ให้ได้
“ลูกพี่! มีรถคันหนึ่งกําลังมุ่งหน้ามาที่นี่แล้ว น่าจะเป็นรถของไอ้หมอนั่น!”
ในระหว่างที่อาจินกําลังฝันถึงหญิงสาวร้อนแรงที่จะมาดับไฟราคะของตนเองอยู่นั้น เสียงร้อง ตะโกนของเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างคนขับ ก็ได้ปลุกเขาให้ตื่นจากภวังค์
อาจินหันไปมองตามทิศทางที่อาหม่าชี้ พร้อมกับพูดขึ้นด้วยความสงสัย “ฉันเพิ่งจะวางสาย จากไอ้หมอนั่นไปแค่สิบห้านาทีเอง นี่มันเหาะมาหรือยังไง ถึงได้มาถึงเร็วขนาดนี้?!”
ยังไม่ทันที่อาจินจะทันได้พูดอะไรมากกว่านั้น เสียงเครื่องยนต์ก็ดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ และแทบ ไม่รู้ตัวว่า แสงไฟและเงาของรถที่เห็นแต่ไกลนั้น จู่ๆพุ่งทะยานเข้าใกล้รถตู้ของพวกเขาตั้งแต่เมื่อ ไหร่?
“เป็นไอ้หมอนั่นจริงๆด้วย! พวกแกเตรียมตัวให้พร้อม มันลงจากรถเมื่อไหร่ จัดการกับมันได้เลย!”
มือของอาจินที่จับพวงมาลัยรถอยู่นั้น กําแน่นอย่างลืมตัว และแววตาของเขาก็เริ่มปรากฏร่ องรอยของความกังวลใจ การผันตัวเองจากอันธพาลข้างถนนมาเป็นโจรเรียกค่าไถ่นั้น เป็นกา รพัฒนาอย่างก้าวกระโดด แม้แต่เขาที่เป็นลูกพี่ ยังเกิดความรู้สึกกดดันอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้ อยู่ภายในใจ
เอี้ยด!!
หลังจากที่อาจินรอคอยด้วยความกระวนกระวายใจนั้น ในที่สุดแสงไฟและเงาของรถคันนั้น ก็ ได้หยุดลงท่ามากลางความมืด รถสปอร์ตคันนั้นจอดอยู่ข้างทางถนนขึ้นเขา ห่างจากรถตู้ของพวก เขาไปเพียงแค่สิบเมตรเท่านั้น
หลินหนานก้าวลงจากรถเฟอรารี่สีแดง แล้วจึงเดินตรงไปยังรถตู้ที่จอดรออยู่ข้างถนนก่อนแล้ว..
“เอาล่ะ! ลงไปจัดการกับมันดีกว่า!”
เมื่อเห็นหลินหนานก้าวเดินลงมาจากรถ และกําลังมุ่งหน้ามาทางรถตู้ของพวกตน อาจินที่ เป็นหัวหน้า และนั่งประจําตําแหน่งคนขับ ก็ได้ร้องตะโกนสั่งลูกน้องที่อยู่ภายในรถ
หลังจากที่ประตูรถตู้เปิดออก ชายฉรรจ์นับสิบรวมทั้งอาจิน ก็คว้าท่อนเหล็กที่เตรียมมาด้วย เดินลงไปจากรถอย่างพร้อมเพรียงกัน และเวลานี้ พวกมันก็ได้เข้าไปล้อมหลินหนานไว้เป็นวงกลม
“นี่! พวกแกบอกให้ฉันนําเงินมาไถ่ตัวคนไม่ใช่เหรอ? แล้วทําไมพวกแกถึงได้ลงมาพร้อมอาวุธ แบบนี้ ไม่คิดที่จะเจรจากันหน่อยหรือยังไง?” หลินหนานร้องตะโกนถามเหล่าชายฉกรรจ์ที่มีท่อน เหล็กเป็นอาวุธ
เฮ้อ.. ยิ่งคาดหวังสูงเท่าไหร่ ก็ยิ่งผิดหวังมากเท่านั้นสินะ!
หลินหนานได้แต่บ่นพึมพําอยู่ในใจ เมื่อพบว่า ชายฉกรรจ์ทั้งหมดนี้ เป็นเพียงแค่อันธพาลข้าง ถนนกระจอกๆเท่านั้น ไม่ใช่โจรมืออาชีพอย่างที่คิดไว้
อาจินยกท่อนเหล็กในมือขึ้นชี้หน้าหลินหนาน พร้อมกับร้องตะโกนตอบไปว่า “ผู้ว่าจ้างสั่ง ให้พวกฉันหักขาของแกทิ้งซะ! วันนี้นับเป็นความซวยของแก ที่มาเจอกับพวกเราเข้า”
“อ่อ ผู้ว่าจ้างที่พวกแกพูดถึง คงจะเป็นเสี่ยวจือฉี คุณชายใหญ่แห่งตระกูลเสี่ยวสินะ?” หลิน หนานเอ่ยถามยิ้มๆ