ตอนที่ 147 สนุกมั้ย?
“ถ้าฉันจะไป ใครจะกล้าขวาง?” โม่อ ชิงเหลือบมองอีกาดํา พร้อมตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“โอ้โห! ดุด้วยแฮะ! ดีๆ ดุๆแบบนี้ฉันชอบ! ฮ่าๆๆๆ”
อีกาดําถึงกับหัวเราะร่วนอย่างถูกอกถูกใจ พร้อมกับเอื้อมมือออกไปบีบเค้นหน้าอกของเจิ้นเยี่วยอย่างเมามัน ในขณะที่เจิ้นเยี่วยถึงกับร้องครางออกมา และทิ้งตัวลงซบอกของอีกาดําทันที
ส่วนหวังเฉิงหยวนร้องตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “โม่อวี๋ชิง เธอนี่มันช่างไร้เดียงสาจนไม่รู้จักคําว่ากลัวเลยสินะ! เธอรู้มั้ยว่าผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเธอเป็นใคร? เขาก็คือพี่อีกาดําที่ใครๆก็รู้จักในนามนักสู้ดอกไม้แดงยังไงล่ะ!”
“หวังเฉิงหยวน ฉันคิดไม่ถึงจริงๆว่านายมันจะชั่วช้าได้ถึงขนาดนี้! นายนี่มันหน้าด้านแล้วก็ไร้ยางอายที่สุด ถึงกับส่งแฟนสาวของของตัวเองไปทําเรื่องน่าอาย เพื่อขอความช่วยเหลือจากเขานี้นะ ทุเรศสิ้นดี!”
แม้ว่าโม่อวี๋ชิงจะไม่มีประสบการณ์ในเรื่องอย่างว่าระหว่างหญิงกับชาย แต่จากความสนิทสนมระหว่างเจิ้นเยี่วยกับอีกาดําเวลานี้ ก็ไม่สามารถมองไปในทางอื่นได้เลยจริงๆ
“โม่อวี๋ชิง!! เธอกล้าฉีกหน้าฉันต่อหน้าเพื่อนๆมากมาย ถ้าวันนี้ฉันทําให้เธอคุกเข่าขอโทษฉันไม่ได้แล้วล่ะก็ ฉันก็คงจะไม่ใช่หวังเฉิงหยวนแน่!”
หวังเฉิงเหยวนร้องตะโกนออกไป พร้อมกับหันไปพยักหน้าให้กับเจิ้นเยี่ยวที่กําลังแนบซบอยู่ในอ้อมแขนของอีกาดํา สําหรับเขาแล้ว เจิ้นเยี่วยก็เป็นแค่เครื่องมือที่เขามักเรียกใช้งานบ่อยๆ เท่านั้นเอง
เขาไม่สนใจและไม่รู้สึกอะไร หากจะมีคนฉกรองเท้าเก่าๆที่ไม่ใช้แล้วของตนเองไป และนี่คือวิธีที่หวังเฉิงหยวนใช้ตีสนิทกับคนพวกนี้ โดยที่ไม่ต้องใช้เงิน
เจิ้นเยี่วยเข้าใจความต้องการของหวังเฉิงหยวนได้ทันที เธอรีบเงยหน้าขึ้นออดอ้อนอีกาดําว่าเสียงอ่อนเสียงหวาน
“พี่อีกาดํา ใครๆก็รู้ทั้งนั้นว่าจินชาคลับเป็นเขตที่พี่ดูแลอยู่ พี่จะปล่อยให้ใครมาหยามไม่ได้นะคะ!”
“เจิ้นเยี่วย เธอกล้าทําตัวไร้ยางอายแบบนี้ได้ยังไงกัน?” โม่อวี๋ชิงจ้องมองเจิ้นเยี่วยพร้อมกับตําหนิเสียงดัง
“แม่สาวน้อย!! อย่าคิดว่าตัวเองสามารถจัดการกับเพื่อนนักเรียนสองสามคนได้ ก็จะสามารถประเมินคนอื่นต่ำไปได้ ฉันจะบอกอะไรให้นะ ฝีมืออย่างเธอไม่คู่ควรจะสู้กับคนอย่างฉันด้วยซ้ำไป!” อีกาดําพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“หึ!! แกรู้ได้ยังไงว่าคนอย่างฉันไม่คู่ควร?”
โม่อวี๋ชิงตอบโต้กลับด้วยท่าทางหยิ่งยะโส เธอภาคภูมิใจ และเชื่อมั่นในเพลงมวยที่ตนเองเรียนมาตั้งแต่เด็ก จนไม่เห็นอีกาดําอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย
“ฉันจะคู่ควรเป็นคู่ต่อสู้ของแกหรือไม่? ไม่ใช่เรื่องที่แกจะสามารถสรุปเอาเองได้ ฉันเองก็อยากจะลองดูเหมือนกันว่าแกจะเก่งสักแค่ไหน?”
หลังจากที่ไม่อวี๋ชิงพูดจบ อีกาดําก็จัดการปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของตนเองออก เผยให้เห็นรอยสักรูปพยัคฆ์กลางหน้าอก ทําให้เขายิ่งดูน่าเกรงขามมากขึ้น
“หึ! การแสดงชุดใหญ่กําลังจะเริ่มขึ้นแล้วสินะ! พี่อีกาดําลงมือด้วยตัวเองแบบนี้ ไม่อวี๋ชิงสู้ไม่ได้แน่!”
หวังเฉิงหยวนจ้องมองภาพตรงหน้าด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม และมั่นใจอย่างยิ่งว่าตนเองจะเป็นฝ่ายชนะ นั้นเพราะใครๆต่างก็รู้ดีว่าอีกาดํานั้นแข็งแกร่งมากเพียงใด!
ที่สําคัญ หากอีกาดําไม่เก่งและแข็งแกร่งจริง ก็คงไม่สามารถคลุมจินชาคลับ ซึ่งเป็นสองรองจากโกลเดนพาเลซได้แน่ๆ
“งั้นก็มาสู้กันดูสักตั้ง!” โม่อวี๋ชิงพูดขึ้นอย่างไม่รู้สึกเกรงกลัว
เวลานี้ ร่างบอบบางของโม่อวีซึ่งเคลื่อนไหวได้รวดเร็วประหนึ่งมังกร และกําลังพุ่งเข้าใส่ร่างของอีกาดําด้วยความเร็วที่สูงยิ่ง พร้อมกับเท้าที่พุ่งเข้าใส่จุดยุทธศาสตร์ของอีกาดําในทันที!
ภาพการจู่โจมคู่ต่อสู้อย่างรวดเร็วของโม่อวี๋ชิงนั้น ดูประหนึ่งหงส์ที่กําลังทะยานบินอยู่ท่ามกลางหมู่เมฆ และไหลรื่นราวกับสายน้ำ และนี่คือเพลงมวยเฟยเฟิงที่เธอเฝ้าฝึกฝนมานานมากกว่าสิบปี!
กายเคลื่อนไหวดั่งมังกร เพลงหมัดประหนึ่งหงส์โบยบิน นับว่าเป็นการจู่โจมคู่ต่อสู้ที่รวดเร็วอย่างไร้ที่ติเลยทีเดียว
ในระหว่างที่ไม่อวี๋ชิงกําลังใช้เพลงหมัดเฟยเฟิงจู่โจมนั้น ดวงตาของอีกาดําก็ได้หรี่เล็กลง และสายตาของเขานั้นก็คมกริบไม่ต่างจากอินรีย์หรือเหยี่ยว
ฉะนั้น ในขณะที่หมัดของโม่อวี๋ชิงกําลังจะสัมผัสเข้ากับใบหน้าของเขานั้น อีกาดําก็สามารถหลบหลีกได้อย่างง่ายดาย
ภายใต้แววตาที่ตกตะลึงของโม่อวี๋ชิงนั้น อีกาดําได้แต่แสยะยิ้มออกมา ก่อนจะตวัดฝ่ามือขวาของตนเองออกไปอย่างรวดเร็ว!
เพียะ!!
เสียงฝ่ามือกระทบกับใบหน้าดังกึกก้องไปทั่วทั้งห้อง และทุกคนต่างก็ได้ยินกันอย่างชัดเจน ทั้งหมดต่างก็อยู่ในอาการตกใจ และต่างก็พากันกั้นหายใจอย่างลืมตัว!
แม้คนที่อยู่ในห้องจะไม่เคยฝึกศิลปะการต่อสู้มา แต่พวกเขาก็มองออกว่า อีกาดําเพียงแค่หยอกเย้าโม่อวี๋ชิงเล่นเท่านั้น ไม่ได้ลงมืออย่างจริงจัง
นับว่าความแข็งแกร่งของทั้งสองคนนั้น ยังห่างไกลกันมากนัก!
“นี่แม่สาวน้อย! ที่ฉันตบหน้าเธอก็เพื่อต้องการจะสั่งสอนให้หลาบจําว่า วันหน้าวันหลังเมื่ออยู่ข้างนอก อย่าได้หยิ่งผยองจนเกินไปนัก! เอาล่ะ ถ้าเธอยอมคุกเข่าขอโทษคุณชายหวังดีๆ เรื่องวันนี้ฉันก็จะไม่ถือสา และจะปล่อยเธอไป แต่ถ้าเธอยังดื้อดึง ฉันยังมีวิธีที่จะจัดการกับเธออีกมากมายเชียวล่ะ!”
อีกาดําชักมือกลับ พร้อมกับจ้องมองโม่อซิงด้วยแววตาเหยียดหยัน
นี่ฉันแพ้เหรอนี่! ลูกหลานเพลงมวยเฟยเฟิงตระกูลโม่ พ่ายแพ้ให้กับคุ้ยข้างถนนงั้นเหรอ?” โม่อวี๋ชิงได้แต่นิ่งคิดด้วยความตกตะลึง และแทบไม่อยากจะยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น
ส่วนหลินหนานที่นั่งดูอยู่เงียบๆมาโดยตลอดนั้น ก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมาพร้อมกับยิ้มขื่น
เฮ้อ. แม่สาวน้อย เธอมั่นใจตัวเองมากจนเกินไป!
ถึงแม้ว่าเธอจะฝึกเพลงมวยมาตั้งแต่เด็ก เพราะดูจากทักษะพื้นฐานที่ค่อนข้างแน่นและแข็งแกร่ง แต่อีกาดําเป็นนักเลงข้างถนนมาก่อน อีกทั้งยังเคยผ่านการต่อสู้มาทุกรูปแบบ การจะเอาชนะเด็กสาวคนหนึ่งจึงไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นอะไรเลย
อีกทั้งการเป็นนักเลงข้างถนน ก็ทําให้เขาได้เปรียบกว่ามาก เพราะฉะนั้น โม่อวี๋ชิงคิดผิดมากที่มั่นใจว่าตนเองจะสามารถเอาชนะอีกาดําได้!
“เป็นยังไงบ้างล่ะไม่อวีชิง ยังจะเก่งอยู่อีกมั้ย?” หวังเฉิงหยวนเลิกคิ้วขึ้น พร้อมกับเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
เพลงมวยของเธอก็แค่นั้น!
โรงเรียนสอนศิลปะการต่อสู้ของตระกูลเธอ มีดีแค่นี้เองเหรอ?!
สุดท้ายก็ช่วยอะไรเธอไม่ได้ ยังไงเธอก็ต้องคุกเข่าขอโทษฉันอยู่ดี คนมีอํานาจอิทธิพลเท่านั้นที่จะสามารถทําอะไรก็ได้
โม่อวี๋ชิงยืนเอามือปิดหน้าไว้ และยังคงอยู่ในอาการรุนงงสับสน
“นี่แม่สาวน้อย ฉันให้เวลาเธอใคร่ครวญอีกแค่สามนาที หลังจากหมดเวลาแล้ว ถ้าเธอยังไม่คุกเข่าโขกศรีษะขอโทษคุณชายหวังแล้วล่ะก็ อย่าหาว่าฉันใจร้ายก็แล้วกัน อ่อ.. ฉันลืมบอกไป เมื่อครู่ฉันออกแรงเพียงแค่สามสิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้นนะ!” อีกาดําพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ห้ะ?!!”
หลังจากได้ยินคําพูดของอีกาดํา นักเรียนทั้งหมดในห้องต่างก็ร้องอุทานออกมาพร้อมกัน แม้กระทั่งหวังเฉิงหยวนก็อดที่จะร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจไม่ได้เช่นกัน!
ใช้กําลังเพียงแค่สามสิบเปอร์เซ็นต์งั้นเหรอ?!
นี่ถ้าใช้พละกําลังทั้งหมด โม่อวี๋ชิงไม่ตายไปแล้วเหรอ?!
น่ากลัวชะมัด!
ไปเผลอมีเรื่องกับคนแบบนี้ ก็เท่ากับรนหาที่ตายเท่านั้นเอง!
และเวลานี้ แววตาของเด็กนักเรียนในห้องต่างก็จ้องมองอีกาดําด้วยความหวาดกลัวสุดขีด!
“ยังไงนักเรียนก็คือนักเรียนล่ะ จะไปอาจหาญสู้กับพี่อีกาดํา คงไม่ต่างจากเอาไข่ไปกระแทกหินดีๆนี่เอง ฮ่าๆๆๆ”
หลังจากได้ยินเด็กนักเรียนคนหนึ่งเอ่ยชม หัวใจของอีกาดําถึงกับพองโตด้วยความภาคภูมิใจสายตาของเขากวาดมองไปทั่วห้อง เพื่อที่จะเก็บภาพสีหน้าตื่นตระหนกตกใจของเด็กนักเรียนเหล่านั้นไว้
แต่แล้ว..
จู่ๆ สายตาของเขาก็พลันไปกระทบเข้ากับร่างผอมบางของใครบางคนที่นั่งอยู่มุมห้อง และทันทีที่เห็นร่างผอมบางนั้น รอยยิ้มบนใบหน้าของอีกาดําก็อันตรธานหายไปอย่างรวดเร็ว และรู้สึกหมดเรี่ยวหมดแรงจนแทบทรุดลงไปกองกับพื้น
เป็นเขางั้นเหรอ?!
หมอนั่นมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน?
อีกาดํารู้สึกราวกับว่าตนเองกําลังเห็นภาพหลอน จึงรีบยกมือขึ้นขยี้ตาตัวเอง แต่ภาพทุกอย่างตรงหน้าก็ยังคงเหมือนเดิม
ใช่แล้ว! เป็นเขาจริงๆด้วย!
อีกาดํามั่นใจว่าตนเองไม่ได้ตาฝาดไปแน่ๆ และร่างผอมบางที่นั่งนิ่งเงียบอยู่นั้น ก็คือชายหนุ่มที่ชื่อหลินหนาน ซึ่งสามารถเอาชนะยอดฝีมือระดับปรมาจารย์ในงานเลี้ยงของสมาคมเมิงหลานได้นั่นเอง!
และในงานนั้น เขาเองก็พ่ายแพ้ให้กับหลินหนานจนต้องนอนฝันร้ายไปหลายคืนเช่นกัน!
แม้ว่าอีกาดําจะไม่ได้เห็นภาพการต่อสู้ระหว่างหลินหนาน กับยอดฝีมือระดับปรมาจารย์ด้วยตาตัวเอง แต่เพียงแค่ได้ฟังเขาก็รู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมากแล้ว และได้สาบานว่าไม่ขอพบเจอหลินหนานอีกตลอดชีวิต!
แต่กลับคิดไม่ถึงว่า สิ่งที่เขาไม่ต้องการพบเจอมากที่สุด กลับปรากฏขึ้นอยู่ตรงหน้าเวลานี้
ทํายังไงดี? นี่ฉันจะทํายังไงดี?
ภาพใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตกใจ และหวาดกลัวของอีกาดํา ทําให้ทุกคนในห้องต่างก็เริ่มงุนงง และยิ่งประหลาดใจมากขึ้นเมื่ออีกาดําวิ่งเข้าไปหาหลินหนาน พร้อมกับโค้งคํานับให้เขาอย่างมีมารยาท..
อีกาดํายิ้มให้หลินหนานอย่างประจบประแจง ก่อนจะเอ่ยถามด้วยความนอบน้อม “ไม่ทราบว่าคุณชายหลินมาทําอะไรที่นี่ครับ?”
หลิงหนานค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองอีกาดําอย่างช้าๆ พร้อมกับเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดังนัก
“เป็นยังไงบ้าง นักเลงใหญ่รังแกเด็กสาวตัวเล็กๆ สนุกมากมั้ย?”