เฟิ่งชิงหัวยิ้มอย่างอ่อนโยนเป็นพิเศษ ราวกับว่าช่วยนางออกความคิดก็ว่าได้: “หากท่านไม่อยากกิน งั้นก็ให้ท่านแม่ของข้ากินเถอะ นางเพียงแค่ยากจะยอมรับได้ไปชั่วขณะเท่านั้นเอง แม่นมท่านช่วยท่านหน่อยนะ?”
แม่นมเจียงราวกับว่าถูกปลุกปั่นไปครึ่งหนึ่งแล้ว หันมากล่าวกับเฟิ่งชิงหัวด้วยตาสบตาอย่างเพื่อต้องการยืนยันว่า: “นางกินแล้ว ข้าก็ไม่ต้องกินงั้นหรือ?”
“ใช่แล้วล่ะแม่นม”
แม่นมเจียงได้ยินดังนั้น สายตาก็จ้องมองไปยังบนโต๊ะ จากนั้นร่างของฮูหยินเฉิงเซี่ยงที่คุกอยู่บนพื้น ทันใดนั้นพุ่งขึ้นไปด้านหน้า แล้วก็หิ้วฮูหยินเฉิงเซี่ยงขึ้นมา กดให้นั่งลงกับม้านั่งให้ดี จับเอาขึ้นมา 1ก้อนแล้วก็ยัดเข้าไปในปากของผู้หญิงคนนั้นทันที
ฮูหยินเฉิงเซี่ยงรับรู้ได้ถึงว่าความรู้สึกสัมผัสนั้นไหลลื่นจากลำคอเข้าไปในท้อง ผลักดันแม่นมเจียงออกไปด้วยความรุนแรงสุดขีด แล้วล้มฟุบลงไปอาเจียนออกมาอย่างบ้าคลั่งอยู่บนพื้น
ฮูหยินเฉิงเซี่ยงมองมายังแม่นมเจียงและกล่าวด้วยเสียงแค้นพร้อมกับด่าว่ายกใหญ่ว่า: “เจ้าแก่นี่ คิดไม่ถึงว่าจะกล้าลงมือกับข้า! ข้าเป็นถึงฮูหยินเฉิงเซี่ยงเชียวนะ!”
เหตุใดแม่นมเจียงจะไม่ทราบว่าการกระทำลงไปเช่นนี้จะล่วงเกินถูกฮูหยินเฉิงเซี่ยง แต่ว่าเมื่อครู่นางกลับราวกับว่าถูกมนต์อะไรบางอย่างทำให้ไร้สติไป มีแต่ความคิดที่ว่าเพียงแค่นางกินลงไป ตนเองก็ไม่ต้องกินของบ้าที่น่าขยะแขยงเช่นนั้นแล้วอยู่ในหัวสมองนั้น
และในตอนนี้เองเฟิ่งชิงหัวก็กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มว่า: “ในเกมเมื่อครู่นี้ที่เพิ่งผ่านไปนั้น แม่นมเจียงตอบได้เร็ว แต่คำตอบนั้นกลับทำให้ข้าไม่พอใจมากนัก ดังนั้นแม่นมเจียงก็ย่อมได้รับบทลงโทษ บทลงโทษอันนี้น่ะเหรอ ท่านแม่มาช่วยข้าจัดการหน่อยเถอะ”
พอฮูหยินเฉิงเซี่ยงได้ฟังก็มองมาทางแม่นมเจียงด้วยรอยยิ้มเยือกเย็น เอามือยันร่างของตนที่อยู่บนพื้นขึ้นมา หันศีรษะมองไปรอบด้านครู่หนึ่ง เมื่อมองเห็นปากน้ำเต้าอันหนึ่งก็เผยให้เห็นเป็นรอยยิ้มที่น่าเจ้าเล่ห์ออกมา
ปากน้ำเต้าก็คือเป็นน้ำเต้าที่ผ่านการต้มแล้วผ่าครึ่งจากบนลงล่างเป็นสองท่อนใช้สำหรับตักน้ำไว้ใช้
เห็นเพียงฮูหยินเฉิงเซี่ยงบีบแก้มของแม่นมเจียงไว้แน่นในทันทีและยัดปากน้ำเต้าเข้าไป ใช้มือข้างหนึ่งจับเอาไว้แน่น แล้วก็เอาไส้เดือนที่เหลืออยู่ในจานเทเข้าไป ยังใช้มือกดยัดเข้าไปด้านในอย่างออกแรงด้วย
แม่นมเจียงแรงเยอะกว่าฮูหยินเฉิงเซี่ยง ใช้แรงผลักคนออกไป แล้วอาเจียนออกมาด้านนอกอย่างสุดแรง ได้เพียงรู้สึกว่าด้านในท้องของตนเองราวกับว่ามีของอะไรบางอย่างมุดไปมุดมาอยู่ในนั้น
“พอแล้วล่ะ คำถามแรกเล่นจบแล้ว พวกเรามาเล่นกันต่อในข้อที่ 2 เลยเถอะ” เฟิ่งชิงหัวกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มพร้อมกับเอามือยืนกอดอกเอาไว้ต่อทั้งสองคน
แม่นมเจียงได้ยินดังนั้นก็รีบคุกเข่าล้มลงตรงหน้าเฟิ่งชิงหัวอย่างสารภาพบาปทันที: “พระชายา บ่าวผิดไปแล้ว เป็นบ่าวเองที่ปากเสียพูดจาล่วงเกินพระชายา บ่าวสมควรตาย ขอให้พระชายาไว้ชีวิตบ่าวด้วยเถอะ”
ในขณะที่พูดไปพลาง แม่นมเจียงก็เริ่มใช้ฝ่ามือตบไปยังใบหน้าของตนเองทั้งซ้ายขวา ไม่กล้าแม้แต่กวาดสายตามองไปบนโต๊ะเลย
เฟิ่งชิงหัวกล่าวด้วยรอยยิ้มออกมา: “เล่นเกมเท่านั้นเอง ไม่ต้องตกใจกลัวเช่นนี้หรอกนะ?”
แม่นมเจียงรีบโขลกศีรษะดังตึกๆๆ : “ขอร้องให้พระชายาไว้ชีวิตด้วย ขอพระชายาไว้ชีวิตด้วยเถอะนะ”
ผู้หญิงคนนี้ราวกับเป็นปีศาจร้ายได้เลย หากเล่นต่อไปอีก วันนี้ไม่จำเป็นจะต้องเอาชีวิตแลกไว้ที่นี่หรอก
เฟิ่งชิงหัวค่อยๆ เชิดหน้าขึ้นแล้วกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มว่า: “งั้นก็ค่อนข้างจะน่าเสียดายนะ แม่นมเจียงไม่ยอมเล่น งั้นอาการยี่สิบกว่าอย่างที่ข้าเตรียมมานี้จะทำอย่างไรถึงงจะดีเล่า?”
ในขณะที่พูดอยู่ก็กวาดสายตามองมายังฮูหยินเฉิงเซี่ยงแล้วกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มอย่างครวญครางว่า: “งั้นเอางี้ไหม? ท่านแม่อยู่เพื่อเล่นเป็นเพื่อนข้า?”
ฮูหยินเฉิงเซี่ยงรีบถอยหลังไปไกลหลายก้าวพร้อมกับส่ายหน้าอย่างต่อเนื่อง ในดวงตาเปี่ยมไปด้วยความหวาดกลัวไปหมด
เฟิ่งชิงหัวกล่าวออกมาด้วยความเสียใจอยู่บ้างเล็กน้อย: “ท่านแม่ก็ไม่ยอม? งั้นอาหารพวกนี้ ข้าก็คงได้เพียงแค่เก็บเอาไว้เมื่อตอนที่มีแขกมาครั้งหน้าไว้ค่อยรับรองแล้วล่ะ” สีหน้าเปี่ยมไปด้วยความเสียดาย
ฮูหยินเฉิงเซี่ยงเห็นสถานการณ์แล้วก็รีบพุ่งไปทางหน้าประตูทางออกอย่างรวดเร็ว จับประตูเปิดออกแล้วก็วิ่งออกไปเลย แม่นมเจียงที่คุกเข่าอยู่ตรงนั้นเห็นได้ชัดว่าดวงตาอดไม่ได้ที่จะถลึงออกมาอย่างตะลึง
เล่นเอาเสียนางยังคิดว่าด้านนอกต้องถูกคนล็อกเอาไว้และมีคนเฝ้าอยู่แน่นอน งั้นฉากนั้นเมื่อครู่ของพวกนางก็ไม่ใช่กลายเป็นเรื่องน่าขำไปเสียเปล่าหรอกเหรอ?
พอนึกถึงจุดนี้ขึ้น แม่นมเจียงก็รีบวิ่งออกไปด้วยมือเท้าที่ว่องไว และในตอนที่ใกล้จะถึงทางออกนั่นเอง ก็ได้ยินเสียงเย็นเยือกของผู้หญิงดังขึ้น: “นี่แม่นมจะไปเดี๋ยวนี้แล้วหรือ?”