อยากกินไหมล่ะ 美食供应商
บทที่ 864 รักแท้ของหลิงหง
ต้องขอบคุณสมาพันธ์เชฟ หยวนโจวจึงไม่ต้องจัดการกับผู้ส่งคำเชิญด้วยตนเองตลอดทั้งวัน ทำให้เขาสามารถทำสิ่งที่คุ้มค่าคุ้มเวลาได้มากกว่า
พร้อมทั้งการออกอากาศของวิดีโอโปรโมท “ผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารที่ปรุงขึ้นมาจากข้าวสาลี” และรายการวาไรตี้ “โรล เดียร์ บีฟ” ก็ทำให้หยวนโจวกลายเป็นเชฟที่เป็นที่รู้จักมากขึ้นเรื่อยๆ
หยวนโจวไม่รู้ว่าสมาพันธ์เชฟจะปฏิเสธคำเชิญของเขาไปตั้งมากมาย เหลือเพียงคำเชิญสำคัญๆเพียงไม่กี่แห่งเท่านั้นที่ส่งไปให้หยวนโจวหลังจากผ่านการคัดกรองของโจวซื่อเจี๋ยมาแล้ว
แม้จะเป็นเช่นนั้น หยวนโจวก็ปฏิเสธคำเชิญพวกนั้นไปเสียส่วนใหญ่ ก่อนอื่น! แน่นอนว่าย่อมมิใช่เพราะเขาเกียจคร้านแต่อย่างใดหรอก ไม่สิ สาเหตุที่ทำให้เขาปฏิเสธคำเชิญพวกนั้นก็เพราะหยวนโจวเพียงแค่ต้องการที่จะตั้งใจศึกษาทักษะการทำอาหารเท่านั้นเอง
แต่คำเชิญในคราวนี้ค่อนข้างแตกต่างออกไปจากเมื่อก่อนหน้านี้ พอถึงเวลาที่เหมาะสมจึงทำให้หยวนโจวรู้สึกค่อนข้างยินดีปรีดามากทีเดียว เมื่อใดก็ตามที่เขารู้สึกเบิกบานใจ หยวนโจวก็อยากจะแกะสลัก เช่นเดียวกับตอนนี้ เขาออกไปข้างนอกแล้วเริ่มแกะสลักทันที
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วเมื่อมัวแต่ยุ่งวุ่นวายกับอะไรสักอย่าง เวลาอาหารค่ำก็มาถึงโดยไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัว
วันนี้หลิงหงมาถึงค่อนข้างเร็ว ส่วนอู๋ไห่ก็ยังคงเป็นคนแรกที่มาถึงและหลิงหงก็เข้ามาต่อท้ายเขาทันที
“นายแทบไม่เคยมาเร็วมากขนาดนี้เลยนี่นา” อู๋ไห่ลูบหนวดเคราแล้วมองหลิงหงด้วยสายตาแปลกๆ
เขาเพิ่งพูดไปเมื่อตอนกลางวันอยู่หยกๆว่าพักนี้เขาค่อนข้างแล้วเมื่อตอนกลางวันเขาก็มาเข้าแถวเร็วมากๆเลยด้วย นั่นเป็นเรื่องแปลกมากจริงๆ
“ก็ตอนกลางวันฉันไม่ยุ่งไงล่ะ” หลิงหงกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ เขาดูไม่ร่าเริงอย่างเคย
“นายความจำเสื่อมหรือไง? นายเพิ่งจะบอกไปตอนกลางวันเองว่าพักนี้นายค่อนข้างยุ่ง” อู๋ไห่หาใช้ผู้ที่จะไว้หน้าผู้อื่นจึงทำให้เขาเตือนหลิงหงขึ้นมาตามตรง
“ฉันจะยุ่งนับตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปต่างหากเล่า” หลิงหงขมวดคิ้วแล้วอธิบาย
“ฉันไม่คิดว่านายจะความจำเสื่อมเลยนะ นายต้องกังวลอะไรสักอย่างอยู่แหงๆเลย ดูนายสิ นายดูเพ้อๆยังไงก็ไม่รู้” อู๋ไห่กล่าวยืนยัน
“ไปตายซะ” หลิงหงขึ้นเสียงแล้วโบกมืออย่างไม่สบอารมณ์
พวกเขามักจะคุยกันอยู่เช่นนี้ ส่วนบรรดาลูกค้าคนอื่นๆที่รีบมาเข้าแถวก็หาได้รู้สึกถึงความผิดปกติแต่อย่างใดไม่ แต่อู๋ไห่กลับมองหลิงหงด้วยสายตาแปลกๆและเชื่อว่ามีเรื่องผิดปกติเกิดขึ้นกับเขา
ใช่แล้วล่ะ ท่าทีที่อู๋ไห่มองหลิงหงช่างเปี่ยมไปด้วยความสงสัยเป็นอันมาก
แน่นอนว่าย่อมเป็นเพราะหลิงหงอารมณ์เสียมาก่อนแล้ว เขาจึงไม่น่าจะใจเย็นและสงบนิ่งได้หรอก
ต้องยอมรับว่าส่วนใหญ่แล้วมิตรภาพระหว่างอู๋ไห่กับหลิงหงมาจากการโต้เถียงกันในแต่ละวันของพวกเขานั่นเอง
อู๋ไห่ลังเลอยู่ชั่วครู่และมองหลิงหงที่ดูเหมือนจะเป็นปกติเช่นเคยอีกครั้ง เนื่องจากเขาไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ อู๋ไห่จึงไม่ทราบว่าจะถามอะไรดี
เพียงไม่นานนักก็มีคนมาเข้าแถวมากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากเสียงดัง “ติ๊ง” พวกเขาก็เริ่มเข้าแถวรอรับตั๋วหมายเลข เวลาอาหารค่ำเริ่มขึ้นแล้ว
สิบคนแรกรวมทั้งอู๋ไห่กับหลิงหงเข้าร้านไปกินอาหารแล้ว ทันทีที่พวกเขาได้ที่นั่งแล้ว หลิงหงก็หันกลับไปมองแล้วนั่งลงข้างพี่วั่น
เพราะความเป็นห่วงในตัวหลิงหงเพื่อนของเขาแล้ว แน่นอนว่าอู๋ไห่ย่อมต้องนั่งลงข้างหลิงหงด้วย
“นายมานั่งทำอะไรตรงนี้เล่า?” หลิงหงมองอู๋ไห่แล้วกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์
“ดูเรื่องสนุกน่ะสิ” อู๋ไห่ลูบหนวดเคราแล้วหาได้ปกปิดเจตนาแม้แต่น้อย
“โฮ่โฮ่” หลิงหงอดไม่ได้ที่จะกลอกตา จากนั้นเขาก็หันหน้ากลับไปแล้วไม่ได้คุยกับอู๋ไห่อีก
“มีอะไรงั้นเหรอ?” น้ำเสียงอ่อนโยนของพี่วั่นดังขึ้นมา
พี่วั่นเป็นคนฉลาดมากทีเดียว เมื่อเธอพบว่าหลิงหงมานั่งข้างเธอเป็นพิเศษ เธอก็รู้แล้วล่ะว่าเขาต้องมีเรื่องอยากถามเธอแน่ๆจึงรุกเข้าไปคุยกับเขา
“เปล่าหรอก ผมแค่อยากเลี้ยงอาหารค่ำพี่เท่านั้นเอง” จู่ๆหลิงหงก็มองไปทางอู๋ไห่แล้วเรียกโจวเจีย
“ห๊ะ? นายไม่ต้องทำแบบนี้หรอกน่า แค่บอกมาว่าจะให้ฉันช่วยอะไรก็พอแล้วล่ะ” พี่วั่นตกตะลึงก่อนแล้วค่อยตอบคำถามออกมา
“ถือเสียว่าเป็นการตอบแทนก็แล้วกัน” หลิงหงกล่าวอย่างใจเย็น
“งั้นก็ได้” เมื่อได้ยินเช่นนั้น พี่วั่นก็ไม่ปฏิเสธน้ำใจของเขาอีกแถมยังตอบตกลงอีกต่างหาก
“ฉันขอโต๊ะจีนปลารวมมิตรให้พี่วั่นนะ” หลิงหงบอกโจวเจียที่อยู่ข้างๆ
“ช้าก่อน ฉันก็อยากกินด้วยนะ” อู๋ไห่กล่าวอย่างใจกล้าหน้าด้าน แม้ว่าเจ้าคนหน้าไม่อายอู๋จะไม่ค่อยกินปลาสักเท่าไหร่นักก็ตามที
“เรื่องที่ฉันจะบอกไม่เกี่ยวกับนายสักหน่อย” หลิงหงเผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมาด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตรเอามากๆ
“ไม่เอาน่า บางทีฉันอาจจะช่วยนายได้อยู่นะ” ขณะที่กำลังลูบหนวดเคราตนเองอยู่นั้น อู๋ไห่ก็กล่าวด้วยความมั่นใจออกมา
“ฉันขอพนันเลยว่านายช่วยไม่ได้หรอก” หลิงหงกล่าวด้วยความมั่นใจยิ่งกว่าอู๋ไห่เสียอีก
“เอาล่ะ พี่หลิง สาเหตุที่มาเลี้ยงอาหารคืออะไรกันแน่คะ?” ในที่สุดโจวเจียก็ถามขึ้นมาก่อนที่อู๋ไห่จะทันได้ตอบหลิงหง
ตามกฎของร้านหยวนโจว โต๊ะจีนปลารวมมิตรสามารถสั่งได้เฉพาะในการเลี้ยงอย่างเป็นทางการเท่านั้น ด้วยเหตุนั้นโจวเจียจึงต้องถามเรื่องนั้นขึ้นมาก่อน
“มันเป็นเรื่องสำคัญมากเชียวล่ะ เรื่องเกี่ยวกับการไปร่วมงานแต่งงานน่ะ” หลิงหงกล่าวอย่างจริงจัง
“ไปร่วมงานแต่งงั้นเหรอคะ?” โจวเจียมองพี่วั่นกับหลิงหงซ้ำไปซ้ำมาด้วยท่าทีสับสน
“นายจะพาพี่วั่นไปร่วมงานแต่งงานงั้นรึ?” อู๋ไห่ถามออกมาโต้งๆ “นายไม่กลัวถูกตีจนตายหรือไง? ให้พูดตรงๆก็คืออย่าลืมทิ้งมรดกของนายให้เถ้าแก่หยวนก่อนที่นายจะลาโลกไปด้วยล่ะ”
เมื่อเขากล่าวเช่นนั้นออกมา แม้แต่ความสนใจของหยวนโจวก็ยังถูกพวกเขาดึงดูดไปด้วย ในส่วนท้ายของคำพูดอู๋ไห่ถูกเมินไปในทันที มรดกของหลิงหงไม่เกี่ยวข้องอะไรกับหยวนโจวหลังจากเขาเสียชีวิตไปเสียหน่อย
เกิดอะไรขึ้นกับเจ้าหมอนี่กันนะ? หยวนโจวมองหลิงหงแล้วคิดในใจ เขาหลงรักพี่วั่นอยู่งั้นเหรอ?
“ฉันยังโสดอยู่เลยนะ แต่หากรวมพี่วั่นเข้าไปด้วยเจ้าหมอนี่ก็มีแฟนปาเข้าไปแล้วตั้งสามคน” เมื่อนึกได้เช่นนั้น หยวนโจวก็มองหลิงหงด้วยความขุ่นเคือง หยวนโจวไม่รู้หรอกว่าจริงๆแล้วหลิงไม่เอาส่วนลดมีแฟนมาแล้วมากกว่าสามคน
สำหรับเรื่องนี้หลิงหงนับว่าเป็นคนดีทีเดียว เขาเห็นอกเห็นใจคนโสดและไม่เคยโอ้อวดแฟนสาวของเขาต่อหน้าผู้อื่นมาก่อนเลย
เนื่องจากหยวนโจวอยู่ข้างๆแถมท่าทางของเขาก็ไม่เด่นชัดเท่าอู๋ไห่จึงไม่มีใครทันสังเกตเห็นเขา
“เปล่าสักหน่อย ฉันอยากปรึกษาพี่วั่นเรื่องไปร่วมงานแต่งงานของใครบางคนต่างหากเล่า” หลิงหงโบกมือแล้วอธิบาย
“ฉันเข้าใจแล้ว” ในที่สุดอู๋ไห่ก็เข้าใจเสียที จากนั้นเขาก็โน้มตัวไปกับโต๊ะเพื่อแสดงว่าไม่สนใจ
“อีกอย่างฉันเองก็อยากกินโต๊ะจีนปลารวมมิตรด้วยล่ะ” อู๋ไห่ลุกขึ้นมาอีกครั้งทันที เขาจ้องมองไปทางหลิงหงแล้วพร่ำพูดซ้ำๆถึงสิ่งที่เขาเพิ่งจะพูดไป
“นายเคยไปร่วมงานแต่งงานมาก่อนไหม?” หลิงหงถามเขาด้วยสีหน้าเฉยเมย
“ไม่อ่ะ แต่ฉันเคยเห็นคนอื่นแต่งงานนะ” อู๋ไห่กล่าวอย่างหน้าไม่อาย
“โฮ่โฮ่” หลิงหงตอบเขาง่ายๆแค่สองคำ จากนั้นเขาก็มองโจวเจียเพื่อยืนยันกับเธอ
“ขอไปถามเถ้าแก่ก่อนนะคะ” โจวเจียกล่าว
“ไม่มีปัญหา” โจวเจียยังไม่ทันจะหันหน้าไปบอกอะไรหยวนโจวที่อยู่ข้างๆก็ตอบตกลงออกมาแล้ว
หยวนโจวรู้สึกสงสัยเรื่องที่หลิงหงอยากรู้เรื่องงานแต่งงานเหลือเกิน ด้วยหูตาอันเฉียบคมของเขาทำให้เขาได้ยินทุกสิ่งทุกอย่างแม้ว่าพวกเขาจะคุยกันเสียงค่อยก็ตามที
“ขอบใจนะ” หลิงหงโบกมือให้หยวนโจวพลางอมยิ้มแล้วโอนเงินให้ทันที
“โต๊ะจีนปลารวมมิตรงั้นหรือ? หลิงหง นายอยากรู้รายละเอียดอะไรเกี่ยวกับงานแต่งงานกันล่ะ?” พี่วั่นมองหลิงหงพลางอมยิ้มแล้วแสดงสีหน้าอยากรู้อยากเห็น
หลิงหงเอาแต่ยิ้มโดยไม่พูดอะไร
“นายหลงรักเพื่อนเจ้าสาวอยู่ใช่ไหมล่ะ?” พี่วั่นคาดเดาอย่างมีเหตุผล
“เปล่าหรอก แฟนเก่าของผมเชิญผมให้ไปร่วมงานแต่งงานของเธอล่ะ” หลิงหงกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ
“แฟนเก่างั้นรึ?” พี่วั่นมองหลิงหงด้วยความประหลาดใจ
“แฟนเก่าของนายเป็นคนแบบไหนกันถึงได้เชิญนายไปร่วมงานแต่งงานของตัวเองน่ะ?” แม้แต่อู๋ไห่ก็ยังตกตะลึงไปด้วยเลย
แฟนเก่าของหลิงหงรวมกันแล้วมีมากถึง 1000 แต่ก็ไม่น้อยกว่า 800 คน ถ้าหากพวกเธอแต่ละคนเชิญเขาไปร่วมงานแต่งงานกันหมด หลิงหงคงเหนื่อยตายเป็นแน่ ดังนั้นอู๋ไห่จึงอยากรู้ว่าเธอผู้นั้นเป็นคนอย่างไรกันแน่
ที่สำคัญคนอย่างหลิงหงจะไปร่วมงานแต่งงานของแฟนเก่าตัวเองได้อย่างไรกันเล่า? เรื่องแบบนั้นช่างไม่เข้ากับนิสัยใจคอของเขาเอาเสียเลย
เขาเป็นที่ขึ้นชื่อในเรื่องยึดหลักการที่ว่าพอเลิกกันก็กลายเป็นคนแปลกหน้าไปแล้ว เขาสามารถละทิ้งอะไรก็ได้ทั้งนั้นยกเว้นก็เพียงความรักเท่านั้น