ทุกๆ คนตกตะลึงอีกครั้ง
ศิษย์พี่ใหญ่เป็นผู้ที่มีตําแหน่งสูงที่สุดแล้วในบรรดาสาวก แล้วจะมีใครที่อยู่สูงไปกว่าศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเขา?
ยู่เฉิงไห่หยิบฝักดาบขึ้นมา เขาทําความสะอาดฝักดาบด้วยเสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่ง ในตอนนั้นเอง ทุกคนก็เห็นลวดลายบนฝักดาบ
ลู่โจวที่เข้าใจทุกอย่างได้ถามออกมา “เจ้าเรียกเขาว่าเป็นศิษย์พี่อย่างงั้นสินะ?”
ยู่เฉิงไห่ตอบกลับไปอย่างตรงไปตรงมา “คนที่ข้าเรียกก็คือยู่ฉางตง เขาบอกว่าจะพาข้าไปหาอาจารย์ในดินแดนหยาน…”
หมิงหยินที่ได้ฟังแบบนั้นพูดออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ “ศิษย์พี่รองฉวยโอกาส! เขากล้าฉวยโอกาสในเวลาแบบนี้ได้ยังไงกัน?”
ฝานซงและโจวเฟิงได้แต่มอง พวกเขาทํากับว่าไม่ได้ยินอะไร ถ้าหากพวกเขาพูดมากไปกว่านี้ บางทีพวกเขาอาจจะทําผิดพลาดเพิ่มขึ้นมาก็ได้
ยู่เฉิงไห้ในวัยหนุ่มรู้สึกสับสน ศิษย์พี่รองอย่างงั้นเหรอ? ทุกๆคนเรียกเขาเป็นศิษย์พี่ใหญ่แม้จะเพิ่งกลายเป็นสาวกได้ไม่นาน
ลู่โจวมองไปที่ยู่เฉิงไห่ก่อนที่จะใช้ความคิด
จากเท่าที่ดูสถานการณ์ในตอนนี้ ยู่เฉิงไห่ดูเหมือนจะไม่ได้สูญเสียความทรงจําไปทั้งหมด จุดพลังลมปราณของเขาก็ยังใช้การได้ นอกจากนี้พลังวรยุทธและเพลงกระบี่ก็ยังสามารถใช้ได้ตามสัญชาตญาณ ลู่โจวที่เห็นแบบนั้นคิดอะไรบางอย่างได้…บางทีการที่ยู่เฉิงไห่เป็นแบบนี้ อาจจะคล้ายกับหอยสังข์
แม่นางแซ่หลัว หอยสังข์ ยู่เฉิงไห่ต่างก็สูญเสียความทรงจํา พลังวรยุทธ ทุกอย่างดูเหมือนจะเชื่อมโยงกัน…
ลู่โจวที่คิดเรื่องยู่เฉิงไห่ยิ่งพบว่ามันสมเหตุสมผลมากยิ่งขึ้น บางทีแม่นางแซ่หลัวอาจจะเป็นชาวอู่เฉียนที่ฟื้นคืนชีพเป็นหอยสังข์ก็ได้
มีเพียงเงื่อนไขด้านอายุเท่านั้นที่ยังคัดแย้งกับความคิดนี้ ทุกครั้งที่ฟื้นคืนชีพ อายุขัยของคนๆนั้นจะลดลง ลู่โจวได้ตรวจสอบร่างกายของหอยสังข์ซ้ําแล้วซ้ําเล่า ถ้าหากนางฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่จริง นางก็คงจะไม่มีพลังชีวิตมากมายขนาดนี้ได้ ถ้าหากนางไม่ได้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาจริงๆแล้ว สิ่งที่นางเป็นคืออะไรกันแน่?
ในสมุดบันทึกที่ลู่โจวได้อ่านบอกเอาไว้ว่าดอกบัวสีแดงไม่ได้จํากัดอายุคนเอาไว้…ถ้าหากจะบอกว่าผู้ที่มีดอกบัวสีแดงคือผู้ที่มีอายุยืนยาวก็คงจะจริงสินะ?
ลู่โจวหันไปมองรูปลักษณ์ที่ไร้เดียงสาและบริสุทธิ์ของหอยสังข์ มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่นางจะมีอะไรเกี่ยวข้องกับแม่นางแซ่หลัวเมื่อ 300 ปีก่อน แต่เมื่อเห็นสภาพของยู่เฉิงไห่และคิดไปถึงสภาวะการตื่นของหอยสังข์เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้เป็นไปได้ หอยสังข์แท้จริงแล้ว…ก็คือแม่นางแซ่หลัวอย่างงั้นสินะ?
สุดท้ายแล้วลู่โจวก็ส่ายหัวก่อนที่จะทิ้งความคิดที่มีไป สิ่งสําคัญที่สุดก็คือการตามหายู่ฉางตง ถ้าหากไม่ได้นี่เอี้ยนพวกเขาก็คงจะไม่สามารถหาหมู่บ้านตรงนี้เจอแม้จะใช้เวลาเป็นสิบปีก็ตาม
ในตอนที่ได้เจอไม่มีใครจดจ่ายู่เฉิงไห่ในวัยหนุ่มที่มีเสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่งได้เลย ในความทรงจําของทุกคนมีเพียงยู่เฉิงไห่ที่ดูสง่างามเท่านั้น
“ยู่ฉางตงอยู่ไหนกัน?” ลู่โจวถาม
ยู่เฉิงไห่ชี้ไปทางหุบเหวไม่มีที่สิ้นสุด “เขาตกลงไปในเหวเพื่อช่วยข้า…”
ทุกคนต่างก็นิ่งเงียบ ไม่มีใครอยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
ยู่เฉิงไห่เริ่มเล่าเรื่องทุกอย่างให้กับลู่โจวได้ฟัง
ทุกคนต่างก็ตื่นตกใจ
“ชาวลั่วหลานมีความทะเยอทะยานของหมาป่า ไม่น่าแปลกเลยที่ท่านศิษย์คนรองจะยังไม่กลับมา ที่แท้เขาก็โดนคนทรงผู้ยิ่งใหญ่ดักลอบทําร้ายนี่เอง” ฝานลี่เทียนพูด
“คนทรงผู้ยิ่งใหญ่สามารถอัญเชิญเทพและใช้พลังเขตแดนได้อย่างเชี่ยวชาญ มีเพียงคนทรงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะกลายเป็นคนทรงผู้ยิ่งใหญ่ได้…ชาวลั่วหลานจะต้องสิ้นหวังแล้วแน่”
หมิงหยินพูดต่อ “ข้าไม่เชื่อว่าศิษย์พี่รองจะตายไปแล้ว ท่านอาจารย์…ข้าจะไปตามหาเขาเอง” ทันทีที่พูดจบหมิงซูหยินก็เตรียมที่จะลงไปในเหวลึก
ลู่โจวได้ห้ามเอาไว้ “ช้าก่อน”
หมิงหยินหยุดการเคลื่อนไหวด้วยความสับสน
ลู่โจวพูดต่อ “ยู่เฉิงไห่เพิ่งจะฟื้นคืนชีพมา จิตใจของเขาในตอนนี้ยังไม่มั่นคง พวกเจ้าอยู่ที่นี่ ข้าจะไปดูเอง”
“ท่านอาจารย์!”
เหล่าสาวกต่างก็โค้งคํานับ
“ท่านอาจารย์ โอกาสที่จะเอาชีวิตรอดในหุบเหวลึกแสนฟุตนั้นต่ํามาก” สีวู่หยาพูดต่อ “ข้าขออาสาลงไปเพื่อพาศิษย์พี่รองกลับมาเอง”
“ข้าจะไปด้วย…พลังวรยุทธของเจ้ามันอ่อนแอเกินไป” ตัวนมู่เฉิงพูดแทรก
“หยุดทะเลาะกันได้แล้ว.พลังวรยุทธของข้าลึกล้ําที่สุด เพราะงั้นข้าควรจะไปเอง” หมิงซี่หยินก้าวไปด้านหน้า
ฝานลี่เทียนยิ้มก่อนจะพูดต่อ “ยังไงซะทุกคนก็ยังหนุ่มแน่น ทําไมไม่ให้ข้าไปล่ะ…ข้าจะไปเอง”
“พอได้แล้ว” ลู่โจวยกมือหยุดทุกคนจากการโต้เถียง
ลู่โจวมองดูยู่เฉิงไห่ที่อยู่ข้างๆ “ทําตามที่ข้าบอก”
“ครับ!”
ทุกคนไม่กล้าคัดค้านอีกต่อไป
ที่ขอบเหวลึกแสนฟุต
ถ้าหากมีใครมองลงไปก็คงจะไม่อาจเห็นอะไรได้นอกจากความมืดมิดที่ไม่มีที่สิ้นสุด
เหล่าสาวกต่างก็ตกตะลึงกับภาพที่ได้เห็น
หยวนเอ่อและหอยสังข์ทนไม่ได้ที่จะมองลงไป สุดท้ายแล้วพวกนางก็ได้แต่หลบตา
สีรู่หยาพูดขึ้น “หุบเหวนี้ยาวเพียงแค่ครึ่งเดียวของคูสวรรค์…ในอดีตมีผู้ฝึกยุทธมากมายหลายคนที่กระหายในการผจญภัยต่างก็อยากจะรู้ว่าหุบเหวนี้มันลึกมากแค่ไหน แต่น่าเสียดายที่ไม่มีใครกลับมาได้”
“หุบเหวนี่มันลึกเกินไป”
“มันลึกไปกว่าเหวที่ป่าทั้งสี่รึเปล่า? แม้แต่ศิษย์น้องยี่เทียนซินก็ยังกลับมาจากส่วนลึกของป่านม่านหมอกได้…พวกเราควรจะเชื่อท่านอาจารย์” ตัวนมู่เฉิงแสดงความเห็น
“ท่านพูดถูกแล้ว ว่ากันว่าการเข้าไปในส่วนลึกของป่าทั้งสี่นั้นมีแต่จะต้องตาย…แต่ในตอนนี้ ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว ถ้าหากผู้มีพลังวรยุทธลึกล้ําเข้าไปพร้อมกับสัตว์ขี่ บางทีก็อาจจะกลับมาได้” หมิงหยินพูดพร้อมรอยยิ้ม
ฝานลี่เทียนจดจําประสบการณ์ของตัวเองที่อยู่ในป่าทมิฬได้ดี เขาที่คิดย้อนกลับไปถอนหายใจก่อนจะพูดออกมา “นี่มันแปลกเกินไป พลังวรยุทธของคนเรามักจะถูกปรับปรุงจนก้าวหน้าอยู่เสมอ มนุษย์ยังมีความกระหายที่จะสารวจและยึดครองที่ที่ยังไม่ถูกค้นพบตอนใต้สุดของคูสวรรค์ เคยถูกเรียกว่าเป็นจุดสูงสุดของโลกใบนี้เมื่อ 800 ปีที่ก่อน ไม่มีใครสามารถเข้าถึงที่นั่นได้ แต่หลายปีที่ผ่านมาก็มีหลายคนพิชิตมันได้…”
ทุกๆ คนพยักหน้าเห็นด้วยกับคําพูดของฝานลี่เทียน
ความอยากรู้อยากเห็นสําหรับมนุษย์แล้วมันเป็นของคู่กัน
ลู่โจวนึกถึงสิ่งที่แม่นางแซ่หลัวบันทึกเอาไว้ในสมุด บางทีนางอาจจะมาที่นี่เพื่อสํารวจเช่นกัน แต่สําหรับผู้ชี้แนะขององค์จักรพรรดิดินแดนหยานนั้นต่างออกไป เขาปรารถนาที่จะใช้ชีวิตอย่างสงบสุขมากกว่า
“ยู่ฉางตงเป็นศิษย์ของข้า ถ้าหากเขายังมีชีวิตอยู่ข้าก็อยากจะเจอเขา ถ้าหากเขาตายข้าก็อยากจะเห็นศพของเขา” ลู่โจวก้าวขึ้นบนในอากาศเหนือหุบเหวลึก
เหล่าสาวกต่างก็โค้งคํานับให้กับลู่โจวอย่างพร้อมเพรียงกัน “พวกเราจะรออยู่ที่นี่ท่านอาจารย์
“พวกเราจะรอท่าน ท่านปรมาจารย์”
ลู่โจวกวาดสายตามองสาวกทุกคนก่อนจะพยักหน้าให้ ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ลงไปสู่หุบเหวลึก
สาวกของศาลาปีศาจลอยฟ้าได้แต่เฝ้ามอง ไม่นานนักร่างของลู่โจวก็หายไปในความมืดมิด
ลู่โจวที่ลงมายังคงรักษาความเร็วไว้เสมอ เมื่อเขาเหลือบมองขึ้นไป ตัวเขายังคงเห็นแสงสว่างจากด้านบน
หลังจากนั้นไม่นานลู่โจวก็เร่งความเร็วจาก ลมที่พัดผ่านลู่โจวเริ่มรุนแรงมากยิ่งขึ้น และเพราะแบบนั้นตัวเขาจึงใช้พลังป้องกันขึ้นมา
เมื่อมองดูบนท้องฟ้า แสงที่เคยมีก็เริ่มจางหายไป
“หุบเหวนี้ไม่มีที่สิ้นสุดจริงๆ อย่างงั้นเหรอ?” ลู่โจวไม่อยากจะเชื่อเท่าไหร่ เขายังเดินหน้าต่อไป
หลังจากนั้นไม่นานลู่โจวก็สัมผัสได้ถึงแรงลึกลับ “นี่มันแรงดูด?!”
ลู่โจวรู้สึกได้ว่าร่างกายของเขาหนักมากยิ่งขึ้น ราวกับว่ามีพลังอะไรบางอย่างกําลังดึงเขามาจากเบื้องล่าง และเพราะแบบนั้นลู่โจวจึงจะต้องใช้พลังลมปราณมากขึ้น
“ด้วยพลังวรยุทธที่ยู่ฉางตงมี แม้ว่าจะต้องตกลงไปในเหวลึกแต่เจ้านั้นจะต้องยังมีชีวิตอยู่แน่”
ลู่โจวชะลอความเร็วในการลง ยิ่งลงต่ํามากเท่าไหร่แรงดึงก็มากยิ่งขึ้นเท่านั้น
เมื่อลงไปจุดที่แรงดึงดูดมีมากกว่าพลังของลู่โจว เมื่อถึงตอนนั้นเขาก็จะกลับมาไม่ได้ แล้วยู่ฉางตงอยู่ที่ไหนกัน?