ลู่โจวได้เดินขึ้นบันไดไปก่อนที่จะกลับไปยังโถงแห่งพลัง
หลังจากที่ซู่ฮ่องกงศิษย์คนที่แปดเห็นความน่าเกรงขามที่แท้จริงของผู้เป็นอาจารย์ไป ตัวเขาก็รีบวิ่งนำหน้าลู่โจวก่อนที่จะรีบเก็บกวาดเศษซากความเสียหายที่อยู่ตรงโถงทางเดิน ในตอนนั้นเองซู่ฮ่องกงก็ได้พูดขึ้นด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม “ท่านอาจารย์ พระพุทธองค์ทองคำของท่านทำให้ศิษย์ตาสว่างขึ้นมาจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นท่านอาจารย์ยังมีสุดยอดพลังฝ่ามือไร้ปรานีที่หาใครอื่นเทียบได้! “
สาวกคนอื่นๆ ที่เห็นซู่ฮ่องกงแสดงท่าทีแบบนั้นไปถึงกับพูดไม่ออก แม้ว่าเหล่าสาวกเองจะชอบประจบผู้เป็นอาจารย์มากแค่ไหน แต่ถึงแบบนั้นพวกเขาก็ไม่กล้าที่จะพูดอย่างไร้ยางอายเหมือนกับซู่ฮ่องกงแบบนี้ ทุกๆ คนต่างก็ยอมรับทันทีว่าไม่ได้หน้าหนาเท่ากับซู่ฮ่องกง
ลู่โจวไม่ได้สนใจอะไรซู่ฮ่องกง ตัวเขายังคงเดินช้าๆ ก่อนที่จะเริ่มนั่งลง
นอกเหนือจากเหล่าสาวกหลักๆ ที่อยู่ในห้อง สาวกของวิหารทางเลือกแห่งสวรรค์ได้เคลียร์พื้นที่อื่นไปหมดแล้ว
ซู่จิ้งในตอนนี้ได้รับบาดเจ็บ ตัวเขาได้กลับมายังห้องโถงได้ด้วยความช่วยเหลือจากสาวกทั้งสองคน ซู่จิ้งได้เดินกลับเข้ามาพร้อมกับกล่องผ้าที่ถือเอาไว้ในมือ
“เจ้าไม่กลัวความตายอย่างงั้นหรอ? ” ลู่โจวได้ถามออกมาในขณะที่ลูบเครา
ซู่จิ้งได้พูดขึ้น “ไม่มีอะไรที่จะต้องกลัวเกี่ยวกับความตาย…ในตอนที่นักบวชศักดิ์สิทธิ์จะมาถึงที่นี่ก่อนหน้านี้ อาตมาสงสัยมาโดยตลอดว่าซู่เหลียวกับอีกสองคนจะเปลี่ยนใจไป แต่อาตมาก็ไม่ได้คาดคิดมาก่อนเลยว่าเจ้าพวกนั้นจะกล้าหาญขนาดนี้! “
“นั่นเป็นเหตุผลที่เจ้าปิดบังอาการบาดเจ็บกับเจ้าพวกนั้นเอาไว้สินะ? “
“ถูกต้องแล้ว” ซู่จิ้งได้ยื่นกล่องผ้าให้ด้วยมือทั้งสองข้างก่อนที่จะพูดขึ้นมา “นี่คือดอกแมกโนเลียสีดำที่ท่านตามหา”
ลู่โจวรับกล่องผ้าไป เมื่อได้เปิดกล่องผ้าออก ในตอนนั้นเองทั่วทั้งห้องโถงก็อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของสมุนไพร กลิ่นของดอกแมกโนเลียสีดำรุนแรงเป็นอย่างมาก
“ติ้ง! คุณได้รับดอกแมกโนเลียสีดำ”
“เสร็จสิ้นภารกิจตามหาดอกแมกโนเลียสีดำ ได้รับรางวัล: 1,500 แต้มบุญ” การแจ้งเตือนสั้นๆ ได้ปรากฏขึ้น
ลู่โจวมอบดอกแมกโนเลียสีดำให้กับหยวนเอ๋อที่ยืนอยู่ด้านหลัง
หยวนเอ๋อรับดอกแมกโนเลียสีดำมาอย่างระมัดระวังราวกับว่าเธอได้รับสมบัติที่แสนล้ำค่ามา ไม่มีใครสนใจของสิ่งนี้ไปมากกว่าหยวนเอ๋อ อาจารย์ของหยวนเอ๋อมาถึงที่นี่ก็เพื่อที่จะหาดอกแมกโนเลียสีดำดอกนี้โดยที่ไม่สนใจว่าจะเกิดปัญหาอะไรขึ้นทั้งนั้น ที่ลู่โจวทำไปทั้งหมดก็เพื่อที่จะเปิดจุดตันเถียนของเธอเพียงเท่านั้น
ไม่นานหลังจากนั้นซู่จิ้งก็ได้ผสานฝ่ามือของตัวเองก่อนที่จะโค้งคำนับลู่โจว “ในนามของตัวแทนวิหารทางเลือกแห่งสวรรค์ ข้าขอประกาศว่าที่แห่งนี้รวมไปถึงพวกเราได้สวามิภักดิ์ต่อศาลาปีศาจลอยฟ้าแล้ว”
เหล่าสาวกคนอื่นๆ เองก็โค้งคำนับให้เช่นกัน
แต่อย่างไรก็ตามลู่โจวก็ได้ส่ายหัวก่อนที่จะพูดขึ้น “คนชั่วช้าไม่มีวันที่จะกลายเป็นพระพุทธองค์ได้หรอก…ไม่จำเป็นจะต้องทำถึงขนาดนั้นเลย”
วิหารทางเลือกแห่งสวรรค์ปัจจุบันมีแต่ชายชราและเด็กอ่อนหัดเท่านั้น ซู่จิ้งคงจะต้องใช้เวลาอีกนานกว่าที่จะฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บสาหัสได้ ส่วนเหล่าสาวกอ่อนหัดทั้งหลายก็คงจะอ่อนแอเกินกว่าที่จะรับหน้าที่อันสำคัญ ในตอนนี้ซู่เหลียว, ซู่ฝาน และซู่ไห่ต่างก็ได้ทรยศให้กับวิหารไปเป็นที่เรียบร้อย การหลบอยู่ภายใต้ศาลาปีศาจลอยฟ้าก็ไม่ต่างอะไรกับการหลบพายุหิมะลูกใหญ่ กลุ่มคนเหล่านี้ทั้งหมดไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับศาลาปีศาจลอยฟ้าเลย!
ซู่จิ้งพูดออกมาในขณะที่ถอนหายใจไปด้วย “ท่านผู้อาวุโสจี วิหารทางเลือกแห่งสวรรค์ของพวกเราในตอนนี้ไม่สามารถแข่งขันอะไรกับวิหารอื่นๆ ได้ วิหารแห่งความว่างเปล่าจะต้องกลับมาที่นี่อีกแน่ แม้ว่าจะต้องใช้เวลาแต่ยังไงพวกเขาก็จะต้องมา เมื่อถึงตอนนั้น…” ซู่จิ้งได้เดินไปส่ายหัวไป ตัวเขากังวลว่าวิหารแห่งความว่างเปล่าจะพุ่งเป้ามาที่ตัวเขาอีกครั้ง
ลู่โจวลูบเคราก่อนที่จะพูดออกมา “นักบวชศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ไม่เหลืออยู่อีกต่อไป ในตอนนี้ยอดฝีมือที่วิหารแห่งความว่างเปล่าที่เหลืออยู่ก็คือกงหยวน…แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ตามชายคนนี้ก็ระมัดระวังตัวมากเกินไป อย่างน้อยๆ กงหยวนคงจะไม่กลับมาที่นี่ในอนาคตอันใกล้แน่”
ยิ่งไปกว่านั้นลู่โจวก็ได้แสดงความแข็งแกร่งออกมา เหล่าผู้คนที่อยู่บนรถม้าลอยฟ้าต่างก็ได้เห็นพลังพระพุทธองค์ทองคำ
ซู่จิ้งพยักหน้าเห็นด้วยคำพูดของลู่โจว ตราบเท่าที่ศัตรูของพวกเขายังไม่มาถึงในอนาคตอันใกล้ พวกเขาทั้งหมดก็จะสามารถหาวิธีการต่างๆ มากมายรับมือกับปัญหานี้ “ขอบคุณมากผู้อาวุโสจี”
ลู่โจวโบกแขนก่อนที่จะยืนขึ้น “ไปกันเถอะ”
“กลับไปที่ศาลาปีศาจลอยฟ้ากันเถอะ! ” ซู่ฮ่องกงได้พูดอย่างกระตือรือร้น
“ศิษย์น้องแปด…เจ้ายังจะห่วงพักผ่อนอยู่อีกหรอ? เจ้าน่ะทำตัวไม่เหมือนกับสาวกของศาลาปีศาจลอยฟ้าซะเลย…ข้าน่ะละอายใจจริงๆ ที่ได้เห็นเจ้า หืม? ท่านอาจารย์ครับ…ได้โปรดรอสักครู่ ศิษย์จะรีบเตรียมรถม้าให้พร้อมเอง ศิษย์รับรองเลยว่ารถม้าจะต้องนิ่งมากเมื่อออกเดินทาง! ” หมิงซี่หยินที่พูดเสร็จก็ได้วิ่งออกจากโถงแห่งพลังไป
หมิงซี่หยินได้เคลื่อนที่ไปอย่างรวดเร็วจนถึงรถม้าล่องเมฆา…
ลู่โจวเหลือบมองไปรอบๆ ก่อนที่จะพูดกับตัวเองขึ้น “แม้ว่าวันนี้วิหารทางเลือกแห่งสวรรค์จะยังไม่ต้องการความช่วยเหลือ…หลังจากที่เกิดเรื่องในวันนี้ขึ้น คนจากโลกภายนอกจะต้องรู้เรื่องนี้แน่ เมื่อถึงตอนนั้นวิหารทางเลือกแห่งสวรรค์ของเจ้าก็จะไม่สามารถยืนอยู่ในยุทธภพได้อย่างภาคภูมิใจอีกต่อไป เจ้าคิดถึงผลที่กำลังจะตามมาไหม? “
ซู่จิ้งได้ตอบกลับมา “หลังจากที่เกิดเรื่องขึ้น อาตมาก็รู้ได้ทันทีว่าสิ่งต่างๆ ที่ท่านพูดถึงมันไม่ได้สำคัญอะไรอีกต่อไป หลังจากนี้วิหารทางเลือกแห่งสวรรค์เองก็จะปิดตัวลงเพื่อเก็บตัวฝึกยุทธ”
ร่างกายของซู่จิ้งได้ทำตามเสียงหัวใจเรียกร้อง
ลู่โจวพยักหน้าให้และไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติมอีก ตัวเขาได้กระโดดขึ้นรถม้าล่องเมฆาอย่างคล่องแคล่ว สำหรับผู้ฝึกยุทธขั้นมหาราชครูอย่างลู่โจวการที่จะกระโดดขึ้นรถม้าได้ไม่ใช่เรื่องยากเลย
เมื่อซู่จิ้งเห็นแบบนั้น ตัวเขาก็ได้ผสานฝ่ามือก่อนที่จะพูดขึ้น “อมิตาพุทธ”
เหล่าสาวกจากวิหารทางเลือกแห่งสวรรค์ทั้ง 1,000 คนเองผสานมือก่อนที่จะเริ่มสวดมนตร์
นี่ไม่ใช่การโจมตีแต่อย่างใด มันเป็นบทสวดมนต์ที่เต็มไปด้วยความบริสุทธิ์ เป็นเหมือนกับคำอวยพรนั่นเอง
บทสวดมนต์ดังก้องออกมาจากโถงแห่งพลัง มันได้ดังขึ้นเรื่อยๆ ก่อนที่จะกระจายไปทั่วหุบเขาแห่งความบริสุทธิ์
นี่ถือเป็นพิธีกรรมอันสูงส่งที่เหล่านักบวชเลือกที่จะใช้ส่งแขกคนสำคัญไป มันถือเป็นสัญลักษณ์แห่งความขอบคุณและความเคารพที่มีต่อศาลาปีศาจลอยฟ้า
หมิงซี่หยิน, ต้วนมู่เฉิง และคนอื่นๆ ต่างก็รู้สึกอึดอัดใจ ที่ถือเป็นครั้งแรกที่พวกเขาพบกับพิธีรีตองแบบนี้ แม้ว่าเรื่องจะจบลงแล้วแต่พวกเขาก็ไม่อาจที่จะสลัดความรู้สึกนี้ออกไปได้เลย
รถม้าล่องเมฆาได้ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว
ลู่โจวไม่ได้ยินเสียงการแจ้งเตือนอะไร แม้ว่าจะมีการสวามิภักดิ์ซ้ำๆ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ตัวเขาได้แต้มบุญเพิ่ม
หลังจากที่รถม้าล่องเมฆาทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า หมิงซี่หยินก็ได้ถอนหายใจออกมาก่อนที่จะส่ายหัว น้ำเสียงของเขาในตอนนี้แฝงไปด้วยอารมณ์ “แม้ว่าพวกนักบวชหัวโล้นพวกนี้จะไร้ประโยชน์ แต่ถึงแบบนั้นพวกเขากลับชัดเจนกว่าสำนักเที่ยงธรรมซะอีก”
ต้วนมู่เฉิงพยักหน้า “อย่างน้อยๆ พวกเขาก็รักษาคำพูดล่ะนะ”
รถม้าล่องเมฆาได้หันหลังกลับไปก่อนที่จะเดินทางไปยังศาลาปีศาจลอยฟ้า
…
สองชั่วโมงต่อมา
ในห้องลับที่ซ่อนอยู่ในศาลาปีศาจลอยฟ้า
ลู่โจวในตอนนี้กำลังเปิดหน้าต่างเมนูระบบขึ้นมา
ชื่อ: ลู่โจว
เผ่า: มนุษย์
พลังวรยุทธ: ขั้นมหาราชครู
แต้มบุญ: 29,320
พลังอวตาร: ปัญจแห่งการเกิดใหม่
อายุขัย: 5,955 วัน
ของที่มี: การ์ดการโจมตีของเพชฌฆาต x1, การ์ดพลังป้องกันไร้ที่ติ x2, การ์ดประกันชีวิต x7, การ์ดกรงผนึกกักขัง x4, เครื่องรางขัดเกลา x2, การ์ดระเบิดจุดสุดยอด x1, วิซซาร์ด (พักผ่อนสำเร็จ) , บี่เอี๊ยน, เศษเสี้ยวฟากฟ้า x1
อาวุธที่มี: อาวุธนิรนาม, ห่วงแห่งรัก, กระบี่ตัดชีวา, สายสะพายแห่งนิพพาน, ถุงมือนักสู้
เคล็ดวิชา: เคล็ดวิชาอักษรสวรรค์
ลู่โจวมองไปที่ตัวเลขที่มี ตัวเขารู้สึกดีใจเป็นอย่างมากเมื่อได้เห็น “29,320 แต้มบุญ”
เขาไม่ได้คาดหวังมาก่อนเลยว่าการที่จะไปวิหารทางเลือกแห่งสวรรค์จะทำให้ได้รับแต้มบุญมากมายรวมไปถึงได้สังหารนักบวชศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ของวิหารแห่งความว่างเปล่าแบบนี้
โดยปกติแล้วลู่โจวมักจะรู้สึกว่าแต้มบุญที่มีมักจะไม่เพียงพอต่อความต้องการในการใช้ อย่างไรก็ตามในตอนนี้ตัวเขาได้เปลี่ยนไปแล้ว ลู่โจวในตอนนี้มีแต้มบุญมหาศาล
‘แล้วฉันจะใช้แต้มบุญทำอะไรดี? ก่อนอื่นจะต้องซื้อพลังอวตารร่างใหม่’ ตัวเขาตั้งใจที่จะซื้อพลังร่างอวตารสัตตะดวงดาวแห่งวิญญาณในราคา 15,000 แต้มบุญ ในตอนนี้เท่ากับว่าลู่โจวเหลือแต้มบุญกว่า 14,000 แต้ม ‘หรือฉันจะใช้แต้มบุญที่เหลือไปกับการจับฉลากนำโชคดีนะ? ‘
“จับฉลากนำโชค”
“…” ไม่นานหลังจากนั้น ลู่โจวก็ได้แต่ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ “บางทีนี่อาจจะไม่มีความหมายอะไรเลยก็ได้ แต้มบุญที่เคยมีมหาศาลนั่นน่ะ”
ตัวเขาได้จับฉลากไปกว่า 60 ครั้งด้วยกัน ลู่โจวได้เสียแต้มบุญไปทั้งหมด 3,000 แต้ม แต่ถึงแบบนั้นตัวเขากลับไม่ได้รับรางวัลอะไรเลยจากการจับฉลากนำโชค โชคดีที่ตัวเขายังมีแต้มบุญที่ได้รับมาจากเหล่านักบวชอยู่ ถ้าหากลู่โจวไม่ได้อะไรมาเลยตัวเขาก็คงจะรู้สึกหดหู่ใจกับผลลัพธ์นี้มากขึ้น
บางทีลู่โจวอาจจะเคยชินกับโชคร้ายเข้าซะแล้ว ในตอนนี้ตัวเขาได้แต่รู้สึกสับสน ลู่โจวจำได้ดีว่าตัวเขาเคยสะสมค่าความโชคดีถึง 66 แต้มด้วยกันในครั้งที่โชคร้ายที่สุด แต่ในตอนนี้ตัวเขาสะสมค่าความโชคดีไปถึง 79 แต้มแล้ว ครั้งนี้เท่ากับว่าลู่โจวซวยกว่าครั้งที่แล้ว
‘ใจเย็นๆ ไว้ตัวฉัน’ ในตอนที่ใช้ค่าความโชคดีไปกว่า 66 แต้ม ในตอนนั้นตัวเขาก็ได้การ์ดพลังชีวิตมา ‘คราวนี้ด้วยค่าความโชคดีที่มากกว่าของที่ต้องได้เองก็คงจะต้องดีกว่าด้วยสินะ? ‘ ลู่โจวอยากได้รับของรางวัลเป็นการ์ดอายุขัยทั้ง 1,000 ใบ
ลู่โจวได้สงบใจลงได้ ตัวเขาไม่หลงจับฉลากนำโชคอีกต่อไป ลู่โจวได้ปิดหน้าจับฉลากไปก่อนที่จะเลือกซื้อพลังร่างอวตารใหม่
“ติ้ง! ได้รับอวตารใหม่ อวตารสัตตะดวงดาวแห่งวิญญาณ คุณจะสวมใส่มันเลยไหม? “
“สวมใส่”
เมื่อลู่โจวสวมใส่พลังร่างอวาตารสัตตะดวงดาวแห่งวิญญาณ ตัวเขาก็กลายเป็นผู้ฝึกยุทธขั้นศักดิ์สิทธิ์ไปในทันที