พวกเขาหาอะลางไม่เจอ ด้วยเหตุนั้นคุณหญิงมิร์เรอร์จึงพาหานเซิ่นกลับไปที่ยอดเขาอีกครั้ง โชคดีที่หานเซิ่นดูเหมือนจะเป็นแค่หวัดเท่านั้น
เมื่อกลับไปถึงยอดเขา คุณหญิงมิร์เรอร์ก็ให้คนของเธอกางเต็นท์ให้กับหานเซิ่นเพื่อให้เขาพักฟื้น
หานเซิ่นรู้สึกปวดหัวอย่างมาก แต่เขาไม่ได้พยายามจะต่อสู้กับมันและตัดสินใจนอนหลับไป
มันไม่มีใครทำอะไรหานเซิ่นได้ ขณะที่คุณหญิงมิร์เรอร์คอยดูเขาอยู่ และกิเลนโลหิตก็คอยเฝ้าเต็นท์ของหานเซิ่นอยู่เช่นกัน ด้วยเหตุนั้นหานเซิ่นจึงสามารถนอนหลับได้อย่างสบายใจ
เนื่องจากหานเซิ่นรู้สึกปวดหัว ไม่นานเขาก็หลับใหลไป เขาไม่รู้ตัวว่าหลับไปนานเท่าไหร่ แต่ในตอนที่เขาตื่นขึ้นมา เขารู้สึกดีขึ้นมาก อาการป่วยของเขาหายไปอย่างปลิดทิ้ง
หานเซิ่นยืดเส้นยืดสายและคลานออกมาจากเต็นท์ เขาต้องตกใจในทันทีที่ออกมา
หานเซิ่นหลับอยู่ในเต็นท์บนภูเขาลูกหนึ่ง แต่ตอนที่เขาคลานออกมานั้นเขากลับมาอยู่บนชายหาดสีขาวที่ห่างไปจากทะเลเพียงแค่ไม่กี่เมตรเท่านั้น
หานเซิ่นหันไปรอบๆและรู้สึกตัวว่าเขาอยู่บนเกาะเล็กๆ เขาสามารถมองเห็นทุกซอกทุกมุมของเกาะได้จากจุดที่ยืนอยู่
เกาะน้อยๆนี้มีขนาดเล็กกว่าสนามเบสบอล มันมีต้นปาล์ม 2 ต้นตั้งอยู่ ภาพที่เห็นทำให้หานเซิ่นขมวดคิ้ว
มันน่าประหลาดใจที่ใครบางคนสามารถเทเลพอร์ตหานเซิ่นมาที่นี่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้การจับตามองของคุณหญิงมิร์เรอร์
ถึงแม้หานเซิ่นจะไม่รู้ถึงขีดจำกัดพลังของคุณหญิงมิร์เรอร์ แต่เธอเป็นถึงมือขวาของราชาไป๋ นั่นเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าเธอเป็นสัตว์ประหลาด
แถมกิเลนโลหิตที่ยืนเฝ้าอยู่นอกเต็นท์ก็ไม่ได้ส่งเสียงดังอะไรเลยในตอนที่เขาหลับอยู่ ถ้าเขาถูกเทเลพอร์ตมา กิเลนโลหิตก็ต้องปฏิกิริยาอะไรบ้าง
ในขณะที่หานเซิ่นกำลังครุ่นคิด คลื่นที่สูงหลายร้อยเมตรก็ก่อตัวขึ้นในทะเลอย่างกะทันหัน มันซัดเข้ามาด้วยความเร็วสูงและเสียงคำรามของมันก็ฟังดูเหมือนกับจุดจบของโลกใบนี้
หานเซิ่นตกใจและรีบใช้วิชาเรื่องราวของยีนทันที เนื่องจากในตอนนี้ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยพลังของคิงอีซ เรื่องราวของยีนจึงเป็นแค่วิชาเดียวที่เขาสามารถใช้ได้
แต่คลื่นนั้นไม่ได้ซัดเข้ามาบนเกาะ มันหยุดนิ่งและทอดเงาปกคลุมทั่วทั้งเกาะ หลังจากนั้นน้ำก็เริ่มรวมตัวกันเป็นใบหน้าขนาดใหญ่และจ้องลงมายังหานเซิ่นที่ยืนอยู่บนเกาะ
“เจ้าเป็นใครกัน? ทำไมเจ้าถึงพาข้ามาที่นี่?” หานเซิ่นถามใบหน้าขนาดใหญ่นั้น
“เจ้าจำข้าไม่ได้อย่างนั้นหรอ?”
หานเซิ่นคิดว่าใบหน้านั้นดูคุ้นๆ และไม่นานเขาก็สังเกตเห็นว่าใบหน้าที่ประกอบขึ้นจากน้ำไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นใบหน้าของอะลาง
“อะลาง?” หานเซิ่นประหลาดใจ
“ข้าคืออัลฟ่าของน้ำ ข้าคือแอนเชี่ยนท์วอเทอร์ก็อต”
เสียงของแอนเชี่ยนท์วอเทอร์ก็อตดังราวกับคลื่นสึนามิ เสียงนั้นดังอย่างมากถึงขนาดที่ทำให้หานเซิ่นรู้สึกราวกับว่าหูของเขาจะแตก
“เจ้าคือแอนเชี่ยนท์วอเทอร์ก็อต?” หานเซิ่นอึ้งไป เขาจำได้ว่าเขาเคยบอกอะลางว่าเขาจะกินแอนเชี่ยนท์ก็อตออริจิน
“ไม่แปลกใจเลยที่สีหน้าของอะลางดูแปลกไปในตอนที่เราพูดไปแบบนั้น ที่แท้เขาก็คือ…” หานเซิ่นอยากตบหน้าตัวเองที่พูดอะไรงี่เง่าแบบนั้นออกไป แต่หานเซิ่นรู้ว่าการมาเสียใจในตอนนี้ไม่มีประโยชน์อะไร เขาไอกลบเกลื่อนและพูด
“ท่านแอนเชี่ยนท์วอเทอร์ก็อต ได้โปรดอย่าโกรธไป ข้าก็แค่พูดล้อเล่นเท่านั้น”
“เจ้าแค่พูดล้อเล่นอย่างนั้นหรอ?” แอนเชี่ยนท์วอเทอร์ก็อตทำสีหน้าที่เกือบจะดูเหมือนกับรอยยิ้ม แต่มันไม่ใช่ซะทีเดียว
“ใช่แล้ว มันเป็นแค่การล้อเล่น” หานเซิ่นพยักหน้า ขณะที่เขายังคงใช้วิชาเรื่องราวของยีนต่อไป
ตอนนี้เขาได้แต่คิดเกี่ยวกับการหนีไปจากที่นี่ โชคดีที่แอนเชี่ยนท์วอเทอร์ก็อตกำลังจะวิวัฒนาการเป็นเทพสปิริต หานเซิ่นแค่จำเป็นต้องกลับเข้าไปในก็อตแซงชัวรี่และรอคอยจนกระทั่งอีกฝ่ายตายไป หลังจากนั้นเขาก็ค่อยกลับเข้ามา
แต่ในร่างกายของหานเซิ่นมีคิงอีซอยู่เยอะเกินไป ทำให้เขาไม่สามารถใช้วิชาโลหิตชีพจรได้ เขาไม่สามารถใช้พลังของวิชาโลหิตชีพจรเพื่อพาตัวเองกลับเข้าไปในก็อตแซงชัวรี่ได้
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ล้อเล่นต่อไป” แอนเชี่ยนท์วอเทอร์ก็อตพูด หลังจากนั้นร่างกายน้ำของเขาก็แตกกระจายกลายเป็นห่าฝนที่ตกลงมาใส่เกาะ
น้ำไหลมาที่ตัวหานเซิ่นและทำให้เสื้อผ้าของเขาเปียกโชก แต่เขาไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร ดูเหมือนว่าแอนเชี่ยนท์วอเทอร์ก็อตจะไม่ได้ใส่พลังอะไรเข้าไปในน้ำ ดังนั้นมันจึงเหมือนกับฝนที่ตกหนักเท่านั้น
“ข้าก็แค่พูดเท่านั้น ข้ายังไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย เจ้าไม่เห็นต้องโกรธขนาดนั้นเลย” หานเซิ่นพูดด้วยความรู้สึกคับข้องใจ
ตูม!
แอนเชี่ยนท์วอเทอร์ก็อตไม่ได้ปรากฏตัวออกมาอีกครั้ง แต่บางสิ่งระเบิดขึ้นไม่ไกลไปจากจุดที่เขายืนอยู่ มังกรเงินตัวหนึ่งโผล่ออกมาจากน้ำและแสงสีเงินของมันก็สว่างไสวราวกับดวงอาทิตย์ที่เจิดจ้า พลังชีวิตของมันดูน่าสะพรึงกลัว
มังกรปีกเงินคำรามและแสงแห่งเทพสีเงินของมันก็แพร่ขยายออกไปปกคลุมทุกอย่างในระยะสายตา หานเซิ่นรู้สึกราวกับว่าร่างกายของเขาจมอยู่ในโคลน ทำให้เขาแทบจะไม่สามารถขยับร่างกายตัวเองได้
มังกรปีกเงินอ้าปากและเผยให้เห็นแสงสีเงินที่ดูเหมือนกับกาแล็กซี่ที่หมุนวน มันกำลังจะกลืนกินหานเซิ่นเข้าไป
ภายในแสงแห่งเทพของมังกรปีกเงิน หานเซิ่นพบว่ามันยากที่จะเคลื่อนไหว เขาไม่สามารถหลบหลีกการโจมตีของมังกรปีกเงินได้ ขณะที่เรื่องราวของยีนยังคงทำงาน เขายื่นมือทั้ง 2 ข้างออกไปหาฟันซี่หนึ่งของมังกรและพยายามจะหยุดมันเอาไว้
น้ำหนักของมังกรปีกเงินกดตัวของหานเซิ่นจนจมลงไปในทะเลด้านล่าง
หานเซิ่นยังคงจับฟันของมังกรเอาไว้แน่นขณะที่ร่างกายของเขาค่อยๆจมลงไปในน้ำมากขึ้นเรื่อยๆ เขาไม่สามารถหยุดเจ้ามังกรเอาไว้ได้
หานเซิ่นใช้วิชาเรื่องราวของยีนอย่างเต็มกำลังเพื่อจะต้านพลังของมังกรปีกเงินเอาไว้
ขณะที่มังกรดำลงไปในน้ำ มันก็เกิดแรงดูดมหาศาลภายในปากของมังกร ถ้าหานเซิ่นปล่อยมือล่ะก็ เขาก็จะถูกดูดเข้าไปในปากของมังกร
ยิ่งลงไปลึกมากเท่าไหร่ มันก็เป็นเรื่องยากที่หานเซิ่นจะทนต่อแรงดึงดูด ร่างกายของเขาสั่นรัวภายใต้แรงมหาศาลของมังกร และเขาก็รู้สึกราวกับว่าแขนกำลังจะถูกฉีกขาดโดยพลังนั้น
ตูม!
ทันใดนั้นร่างกายของหานเซิ่นก็เรืองแสงสีทองออกมา แสงสีทองพุ่งออกมาจากทุกซอกทุกมุมของร่ายกายและกลายเป็นสัญลักษณ์เล็กๆจำนวนมาก
เนื่องจากการโจมตีของมังกรปีกเงิน คิงอีซภายในร่างกายของหานเซิ่นก็ทำงานขึ้นมาร
คิงอีซสีทองหมุนวนรอบๆร่างกายของหานเซิ่น และทำให้เขารู้สึกได้ถึงพลังอันไร้ขีดจำกัดที่ไหลเวียนอยู่ในเส้นเลือดของเขา สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือมันให้ความรู้สึกราวกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้มอบพลังให้กับเขา ภูเขา หุบเขา ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ พืชพรรณทุกชนิดเป็นเชื่อเพลิงให้กับหานเซิ่น