EG บทที่ 694 คนโง่ที่ร่ำรวย 1
เฝิงหยู่กลับมาที่ปักกิ่งหลังจากที่เขาจัดการเรื่องลงทุนทั้งหมดแล้วเพราะว่าเขาต้องเข้าสอบ เขาไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับการลงทุนของเขาแล้วเพราะตระกูลฟู่จะช่วยคอยติดตามและตรวจสอบตลาดให้เขา เมื่อถึงราคาที่เหมาะสม ทุกคนจะขายหุ้นทิ้งพร้อมกันหมด
ตระกูลที่มีอิทธิพลของฮ่องกงหลายตระกูลร่วมมือกันทำเงินจากตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา เป้าหมายของพวกเขาคือบริษัทญี่ปุ่นพวกนั้นและนี่ก็เป็นความคิดของเฝิงหยู่
เฝิงหยู่อยากเห็นว่าตระกูลพวกนี้มีอำนาจมากขนาดไหนเมื่อมารวมพลังกัน นอกจากนี้ เขายังอยากรู้ว่าตระกูลพวกนี้เต็มใจที่จะลดความแค้นของพวกเขาที่มีต่อกันเพื่อผลกำไรหรือไม่ เขาไม่ต้องการให้ตระกูลพวกนี้สร้างปัญหาในช่วงที่ฮ่องกงกลับคืนสู่ประเทศจีนในอีก 2 ปีข้างหน้า
จากสถานการณ์ปัจจุบัน ทุกอย่างดูเหมือนจะดี อาจเป็นเพราะตระกูลฟู่หรือตระกูลหลี่เข้าร่วมในการดำเนินการครั้งนี้ก็ได้ หรือบางทีทุกคนสนใจที่จะทำเงินและกำลังอารมณ์ดีกัน โดยรวมแล้วทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางไว้
ตอนนี้เฝิงหยู่มีเป้าหมายใหม่ เขากำลังจะทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่!
……
วิกเตอร์ ผู้รับผิดชอบการดำเนินงานของไฟเซอร์ในประเทศจีนอยู่ในเขตวิลล่าแห่งใหม่ในเมืองเหลียนกัง เขากำลังรอเจ้านายใหญ่อยู่ คนที่มีอิทธิพลอย่างมากในประเทศจีน เจ้านายใหญ่คนนี้มาพร้อมกับการสนับสนุนทางการเงินที่แข็งแกร่ง
วิกเตอร์เคยได้ยินชื่อของเจ้านายใหญ่คนนี้ แต่เขาไม่เคยเจอเขามาก่อน เขาได้ยินมาว่าเจ้านายใหญ่คนนี้มีไม่ค่อยทำตัวให้เป็นที่รู้จักมากนัก และไม่เคยปรากฏตัวทางโทรทัศน์หรือมีภาพที่ตีพิมพ์ลงในหนังสือพิมพ์มาก่อน มีข่าวลือว่าภาพของบุคคลนี้เคยปรากฏในนิตยสารฮ่องกงสองสามฉบับ แต่ข่าวนี้ก็อาจจะไม่ถูกต้องก็ได้
ไฟเซอร์เข้าสู่ประเทศจีนมาสักระยะหนึ่งแล้ว จากจุดเริ่มต้นของยุค 80 ไฟเซอร์เริ่มขายยาในประเทศจีน ประมาณปลายยุค 80 พวกเขาจัดตั้งโรงงานเภสัชกรรมที่ทันสมัยในเมืองเหลียนกัง ประเทศจีน และที่นี่ก็เป็นสำนักงานใหญ่ของไฟเซอร์ในประเทศจีนด้วย
สองปีต่อมา ไฟเซอร์จัดตั้งโรงงานอีกแห่งในซูโจว โรงงานแห่งใหม่นี้ผลิตยาประเภทเสริมโภชนาการด้วย
หลังจากที่ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมถูกระงับในช่วงสองปีที่ผ่านมา ยาประเภทเสริมโภชนาการก็ขายดี ยาเสริมโภชนาการที่ “นำเข้า” ของไฟเซอร์ก็ขายดีเช่นกัน วิกเตอร์ได้ยินมาว่าเจ้านายใหญ่คนนี้เป็นคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ทั้งหมด
คนที่มีอิทธิพลต่อทั้งประเทศได้ แม้แต่ไฟเซอร์ก็ไม่สามารถทำได้! มีข่าวลือว่าในประเทศจีนมี “ตระกูลนักการเมือง” จำนวนมาก บุคคลนี้อาจมาจากหนึ่งในครอบครัวนั้นหรือเปล่า?
เมื่อวิกเตอร์เริ่มทนไม่ไหวที่จะรอ เขาก็เห็นรถยนต์สองสามคันกำลังแล่นเข้ามาใกล้วิลล่าของเขา รถพวกนี้คือรถยนต์ที่ดีที่สุดในประเทศจีน ซึ่งก็คือรถยนต์ซงเจียง แต่รถยนต์คันที่อยู่ตรงกลางเป็นรุ่นที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในประเทศจีน
รถจอดนิ่งและผู้ชายหลายสิบคนในชุดสูทสีดำก็ลงจากรถทั้งด้านหน้าและด้านหลัง พวกเขามองไปรอบๆ และหนึ่งในนั้นก็หยิบวิทยุสื่อสารออกมาและตะโกนออกมาว่า “ปลอดภัย!”
คนขับรถคันกลางลงจากรถแล้ววิ่งไปเปิดประตูฝั่งผู้โดยสาร เขาใช้มือของเขากันหลังคารถให้และก็มีขาก้าวลงมาจากรถพร้อมกับรองเท้าหนังเงาวับ
การแต่งตัวของบุคคลนี้เป็นเหมือนเจ้านายใหญ่จริงๆ ไม่มีรอยย่นแม้แต่นิดเดียวบนกางเกงของเขาเลย
แต่เมื่อวิกเตอร์เห็นใบหน้าของบุคคลนั้น เขาก็ตกตะลึง ทำไมคนนี้ถึงยังดูเด็กมาก เจ้านายใหญ่คนนี้ควรเป็นชายชราไม่ใช่หรอ? แม้ว่าเขาจะยังเด็ก แต่เขาก็ควรเป็นชายวัยกลางคน คนๆ นี้เดินลงจากรถคันกลางที่ถูกล้อมรอบด้วยบอดี้การ์ด ดูเหมือนว่าเขาจะอายุประมาณ 20 ปี
บอดี้การ์ดที่ยืนอยู่ด้านหลังเฝิงหยู่ช่วยสวมเสื้อคลุมตัวยาวให้เขา และเฝิงหยู่ค่อยเดินตรงไปหาวิกเตอร์
วิกเตอร์รีบเดินไปหาเฝิงหยู่ทันทีพร้อมกับยืดมือทั้งสองออกไป เขากลัวว่าถ้าเขาเข้าไปหาช้าเฝิงหยู่ช้า เฝิงหยู่อาจจะคิดว่าเขาหยาบคายก็ได้ เขาเคยได้ยินว่าคนจีนพูดมาเยอะเกี่ยวกับเรื่องของการ “มีหน้ามีตา” และนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จทั้งหมดในประเทศจีนต้องการที่จะ “มีหน้ามีตา” แต่นี่เป็นการนัดเจอทั่วไปครั้งแรกเท่านั้น จำเป็นต้องแสดงท่าทางโก้หรูขนาดนี้เลยหรอ?
วิกเตอร์เคยได้ยินมาว่าบริเวณวิลล่าแห่งนี้เป็นของเจ้านายใหญ่คนนี้ ในสหรัฐอเมริกาเป็นเรื่องปกติที่คนร่ำรวยจะซื้อวิลล่า แต่เขาไม่เคยเห็นใครซื้อพื้นที่วิลล่าทั้งหมดแบบนี้ พื้นที่วิลล่าทั้งหมดใหญ่กว่าอสังหาริมทรัพย์ที่นักธุรกิจร่ำรวยและมีอำนาจมากหลายรายเป็นเจ้าของเสียอีก
คนประเภทนี้จะต้องได้รับความเคารพในระดับหนึ่ง นี่คือสิ่งที่วิกเตอร์ได้เรียนรู้ในช่วงปีที่ผ่านมาในประเทศจีน หากเขาทำให้อีกฝ่าย “มีหน้ามีตา” พวกเขาก็จะสามารถเข้ากันได้ดีและการเจรจาจะราบรื่นขึ้น
“สวัสดีครับคุณเฝิง ฉันวิกเตอร์ครับ” วิกเตอร์พูดภาษาจีนกลางที่มีสำเนียงแปลกๆ
“ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณวิกเตอร์ ข้างนอกนี่หนาวนะครับ คุณไม่จำเป็นต้องออกมารับผมข้างนอกก็ได้ เราเข้าไปข้างในกันก่อนเถอะครับ” เฝิงหยู่หัวเราะและตอบเป็นภาษาจีนกลาง
ใช่แล้ว ตัวตนของเฝิงหยู่ในตอนนี้คือคนที่ไม่เข้าใจภาษาอังกฤษเลย
เมื่อเห็นว่าเฝิงหยู่พูดอย่างสุภาพกับเขา วิกเตอร์ก็โล่งใจ เขาน่าจะเข้ากับคนๆ นี้ได้ง่าย
“คุณเฝิงครับ ผมได้ยินมาว่าคุณขอให้ผมมาที่นี่เพื่อหารือเกี่ยวกับข้อตกลงทางธุรกิจใช่มั้ยครับ?” วิกเตอร์ถาม หลังจากดินเข้ามาในวิลล่า พนักงานของคุณเฝิงติดต่อเขามาและบอกว่าคุณเฝิงสนใจที่จะพูดคุยเรื่องข้อตกลงทางธุรกิจกับเขา หากเขาสามารถเป็นตัวแทนของไฟเซอร์และตกลงตามข้อตกลงนี้ เขาอาจถูกส่งตัวกลับไปยังสหรัฐอเมริกาและไม่จำเป็นต้องอยู่ไกลบ้านอีกต่อไป
มาตรฐานความเป็นอยู่ในประเทศจีนตอนนี้ยังห่างไกลจากสหรัฐอเมริกาอยู่มาก นอกจากนี้ ครอบครัวของวิกเตอร์ก็ยังอยู่ในสหรัฐอเมริกาและเขาก็คิดถึงภรรยาและลูกๆ ของเขามากๆ
เฝิงหยู่เลิกคิ้วขึ้นและพูดว่า “ถูกต้องแล้วครับ ผมมีข้อตกลงทางธุรกิจมาพูดคุยกับคุณ ซึ่งน่าจะเป็นข้อตกลงทางธุรกิจสำหรับไฟเซอร์”
วิกเตอร์ตื่นเต้นมากเมื่อเขาได้ยินสิ่งที่เฝิงหยู่พูด หากข้อตกลงนี้เกี่ยวข้องกับไฟเซอร์ นั่นหมายความว่าก็น่าจะเป็นข้อตกลงที่คุ้มค่ามาก ดูจากวิธีการพูดและท่าทางของเฝิงเหยู่ เขาบอกได้ว่าเฝิงหยู่เป็นคนที่มีอิทธิพลและพลังมากอย่างแน่นอน
“ข้อตกลงอะไรหรอครับ? คุณคิดจะจัดตั้งโรงงานเภสัชกรรมร่วมทุนกับเราหรือเปล่า?” ไฟเซอร์ได้ตั้งโรงงานในประเทศจีนแล้ว และพวกเขาจำเป็นต้องกำหนดช่องทางการจัดจำหน่ายสำหรับผลิตภัณฑ์ของเขา เฝิงหยู่น่าจะรู้ว่าการฝากขายสินค้าของไฟเซอร์นั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ และการหารือนี้น่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการจัดตั้งโรงงานร่วมทุน
มีนักธุรกิจหลายคนในประเทศจีนที่ร่ำรวย แต่ไม่มีเทคโนโลยี ส่วนใหญ่ชอบลงทุนในกิจการร่วมค้ากับบริษัทต่างประเทศ นักธุรกิจหลายคนเข้าหาวิกเตอร์ก่อน แต่ก็ถูกปฏิเสธหมด เป็นเพราะนักธุรกิจพวกนั้นไม่มีอำนาจมากพอ ไฟเซอร์จะไม่ร่วมงานกับนักธุรกิจธรรมดา หากพวกเขากำลังมองหาคู่ค้าทางธุรกิจ และคู่ค้าคนนั้นก็ต้องเป็นบริษัทที่โดดเด่นที่สุดของจีนด้วย!
จากสิ่งที่วิกเตอร์รับทราบมา เฝิงหยู่คนนี้เป็นนักธุรกิจที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เขาเคยเจอมาและสอดคล้องกับข้อกำหนดที่กำหนดโดยสำนักงานใหญ่ของบริษัท คงจะดีมากถ้าเฝิงหยู่ยังมีผู้หนุนหลังทางการเมืองอยู่บ้างด้วย
เฝิงหยู่ส่ายหน้า “โรงงานร่วมทุนหรอ? ผมไม่ได้สนใจเรื่องนั้น ผมมีโรงงานเภสัชกรรมของตัวเองอยู่แล้วและก็ใหญ่ที่สุดในประเทศจีนด้วย ผมไม่ได้ร้อนเงินและไม่จำเป็นที่ผมจะต้องจัดตั้งกิจการร่วมค้ากับคนอื่น”
ดวงตาของวิกเตอร์เบิกกว้าง คนนี้เป็นเจ้าของโรงงานเภสัชกรรมาที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีนด้วยหรอ? เป็นบริษัทเภสัชกรรมเซี่ยงไฮ้หรือว่าบริษัทเภสัชกรรมเมืองปิงกันนะ?
“คุณเฝิงครับ โรงงานของคุณคือโรงงานไหนครับ?”
“บริษัทเภสัชกรรมเมืองปิง ผมเข้าซื้อกิจการและปรับโครงสร้างโรงงานแห่งนี้เมื่อปีที่แล้ว ยอดขายก็ยังคงไปได้สวยในตอนนี้ ผลิตภัณฑ์ของเราจะถูกส่งออกไปยังประเทศตะวันตก เราจะเป็นอันดับหนึ่งในอุตสาหกรรมเภสัชกรรมของจีนเร็วๆ นี้อย่งแน่นอนครับ” เฝิงหยู่ตอบกลับด้วยความภาคภูมิใจ
“ในเมื่อคุณเฝิงไม่สนใจที่จะจัดตั้งโรงงานร่วมทุนกับเรา แล้วเราจะร่วมมือกันเรื่องอะไรครับ?” วิกเตอร์ไม่สามารถซ่อนความผิดหวังบนใบหน้าของเขาได้ พวกเขาจะคุยเรื่องอื่นนอกเหนือจากเรื่องกิจการร่วมทุนได้อย่างไร?
“ผมไม่ได้บอกว่าเราจะร่วมมือกันซะหน่อย ผมแค่อยากจะถามเกี่ยวกับสูตรยาที่ได้รับสิทธิบัตรของไฟเซอร์ ผมได้ยินมาว่าไฟเซอร์มีสิทธิบัตรยาจำนวนมาก คุณช่วยขายบางส่วนให้เราได้ไหม? ผมยินดีจ่ายราคาแพงให้เลย!” เฝิงหยู่กล่าวและโบกมือของเขา เขาพยายามแสดงให้เห็นว่าเขาร่ำรวยมาก
อะไรนะ? คุณเฝิงคนนี้ต้องการซื้อสิทธิบัตรของไฟเซอร์งั้นหรอ?