Home › Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร › Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร 383 Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร 383 ตอนที่ 383 Posted by , ? Views, Released on December 5, 2020 Prev All Chapter Next Options Facebook Twitter WhatsApp Pinterest [ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ : จักรพรรดิ์เทพมังกร ] บทที่ 383 : เตรียมตัวตาย! มาถึงเวลานี้.. ทั้งหลิงหยุนและตระกูลซันต่างก็ต้องตายกันไปข้างหนึ่ง ไม่มีทางที่จะอยู่ร่วมโลกกันได้ หลิงหยุนตัดสินใจที่จะไปช่วยเฉิงเม่ยเฟิงและคนในครอบครัวของเธอภายในคืนนี้ ดังนั้น การตัดสินใจบุกเข้าตระกูลซันในคืนนี้ สำหรับหลิงหยุนแล้วมีจุดประสงค์เพียงอย่างเดียวเท่านั้นคือ.. สังหารคนในตระกูลซันให้สิ้นซากไปจากจิงฉู ตู้กู่โมยิ้มพร้อมกับตอบไปว่า “ตราบใดที่การสังหารไม่ได้เกิดขึ้นต่อหน้าประชาชนคนธรรมดา ข้าก็ไม่มีปัญหาอะไรที่จะตามเจ้าไปร่วมสังฆกรรมด้วย!” ไม่นาน.. ทั้งตี้เสี่ยวอู๋กับถังเมิ่งต่างก็ตามมาถึงที่หน้าทางเข้าหมู่บ้านหลินเจียง และตามมาด้วยเหลียงเฟิงอี้กับฉางหลิง พร้อมด้วยนักข่าวสาวคนสวยที่ชื่อซูหลิงเฟย ทันทีที่มาถึงทางเข้าหมู่บ้าน ฉางหลิงก็แทบจะพุ่งตรงเข้าไปหาอ้อมแขนของหลิงหยุน แต่เมื่อเห็นถังเมิ่งกับตี้เสี่ยวอู๋ยืนขยาบข้างหลิงหยุนอยู่ เธอก็ได้แต่ชะงักพร้อมกับใบหน้าที่เริ่มแดง “หลิงหยุน.. แล้วนี่นายจะไปใหนต่อ?” ฉางหลิงกระซิบถามหลิงหยุนพร้อมกับก้มหน้าลงอย่างเอียงอาย หลิงหยุนหัวเราะพร้อมกับยกนิ้วชี้เข้ามาหาตัวเองและตอบกลับไปว่า “ตัวผมสกปรกแบบนี้ จะให้ไปใหนได้ล่ะ? ก็ต้องกลับบ้านไปอาบน้ำน่ะสิ!” ฉางหลิงเต็มไปด้วยความตื่นเต้น และในใจอยากจะร้องบอกไปว่า ‘ฉันไปด้วย!’ แต่เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าคงจะดูใม่เหมาะสม เธอจึงได้แต่กลืนคำพูดดังกล่าวกลับลงคอไป หลิงหยุนพูดต่อด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “เอาล่ะ.. พวกเรากลับเข้าเมืองกันก่อนดีกว่า ว่าแต่พวกคุณจะกลับยังไง?” หลิงหยุนถามฉางหลิง แต่กลับส่งสายตาไปทางเหลียงเฟิงอี้เป็นเชิงถาม “ฉางหลิง.. เธอกลับรถน้าเล็ก..” เหลียงเฟิงอี้ถึงกับอึ้งเมื่อเห็นสายตาของหลิงหยุน และรีบดึงฉางหลิงกลับมา ฉางหลิงต้องการไปรถคันเดียวกับหลิงหยุน แต่เธอสัมผัสได้ว่าตู้กู่โม่ที่มากับหลิงหยุนดูเหมือนจะมีท่าทางอึดอัด และตอนนี้เหลียงเฟิงอี้ก็ดึงตัวเธอไปแล้ว จึงได้แต่ร้องบอกหลิงหยุนว่า “นายอย่าลืมเปิดโทรศัพท์มือถือไว้ล่ะ!” เมื่อเช้านี้หลิงหยุนไม่ได้หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาด้วย หากเขายังขืนไม่เปิดโทรศัพท์อีก หนิงหลิงยู่และเสี่ยวเม่ยหนิงอาจจะเป็นห่วง และคิดว่าเขาเป็นอะไรไปอีกแน่ หลิงหยุนไม่ต้องการให้ทั้งคู่ต้องเป็นกังวลในตัวเขาอีก ฉางหลิงเดินขึ้นรถของเหลียงเฟิงอี้ไป ส่วนเหลียงเฟิงอี้ก็จ้องมองหลิงหยุนอย่างครุ่นคิดก่อนที่จะตามเข้าไปนั่งและสตาร์ทรถ หลายสิ่งหลายอย่างเริ่มซับซ้อน และเริ่มมีเรื่องราวมากมาย หลิงหยุนได้แต่ครุ่นคิด แล้วจึงหันกลับไปสั่งถังเมิ่งให้ออกรถ “พี่หยุน.. เมื่อครู่มีนักข่าวมากมาย ทำไมพี่ถึงไม่ให้ฉันเปิดคลิปคำสารภาพของกู่เหลียนซันล่ะ?” ถังเมิ่งถามขึ้นทันทีที่หลิงหยุนเข้ามาในรถ หลิงหยุนที่นั่งอยู่เบาะหลังคู่กับตู้กู่โม่ตอบกลับไปเสียงเบา “มันก็เป็นแค่คลิปที่บันทึกคำสารภาพ คลิปนั่นคงจะไม่สามารถทำอะไรหลัวจ้งได้มากนัก และต่อให้บรรดานักข่าวได้ยิน พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะนำไปออกอากาศอยู่ดี” “ไว้รอให้จัดการถล่มตระกูลซันเสร็จก่อน ถึงตอนนั้นค่อยเอาคลิปคำสารภาพนี่ให้พ่อของนายกับลุงหลี่ ฉันเชื่อว่าหากทั้งคู่ได้คลิปเสียงนี่ไป พวกเขาก็คงจะมีวิธีการจัดการกับหลัวจ้งได้อย่างแน่นอน!” เมื่อถังเมิ่งได้ฟังคำอธิบายจากปากของหลิงหยุน เขาก็ได้แต่นึกในใจว่า ‘สมกับเป็นลูกพี่.. คิดได้เหนือกว่าฉันหนึ่งขั้นเสมอ!’ “โอ้โหพี่หยุน.. นายนี่โคตรมหัศจรรย์เลย! รับรองได้ว่าถ้าพ่อของฉันกับลุงหลี่กลับคืนตำแหน่งได้เมื่อไหร่ พวกเขาต้องมีวิธีที่จะกำจัดหลัวจ้งได้แน่ และหากการสอบสวนเริ่มขึ้นเมื่อไหร่แล้วล่ะก็ รับรองว่าทั้งสองคนต้องจัดหนักอย่างแน่นอน!” หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับสั่งถังเมิ่งให้ขับรถกลับไปที่อพาร์ทเมนท์ แล้วจึงถามต่อว่า “ถังเมิ่ง.. ตอนนี้บ้านทั้งสองหลังของฉันตกแต่งไปถึงใหนแล้ว?” ถังเมิ่งตอบกลับยิ้มๆ “พี่หยุน.. ก่อนที่จะเกิดเรื่องกับฉันและตี้เสี่ยวอู๋ บ้านทั้งสองหลังก็ตกแต่งเกือบเสร็จแล้วล่ะ ฉันใช้เงินไปเกือบสามสิบล้าน รับรองว่าพี่เห็นแล้วต้องพอใจมากแน่!” หลิงหยุนฟังถังเมิ่งพูดแล้วก็ได้แต่ปวดใจ จนถึงกับต้องร้องออกมาเสียงดัง “ถังเมิ่ง.. นี่นายใช้เงินไปเกือบสามสิบล้าน?! นั่นมันเงินฉันนะ!” ถังเมิ่งตอบกลับไปยิ้มๆ “ก็พี่ให้ฉันมาแปดล้านก่อน จากนั้นก็ให้อีกห้าล้าน หนิงน้อยให้มาอีกยี่สิบล้าน แต่ตอนตกแต่งบ้านเลขที่-1ของพี่น่ะสิ หนิงน้อยมาคุมด้วยตัวเองเลย ความจริงเธออยากใช้เงินตกแต่งมากกว่านี้ เพราะดูเหมือนจะยังไม่ค่อยพอใจ!” หลิงหยุนพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้ อีกอย่างก็เป็นเงินของเธอเอง จากนั้นหลิงหยุนก็ถามต่อว่า “งั้นก็แสดงว่าบ้านฉันก็เข้าไปอยู่ได้แล้วสิ?” ถังเมิ่งและตี้เสี่ยวอู๋ต่างก็พยักหน้าพร้อมกันทั้งคู่ ถังเมิ่งพูดต่อว่า “แน่นอน.. ตอนนี้บ้านของพี่ตกแต่งใหม่จนเสร็จทุกห้องแล้ว..” หลิงหยุนจึงถามเรื่องรถแลนด์โรเวอร์ของเขาต่อ ถังเมิ่งตอบกลับมาว่าตอนนี้รถจอดอยู่ที่บ้านแม่ของเขาแล้ว หลิงหยุนจึงรู้สึกโล่งอก “แล้วเมื่อครู่จัดการไถเถียนป๋อเตามาได้เท่าไหร่ล่ะ?” “บ้านหลังที่สามหนึ่งกลังกับเงินในบัญชีอีกเก้าล้าน!” ถังเมิ่งตอบยิ้มๆ หลิงหยุนพยักหน้าพร้อมกับคิดว่าไม่เลวเลย! จากนั้นก็สั่งตี้เสี่ยวอู๋และถังเมิ่งว่า “วันมะรืนค่อยไปจัดการสะสางบัญชีกับบริษัทชิงหยุนโปรดักชั่น ครั้งนี้ฉันไม่ปราณีพวกมันเหมือนครั้งที่แล้วแน่ ฉันต้องจัดการหวงเฟยหยางให้หนักกว่าครั้งแรกแน่!” ถังเมิ่งร้องออกมาอย่างตื่นเต้น “ไปสะสางกับบริษัทชิงหยุนโปรดักชั่นงั้นเหรอ.. เยี่ยมเลย!” หลิงหยุนพูดยิ้มๆ “เรามีเอกสารกู้ยืมที่มันทำไว้ครั้งที่แล้วใช่ไม๊? ครั้งนี้ฉันจะจัดการให้พวกมันชดใช้หนี้ตามเอกสารกู้ยืม ไม่ให้พลาดแม้แต่หยวนเดียวเลยล่ะ!” หลังจากจบเรื่องนี้ หลิงหยุนก็หันไปอบรมตี้เสี่ยวอู๋ “ตี้เสี่ยวอู๋.. นายนี่โง่ชะมัด! นายอยู่ในแก๊งมังกรเขียวมาตั้งหลายปี ทำไมยังปล่อยให้ตำรวจจับตัวไปได้อีก?” ตี้เสี่ยวอู๋เกาศรีษะพร้อมกับตอบไปว่า “พี่หยุน.. ตอนแรกฉันก็คิดจะหนี แต่กลัวว่ามันจะพัวพันไปถึงพี่ด้วย! ฉันกลัวว่าถ้าฉันหนีไป.. พอพี่กลับมาพวกมันจะไปจับพี่แทน” “อีกอย่าง.. ตอนที่พวกมันมาจับฉัน ก็มีตำรวจพร้อมอาวุธถึงยี่สิบนายล้อมตัวฉันไว้ แล้วพวกมันก็ใช้ปืนจี้จับตัวฉันไปโดยไม่สอบถามอะไรด้วยซ้ำ” หลิงหยุนได้แต่นิ่งฟังเงียบๆก่อนจะพูดต่อว่า “นั่นเพราะนายยังไม่เก่งพอ ถ้านายเก่งพอ คนพวกนั้นไม่มีทางทำอะไรได้? พวกมันจะไม่อยู่ในสายตาของนายแม้แต่น้อย!” ทำไมผู้ที่ฝึกวรยุทธและกำลังภายใน จึงไม่ควรแสดงตนต่อหน้าคนธรรมดา และไม่ควรใช้กำลังกับคนธรรมดา? หลิงหยุนได้แต่คิดในใจว่า.. เป็นเรื่องที่ไร้เหตุผลสิ้นดี! แม้แต่ตู้กู่โม่ที่พูดว่าจะไม่รังแกคนธรรมดาที่ไม่มีวรยุทธนั้น หากต้องเผชิญหน้ากับตำรวจพร้อมอาวุธครบมือที่จะเข้ามาจับกุมหรือยิงเขา หลิงหยุนก็ไม่เชื่อว่าตู้กู่โม่จะยอมอยู่นิ่งๆให้ตำรวจจับตัวไป! วันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่หลัวจ้งพามาด้วยนั้นไม่สามารถยิงได้เพราะมีฝูงชนมุงดูอยู่เป็นจำนวนมาก และหลิงหยุนก็แสดงให้หลัวจ้งเห็นว่าเขามีความสามารถที่จะทำให้หลัวจ้งตายได้ในทันที ทำให้หลัววจ้งไม่กล้าใช้กำลังล้อมจับหลิงหยุน หากหลัวจ้งกล้าใช้กำลังกับหลิงหยุนจริง เขาก็จะจับหลัวจ้งนี่ล่ะเป็นตัวประกัน และใช้เป็นเครื่องมือต่อรอง “แล้วมีข่าวคราวจากเฉิงเม่ยเฟิงบ้างไม๊?” ตอนนี้หลายเรื่องก็ถูกจัดการจนเกือบหมดแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดในเวลานี้คือการไปช่วยเฉิงเม่ยเฟิง.. ถังเมิ่งส่ายหน้าทันที “ยังไม่ได้ข่าวอะไรเลย! ตั้งแต่พี่สะใภ้กลับไปบ้านก็หายเงียบไปเลย จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีข่าวคราวเลย” หลิงหยุนพยักหน้า และสายตาของเขาก็เต็มไปด้วยรังสีของฆาตรกรและการสังหาร! ตู้กู่โม่สัมผัสได้ถึงรังสีแห่งการสังหารที่แผ่ออกมาจากตัวหลิงหยุน เขาได้แต่เป่าปากพร้อมกับนึกถึงภาพที่หลิงหยุนฆ่ายอดฝีมือในป่าเสินหนงเจี๋ย สัญญาณเช่นนั้นบ่งบอกว่าหลิงหยุนได้ตัดสินใจแน่วแน่แล้ว และยอดฝีมืออย่างตู้กู่โม่เองก็ได้แต่ถอนหายใจ! ‘คืนนี้ตระกูลซันคงต้องสิ้นชื่อแล้ว..’ ตู้กู่โม่ได้แต่ส่ายหน้าพร้อมกับถอนหายใจ และเริ่มหลับตาลง ทั้งสี่คนมุ่งหน้าไปยังอพาร์ทเมนท์ และทันทีที่ไปถึงหลิงหยุนก็รีบตรงเข้าไปอาบน้ำทันที เขาจัดการชำระล้างฝุ่นที่ติดอยู่เต็มร่างกายออก จากนั้นก็เปลี่ยนใส่ชุดกีฬาชุดใหม่ แล้วเดินมานั่งที่ห้องนั่งเล่น หลิงหยุนยังคงกระวนกระวายใจอยู่มาก เพราะหลายสิ่งที่เขาลงมือจัดการไปแล้วนั้นก็เป็นเพียงแค่เรื่องเล็กๆ แต่เฉิงเม่ยเฟิง เสี่ยวเม่ยเม่ย และเกาเฉินเฉินก็ยังคงเงียบหายไปอย่างไร้ร่องรอย และไร้ข่าวคราว ทำให้หลิงหยุนอดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ แต่โชคดีที่เกาเฉินเฉินนั้นกลับไปที่บ้าน จึงไม่น่ามีอันตรายอะไรถึงชีวิต! ส่วนเฉิงเม่ยเฟิงนั้น ชัดเจนแล้วว่าตระกูลซันเป็นผู้จับตัวไป และพวกมันก็กำลังรอให้หลิงหยุนบุกเข้าไปช่วยด้วยตัวเอง หากซันเทียนเปียวมีสมองแม้แต่น้อยนิด เฉิงเม่ยเฟิงก็ต้องยังไม่ตาย ทางด้านเสี่ยวเม่ยเม่ยนั้นแตกต่างจากคนอื่นอย่างสิ้นเชิง! เพราะหลิงหยุนค่อนข้างมั่นใจถึงเก้าสิบห้าเปอร์เซ็นต์ว่า เธอจะต้องถูกองค์กรนักฆ่าจับตัวไป และคนพวกนั้นล้วนแล้วแต่เป็นนักฆ่าเลือดเย็น! แม้ว่าความสนิทสนมระหว่างหลิงหยุนกับเสี่ยวเม่ยเม่ยจะเกิดขึ้นเพราะเธอคือนักฆ่าที่ถูกส่งมาสังหารหลิงหยุนก็ตาม แต่ทั้งคู่ก็ผ่านอันตรายถึงขั้นเฉียดความเป็นความตายมาด้วยกัน และเธอเองก็เกือบจะเสียชีวิตเพราะปกป้องเฉิงเม่ยเฟิง อีกทั้งเขากับเสี่ยวเม่ยเม่ยก็ถึงขั้นถึงเนื้อต้องตัวกันแล้ว แม้ว่าหลิงหยุนจะยังไม่ได้สอดใส่เข้าไปในร่างกายของเธอ แต่เพียงแค่นั้นก็นับได้ว่าเธอเป็นผู้หญิงของหลิงหยุนไปแล้ว และตอนนี้เธอก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยและไร้ข่าวคราว มีหรือที่หลิงหยุนจะไม่เป็นห่วง? “พี่หยุน.. นายต้องเปิดโทรศัพท์แล้วนะ หนิงน้อยโทรติดต่อพี่ไม่ได้เมื่อเช้าก็โทรเข้ามาด่าฉันแทน!” เมื่อหลิงหยุนออกมาจากห้องน้ำ ถังเมิ่งก็รีบร้องบอกหลิงหยุนด้วยน้ำเสียงขมขื่นหลังจากที่ถูกเสี่ยวเม่ยหนิงต่อว่า หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับพยักหน้า และรีบไปหยิบโทรศัพท์ที่ชาร์จแบตไว้ออกมาเปิดทันที จากนั้นก็โทรหาเสี่ยวเม่ยหนิงบอกเธอให้สบายใจ แล้วจึงคุยกับหนิงหลิงยู่และเหยาลู่อีกสองสามคำ แต่ความจริงแล้ว พวกเธอเมื่อได้ยินเสียงของหลิงหยุนแล้ว ต่างก็ถอนหายใจกันด้วยความโล่งอก แล้วก็วางสายไป “ไปหาอะไรอร่อยๆกินกันดีกว่า! เสร็จแล้วกลับไปที่บ้านของฉัน!” หลิงหยุนร้องบอกทั้งสามคน “นี่หนุ่มๆ ข้าแค่ทิ้งพวกเจ้าให้จัดการกับปัญหาตอนเช้ากันลำพัง ถึงกับลืมชวนคนแก่ไปกินข้าวด้วยเชียวเหรอ น่าตีจริงๆ!” ทันทีที่หลิงหยุนพูดจบ เสียงชายสูงอายุก็ดังออกมาจากสนามหญ้าด้านล่าง เขาก็คือเหล่ากุ่ยนั่นเอง! หลิงหยุนหัวเราะอย่างมีความสุข “เหล่ากุ่ย.. ข้าเองก็อยากติดต่อท่านแต่ก็ไม่รู้จะติดต่อได้ยังไง?” เหล่ากุ่ยหัวเราะ และส่งกระแสจิตบอกวิธีการติดต่อเขาให้กับหลิงหยุนรู้เพียงคนเดียว และสั่งหลิงหยุนว่าไม่ให้บอกผู้อื่น หลิงหยุนจำได้อย่างแม่นยำ และรีบเชื้อเชิญเหล่ากุ่ยให้ออกไปทานข้าวด้วยกัน! ทั้งห้าคนเดินออกจากอพาร์ทเมนท์ และขับรถไปหาอาหารมื้อใหญ่กินกันที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ทั้งหมดใช้เวลาในการกินไปเพียงแค่ชั่วโมงครึ่ง จากนั้นก็พากันมุ่งหน้าไปที่บ้านของหลิงหยุน หลิงหยุนลงจากรถ และทันทีที่เขาเปิดประตูบ้านเข้าไป เงาสีขาวก็พุ่งเข้ามาหาเขาทันที เจ้าขาวปุยกระโดดออกมาจากลานบ้าน และกระโจนเข้ามาในอ้อมแขนของหลิงหยุนทันที หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับอุ้มเจ้าขาวปุยไว้ในอ้อมแขน และให้ตี้เสี่ยวอู๋เชิญทุกคนเข้าไปข้างใน ภายในรั้วและนอกรั้วนั้นต่างกันราวกับคนอยู่คนละโลก! ทันทีที่หลิงหยุนเดินเข้าไปในบ้าน เขาก็สัมผัสได้ถึงพลังชีวิตจำนวนมาก เขาไม่จำเป็นต้องทำการดูดซับด้วยซ้ำ แต่พลังชีวิตเหล่านั้นกลับซึมซับเข้าไปในร่างกายของเขาได้เอง! โดยปกติหลิงหยุนจะดูดซับพลังชีวิตพวกนี้อย่างบ้าคลั่ง แต่ตอนนี้จุดตันเถียนของเขาเต็มไปด้วยพลังและเส้นลมปราณก็แข็งแกร่ง อีกทั้งร่างกายของเขาก็สามารถซึมซับพลังชีวิตได้เอง! หลิงหยุนสำรวจเจ้าขาวปุยที่เริ่มจะดูเหมือนคนมากขึ้นไปทุกที เขาเลิกคิ้วขึ้นสูง เพราะรู้ว่าเจ้าขาวปุยพร้อมที่จะกลายร่างได้ตลอดเวลา จนป่านนี้หลิงหยุนยังไม่สามารถหาสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับให้เจ้าขาวปุยฝ่าด่านทดสอบที่แสนโหดเหี้ยมจากสวรรค์ได้เลย และเป็นไปไม่ได้ที่เจ้าขาวปุยจะกลายร่างในบ้านหลังนี้ เพราะบ้านของเขาทั้งหลังจะต้องพังทลายยับเยินภายในเวลาเพียงแค่ชั่วพริบตา! “นี่.. หลิงหยุน.. ที่ลานบ้านของเจ้า..” ทันทีที่เข้าไปในบ้าน ทั้งเหล่ากุ่ยและตู้กู่โม่ต่างก็มองหน้ากันด้วยความตกใจ และทั้งคู่ต่างก็เห็นแววตาตื่นเต้นของกันและกัน! ชำระกายเพื่อบ่มเพาะกำลังภายในหรือชี่ จากนั้นชำระชี่เพื่อบ่มเพาะจิตวิญญาณ เมื่อเข้าสู่ขั้นของการบ่มเพาะจิตวิญญาณ และเมื่อฝึกฝนต่อไปก็จะสามารถเข้าถึงขั้นที่มีความแข็งแกร่งทั้งภายในและภายนอก ภายในและภายนอกเปรียบเหมือนสวรรค์กับโลก ที่แตกต่างกันเพียงแค่ชื่อเรียกและลักษณะ แต่แก่นแท้นั้นล้วนเป็นสิ่งเดียวกัน หลิงหยุนเปลี่ยนลานบ้านให้กลายเป็นหลุมพลัง เขาไม่ได้กลับมาดูดซับพลังชีวิตที่นี่นานถึงเจ็ดวัน พลังชีวิตภายในลานบ้านตอนนี้จึงเข้มข้นอย่างมาก หลิงหยุนหันไปบอกเหล่ากุ่ยกับตู้กู่โม่ว่า “ไม่ได้กลับมาที่นี่ซะหลายวัน ตอนนี้ลานบ้านกลับกลายเป็นลานฝึกวรยุทธอย่างดี ขอเชิญฝึกกันได้ตามสบาย รับรองว่าจะช่วยให้กำลังภายในรุดหน้าได้รวดเร็วกว่าเดิมหลายเท่ามาก!” “แต่สำหรับเหล่ากุ่ย..” หลิงหยุนพูดมาถึงตอนนี้ก็เปลียนมาใช้กระแสจิตคุยกับเหล่ากุ่ยแทน ‘ร่างกายของท่านเคยได้รับบาดเจ็บภายในสาหัสมาก่อน จึงมีผลกระทบกับเส้นลมปราณและจุดตันเถียน ส่งผลให้การฝึกเป็นไปอย่างลำบาก และยากที่จะผ่านเข้าสู่ขั้นที่สูงขึ้นไปได้ ถ้าท่านเชื่อใจข้า ข้าสามารถรักษาอาการบาดเจ็บนั้นให้หายได้’ “อ่อ..” เหล่ากุ่ยถึงกับอึ้ง เขามองหลิงหยุนด้วยแววตาประหลาดใจและตกใจอย่างมาก ‘นี่พี่อหนุ่ม.. เจ้ามองออกด้วยรึว่าข้าได้รับบาดเจ็บภายใน?’ จากการต่อสู้ที่ดุเดือดเมื่อสิบแปดปีที่แล้ว คนในตระกูลหลิงล้วนแล้วแต่ได้รับบาดเจ็บสาหัสกันทุกคน แม้แต่เหล่ากุ่ยเองก็ไม่เว้น และตั้งแต่นั้นมาเขาเองก็ไม่สามารถก้าวข้ามขั้นที่เป็นอยู่นี้ได้มาเป็นเวลานานถึงสิบกว่าปีแล้ว! หลิงหยุนหัวเราะแต่ไม่พูดอะไร แต่สีหน้าท่าทางของเหล่ากุ่ยนั้นกลับเต็มไปด้วยคำถามมากมาย และไม่ต้องรอให้หลิงหยุนบอก ตู้กู่โม่ไปหาที่สำหรับนั่งฝึกเรียบร้อยแล้ว.. หลิงหยุนพาเหล่ากุ่ยไปที่ห้องนั่งเล่นและสั่งตี้เสสี่ยวอู๋ว่า “นายไปจัดการหาเลือดสุนัขให้ฉันครึ่งถ้วย!” คืนนี้ยังมีการต่อสู้ที่ต้องเอาชีวิตเขาแลกรออยู่ หลิงหยุนไม่ต้องการพลาดพลั้งเหมือนครั้งที่แล้วอีก ครั้งนั้นเขามียันต์อัคนีมากมายแต่กลับขาดแคลนยันต์บำบัด ครั้งนี้เขาจึงจำเป็นต้องเตรียมยันต์บำบัดไปให้พอ แต่ตอนนี้พู่กันจักรพรรดิได้ไปอยู่ในหว่างคิ้วของหลิงหยุนแล้ว และเวลานี้เขาเองก็ไม่มีจิตหยั่งรู้จึงไม่สามารถรับรู้ได้ เขาเคยพยายามเรียกพู่กันจักรพรรดิออกมา แต่สุดท้ายก็ไม่สำเร็จ แต่ถึงแม้เขาจะไม่สามารถเรียกพู่กันจักรพรรดิออกมาใช้ได้ หลิงหยุนก็ได้เข้าสู่ระดับสูงสุดของขั้นปรับร่างกาย-4แล้ว อีกทั้งร่างกายของเขาก็มีพลังชีวิตหมุนเวียนอยู่ตลอด ต่อให้เขาใช้พู่กันขนหมาป่าธรรมดาแทน เขาก็น่าจะเขียนยันต์บำบัดในระดับเดียวกับที่ใช้พู่กันจักรพพรรดิเขียน “เหล่ากุ่ย.. ข้าจะรักษาให้ท่านก่อน!” Favorite Prev Next Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร Score 10 Status: Completed นิยาย จีน นิยาย ดราม่า นิยาย ตลก นิยาย ผจญภัย นิยาย ศิลปะการต่อสู้ นิยาย ฮาเร็ม นิยาย แอคชั่น ตอนที่ 1 – 505 อ่านนิยาย (อ่านตอนต่อไปด้านล่าง) ความเป็นอมตะของหลิงหยุนได้มลายหายไป.. ทำให้เขาตกลงมาสู่โลกมนุษย์ ในยุคที่เต็มไปด้วยความเสื่อมทรามอย่างที่สุด จากนั้น.. หลิงหยุนจะค่อยๆ บ่มเพาะพลังในตัวเองทีละขั้น ทีละขั้น และไต่ลำดับขึ้นไปต่อกรกับสวรรค์ได้อย่างไร.. Recommended Series องครักษ์เสื้อแพร Ch. 1139 หน้าภาพวาดราชอาณาจักร 10 องครักษ์เสื้อแพร ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด Ch. 305 เบี่ยงเบนความสนใจ 10 ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด ยอดนางร้ายมืออาชีพ 最佳女配 Ch. เล่ม 3 10 ยอดนางร้ายมืออาชีพ 最佳女配 (Yaoi) ปราชญ์กู้บัลลังก์ 10 (Yaoi) ปราชญ์กู้บัลลังก์ ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม Ch. 357 ผู้ชนะ 10 ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม