บทที่ 339 – วันสิ้นโลก (15)
ยูอิลฮานได้ใช้วัตถุดิบทั้งหมดที่เขามีไปหมดแล้ว ในที่สุดเขาก็ได้กลับมาคิดกับตัวเองว่าเขาได้สร้างความสำเร็จที่น่าอัศจรรย์ขึ้นมาแล้ว นับตั้งแต่ที่เขาได้ถูกยอมรับให้เป็นพระเจ้าจากบันทึกเทพเจ้า เขาก็รู้ได้ว่าพลังของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลภายในพื้นที่ของเขา ความสามารถในการตีเหล็กของยูอิลฮานก็วิวัฒนาการขึ้นมาเหมือนกับของนายูนาเช่นกัน
“เสร็จแล้ว! มีทรายตกลงมาจากนาฬิกาทรายมากแค่ไหนแล้ว?”
เขาได้ตัดสินใจว่าจะไม่แค่ติดอาวุธให้กับสมาชิกหลักเท่านั้น แต่ยังติดอาวุธให้กับกองทัพรองและประชากรคนอื่นๆเพื่อเป็นกองกำลังไว้สำหรับโลกใบนี้ด้วย ยูอิลฮานได้เก็บอาร์ติแฟคทั้งหมดลงไปในช่องเก็บของและเงยหน้าขึ้นหลังจากที่นั่งทำงานมานาน
“ประมาณหนึ่งในสิบ”
“หนึ่งในสิบแล้ว!? อ้าว เอิลต้าเองหรอ”
“นี่นายไม่รู้เลยหรอว่าฉันอยู่ที่นี่น่ะ”
“ใช่สิ สมาธิฉันอยู่กับสกิลการสร้างตลอดเวลา แต่ถึงแบบนั้นตอนนี้มันเพิ่งจะเลเวล 5 เอง”
“นายใช้สกิลมาเป็นเวลาหนึ่งปีเต็มๆแล้วมันเพิ่งจะเลเวล 5 เนี้ยนะ!?”
“ผ่านมาหนึ่งปีแล้วหรอ!?”
ทั้งสองคนต่างก็มองกันอย่างตกตะลึง ถึงยูอิลฮานจะกลับมาเป็นปกติได้อย่างรวดเร็ว แต่สำหรับเอิลต้าแล้วเธอได้แสดงสีหน้างุนงงต่อให้เวลาจะผ่านไปสักพัก
“นี่นายไม่รู้เลยหรอว่าผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว นายไม่หิวเลยหรือไงกัน นายไม่อยากจะไปห้องน้ำหน่อยหรอ ทำไมนายถึงได้ยังสภาพดีแบบนี้ทั้งๆที่ไม่ได้อาบน้ำเลยทั้งปี?”
“ฉันได้ก้าวข้ามกิจวัตประจำวันของมนุษย์ปกติมาซักพักแล้ว”
ยูอิลฮานได้ตอบไปอย่างที่เขาคิด หนี่งปีเท่ากับหนึ่งในสิบของทรายในนาฬิกาทราย นี่หมายความว่ายังมีเวลาเหลืออยู่อีก 9 ปี นี่มันค่อนข้างจะนานเลย… อารมณ์ของยูอิลฮานได้เติบโตขึ้นแล้ว
“โอ้ ถ้ามีใครเบื่อก็ส่งพวกเขาออกไปสักหน่อยก็ได้นะ ฉันสามารถจะวาปพวกเขาไปที่โลกอื่นแล้วค่อยเรียกกลับมาทีหลังก็ได้”
“การได้เวลาสิบปีเป็นสิทธิที่พิเศษากเลยนะ หากฉันไปถามคนอื่นๆก็คงไม่มีใครอยากจะออกไปแน่นอน”
สำหรับยูอิลฮานแล้ว 10 ปีก็ไม่ได้นานนักเลยเพราะเขาเคยถูกทิ้งมาพันปีแล้ว คนอื่นๆก็คงจะรู้สึกคล้ายๆกับเขาล่ะมั้ง ยูอิลฮานได้หยักไหล่ออกมาและเปลื่ยนเรื่อง
“แล้วความคืบหน้าเวทย์ของเธอล่ะ?”
“ไม่!”
เลียร่าได้ตะโกนออกมาทันที น้ำเสียงของเธอได้เต็มไปด้วยความอึดอัดใจ
“คังมิเรย์น่ะ เธอคนนั้นคืออัจฉริยะ! เธอได้ไปถึงระดีบที่ฉันไปไม่ถึงต่อให้ฉันจะฝึกพันปีก็ตาม เธอคนนั้นได้ไปถึงระดับนั้นภายในเวลาแค่ยี่สิบสามสิบปีเท่านั้น! นี่มันไม่ธุติธรรมเลยสักนิด! ฉันไม่เข้าใจเรื่องที่เธอพูดไม่ถึงครึ่งเลย!”
“อย่ามาโกรธฉันสิ ฉันกลัวแล้วนะ”
ดูเหมือนว่าเธอจะอึดอัดใจมากจนมาระบายกับยูอิลฮาน แต่ว่าเขากลับทำงานโดยไม่เหลือบตามามองเธอด้วยซ้ำ ยูอิลฮานได้คิดว่าเขาได้เหยียบกับระเบิดเข้าให้แล้วและลูบหลังปลอบใจเธอ
“เธอทำได้สิ ถึงตำแหน่งบันทึกเทพเจ้าจะไม่ว่างแล้วเพราะคังมิเรย์อยู่ในจุดนั้นก็เถอะนะ”
“นี่ไม่ช่วยอะไรเลยสักนิด!”
เอิลต้าได้ตะโกนออกมาพร้อมหน้ามุ่ย แต่ดูเหมือนว่าการปลอบเธอจะพอได้ผล ยูอิลฮานคิดว่าเธอเป็นคนที่เรียบง่ายมาก แต่ว่าเขาก็ไม่ได้พูดออกมา
“ดีแล้วที่ตอนนี้เธอมาที่นี่ ฉันกำลังคิดจะเริ่มค้นคว้าเรื่องเร็กน่าระดับสูงอยู่เลย”
“ตะกี้นายเพิ่งจะบอกว่าเสร็จงานเองนะ นายนี่มีความสามารถในการสรรหางานมาทำเลยจริงๆ”
ยูอิลฮานได้หัวเราะขึ้นและหยิบเอาร่างเร็กน่าระดับสูงหลายตัวออกมา ก่อนหน้านี้เขาไม่อาจจะได้รับข้อมูลจำนวนมากจากร่างเร็กน่า แต่ในตอนนี้มันต่างไปล้ว
เขาได้ค้นพบข้อมูงเล็กๆน้อยๆเรื่องที่โกเลมเร็กน่าได้ถูกทำขึ้นมาจากสิ่งที่เรียกตัวเองว่าพระเจ้าผู้ที่พยายามทำตัวเป็นผู้สร้าง
“อืมถ้างั้นนับจากนี้เจ้านี่ต้องเป็น…”
ยังไงก็ตามเมื่อยูอิลฮานได้เริ่มวางมือวิเคราะห์เร็กน่าระดับสูง เขาก็ได้สังหรณ์ใจถึงสิ่งหนึ่ง
“เจ้าพวกนี้ พวกมันคือบันทึกในสิ่งอื่นที่ไม่ใช่บันทึกนภา”
บันทึกนภาคือตัวตนที่มีอยู่ในทุกๆจักรวาลที่ได้เก็บบันทึกข้อมูลทุกๆอย่างลงไป ยูอิลฮานไม่รู้ว่ามันมีรูปร่างเป็นยังไง แต่ว่านั่นมันก็ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญ ตัวตนของมันเป็นไปตามที่ยูอิลฮานรับรู้และความหมายของมันก็ขึ้นอยู่กับเขา
ยังไงก็ตามเหมือนจะมีอยู่คนหนึ่งที่ไม่ได้คิดแบบนั้น
“พระเจ้าคิดว่าบันทึกนภาเป็นอุปสรรค”
“อิลฮาน นายหมายความว่ายังไง?”
“ถ้าเธอคิดเกี่ยวกับมันมันก็ชัดเจนมากแล้วนะ ฉันน่าจะเริ่มจากการถามหาเหตุผลที่ทำให้เขาปฏิเสธมานาก่อน”
เมื่อเกิดมหาภัยพิบัติจะมีการเปลื่ยนแปลงที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงสองอย่างเกิดขึ้นมา หนึ่งก็คือมานาและอีกหนึ่งก็คือบันทึกนภา
ที่ไหนก็ตามที่มีมานาก็จะมีบันทึกนภาเช่นกัน และที่ไหนที่มีบันทึกนภาก็จะมีมานาเช่นกัน เพราะงั้นการปฏิเสธในมานาก็หมายถึงการปฏิเสธบันทึกนภาเช่นกัน การหลีกหนีจากมานาจำเป็นจะต้องหลีกหนีบันทึกนภาด้วย
“ยูอิลฮาน ฉันเพิ่งไปเรียนรู้เรื่องเวทย์ที่ไม่เข้าใจมาเองนะ แล้วนี่นายกำลังจะอธิบายถึงเรื่องบันทึกนภาที่ฉันไม่อาจจะเข้าใจอีกงั้นหรอ? ถ้านายทำนายโดนดีแน่ ถ้านายอยากลองดีก็เอาเลย!”
“ฉันทั้งดีใจแล้วก็เสียใจนะที่เธอรุกหนักขนาดนี้ทั้งๆที่ฉันไม่ได้รู้อะไรเลย…”
ยูอิลฮานได้อธิบายออกมาง่ายๆเพื่อให้เธอได้เข้าใจ
“โรงเรียนมัธยมก็ต้องมีเครื่องแบบใช่ไหมล่ะ?”
“ใช่แล้ว”
“เครื่องแบบของบันทึกนภาก็คือมานานั่นแหละ หากว่าไม่มีโรงเรียนอื่นอยู่ใกล้ๆอีกแล้วอยากเปลื่ยนเครื่องแบบเธอต้องทำยังไงล่ะ?”
“สร้างโรงเรียนใหม่ขึ้นมา”
“นั่นแหละคือสิ่งที่พระเจ้ากำลังพยายามทำ เขาได้พยายามที่จะสร้างบันทึกใหม่ขึ้นมาแทนที่บันทึกนภา”
“…”
เอิลต้าพูดไม่ออกแล้ว ในท้ายที่สุดเธอก็ถามออกมาตรงๆ
“มันเป็นไปได้หรอ?”
“ดูศพเร็กน่าระดับสูงนี้สิ เจ้าพวกนี้สามารถจะปฏิเสธในมานาได้อย่างสมบูรณ์ไหมล่ะ”
“พวกมันยังทำไม่ได้”
“ถูกแล้ว เพราะงั้นเขาจึงล้มเหลวไงล่ะ”
แต่ว่ามันก็ไม่ใช่จะล้มเหลวไปซะหมด พวกเร็กน่าพวกนี้มีความต้านทานมานาที่สูงมากอยู่ดี
ยังไงก็ตามมันก็เท่านั้นแหละ พระเจ้าได้พยายามสร้างบันทึกเก็บข้อมูลอันใหม่ แต่ว่าสุดท้ายบันทึกนั้นก็จบลงด้วยการรวมเข้ากับบันทึกนภา ช่างน่าเศร้าจริงๆ
“นอกไปจากนี้ วิธีที่เขาได้พยายามสร้างที่เก็บข้อมูลใหม่คือ… โอ้”
ยูอิลฮานได้รู้ถึงอีกเรื่องหนึ่งหลังจากวิเคราะห์ต่อไปและครางออกมา หนึ่งในชิ้นส่วนจิ๊กซอว์ได้เข้าสู่ตำแหน่งของมันแล้ว
ในที่สุดแล้วยูอิลฮานก็เข้าใจว่าทำไมในตอนนั้นเขาถึงได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง ทำไมพวกนั้นถึงบอกว่ายูอิลฮานคือผู้ปลดปล่อย รวมไปถึงว่าทำไมถึงได้อวยพรให้กับยูอิลฮานและคนรอบตัวเขา
“บันทึกเทพเจ้า…”
“แล้วทำไมพวกเขาถึงอยู่ที่นี่ล่ะ? ไม่ใช่นายปลดปล่อยพวกเขาทั้งหมดไปแล้วหรอ?”
“ฉันปลดปล่อยพวกเขาด้วยความช่วยเหลือจากมิเรย์ไปแล้ว เพราะงั้น…”
ยูอิลฮานได้พูดออกมาด้วยสีหน้าจริงจัง
“ในตอนนี้ฉันขอเรียกคืนฉายาจ้าวแห่งภัยแฝง ฉันคือผู้ที่สร้างและทำลายภัยแฝงพวกนั้น!”
เอิลต้าได้เลียริมฝีปากและกำลังที่จะเริ่มการโจมตียูอิลฮาน
“ยูอิลฮาน ทำไมตอนนี้นายถึงมาพูดชื่อลูกในอนาคตของเรา…”
“อ่า ฉันจะบอกว่า ฉันได้ลบมันออกไปหมดแล้วน่ะ!”
ยูอิลฮานได้รีบดันหน้าเอิลต้าที่ยืนเข้ามาออกไปและตะโกนขึ้น เธอดูจริงจังมากจนน่ากลัวแล้ว
“ที่เก็บข้อมูลที่พระเจ้าพยายามจะสร้าง! ฉันได้ลบมันออกไปแล้ว!”
“ด้วยวิถีแห่งจักรวาลที่คังมิเรย์ใช้ในตอนแรกน่ะหรอ?”
“แล้วก็ด้วยเพลิงพิฆาติที่ฉันปล่อยออกมาทั้งหมดนั่นแหละ! ฉันไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่ามันทำให้จบลง…”
“เดี๋ยวสินายกำลังจะบอกว่า”
เอิลต้าได้เข้าใจถึงสิ่งที่เขากำลังจะบอกและตะโกนออกมา
“พระเจ้าแห่งสวรรค์ได้กักขังบันทึกเทพเจ้าเอาไว้เพื่อที่จะสร้างที่เก็บข้อมูลมาแทนที่บันทึกนภางั้นหรอ!?”
“คำว่า ‘บันทึกเทพเจ้า’ มันไม่ถูกแต่แรกแล้ว พวกเขาคือผู้ที่ได้ก้าวข้ามขีดจำกัดและอยู่เหนือกว่าบันทึก เพราะแบบนี้พระเจ้าก็เลยได้พยายามจะสร้างระบบบันทึกใหม่ที่อยู่นอกเหนือบันทึกนภาด้วยการรวบรวมผู้ที่ก้าวข้ามบันทึกนภามา…”
“ฉันยังไม่เข้าใจ แต่นี่มันหมายความว่า…”
เป็นการกระทำโหดร้ายจนน่าสะพรึง ทรนง และน่าตกตะลึง เอิลต้ารู้สึกเหมือนกับถูกทุบด้วยค้อนอย่างแรง
“ตลอดระยะเวลานี้ ช่วงระยะเวลาในช่วงอายุของเราที่รวมเข้าดวยกันยังเทียบกับพวกเขาไม่ได้เลย พวกเขา…”
“นี่มันหมายความว่าพระเจ้าได้พยายามที่จะเอาชนะมานาด้วยบันทึกที่มีตัวตนที่ก้าวข้ามขอบเขตมานาไปและไม่อาจบันทึกได้ ใช้พวกเขาเป็นเครื่องยนต์และใช้วิญญาณที่พังทลายยับเยินเป็นเชื้อเพลิง”
บันทึกเทพเจ้าได้ต่อต้านแล้วแต่ในท้ายที่สุดก็ถูกพระเจ้าจับเอาไว้ พวกเขาได้ถูกกักขังเอาไว้ในโลกที่ไม่มีใครหาเจอ และได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของที่เก็บข้อมูลใหม่ที่พระเจ้าตั้งใจเอาไว้
ยังไงก็ตามความเข้าใจผิดของพระเจ้าได้เริ่มที่ตรงนี้ แค่การก้าวข้ามบันทึกก็ไม่ได้หมายความว่าแยกมาจากบันทึกนภาอย่างสิ้นเชิง!
พวกเขาได้อวยพรให้กับคนที่เข้าใกล้กับระดับความเชี่ยวชาญของพวกเขาผ่านบันทึกนภา และคนๆนั้นก็จะเติบโตอย่างรวดเร็ซผ่านพรที่พวกเขามอบให้และกลายเป็นศัตรูกับพระเจ้า แน่นอนว่าพระเจ้าก็รู้เรื่องนี้ พระเจ้าได้กัดฟันสาปแช่งเหล่าบันทึกเทพเจ้า และกระทั่งอยากจะซ้อมพวกเขาจนตายด้วยซ้ำ แต่พระเจ้าก็ไม่อาจจะทำได้ง่ายๆเพราะเหล่าบันทึกเทพเจ้าเป็นส่วนสำคัญในการบรรลุเป้าหมายของเขา
ในท้ายที่สุดเขาก็ได้แต่ทำตามแผนที่วางไว้ กาลเวลาไปผ่านไปและยูอิลฮานได้โผล่ขึ้นมา พระเจ้าที่คิดว่ายูอิลฮานเติบโตเร็วเกินไปก็ได้สร้างเร็กน่ากับเร็กน่าระดับสูงขึ้นมาจากที่เก็บบันทึกข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์ และได้เริ่มกวาดล้างโลกอื่นๆพร้อมกันกับซาตาน
ยังไงก็ตามสุดท้ายที่เก็บบันทึกข้อมูลที่พระเจ้าได้ทำขึ้นก็ได้เชื่มต่อเข้ากับดาเรย์จากประตูมิติที่คังมิเรย์สร้างขึ้นมาผ่านวิถีแห่งจักรวาล
ในตอนนั้นยูอิลฮานไม่ได้มีเบาะแสอะไรเรื่องบันทึกเก็บข้อมูลอะไรนี้เลย เขาก็แค่บังเอิญพบมันและจัดการทำลายมันจนหมดด้วยเพลิงพิฆาตของเขาเท่านั้นเอง!
ตอนนี้พระเจ้าไม่อาจจะสร้างเร็กน่าได้ตามต้องการอีกแล้ว หรือต่อให้พระเจ้าจอยากสร้างที่เก็บบันทึกข้อมูลใหม่ขึ้นมาก็ไม่มีโลกไหนไว้ใช้ซ่อนมันได้อีก แถมยังไม่มีเป้าหมายให้จับกุมมากักขังอีกด้วย ที่พระเจ้าทำได้ในตอนนี้มีแต่มาปรากฏตัวต่อหน้ายูอิลฮานและจัดการเขาไปก่อนที่พระเจ้าจะตายอย่างน่าเศร้าซะเอง
เป็นเรื่องที่น่าเศร้ามาก มันก็เหมือนกับคนที่ได้เห็นว่ามีโอกาสล้มเหลวแค่ 1% แต่แล้วมันกลับมาล้มเหลวลงต่อหน้าทั้งแบบนี้!
“ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมนายถึงเรียกตัวเองว่าจ้าวแห่งภัยแฝง นายได้ลบอาวุธที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของบอสสุดท้ายไปในตอนที่นายได้รับรู้แค่เศาเสี้ยวเล็กน้อยของเขา!?”
“ถูกแล้ว ตอนนี้ฉันนี่แหละคือหายนะ โครตมหาหายนะ..”
เพราะอะไรบางอย่างเสียงของยูอิลฮานฟังดูห่างเหิน เอิลต้าที่ไม่รู้จะตอบกลับยังไงได้แต่เงียบลงไป
นี่คือการที่เป้าหมายสุดท้ายของบอสสุดท้ายได้ถูกทำลายไปก่อนที่จะเกิดการต่อสู้กันซะอีก! ในจุดนี้ไม่ว่าใครต่างก็เห็นใจต่อให้คนๆนั้นจะไม่คู่ควรกับความเห็นใจก็ตาม
ยูอิลฮานได้คิดถึงสิ่งที่เขาได้ทำไปและท้ายที่สุดก็ผ่อนไหล่พูดออกมา
“…ฉันคิดว่าตอนนี้ฉันสามารถจะเอาบาเรียออกไปได้แล้ว”
“อ่า นายกำลังทำสีหน้าที่รำคาญทุกๆอย่างอยู่นะ!”
“ตอนนี้เรากระโดดไปบทส่งท้ายเลยได้ป่ะ?”
“ช่วยห้ามตัวเองหน่อยเถอะนะ”
ยูอิลฮานได้โบกมือรวมร่างเร็กน่าระดับสูงทั้งหมดให้กลายเป็นก้อนเดียว พวกมันได้กลายมาเป็นก้อนสีขาวที่ดูเหมือนโลหะ ไม้ ดินเหนียว เมฆ และแม้กระทั่งของหวานในเวลาเดียวกัน
“เจ้านี่มีแค่หนึ่งเดียว”
“หนึ่งเดียวยังไงล่ะ?”
“สิ่งที่ไม่ได้บันทึก และไม่อาจจะบันทึกได้ ที่เก็บบันทึกข้อมูลได้ถูกทำลายไปแล้วและบันทึกนภาก็ไม่ได้ยอมรับมัน เพราะงั้นก้อนนี่…. เป็นสิ่งที่มีความขัดแย้งในตัวมันเอง”
“ฉันเข้าใจแล้วว่านายกำลังจะทำอะไร”
เอิลต้าได้ยิ้มออกมาและถามขึ้น
“นี่มันคือวัตถุดิบที่ดีมากๆเลยใช่ไหมล่ะ?”
“ใช่แล้ว ฉันเพิ่งกำลังมองหาวัตถุดิบสำหรับ ‘กระสุนปืนใหญ่’ อยู่เลย… ฉันคิดว่าฉันคงหาอะไรที่ดีกว่านี้ไม่ได้แลว”
“อ่าแน่นอน… กระสุนปืนใหญ่”
เอิลต้าได้หัวเราะออกมา
“แล้วนายมี’ปืนใหญ่’ที่ยอดเยี่ยมแล้วงั้นหรอ?”
“เอาล่ะ งั้นมาทำงานของฉันให้เสร็จกันดีกว่า”
ยูอิลฮานได้เปิดใช้สกิลการสร้างแล้ว หลังจากได้รู้ว่ามีบันทึกเก็บข้อมูลที่แยกจากบันทึกนภา ความเข้าใจในการสร้างของเขาก็เพิ่มขึ้นและเพราะแบบนี้เขาจึงสามารถจะจัดการกับก้อนนี้ได้ต่อให้จะเป็นวัตถุดิบที่ไม่มีข้อมูลก็ตาม
แน่นอนว่าเขาไม่อาจจะเพิ่มหรือดึงอะไรออกมาจากมันได้ แต่ว่ารูปร่างที่เป็นอยู่ในตอนนี้ก็เพียงพอแล้ว มันมีทุกๆอย่างที่กระสุนปืนใหญ่ควรมีแล้ว
“เยี่ยม”
ยูอิลฮานได้โยนกระสุนปืนใหญ่ที่มีเพียงหนึ่งในโลกออกไปและออกจากที่ทำงานพร้อมกับเอิลต้า ในตอนนี้เองมิคาเอล สมิธสันที่กำลังวิ่งอยู่มุมหนึ่งก็ได้วิ่งเข้ามาจับยูอิลฮานในทันที
“คุณผู้ยิ่งใหญ่”
“ฉันเกลียดชื่อนี้เพราะงั้นเรียกฉันว่ายูอิลฮานนะ แล้วมีอะไรล่ะ?”
“คาริน่า! คะ คาริน่ากำลังจะคลอดลูกแล้ว!”
“…ว้าว”
ในทันทีได้ยินคำนี้หัวของยูอิลฮานได้ว่างเปล่าไปทันที ไม่ว่าเวลาในบาเรียจะนานแค่ไหนแต่กระทั่งมีเด็กเกิดมา! แต่มิเชล สมิธสันไม่ได้มาที่นี่เพื่อจะอวด
“ฉันหาคุณอยู่เลย! คุณเป็นทูนหัวของลูกฉันได้ไหม?” (พ่อทูนหัวในทีนี้คือตามประเพณีของศาสนาคริสต์จะต้องมีบาทหัวทำพิธีล้างบาปให้กับเด็กเกิดใหม่ซึ่งเรียกบาทหลวงคนนั้นว่าพ่อทูนหัวนั่นเองครับ)
“ฉัน!?”
มิเชล สมิธสันได้หยักหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง
“หากว่าเจ้าของโลกอย่างคุณได้กลายมาเป็นพ่อทูนหัวให้ลูกของฉัน ถ้างั้นก็ไม่มีอะไรจะดีไปกว่านี้แล้ว”
“…”
พอมาคิดดูแล้วการเจอกับมิเชล สมิธสันเป็นเรื่องน่าตลกและลี้ลับที่สุด พวกเขาจะไปรู้ได้ยังไงกันว่ามันจะเป็นแบบนี้?
มิเชล สมิธสันคือชายที่ทำในสิ่งที่เห็นแก่ตัวได้หมดเพื่อผลประโยชน์ของกลุ่มที่เขาอยู่ บางทีเขาอาจคล้ายยูอิลฮานในด้านนี้ การปะทะกันของพวกเขาไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ และยูอิลฮานคิดว่าหากมิเชล สมิธสันสร้างอะไรน่ารำคาญให้เขา เขาก็คงจะฆ่ามิเชล สมิธสันแน่ ในเวลาเดียวกันมิเชล สมิธสันก็ยังตัดสินใจจะฆ่ายูอิลฮานในตอนที่เจอกันอีกครั้ง
ยังไงก็ตามสถานการณ์กลับไม่ได้เป็นแบบนั้น ยูอิลฮานได้แกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเขาได้ขอให้มิเชล สมิธสันมาเข้าร่วมการปกป้องโลกแทนที่จะสู้กัน
ในเวลาเดียวกันมิเชล สมิธสันก็ได้โตขึ้นจนรู้จักเริ่มคิดถึงการปกป้องตัวเอง คนในกลุ่มของเขา และคนที่มีค่ากับเขา เขาได้ตกหลุมรักหัวหน้ากลุ่มอื่น และล้มเลิกความเป็นศัตรูกับยูอิลฮาน
หลังจากนั้นเวลาก็ได้ผ่านไปนานก่อนที่ทั้งสองจะได้กลายมามีความสัมพันธ์แบบหัวหน้ากับสมาชิกของกองกำลังระดับสูงในชื่อดราก้อนเนส แม้ว่าทั้งสองคนจะไม่นับว่าเป็นเพื่อนสนิทกัน แต่ว่าในจุดยืนของพวกเขาก็สามารถจะเข้าใจกันและกันได้ในระดับหนึ่งและให้กำลังใจกันได้
บางทีเขาก็อาจจะมีความสัมพันธ์แบบนี้กับคนอื่นๆได้เช่นกัน – ยูอิลฮานได้คิดแบบนี้ก่อนที่จะส่ายหัวออกมา สมิธสัน การเสียใจกับอดีตมีแต่ทำให้เขาต้องถอนหายใจออกมา หากว่าเขาจะได้อะไรจากอดีตก็คงจะเป็นการใช้อดีตเป็นพื้นฐานในการก้าวไปข้างหน้า
ยูอิลฮานได้ถามออกมา
“…นายรู้ไหมว่าฉันล้างบาปไม่เป็น”
“ไม่เป็นไรหรอก นายคือเจ้าโลกใบนี้เชียวนะ”
“ถ้างั้นโอเค ฉันจะทำหน้าที่เป็นพ่อทูนหัวเอง”
มิเชล สมิธกับยูอิลฮายได้ยิ้มกันออกมา เสียงร้องที่เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาได้ดังออกมาจากมุมหนี่งของป้อมปราการลอยฟ้า
ผมสีทองสดใสและนัยน์ตาสีมรกต… มังกรได้ถือกำเนิดขึ้นมาแล้ว