127 – งานเปิดตัวดอกบัวสีแดง(3)
ไลซ์กางมือออก
แสงศักดิ์สิทธิ์ได้ก่อตัวขึ้นบนมือของเธอและลอยไปมาซึ่งเธอไม่เคยเห็นมาก่อน
ปัจจุบัน พลังศักดิ์สิทธิ์ถูกใช้อย่างไหลลื่นราวกับน้ำพุได้ปรากฎออกมาอย่างไม่เคยเห็นมาก่อน พลังนี้ไหลทะลักออกมาจากมือของไลซ์ราวกับม้าพยศ ตอนนี้ไลซ์พัดริมฝีปากของเธอและพยายามควบคุมพลังของตน อย่างไรก็ตาม มันไม่ง่ายนัก ในฐานะนักบวช เธอใช้พลังในการสนับสนุนมาโดยตลอด ดังนั้นในเรื่องของการโจมตีเธอจึงไม่มีประสบการณ์ มันเหมือนกับคนที่ขับรถคลาสสิก แต่เมื่อถูกเปลี่ยนมาเป็นรถ F1 มันจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะให้เขาขับได้อย่างชำนาญ
แต่ไลซ์ยังคงฝืนเอาไว้ บางครั้งเธอรู้สึกเหมือนว่าเธอไม่สามารถควบคุมเวทมนตร์ได้ แต่เวทมนตร์นั้นแหละที่กำลังควบคุมเธอ มันเหมือนกับสัตว์ร้าบละโมบที่กำลังดูดกลืนพลังของเธอ เธอรู้สึกเหมือนร่างกายของเธอเริ่มเหนื่อยและเรี่ยวแรงของเธอเริ่มหายไป แต่เธอยังคงควบคุมมันเอาไว้ เธอไม่อยากให้ฝันร้ายกลายมาเป็นเรื่องจริง ไม่ว่าอะไร เธอก็ไม่อาจยอมรับอนาคตแบบนั้นได้! ตราบเท่าที่เธอยังอยู่ที่นี่ เธอจะไม่ปล่อยให้ตัวเองไร้พลังและดูคนอื่นตายไปทีละคนเหมือนกับก่อนหน้านี้!
นี่คือกลุ่มทหารรับจ้างของฉัน ฉันจะปกป้องมันไม่ว่ายังไงก็ตาม!
พลังนั้นเริ่มแข็งแกร่งขึ้นและยิ่งควบคุมได้ยากขึ้น
ไลซ์พยายามขยับมือของเธอช้าๆเพื่อควบคุมพลัง เธอพึมพำเวทย์โบราณเป็นภาษามังกร ภาษานั้นได้ทำให้พลังตรงหน้าควบคุมได้ง่ายขึ้น ทำให้มันฟังคำสั่งของเธอ ไลซ์มองไปบนท้องฟ้า
ลำแสงสีทองมหาศาลระเบิดออกมาจากมือของเธอ พวกมันกระจายตัวกันไปหลายทิศทาง แสงสว่างระยิบระยับได้เข้าปกคลุมทุกคน ในขณนั้นแม้แต่ดวงอาทิตย์ก็ยังสูญเสียความสว่างของมันไปชั่วขณะ
“คำตัดสินศักดิ์สิทธิ์!?”
เมื่อเห็นภาพตรงหน้า สีหน้าของจอมเวทย์ชุดคลุมดำเริ่มเปลี่ยนไป แม้ว่าจอมเวทย์และนักบวชจะเป็นผู้ใช้เวทย์เหมือนกัน แต่พลังงานที่พวกเขาใช้นั้นแตกต่างกันอย่างมาก ในขณะที่เวทย์โจมตีของนักบวชนั้นซับซ้อนไม่ได้แตกต่างจากจอมเวทย์ แต่ในด้านของพลังทำลาย พลังโจมตีของนักบวชรุนแรงกว่าจอมเวทย์มากนัก เขามั่นใจว่าเขาสามารถป้องกันเวทมนตร์ของมาร์ลีนได้โดยใช้เวทมนตร์ของตนเอง แต่เมื่อเผชิญหน้ากัยพลังวิญญาณของไลซ์ เขาไม่มั่นใจว่าเขาจะสร้างรับมือกับการโจมตีตรงหน้าได้
จอมเวทย์ชุดดำตอบสนองอย่างรวดเร็ว เขายกมือซ้ายขึ้นและสายฟ้าได้ปรากฎออกมาจากนิ้วของเขา มันเชื่อมต่อกันและก่อตัวเป็นตาข่าย และเล็งเป้าไปที่ลำแสงสีทอง
ไม่นาน ทั้งสองฝ่ายปะทะกัน
ลำแสงสีทองปะทะกับกำแพงสายฟ้าและระเบิดออกมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยประกายสายฟ้าและการระเบิด ทั้งท้องฟ้าราวกับกำลังถูกทำลาย มันเป็นภาพที่น่าหวาดกลัวอย่างมาก
หลังจากที่ร่ายเวทย์ ไลซ์ล้มลงกับพื้น เวทย์โจมตีนั้นเกินความสามารถของเธอ มันกลืนกินพลังงานเกือบทั้งหมดในร่างของเธอ ถ้าไม่ใช่เพราะเธอมีสายเลือดลูกครึ่งทูตสวรรค์อยู่ในร่าง เธออาจจะหมดสติไปแล้ว
แอนรีบเข้ามารับร่างของไลซ์และนำไปวางข้างมาร์ลีน ในเวลาเดียวกัน สายฟ้าฟาดได้พุ่งลงมาจากท้องฟ้า โชคดีที่แอนได้เตรียมตัวไว้นานแล้ว เธอรีบดึงไลซ์ไปด้านหลังและตั้งโล่เพื่อป้องกันพวกเขาทั้งสาม ในเวลาเดียวกัน ผิวของเธอได้เปลี่ยนกลายเป็นก้อนหิน ในพริบตา มันเข้าปกคลุมร่างของเธอและเปลี่ยนเธอให้กลายเป็นรูปปั้นที่งดงาม
ตูม!!!
สายฟ้าฟาดได้ระเบิดโลกสีทองอย่างรุนแรง แรงกระแทกมหาศาลสั่นสะเทือนร่างของเธอ แต่เธอยังคงกัดฟันและต้านทานเอาไว้ แต่เห็นได้ชัดว่าก้อนหินที่ปกคลุมผิวหนังของเธอได้หลุดลอกออกมาจากการโจมตีตรงหน้า ถ้าเธอรับการโจมตีแบบนี้อีกครั้ง เธออาจจะไม่สามารถต้านทานมันได้อีกต่อไป
ในวินาทีนั้น มือหนึ่งตบเข้ามาที่ไหล่ของเธอ
“เธอไม่เป็นไรนะ แอน”
แอนหันไปมองอย่างแปลกใจ เธอเห็นว่าโรดส์เข้ามายืนข้างเธอ เขาดูสะบักสะบอม แต่สีหน้าของเขายังคงความสงบเหมือนเดิม
“ที่เหลือให้ผมจัดการเอง”
เมื่อได้ยินคำพูดของโรดส์ แอนไม่ได้ปฏิเสธ เธอได้ถอยกลับไปอย่างรวดเร็วเพื่อไปดูแลไลซ์และมาร์ลีน ดูจากไกลๆแล้วเหล่าทหารรับจ้างรอบๆไม่สามารถต้านทานไว้ได้อีกแล้ว พวกเขาเริ่มเอาแต่ตั้งรับและมีบางคนเริ่มหันหลังกลับและตะโกนบอกพวกเขา แต่สิ่งที่พวกเขาพูดนั้นไม่สามารถได้ยินได้อย่างชัดเจน กลิ่นเหม็นกระจายไปรอบๆ นั่นหมายความว่าเหล่าทหารรับจ้างได้ใช้งานโพชั่นควบแน่นธาตุลมไปแล้ว 4 ขวด
โรดส์มองไปบนท้องฟ้า กลุ่มควันค่อยๆสลายไปอย่างช้าๆ จอมเวทย์ชุดคลุมดำและลอร์ดอสรพิษลมได้ปรากฎตัวขึ้นอีกครั้ง
โรดส์ขมวดคิ้ว
บอกตรงๆโรดสืไม่อยากจะใช้ไพ่ลับของเขาถ้าไม่ใช่เรื่องจำเป็น เพราะอันดับแรก มันกินค่าประสบการณ์ของเขา และอับดับที่สอง ข้อมูลของการ์ดของเขานั้นไม่ชัดเจน เขาไม่อยากใช้พลังที่เขาไม่เข้าใจหนึ่งร้อยเปอร์เซนต์ แต่ดูเหมือนว่าเขาต้องใช้มันแล้ว
โรดส์ตัดสินใจหลังจากรับรู้ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของจอมเวทย์ชุดดำ เมื่อเขาโจมตีพลาดไป จอมเวทย์ระดับ 50 นั้นยากเกินไปที่จะจัดการ แม้ว่าพลังโจมตีของจอมเวทย์พันธะจะไม่ได้รุนแรงเหมือนกันเวทมนตร์ของจอมเวทย์สายพลังธาตุหรือจอมเวทย์สายจิตวิญญาณ แต่มันก็ขึ้นอยู่กับศัตรูด้วย ถ้าโรดส์มีระดับเท่ากับเขา เขาคงจัดการจอมเวทย์คนนี้ไปนานแล้ว แต่ช่องว่างระหว่างระดับทำให้โรดส์ต้องตัดสินใจแบบนี้ การต่อสู้ในครั้งนี้เป็นเหมือนกับการต่อสู้ระหว่างนักบวชระดับ 80 กับนักรบระดับ 10 แม้ว่านักบวชจะไม่ได้ใช้สกิลอะไรเลยและใช้เพียงไม้เท้าก็เพียงพอที่จะฆ่านักรบที่สวมชุดเกราะเต็มยศ นี่คือความแตกต่างระหว่างพวกเขา เพราะถ้าโรดส์ไม่ทำอะไรกับช่องว่างนี้ นั่นหมายความว่าการต่อสู้กำลังจะจบลง
นี่เป็นเพียงวิธีเดียวเท่านั้น
เมื่อคิดได้ดังนี้ โรดส์จึงยื่นมือออกมา การ์ดสีแดงปรากฎขึ้นในมือของเขา
ตามมาด้วยการปรากฎตัวของการ์ดสีแดง อุณหภูมิรอบๆค่อยๆสูงขึ้นทันที….
ดาบเพลิงส่องประกายออกมา
เหล่าอสรพิษลมกรีดร้องออกมาและกลายเป็นเถ้าถ่าน ฮิลเลอร์ดึงดาบในมือออกมาและถอยหลังมาพักหายใจ จากนั้นเขาหันกลับไปมอง แต่เขายังไม่ได้รับสัญญาณจากโรดส์ เกิดอะไรขึ้น? โรดส์เจอปัญหารึ? หรือว่า….เมื่อคิดดังนี้ ฮิลเลอร์ได้ส่ายศีรษะ มันไม่มีความหมายที่เขาจะมัวมาคิดเรื่องนี้ สิ่งเดียวที่เขาทำได้คือการนำคนของเขาเข้าจัดการมอนสเตอร์พวกนี้
ฮิลเลอร์ได้หยิบโพชั่นควบแน่นออกมา เขาไม่รู้เหตผล แต่อสรพิษลมพวกนี้เริ่มปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมในตอนนี้ได้แล้ว ในตอนแรกพวกเขาบางคนสามารถทะลวงฝ่าพวกมันไปได้ แต่ตอนนี้จำนวนของพวกมันเพิ่มมากขึ้นและเห็นได้ว่าพวกมันไม่ได้โง่ หลังจากที่พวกมันเห็นว่าการโจมตีระยะประชิดไม่ได้ผล พวกมันเริ่มพ่นพิษออกมาจากระยะไกล ทำให้เกิดเรื่องน่าปวดหัวขึ้น
ลมร้อนพัดผ่านมาจากด้านหลัง
ฮิลเลอร์อดไม่ได้ที่จะสั่นกลัวกับลมร้อนที่พัดผ่านเขา แม้แต่เขายังรู้สึกเหมือนกันเข้าไปอยู่ในเตาอบ
หลังจากนั้น เปลวเพลิงที่เผาผลาญอยู่บนตัวดาบของเขาเริ่มอ่อนลง
เกิดอะไรขึ้น?
เมื่อมองไปที่ดาบในมือ ฮิลเลอร์แปลกใจ อาวุธธาตุชิ้นนี้รับใช้เขามาเป็นเวลาหลายปีและเขาไม่เกิดเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน ดาบเล่มนี้ถูกสร้างมาจากธาตุไฟ ตราบเท่าที่มีพลังธาตุไฟในอากาศ มันจะไม่ถูกทำลาย แต่เกิดอะไรขึ้นกัน?
เกิดอะไรขึ้น?
ฮิลเลอร์ไม่ใช่คนเดียวที่คิดแบบนี้ ในขณะนั้น จอมเวทย์ชุดดำที่กำลังลอยอยู่กลางอากาศได้คิดเช่นเดียวกัน
กลุ่มควันจากการระเบิดก่อนหน้านี้พัดผ่านไป จอมเวทย์ชุดดำมองเห็นเหล่ามดปลวกที่กำลังยืนอยู่ด้านล่างได้อย่างชัดเจน ดูเหมือนว่าคนเหล่านี้จะไม่ได้ซ่อนอะไรไว้อีกแล้ว แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าเด็กหนุ่มประหลาดสามารถลอยบนอากาศได้อย่างไร แต่เห็นได้ชัดว่าเด็กหนุ่มคนนั้นไม่คิดว่าอสรพิษลมจะมีความสามารถในการควบคุมธาตุลมได้ ลอร์ดอสรพิษลมตัวนี้เป็นสิ่งมีชีวิตที่เขาได้รับมาอย่างยากลำบากและไม่สามารถเทียบกับสองตัวก่อนหน้านี้ได้
ดีล่ะ จบแล้วสินะ
จอมเวทย์ชุดดำยกมือขวาขึ้นและชี้ไปยังกลุ่มคน พลังงานเรื่มรวมตัวกันระหว่างนิ้วของเขา ตราบเท่าที่เขาต้องการ พลังงานจะเปลี่ยนเป็นกระแสไฟฟ้ามหาศาลเพื่อที่จะทำลายเหล่ามดปลวกด้านหน้าเขา
จากนั้น เขาเห็นเด็กหนุ่มผมดำยกมือขวาขึ้นและกระแสลมร้อนปรากฎขึ้นมาในพริบตา
ในขณะนั้น จอมเวทย์ชุดดำตกตะลึงทันที เขาไม่สามารถร่ายเวทย์ที่เขาเตรียมไว้แล้วได้
ราวกับมีบางอย่างผนึกมันเอาไว้และไม่สามารถปลดปล่อยออกมาได้
เกิดอะไรขึ้น?
เด็กหนุ่มคนนั้นสามารถผนึกเวทมนตร์ของเขาได้รึ? มันเป็นไปไม่ได้อย่างไร?
จอมเวทย์ชุดดำเหงื่อตกทันที เขามองไปยังโรดส์ด้วยสีหน้าสับสน มันเป็นไปไม่ได้ เด็กหนุ่มคนนั้นไม่มีพลังมากขนาดนั้นแน่ ถ้าเขาสามารถผนึกเวทมนตร์ได้จริงๆ เขาสมควรตายไปนานแล้ว มันพยายามทำอะไรกัน?
จอมเวทย์ชุดดำได้ลอบมองอย่างสงสัย หลังจากนั้นเขาจึงสัมผัสได้
คลื่นพลังสีแดงกำลังหมุนเวียนในอากาศโดยมีโรดส์เป็นศูนย์กลาง มันเหมือนกับหมอกสีแดงที่รวมตัวกันเป็นพายุและเคลื่อนที่เข้าใกล้ตำแหน่งศูนย์กลาง
ไม่มีกระแสเวทมนตร์
ไม่มีเสียงคำรามที่น่าหวาดกลัว
แต่จอมเวทย์ชุดดำกลับไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงรู้สึกกลัว มันเหมือนกับว่าเขากำลังยืนอยู่ที่หน้าผาและกำลังจะตกลงมา เขาไม่สามารถขยับได้ ราวกับมีมือขนาดใหญ่มาจับร่างเขาเอาไว้ มันไร้ประโยชน์ที่เขาจะดิ้นรน
ในเวลาเดียวกัน โรดส์ได้บีบการ์ดในมือแน่น
ควันสีแดงได้เริ่มปรากฎและรวมตัวกัน
ดอกบัวสีชาดได้ปรากฎขึ้นบนท้องฟ้า