122 – ช่วยเหลือคนของฮิลเลอร์(3)
ฮิลเลอร์ผ่อนอาวุธลงเพราะเขาระบุตัวตนของคนสองคนจากลุ่มคนตรงหน้าเขาได้ ชายคนแรกเป็นหนึ่งในคนที่เขาส่งไปขอความช่วยเหลือจากสมาคนทหารรับจ้างและอีกคนหนึ่งเป็นหัวหน้ากลุ่มทหารรับจ้างสตาร์ไลท์ โรดส์
เขามาที่นี่ทำไม?
ความคิดแรกของฮิลเลอร์คือสมาคมทหารรับจ้างได้รับคำร้องขอกำลังเสริมและส่งสตาร์ไลท์มาที่นี่ แต่ทว่าเขารีบลบความคิดเหล่านั้นออกไปจากหัวในทันทีเพราะเวลามันสั้นเกินไป เขาได้ส่งคนของเขาไปเมื่อวานนี้ ไม่ว่าจะเร็วมากแค่ไหน มันเป็นไปไม่ได้ที่คนของเขาจะไปถึงเมืองดีพสโตนและร้องขอกำลังเสริมมาได้ แต่ฮิลเลอร์ไม่ได้พูดอะไรและวางดาบลง ขณะที่ผู้ติดตามของเขาด้วยใบหน้าสงสัย เขารู้ว่าทหารรับจ้างของเขาจะสามารถให้คำตอบเขาได้อย่างแน่นอน
“นี่ครับ หัวหน้า” หลังจากมองไปที่ฮิลเลอร์ ทหารรับจ้างคนนั้นลังเล “เมื่อพวกเราออกไปได้ พวกเราถูกโจมตีโดยกลุ่มอสรพิษลมอีกกลุ่มครับ พวกเราไม่มีเวลาพอที่จะหลบนี รวมถึงผมด้วย แต่โชคดีที่กลุ่มทหารรับจ้างสตาร์ไลท์ของคุณโรดส์ได้เข้ามาช่วยเหลือข้าไว้ หลังจากรับรู้ถึงเหตุการณ์นี้ พวกเขาอาสามาช่วยพวกเราครับ….”
หลังจากที่ได้ยินคำอธิบายของผู้ติดตามของเขา ฮิลเลอร์มองไปยังโรดส์อย่างช้าๆ เขายื่นมือออกมาและตบหนักๆไปที่ไหล่ของคนตรงหน้า “ขอบคุณ”
คำพูดเพียงสองคำอธิบายความรู้สึกทั้งหมดของฮิลเลอร์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
เนื่องจากพวกเขาอยู่ระหว่างการหลบหนี พวกเขาไม่มีเวลามาดื่มและพูดคุยเพื่อทำความรู้จักกันให้มากขึ้น ไม่นานไลซ์และลาปิสได้ขอเข้ามารักษาคนที่ได้รับอาการบาดเจ็บและพิษ ในเวลานี้ หน้าที่สำคัญตกเป็นของนักบวชอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่ากลุ่มทหารรับจ้างขนาดใหญ่อย่างเบิร์นนิ่งเบลดจะมีนักบวชเหมือนกัน แต่ฮิลเลอร์ไม่ได้พาพวกเขามาทำภารกิจบ่อยๆ แต่ด้วยความสามารถของพวกเขา พวกเขาสามารถทำได้ทั้งป้องกันการโจมตีและรักษาได้ในสถานการณ์แบบนี้
เมื่อไลซ์และคนอื่นๆกำลังรักษาบาดแผล โรดส์เริ่มคุยเรื่องปัญหานี้กับฮิลเลอร์ หรือบอกตรงๆ โรดส์กำลังคุยกับคนสนิทของฮิลเลอร์ เพราะในหลายๆกรณี ฮิลเลอร์เป็นคนพูดยาก คนสนิทของเขาจึงช่วยเขาในการอธิบายความหมาย ยกเว้นแต่เขาจะพูดว่าใช่ ฮิลเลอร์จะส่ายหัวเพื่อเป็นการปฏิเสธ และดูเหมือนจะไม่คิดว่าจะพูดอะไรต่อ
ถ้าสีหน้าของโรดส์ในตอนนี้เหมือนกับก้อนน้ำแข็งที่เย็นชาและไม่มีวันละลาย งั้นความเงียบของฮิลเลอร์ก็เปรียบเมือนกับก้อนหินพันปี เขายืนเงียบๆและไม่คิดจะแสดงความเห็นใดๆออกมา แต่ถึงอย่างนั้น คนอื่นๆก็ไม่สามารถเมินเฉยต่อเขาได้
“พวกเราได้ลองฝ่าวงล้อมของอสรพิษลมและทำได้มาหลายครั้ง แต่มันก็ยังล้มเหลวในตอนสุดท้าย อสรพิษลมพวกนี้จัดการได้ไม่ยาก แต่พวกมันมีตัวหัวหน้าที่เป็นลอร์ดระดับผู้บัญชาการ ซึ่งนั่นแหละเป็นตัวปัญหา”
“มีลอร์ดระดับผู้บัญชาการมากขนานั้นเลยรึ?” โรดส์ถามออกไป
“ใช่” คนสนิทพยักหน้า
“มีอสรพิษลมระดับลอร์ดทั้งหมด 3 ตัว ไม่ว่าพวกเราจะไปที่ไหน พวกมันจะเข้ามาขวางพวกเราและ…พวกเราจะถูกโจมตีโดยเวทมนตร์ ผมคิดว่ามีบางคนกำลังควบคุมอสรพิษลมพวกนี้อยู่เบื้องหลัง…ไม่ว่าอะไร เป้าหมายของพวกมันคือขังเราไว้ที่นี่ แม้พวกเราจะไม่รู้ว่าคู่ต่อสู้ของพวกเราเป็นใคร แต่ดูเหมือนว่าจะเป็นคนที่อันตรายมากคนหนึ่ง” เมื่อพูดจบ คนสนิทหันไปมองฮิลเลอร์ ซึ่งฮิลเลอร์พยักหน้าตอบเล็กน้อย
“ด้วยการใช้โพชั่นควบแน่นพลังธาตุลม อสรพิษลมทั่วไปไม่สามารถเข้าใกล้พวกเราได้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับอสรพิษลมพวกนี้จะทำให้อสรพิษลมระดับลอร์ดรู้ตัว ผมคิดว่าพวกมันน่าจะกำลังมาที่นี่ นั่นเป็นเหตุผลที่พวกเราต้องออกจากที่นี่เดี๋ยวนี้”
โรดส์เปิดกระเป๋าและหยิบโพชั่นออกมา 4 ขวด “นี่สำหรับพวกคุณ วิธีใช้ก็เปิดขวดและถือไว้ในมือ การควบแน่นพลังธาตุลมจะทำให้อสรพิษลมทั่วไปไม่สามารถเข้ามาใกล้ได้ สำหรับอสรพิษลมระดับลอร์ด แม้ว่าพวกมันจะเก่ง แต่ถ้าไม่มีความช่วยเหลือของกลุ่มอสรพิษลม มันก็ไม่น่ายากเกินไปที่จะจัดการ ปัญหาอย่างเดียวคือจอมเวทย์นั่น….”
โรดส์ขมวดคิ้ว มันเป็นไปไม่ได้ที่ฝ่ายตรงข้ามจะไม่สังเกตเห็นพวกเขาและพยายามเข้ามาสังหารพวกเขาทั้งหมดที่นี่ แม้ว่าความคิดเหล่านี้จะน่าสนใจ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะยอมเป็นผู้ถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียว
“พวกคุณมีข้อมูลเกี่ยวกับระดับของมันไหม?”
“นั่นมัน….”
คนสนิทตอบและมองไปที่ฮิลเลอร์ด้วยสีหน้าไม่ดี ก่อนที่จะพูดขึ้น
“พวกเราไม่ใช่จอมเวทย์ ดังนั้นพวกเราไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้ครับ แต่ผมสามารถบอกได้ว่าในครั้งแรก พวกเราถูกโจมตีมาโดยพายุทอร์นาโด และในครั้งที่สอง มีบาเรียสายฟ้ากระจายตัวไปรอบๆ สองครั้งนี้ทำให้พวกเราได้ยินบาดเจ็บหนักมาก พวกเราได้ลองอีกหลายครั้ง แต่พวกเราไม่สามารถต้านทานเวทย์พวกนั้นได้เลย และหลังจากนั้นพวกเราต้องรับมือกับอสรพิษลมระดับลอร์ดอย่างเหนื่อยล้า”
“พวกเราไม่มีเวลามากแล้วตอนนี้” เมื่อได้ยินสิ่งเหล่านี้ โรดส์คิดขึ้นได้
“เตรียมตัวต่อสู้ พวกเราจะเดินหน้าต่อทันที คุณคิดว่ายังไงครับ คุณฮิลเลอร์?”
“แน่นอน”
เมื่อได้ยินคำถามของโรดส์ ฮิลเลอร์ยืนขึ้นและตอบสั้นๆด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น หลังจากนั้นเขาตบไปที่ไหล่ของโรดส์ และชี้ไปทางเหล่าทหารรับจ้างที่อยู่ด้านหลังเขาและส่งสัญญาณมือ
“…สิ่งที่หัวหน้าหมายถึงคือ พวกเราทุกคนจะฟังคำสั่งจากคุณ” คำพูดที่ถูกแปลออกมาจากสัญลักษณ์มือ
เมื่อเผชิญหน้ากับความคิดของฮิลเลอร์ โรดส์กรอกตาของเขาอย่างช่วยไม่ได้
ไม่นานภายใต้ความวุ่นวาย กลุ่มทหารรับจ้างเบิร์นนิ่งเบลดได้เก็บสัมภาระและแบกร่างเดินตามโรดส์กลับทางเดิม
จอมเวทย์ในชุดคลุมดำลืมตาขึ้น “น่าสนใจ”
เขาลอยอยู่บนอากาศอย่างเงียบๆ และมองไปยังป่าที่อยู่ไกลออกไป สำหรับจอมเวทย์ เป็นเรื่องปกติที่เขาจะไม่เปิดเผยตัวตนออกไปเผชิญหน้ากับอันตราย โดยเฉพาะจอมเวทย์สายพันธะเพราะจอมเวทย์สายพันธะส่วนใหญ่จะเรียนรู้เพียงวิธีการควบคุมมอนสเตอร์ระดับบอส(หัวหน้า) ดังนั้นระดับเวทมนตร์ของพวกเขาจะต่ำกว่าจอมเวทย์ทั่วไปมาก แม้ว่าจอมเวทย์ชุดคลุมดำจะแข็งแกร่งมาก แต่เขาก็ยังไม่อยากออกไปเสี่ยง เขาพึ่งพาความสามารถในการสั่งการของเขามากกว่าพลังอำนาจ ในความคิดของเขา ถ้าเขาไม่ได้อยู่ในจุดที่เขาไม่สามารถเอาตัวรอดไปได้แล้ว และเลือกเผชิญหน้ากับศัตรู นั่นก็เหมือนกับเขาได้ตายไปแล้ว
นั่นเป็นเหตุผลที่มันเป็นทางเลือกสุดท้าย เขาจะไม่เปิดเผยตัวตนเด็ดขาด
ในขณะนั้นด้วยพลังเวทย์ของเขา จอมเวทย์ชุดดำสามารถเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้จากระยะไกล
“ไอ้พวกโง่ปัญญาอ่อนนั้นยังไม่ตายไปอีก มันเหนือความคาดหมายของข้าไปเหมือนกัน….และยังมีแขกไม่ได้รับเชิญเข้ามาได้อีก…หึ?”
เมื่อสังเกตผ่านดวงตา จอมเวทย์ชุดดำมองไปยังโรดส์ จากนั้นเขาหลับตาและครุ่นคิด
“ข้าว่าชายคนนั้นมันดูคุ้นๆนะ อ่าาาา ใช่แล้ว…เมื่อวาน แฟรงค์ขอร้องให้ข้า…เป้าหมายของมันดูเหมือนจะเป็นเด็กหนุ่มคนนี้สินะ ไม่คิดเลยว่ามันจะเข้ามาที่นี่เพื่อให้ข้าได้จัดการด้วยตัวเอง!!”
จอมเวทย์คนนั้นพูดกับตัวเองและหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นเขายกมือขวาขึ้น และพึมพำบางอย่าง หลังจากที่ได้ยินเวทย์ที่เขาร่าย อสรพิษลมรอบๆเริ่มกรีดร้องออกมาอย่างโกรธเกรี้ยวอีกครั้ง จากนั้นพวกมันพุ่งตรงเข้าไปหาคนกลุ่มนั้นทันที!
“พร้อมแล้ว ออกเดินทางได้!!”
กลุ่มอสรพิษลมดูเหมือนจะไม่ได้ส่งผลกระทบใดๆต่อโรดส์ ในทางกลับกัน เมื่อเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์พวกนี้ เขาสงบนิ่งมา กหลังจากนั้นเขาหยิบโพชั่นก่อนหน้านี้ออกมาและโยนออกไปด้านข้าง ไม่นานกลิ่นเหม็นคละคลุ้งกระจายไปรอบๆและทำให้คนรอบข้างเริ่มปิดจมูก
อสรพิษลมที่พุ่งเข้ามาก่อนหน้านี้เริ่มสูญเสียเป้าหมายไปอย่างสมบูรณ์ พวกมันร่วงลงกับพื้นทีละตัวราวกับอุกกาบาต เหล่าอสรพิษลมที่สูญเสียแรงสนับสนุนจากพลังธาตุลมไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป พวกมันคลานเข้ามาและอ้าปากกระโจนเข้ามาอย่างไร้ความปราณี
“มาร์ลีน!”
เมื่อได้ยินคำสั่งของโรดส์ มาร์ลีนที่เตรียมตัวไว้แล้วได้ยกคทาขึ้นในทันที ไม่นานสายฟ้าฟาดถูกปล่อยออกมาจากคทาของเธอและพุ่งตรงไปยังกลุ่มอสรพิษลม ตามมาด้วยเสียงระเบิดดังต่อเนื่อง เศษเลือดจากเหล่าอสรพิษลมกระจายไปทั่วป่า คละคลุ้งปนกับกลุ่มเหม็นก่อนหน้านี้ มันน่าสะอิดสะเอียนเป็นอย่างมาก
“โอ้?”
เมื่อเห็นการโจมตีของเขาล้มเหลว จอมเวทย์ชุดดำขมวดคิ้ว เขาหลับตาลง จากนั้นเริ่มเห็นร่องรอยแห่งความดีใจปรากฎขึ้นบนใบหน้า
“ข้าไม่ได้เห็นคนแบบนี้มาสักพักแล้ว ดูเหมือนว่าจะมีคนที่มีลูกเล่นมาด้วย ไม่เลว ไอ้เด็กนั่นฉลาดกว่าไอ้พวกโง่พวกนั้นเยอะ งั้นต่อไป…พวกแกจะรับมือกับนี่ยังไง?”
หลังจากที่พึมพำกับตัวเอง จอมเวทย์ชุดดำล้วงมือเข้าไปในปากและผิวปาก จากนั้น
“—-!!”
เสียงคำรามดึงกึ่งก้องไปทั่ว อสรพิษลมสีขาวขนาดใหญ่ยาว 6-7 เมตร 3 ตัวได้ปรากฎตัวออกมาจากก้อนเมฆ ดวงตาสีแดงของพวกมันเต็มไปด้วยสัญชาตญาณนักฆ่าและความโกรธ พวกมันกระพือปีกลงมาและพุ่งออกไป
“พวกมันเป็นพวกลอร์ด! ระวังตัวด้วย!!”
เมื่อได้ยินเสียงคำรามดังกึ่งก้อง โรดส์รีบยกดาบขึ้นและเตือนคนอื่นๆ ในเวลาเดียวกัน ร่างยักษ์ทั้งสามร่วงลงมาและขวางกั้นเส้นทางตรงหน้าของพวกเขา
ตูม!!!!
พลังทำลายบดขยี้ต้นไม้เก่าแก่ที่สุดได้ภายในพริบตา หางของมันกวาดไปด้านข้าง ทำลายต้นไม้หลายสิบต้นหายไปในพริบตา พวกมันก้มหัวลงราวกับกำลังเตรียมตัวโจมตีเหยื่อ
ในขณะนั้น โรดส์ออกคำสั่งทันที
“โจมตี!”