ตอนที่ 311 แก้ต่างเอาตัวรอด
หนิงอวี้ขยี้ตางัวเงีย นางลุกขึ้นยืนแล้วถาม “ตอนนี้เวลาใดแล้ว”
สาวใช้ยอบกายคำนับ กำลังจะตอบคำก็เห็นหนิงอวี้ส่ายมือ
นางเงยหน้าขึ้นมองไปนอกหน้าต่างทีหนึ่งก็เห็นพระอาทิตย์สูงโด่ง เมื่อหันกายกลับไปมองยังเตียง ก็เห็นว่าเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่มีรอยยุบสักนิด
เมื่อคืนเว่ยหยวนไม่ได้กลับมาหรือ หนิงอวี้ยื่นมือมาป้องปากแล้วหาวหนึ่งที เพียงแค่ยกมือก็ทำให้รู้สึกเมื่อยล้าระบม
หนิงอวี้เดินไปสำรวจหน้าคันฉ่องหนึ่งที เมื่อแน่ใจว่าเผ้าผมเป็นระเบียบแล้วจึงเดินออกนอกกระโจมไป
ใบหญ้าบนพื้นเกาะเต็มไปด้วยน้ำค้างแข็ง หนิงอวี้สัมผัสได้ถึงความเย็นยะเยือกก็หันกลับไปสวมชุดคลุมตัวหนึ่ง แล้วเดินไปยังกระโจมของเว่ยหยวน
เมื่อแหวกกระโจมขึ้น ในกระโจมหลักไร้ผู้คน หนิงอวี้แหวกม่านไม้ไผ่ขึ้นก็เห็นเว่ยหยวนเอนกายอยู่บนเตียงหน้าตาหยาบหลังหนึ่ง บนตัวพันด้วยผ้าห่มบางอยู่ผืนหนึ่ง
หนิงอวี้มุ่นหัวคิ้ว ในใจรู้สึกอึดอัดขึ้นมาเล็กน้อย นางเดินเข้าไปสองสามก้าว ยื่นมือไปเลิกผ้านวมขึ้นคลุมทับผ้าห่มบางกลับทำให้เว่ยหยวนตื่นขึ้นโดยไม่ตั้งใจ
เว่ยหยวนยืนมือไปก่ายหน้าผาก ครั้นแล้วก็หลับตาทั้งคู่ลง หนิงอวี้เห็นเขาสีหน้าเย็นชาไม่พูดไม่จาก็หยุดขยับมือแล้วถามขึ้นเสียงเบา “ราชกิจพัวพันหรือเพคะ”
“อืม”
เว่ยหยวนลืมตาทั้งคู่ขึ้น พร้อมพยักหน้าเบาๆ รอบดวงตาเป็นรอยดำคล้ำเล็กน้อย หนิงอวี้รู้สึกผิด นางถามขึ้นเสียงเบาว่า “ทรงเสวยอาหารเช้าหรือยังเพคะ”
“รอก่อน เจ้านึกความผิดที่เหลือออกหรือยัง”
หนิงอวี้ได้ฟังก็กระพริบตา ด้วยแววตาอันเจ้าเล่ห์อย่างเอาใจโดยแท้
เว่ยหยวนยกมุมปากยิ้ม เดิมทีหนิงอวี้ตั้งใจเพียงเอาตัวรอดแบบขอไปที กลับได้ยินเสียงทุ้มต่ำของเขา “ห้ามยิ้ม ห้ามแก้ต่างเพียงแค่เอาตัวรอด ข้าโกรธมากและต้องการคำอธิบาย”
หนิงอวี้เบะปากหลุบสายตาลง นางยื่นนิ้วออกไปถูวนบนใบหน้าเขาแล้วพูดขึ้นเสียงเบา “หม่อมฉันรับรอง เรื่องเช่นนี้จะไม่มีอีกแน่นอนเพคะ”
บนแก้มที่สัมผัสถึงความอุ่นเลื่อนผ่าน เว่ยหยวนใบหน้าเรียบเฉย ท่าทีสงบนิ่ง “คำยืนยันของเจ้า แต่ไหนแต่ไรมาก็เชื่อถือไม่ได้”
เมื่อความจริงถูกจี้จุด มือหนิงอวี้หยุดขยับ นางกระแอมเบาๆ หนึ่งที รู้สึกละอายขึ้นมาอย่างมาก เว่ยหยวนดึงนิ้วที่เลื่อนไปมาวุ่นวายนั้นออกแล้วพูดขึ้นเสียงเบา “ยังมีความผิดติดตัว อย่าทำตัวเหลวไหล” แม้ฟังดูดุดัน แต่น้ำมือกับอ่อนโยนอย่างยิ่ง
“หม่อมฉันยืนยัน คราวหน้าจะไม่เกิดเรื่องเช่นนี้อีก…”
“กินข้าว”
หนิงอวี้ก้มหน้าลง ท่าทีซึมเศร้าอย่างยิ่ง
“อืม”
เว่ยหยวนสีหน้าไร้อารมณ์ ในดวงตากลับเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ลงโทษทางกายไม่ได้ ก็ต้องลงโทษทางใจแทน อย่างไรเสีย เห็นอวี้เอ๋อร์ท่าทีน้อยเนื้อต่ำใจเช่นนี้ ก็สนุกดีไม่น้อย
——
หนิงอวี้สองมือค้ำศีรษะมองไปยังกะโหลกวัวที่แขวนอยู่บนกระโจมหน้านิ่ว จะแก้ต่างเอาตัวรอดอย่างไรดี จึงจะไม่ถูกเว่ยหยวนจับได้ หรือจะให้พูดหว่านล้อมจนเขายอมรับ ทั้งที่รู้ความจริงแก่ใจดี
“นายพลหนิง ยาบำรุงครรภ์เจ้าค่ะ”
สาวใช้พูดขึ้น ประคองน้ำแกงสีดำถ้วยหนึ่งเข้ามา หนิงอวี้บีบจมูก จ้องอยู่นานก็ยังไม่ยอมดื่มมันลงไป
“ฮ่องเต้ทรงรับสั่ง หากท่านไม่ยอมดื่ม พระองค์จะทรงป้อนท่านด้วยพระองค์เอง” สาวใช้เงยหน้าขึ้น แววตาเต็มไปด้วยความชื่นชม “ท่านนายพล ฮ่องเต้ทรงใส่พระทัยท่านเหลือเกินเจ้าค่ะ”
หนิงอวี้ไม่ได้ต้องการการใส่ใจเช่นนี้! หนิงอวี้เผยอปากแล้วจ้องไปยังน้ำแกงถ้วยนั้นด้วยแววตาดุดัน ใบหน้าเต็มไปด้วยความเคืองแค้น ราวกับน้ำแกงถ้วยนั้นวางดาบพาดบนลำคอนาง
เมื่อนึกถึงการป้อนยาของเว่ยหยวน ก็แอบหน้าแดงขึ้นมาเงียบๆ สุดท้ายจึงได้แต่ใช้มือทั้งสองยกน้ำแกงถ้วยนั้นขึ้นแล้วกรอกลงปาก ท่าทางราวกับผู้กล้าที่ยอมสละแขนเพื่อรักษาชีวิต ราวกับนายพลที่ฮึกเหิมพร้อมออกรบอย่างไม่หวนกลับคืน
ขม หนิงอวี้ขมวดคิ้ว ในปากคลุ้งไปด้วยรสฝาด รสชาติติดค้างอยู่นาน สาวใช้ยกผลไม้แช่อิ่มเข้ามา หนิงอวี้คว้ามันยัดลงปากอย่างรีบร้อน คิ้วที่ขมวดแน่นจึงคลายลง
สาวใช้รับถ้วยที่เหลือคราบเพียงเล็กน้อยมาดูอย่างละเอียด ครั้นแล้วก็ค้อมกายคำนับ
“ข้าน้อยจะไปกราบทูลฮ่องเต้ ขอตัวก่อนเจ้าค่ะ”
ตอนที่ 312 คิดเอาเอง
ท้องฟ้าประดับด้วยดวงดาวส่องสว่างนับไม่ถ้วน หนิงอวี้เอนกายบนเตียงมองเหม่อไปยังมุ้ง ก่อนนอนนางจงใจเปิดหน้าต่างไว้ ตอนนี้ลมพัดเข้ามาในกระโจม พัดผ้าแพรบางบนหน้าต่างขยับไหว
เสียงฝีเท้าดังขึ้นเบาๆ เป็นเสียงฝีเท้าของเว่ยหยวน หนิงอวี้หลับตาทั้งคู่ลงแต่มุมปากกลับยกขึ้นอย่างอดมิได้
เว่ยหยวนขมวดคิ้วดึงม่านขึ้น พลางพล่ามบ่นเสียงเบา “ตัวตั้งครรภ์อยู่ กลับไม่รู้จักปิดหน้าต่าง”
ยังไม่ทันสิ้นเสียง เขาก็เห็นหนิงอวี้ยื่นมือออกนอกผ้านวม
เว่ยหยวนยกมือนางขึ้นเบาๆ แล้วซุกกลับไปในผ้าห่มนวม ครั้นแล้วก็เหน็บชายผ้าห่มให้นาง หนิงอวี้สีหน้านิ่งเฉย ในใจกลับเบิกบานยินดี
เว่ยหยวนนั่งลงด้านข้าง มือหนึ่งเท้าคางมองหน้านางยามหลับนิ่ง ทันใดนั้นก็พบว่ามุมปากนางยกขึ้นน้อยๆ
“ฝันเห็นอะไรกัน จึงดีใจเช่นนี้”
ฝันเห็นท่านอย่างไรเล่า ขนตาหนิงอวี้สั่นระริก นางพลิกกายหันไปด้านนอก เว่ยหยวนยกมือกั้นไว้ที่ขอบเตียง รอจนนางหยุดขยับจึงปล่อยมือลง
“ข้าไม่รู้เลย ว่าควรทำอย่างไรกับเจ้าดี”
ได้ยินคำพูดจนอย่างจนใจนั้น หนิงอวี้กลับยิ้มออกมาชัดเจนยิ่งขึ้น
เว่ยหยวนจ้องนิ่งอยู่ครู่ใหญ่ มุมปากก็ยกยิ้ม เขาพูดขึ้นว่า “หรือว่ากำลังกินขนมกุ้ยฮวาซูอยู่ในฝัน”
หนิงอวี้กำลังจะตอบกลับก็สัมผัสถึงจุมพิตอันอบอุ่นบนริมฝีปาก
ริมฝีปากอันอ่อนนุ่มและเย็นยะเยือกเฉียดผ่าน หนิงอวี้สะดุ้งโหยง ขนตาสั่นระริกไม่หยุด เว่ยหยวนมองออกว่านางแกล้งหลับ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกขบขัน วินาทีถัดมากลับนึกถึงเรื่องที่ตนกำลังโกรธเคืองอยู่ในตอนนี้ได้ จึงได้แต่กระแอมขึ้นหนึ่งเสียงแล้วหันกายเดินจากไป
หนิงอวี้สัมผัสได้ถึงสายลมโฉบผ่าน นางลืมตาทั้งคู่ขึ้นคว้าชายเสื้อเว่ยหยวนเอาไว้ แล้วพูดเสียงเบา “อย่าไปเลยเพคะ หม่อมฉันนึกออกแล้วว่าหม่อมฉันผิดตรงไหน”
เว่ยหยวนหยุดฝีเท้า เขานั่งลงบนขอบเตียงแล้วก้มหน้ามองนาง ใบหน้าเคร่งขรึมอย่างยิ่ง
“หม่อมฉันจำได้ว่าหม่อมฉันเคยบอก ว่าจะกลับมาอย่างปลอดภัย…สุดท้ายกลับเหลือเพียงหนังสือสั่งเสียฉบับเดียว”
“อืม แล้วอย่างไรต่อ”
หนิงอวี้นิ่งอึ้ง นางครุ่นคิดอยู่นานก็นึกอะไรไม่ออก จึงได้แต่ดึงแขนเสื้อเขาเบาๆ อย่างออดอ้อน แล้วพูดเสียงอ่อยว่า “พระองค์รับสั่งสิ หม่อมฉันจะแก้ไข”
“คิดเอาเอง”
เว่ยหยวนขมวดคิ้วพูดแล้วลุกขึ้น วินาทีนั้น หนิงอวี้ก็ลุกขึ้นนั่งรั้งแขนเขาเอาไว้แล้วฉวยจังหวะจุมพิตลงบนปากเขา ริมฝีปากเฉียดเบาๆ แล้วแยกออก
เว่ยหยวนยกมุมปากยิ้ม ยื่นมือไปประคองหน้านางไม่ยอมให้นางถอยได้แม้แต่น้อย หลับตาทั้งคู่ลงจุมพิตริมฝีปากที่เขาเฝ้าคิดถึงอยู่ทุกวันคืน เว่ยหยวนได้ยินเสียงหัวใจตนเต้นรัวไม่หยุด
ครู่หนึ่ง ทั้งสองก็ผละจากกัน หนิงอวี้ทั่วหน้าแดงก่ำแต่ยังไม่ลืมเรื่องราว นางพูดขึ้นเสียงเบา “พระองค์รับสั่งสิเพคะ” เว่ยหยวนยื่นมือไปรวบตัวนางมาไว้ในอ้อมกอด แล้วประทับจุมพิตลงบนเรือนผมนางหนึ่งที
“ข้าจำได้ ตอนที่เจ้าจากไปนั้นได้บอกกับข้าว่า การออกรบครั้งนั้นจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เจ้าจะลงมือก่อนแล้วบอกทีหลัง”
เว่ยหยวนชำเลืองมองนางปราดหนึ่ง หนิงอวี้รู้สึกร้อนตัวถึงที่สุด นางกระแอมขึ้นหนึ่งที ครั้งนี้เมื่อเทียบกับการทำผิด ตัดสินใจลงมือโดยไม่บอกล่วงหน้าครั้งก่อนๆ นั้น ดูเหมือนว่าจะเป็นความผิดอย่างรุนแรงกว่ามากเลยทีเดียว
ในเวลาที่ไม่เหมาะสมเช่นนี้ นางกลับรู้สึกขึ้นมาว่าอ้อมกอดนั้นอบอุ่นอย่างมาก เมื่อคิดถึงความอบอุ่นและการหลีกเลี่ยงความผิด หนิงอวี้ซุกกายลงหน้าสาบเสื้อเขาแล้วสีตัวไปมา
มือเว่ยหยวนประคองนางหนิงอวี้ที่กำลังซุกกลางอกเขาไว้ แล้วประสานจ้องไปยังสายตาทั้งคู่ของนาง
“หนิงอวี้ ไยเจ้าจึงกล้าทิ้งข้าไปหาความตายได้”
“หม่อมฉัน…”
“ข้ารู้ว่าแม่ทัพหนิงสิ้นใจ เจ้าเสียใจอย่างมาก แต่เจ้าไยไม่คิดถึงข้าบ้าง ข้าไม่ขอให้เจ้าละทิ้งความคิดเจ็บแค้น ขอเพียงเจ้าคิดถึงข้าบ้าง ถึงจะเป็นเพียง ลังเลใจถึงข้าสักครู่เดียวก็ตาม”
“หม่อมฉันคิดแล้ว…”
“เจ้าคิดถึงข้าแล้วจริงหรือ เจ้าคิดบ้างไหมว่าเมื่อข้าเห็นร่างไร้วิญญาณเจ้าจะเป็นเช่นใด เจ้าเคยคิดบ้างหรือไม่ ว่าชีวิตที่เหลือของข้าจะเป็นเยี่ยงใด”
เว่ยหยวนสีหน้าเย็นชาพูดออกมาอย่างซื่อตรง ทั้งความปรารถนาที่เขาไม่เคยพูดและความสิ้นหวังที่เขาไม่เคยบอกให้นางรู้มาก่อน