บทที่ 332 – วันสิ้นโลก (8)
สงครามภายในสวนเควัส โลกที่หยุดนิ่งระหว่างสองกองทัพได้ผ่านไประยะหนึ่งแล้ว ผู้เฝ้าประตูสวนอาทิตย์อัสดงส่วนใหญ่ได้หายไป และกองทัพจรัสแสงก็ไม่ได้ต่างกัน กองทัพเร็กน่าจะนวนมหาศาลและเร็กน่าระดับสูงต่างก็ได้เริ่มใกล้จะหมดลง
แต่ไม่ว่ายังไงในตอนนี้กาเบรียลก็กำลังเสียเปรียบแล้ว
[เป็นลูกของนายงั้นหรอ?]
[นายสังเกตุเห็นด้วย?]
[ออร่าทรงพลังที่ทะลวงกำแพงมิติเข้ามาพาคนๆหนึ่งไป มันคงไม่มีใครอีกนอกจากลูกชายของนายที่ทำแบบนี้ได้จริงไหมล่ะ?]
เมื่อพูดจบซาตานก็ได้ยิ้มออกมา กาเบรียลก็ได้ยิ้มออกมาในขณะถอยกลับไปเช่นกัน บนร่างกายของพวกเรามีแผลที่ไม่อาจจะรักษาได้ง่ายๆอยู่ทั่วตัวจากการโจมตีด้วยการเอาบันทึกที่มีเข้าแลก ในระดับหัวหน้ากองกำลัง พวกเขาไม่ได้ใช้สกิลธรรมดาแต่เป็นการใช้บันทึกในการต่อสู้ เพราะงั้นในทุกๆการโจมตีจึงทำให้เกิดบาดแผลที่ไม่อาจจะรักษาได้ง่ายๆ
[ทำไมนายถึงส่งไปแค่ภรรยาของนายล่ะ?]
[นายก็รู้อยู่แล้วนี่ลูซิเฟอร์? จะต้องมีคนหยุดนายเอาไว้ ลูกชายของฉันกำลังพัฒนาขึ้นมาอย่างต่อเนื่องเพราะงั้นฉันจะให้นายไปหยุดเขาไม่ได้]
[พัฒนาสินะ…]
ซาตานหรืออีกชื่อคือลูซิเฟอร์ได้มองไปที่แขนของเขาและยิ้มแห้งๆออกมา เขารู้สึกได้เลยว่าในตอนนี้ทั้งพลังและบันทึกของเขากำลังหายไป
อ่า ลูกชายของกาเบรียลคือสัตว์ประหลาดจริงๆ ในตอนที่กำแพงมิติได้ถูกทะลวงเข้ามา ลูกชายกาเบรียลก็ได้ดึงเอาพลังจำนวนมากไปจากตัวซาตาน พลังบันทึกและมานาที่ซาตานได้ครอบครองอยู่ในฐานะของผู้ปกครองโลกระดับสูงมากมาย
‘เขาเอาโลกระดับสูงไปจากฉันทั้งๆที่ฉันครอบครองอยู่ไปมากแค่ไหนกันนะ’
เนื่องจากว่าในพื้นที่แห่งนี้มิติได้ถูกตัดขาดทำให้ซาตานไม่ได้รู้อะไรเลยมาจนถึงตอนนี้ ซาตานเชื่อมาตลอดว่าพลังในฐานะผู้ปกครองโลกคือพลังของเขาไปตลอดกาลและจะไม่มีวันถูกเอากลับคืนไป
ยังไงก็ตามในตอนที่ยูอิลฮานได้ใช้เวทย์ข้ามมิติทะลวงกำแพงมิติเข้ามา พลังบันทึกที่ซาตานมีอยู่ก็ได้หดหายไปจากตัวเขา
เพราะแบบนี้ทำให้ซาตานอ่อนแอลง ไม่น่าเชื่อเลยว่านี่เป็นครั้งแรกเลยที่เขาได้รู้สึกถึงความไร้พลังหลังจากที่ได้ต่อสู้ขับไล่พระเจ้าออกไปจากสวรรค์ ซาตานได้มองไปที่กาเบรียลอย่างไร้อารมณ์และพูดออกมา
[นี่มันไม่ใช่การพัฒนาแล้วกาเบรียล นี่มันคือความปรารถนาที่มากยิ่งกว่าความโลภซะอีก ลูกชายของนายกำลังกลืนกินโลกระดับสูงทั้งหมด]
[ไม่หรอก ลูกฉันไม่ได้กลืนกินโลกพวกนั้น ลูกชายฉันก็แค่หลอมรวมพวกมันให้กลายเป็นหนึ่ง ลูซิเฟอร์ ลูกชายของฉันจะกลายมาเป็นผู้สร้างคนใหม่ ไปสู่ระดับที่พระเจ้าไปไม่ถึง และเป็นระดับที่เราก็ไปไม่ถึงเหมือนกัน เขาจะเป็นคนที่ไปถึงมัน ฉันมั่นใจได้เลย]
กาเบรียลได้ยิ้มออกมาอย่างพอใจ แต่ว่าซาตานได้เยาะเย้ยเขา
[นั่นมันเป็นไปไม่ได้หรอก แม้แต่พระเจ้าก็ยังทำล้มเหลวเลย นายคิดว่าแค่การพยากรณ์ของนายจะทำนายถึงระดับนั้นได้จริงๆงั้นหรอ?]
[มันมีอยู่หลายวิธีที่จะทำให้เกิดปาฏิหาริย์ขึ้นมา ฉันก็ยังหาต้นตอถึงพลังในการพยากรณ์ของฉันไม่ได้เลย การซ่อนตัวก็เหมือนกัน แต่ว่าลูกชายฉันได้ก้าวข้ามฉันไปแล้ว ลูซิเฟอร์ สิ่งที่ฉันเห็นก็แค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น เขาจะไปถึงไหนฉันก็มองไม่เห็นเหมือนกัน]
[เรื่องนั้นนายพูดถูก]
ซาตานได้รวมพลังเข้ามาที่มือของเขา ถึงแม้ว่าเขาจะตกใจที่จู่ๆพลังก็หายไป แต่ก็แค่ตกใจเท่านั้น หากว่าโลกหลักของเขายังไม่หายไป แหล่งพลังของซาตานก็จะไม่ได้ลดลงจนมากเกินไป
[มันแน่นอนอยู่แล้วว่าไม่มีใครที่จะล่วงรู้ในจุดสิ้นสุดของเส้นทางได้ เพราะงั้นมันถึงไม่น่าแปลกใจไงล่ะหากว่าเขาจะสะดุดล้มอยู่กลางทาง จริงไหม? แต่นายก็ไม่น่าจะอยู่รอดจนได้เห็นหรอกนะ!]
[นาย…!]
พลังเวทย์ความมืดได้ปะทุออกมาจากร่างซาตาน ด้านหลังของเขามีปีกที่เหมือนกับค้างคาวสิบปีกกางออกมา ยังไงก็ตามการเปลื่ยนแปลงยังไม่ได้จบแค่นี้ มีอยู่ปีกหนึ่งที่เต็มไปด้วยขนสีขาวบริสุทธิ์อยู่ ในตอนนี้กาเบรียลกับซาตานต่างก็กำลังใช้พลังของหนึ่งปีก
[เตรียมตัวซะกาเบรียล ฉันจะจัดการนายด้วยมือของฉันเอง แต่ว่านะ…]
[ย๊ากกกก!]
เสียงของซาตานได้ดังเข้าหูกาเบรียล กาเบรียลที่รู้ว่าถึงเวลาแล้วก็ยังรีบปล่อยพลังออกมารอบๆตัว แต่ว่าสิ่งที่เขาทำได้ก็แค่การลบเร็กน่ากลุ่มหนึ่งที่กำลังบุกเข้าไปในสวนเควัสเท่านั้นเอง
ถึงแม้ว่ากาเบรียลจะลบพวกมันไปได้กลุ่มหนึ่ง แต่ก็ยังมีเร็กน่าเหลืออยู่อีกจำนวนมากอยู่ดี แล้วก็ยังมีศัตรูที่อยู่ตรงหน้าเขา ซาตาน…
[มันจะเจ็บมากเลยนะ]
[นั่นคือสิ่งที่ฉันจะพูดซาตาน ฉันจะไม่ปล่อยให้ใครไปรบกวนลูกชายฉันได้!]
[งั้นก็มาต่อกันเลย!]
ดวงตาซาตานได้เป็นประกายขึ้นมาอย่างลึกลับและน่าแปลกใจ ในตอนนี้กาเบรียลก็ได้กัดฟันปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมา
***
[กาเบรียลได้ถูกจัดการ แล้วก็สวนเควัสก็ตกมาอยู่ใต้การปกครองของกองทัพจรัสแสงแล้ว นี่มันเป็นจุดจบที่งดงามเลยใช่ไหมล่ะ?]
ซาตานได้พูดออกมาสบายๆเช่นเดิม ไม่ว่าคนที่เขาพูดด้วยจะเป็นใครหรือต่อให้เป็น ‘พระเจ้าสวรรค์’ ที่ครั้งหนึ่งเขาเคยทรยศมาก็ตาม
[นี่มันยังไม่พอที่จะชดใช้ที่นายทรยศฉันในอดีต… แต่ว่าดีมาก พวกเราได้กำจัดนักพยากรณ์ไปแล้ว เพราะงั้นตอนนี้ก็เหลือแค่พวกน่าขยะแขยง… เอาล่ะส่งศพกาเบรียลมาให้ฉันสิ ลูซิเฟอร์]
พระเจ้าได้สั่งออกมาอย่างยิ่งใหญ่และเชื่อมั่น ยังไงก็ตามซาตานได้ส่ายหัวและหัวเราะออกมา
[คิดดูนะตาแก่ นายคิดว่ากาเบรียลคนที่ฉลาดพอที่จะดึงทุกๆคนมาเล่นอยู่ในเวทีของเขาได้จะโง่ทิ้งร่างกายที่ล้ำค่าของเขาเอาไว้งั้นหรอ? ฉันคิดว่าลูกเขาก็ได้สืบทอดในพลังกรซ่อนตัวของเขาไปด้วยเหมือนกัน แต่ว่าพลังในการพยากรณ์น่ะมีแค่เขาคนเดียวเท่านั้นที่มีมัน และมันจะเป็นแบบนี้ตลอดไป]
[…ฉันบอกให้นายส่งศพกาเบรียลมา]
[ฉันไม่มีเวลาไปเก็บศพด้วยซ้ำไป ถ้านายไม่พอใจทำไมไม่ไปจัดการด้วยตัวเองเลยล่ะ?]
คำตอบของซาตาได้ทำให้พระเจ้าพูดไม่ออก ซาตานรู้ถึงสภาพในตอนนี้ดีเพราะงั้นซาตานตั้งใจจะล้อเขาเล่นแน่นอน
พระเจ้าได้กัดฟันแน่น ถึงแม้ว่าเขาจะดึงซาตานมาเป็นพวกได้ แต่ว่าซาตานนี่แหละคือคนที่ไม่น่าเชื่อใจที่สุด
[นายเป็นคนทำลายเร็กน่างั้นหรอ? แล้วก็เก็บเอาศพกาเบรียลไปไว้กับตัวเอง]
[ทำไมฉันต้องโจมตีพวกเดียวกันด้วยล่ะ? แล้วก็นะตาแก่ นายก็น่าจะได้รับบันทึกจากพวกเร็กน่ามาด้วยไม่ใช่หรอ? นายก็ต้องรู้นี่ว่ากาเบรียลกับพวกผู้เฝ้าประตูได้ฆ่าพวกเร็กน่าไปน่ะ]
พระเจ้าได้หรี่ตาขึ้นมา
[ลูซิเฟอร์ นายมันสารเลว… นายไม่ได้โกหกใช่ไหม?]
[แล้วถ้าฉันโกหกนายดูออกไหมล่ะ?]
ไม่เลย พระเจ้าไม่ใช่คนที่ทรงอำนาจเหนือทุกสิ่งและรอบรู้ในทุกสิ่งเหมือนอย่างที่พวกทูตสวรรค์คิด
[เห็นไหมล่ะ? ก็แค่เชื่อใจฉันเท่านั้นเอง การเชื่อใจฉันมันดีสำหรับนายนะ]
[…]
เขารู้แน่ๆว่าซาตานมีอะไรที่ซ่อนเอาไว้อยู่ แต่ว่าเขาไม่อาจจะไปซักถามซาตานได้ในตอนนี้ เขาได้ฝืนกัดฟันแน่นเอาไว้และพูดคำพูดที่เต็มไปด้วยความโกรธและไร้ปราณีออกมา
[ถ้านายยังทำแบบนี้อยู่อีก… ฉันจะไม่ยอมรับให้นายอยู่ในโลกใบใหม่ที่ฉันสร้างขึ้น]
[หืม นายก็น่าจะรู้ดีนี่ว่าฉันเป็นพวกเรื่อยเปื่อยน่ะ เพราะงั้นต่อให้ฉันต้องอยู่ในหุบเหวนรกฉันก็ยังมีความสุขอยู่ดีนั่นแหละ… แต่ว่านะ… ไม่ใช่ว่านายไม่พูดจะเอาเรื่องนี้มาพูดกับฉันในตอนนี้หรอกหรอ? ในตอนนี้นายยังขยับร่างกายตามต้องการไม่ได้เลยนี่ นายยังต้องการ ‘เขา’ ไม่ใช่หรอ?]
พระเจ้าได้เงียบลงไป ซาตานพูดถูก ในตอนนี้พระเจ้ายังต้องการซาตาน แขนขาของเขายังไม่ได้มีอิสระ และสิ่งมีชีวิตประหลาดอย่างเร็กน่าก็อ่อนแอเกินกว่าที่จะทำอะไรได้ เพราะงั้นในตอนนี้เขายังต้องการให้เจ้าปีศาจตนนี้ช่วยอยู่
ซาตานได้ยิ้มออกมาราวกับเขารู้ว่าพระเจ้ากำลังคิดอะไรอยู่ รอยยิ้มของเขามันดูน่าอึดอัดใจมากๆ
[นายกลัววอะไรอยู่ล่ะ? วันสิ้นโลกได้เริ่มขึ้นสำเร็จแล้วนะ ทุกๆคนที่อยู่ในตำแหน่งที่มีส่วนเกี่ยวข้องต่างก็กำลังปะทะกันอย่างรุนแรงแล้ว ถึงแสงจากมิคาเอลจะเจิดจ้ายิ่งขึ้น แต่ว่านั่นก็อยู่ในการคาดการณ์ของเรานี่ พวกนั้นก็แค่เนื้อย่างชั้นดีเท่านั้นแหละ นายก็แค่ลุกขึ้นมากินไปเท่านั้นเอง]
[ลูซิเฟอร์…]
ซาตานกับพระเจ้าได้จ้องตากันอย่างดุเดือด พวกเขาทั้งสองคนไม่ได้เปิดใจให้กันจริงๆและทั้งสองฝ่ายต่างก็รู้จักกันเป็นอย่างดี ยังไงก็ตามพวกเขายังต้องการกันและกันอยู่เพราะงั้นพวกเขาก็เลยต้องอยู่ด้วยกันทั้งๆที่ไม่เชื่อใจกัน
พวกเขาไม่อาจจะกลับไปอยู่ในสถานะเจ้านายกับคนรับใช้เหมือนเมื่อก่อนได้อีกแล้ว ตอนนี้ทั้งสองคนได้มีระดับพลังเท่าเทียมกันและใช้ประโยชน์จากกันและกันอย่างเท่าเทียม
ยังไงก็ตามมีเรื่องหนึ่งที่มั่นใจได้เลยนั่นคือซาตานจะทรยศพระเจ้า ‘ไม่ได้’ ซาตานคือสิ่งมีชีวิตที่มีต้นกำเนิดจากพระเจ้าและไม่ว่าเขาจะดิ้นรนหลบหนีไปซะแค่ไหน แต่เขาก็ยังคงติดอยู่ในข้อผูกมัดนี้อยู่ดี ‘การต่อต้านสวรรค์’ มันเป็นไปไม่ได้เลย
ในตอนนี้เองจู่ๆอากาศบาดเจ็บภายในของพระเจ้าก็ได้ปะทุขึ้นมาสร้างความเจ็บปวดให้กับเขา
[อั๊ก]
[บาดเจ็บงั้นหรอ?]
[ยูอิลฮาน… เจ้าสารเลว!]
[อ่อ]
ซาตานได้หัวเราะออกมา
[ลูกชายกาเบรียลสินะ? เขาน่าทึ่งจริงๆนั่นแหละ เขาได้ขโมยพลังไปจากฉันเหมือนกัน ฉันสงสัยจริงๆเลยว่ากาเบรียลได้ให้กำเนิดลูกชายที่ยอดเยี่ยมแบบนี้ออกมาได้ยังไงกัน]
[มันยังดีที่เขาเกิดมาในตอนนี้…หากว่าเขามีเวลามากกว่านี้ โลกใหม่ก็อาจจะไม่ถูกเปิดขึ้น]
[นายดูจะมั่นใจกับโลกใหม่ของนายเอามากๆเลยนะ ทำไมไม่สร้างเพลงให้มันเลยล่ะ? อย่างมาสร้างโลกใหม่ด้วยกันไง!]
ซาตานก็ยังคงล้อเลียนพระเจ้าอยู่ตลอดเวลา ในตอนนี้จุดที่พวกเขาอยู่ก็คือสถานที่ที่มีชั้นบรรยากาศเป็นพิษ สิ่งมีชีวิตที่ชั่วร้าย มานาที่ชั่วร้าย และทุกๆอย่างที่ชั่วร้าย
ยิ่งไปกว่านั้นเขายังรู้สึกได้ถึงออร่าจางๆจากอีกฝั่งของกำแพงมิติยักษ์และหัวเราะออกมา
[ม่านได้ถูกเปิดขึ้นมาแล้ว ถ้างั้นเขาก็พร้อมที่จะก้าวไปสู่ขั้นต่อไปแล้วสินะตาแก่?]
[หุบปากลูซิเฟอร์]
พระเจ้าได้กัดฟันตอบกลับไป
[ฉันพร้อมมานานแล้ว]
***
“นี่มันบ้าอะไรกัน?”
“จะรู้ไหมล่ะ? นรกงั้นหรอ?”
เลียร่าได้ตอบกลับมาอย่างสงบ ในตอนนี้พวกเขากำลังอยู่ในที่ที่ท้องฟ้าและผืนดินกำลังพลิกกลับและหลอมละลาย เมื่อพวกเขามองไปรอบๆก็จะเห็นว่าดาเรย์ยังปกติ แต่ว่าในส่วนๆนี้มันเหมือนกัน…
“มันเหมือนกับคนที่ได้กินโลกทั้งใบลงไปแล้วก็อ้วกพวกของเสียทั้งหมดออกมา~”
“ขอบใจนะที่ช่วยอธิบายนายูนา เพราะเธอคนเดียวเลยถึงทำให้ฉันรู้สึกขยะแขยงมันมากขึ้น”
“เฮะๆ”
ยูอิลฮานได้โบกมือของเขาในขณะที่บ่นนายูนาไปด้วย ทั้งมานาและสายลมได้พักเข้ามาปกคลุมทั้งท้องฟ้าและผืนดิน มานาและสายลมได้ถูกละลายเข้าไปในโลกหลังจากกลายมาเป็นบันทึกและมานาบริสุทธิ์
ในขณะนี้เขาก็ยังคงเฝ้าดูแลพื้นที่แปลกๆแล้วก็หลอมรวมมันเข้ากับดาเรย์ไปด้วย
ในขั้นตอนนี้เขาจะได้รับบันทึกที่เป็นรูปธรรมเกี่ยวกับมันมากขึ้น และดูเหมือนว่าวิถีแห่งจักรวาลจะเปิดทางไปสู่โลกที่ไม่ใช่ทั้งของกองทัพสวรรค์ กองทัพจรัสแสง และกองทัพปีศาจวิบัติ แต่เป็นโลกในมิติย่อยที่ซ่อนเอาไว้อยู่เหนือการควบคุม
แน่นอนว่าเพลิงพิฆาตของยูอิลฮานได้ทำลายมันทิ้งไปจนหมดและดึงเข้ามาในดาเรย์แล้ว… ในตอนนี้พระเจ้า ความโลภ และซาตานก็คงจะเจ็บปวดกันแน่ๆ
“หืมมมม”
ยูอิลฮานได้รับบันทึกของโลกจำนวนนับไม่ถ้วนมาและได้วิเคราะห์จัดระเบียบความคิดในหัวก่อนจะเงยหน้าขึ้นมา คิมเยซอลได้มองมาที่เขาอย่างเป็นกังวล
“ลูกไม่เป็นอะไรนะ?”
“ผมสบายดีครับ ผมเป็นห่วงพ่อมากกว่าอีก ซาตานไม่ธรรมดาแน่ๆ”
“พ่อเขาไม่เป็นไรหรอก พ่อมีชีวิตยืนยาวกว่าพวกเราหรอกนะ”
“…นั่นก็จริง”
ถึงแม้ว่าทั้งคิมเยซอลกับยูอิลฮานจะไม่นับว่าเป็นเด็กแล้ว แต่ว่าหากไปเทียบอายุกันกับกาเบรียลพวกเขาก็ไม่ต่างกับเด็กทารกเลย ยูอิลฮานได้คิดถึงเรื่องนี้และมองสีหน้าของคิมเยซอล
“แล้วแม่สบายดีนะครับ?”
“แม่สบายดีอยู่แล้วลูกแม่… แต่แม่ก็ตกใจอยู่นั่นแหละ”
คิมเยซอลได้หัวเราะและเสริมขึ้นมาอีก
“ดูเหมือนว่าตอนนี้แม่จะต้องตั้งใจเพิ่มเลเวลซะแล้ว ฟู่ว แม่ได้สู้กับสิ่งมีชีวิตชั้นสูงมาตั้งหลายปี แต่แม่ก็ยังอยู่แค่คลาส 6 เอง พ่อของลูกแข็งแกร่งขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ?”
“หลายปีหรอครับ? แม่ต่อสู้ภายในโลกนั้นของพ่อหลายปีเลยงั้นหรอ?”
“ใช่สิ”
นี่คือเวทย์ที่เอาไว้ใช้ถ่วงเวลาศัตรูอย่างซาตาน ยูอิลฮานทึ่งกับความสามารถของพ่อเขามากๆ ใช่แล้ว ก็เพราะพ่อเขามีพลังระดับนี้เพราะงั้นตอนนี้พ่อเขาก็ไม่น่าจะเป็นอะไร พ่อจะต้องไม่เป็นอะไร ยูอิลฮานเชื่อแบบนี้…
“โอเค มาจบงานที่ค้างกันเอาไว้ดีกว่า ฉันหวังว่าฉันจะใช้วิถีแห่งจักรวาลได้อีกซักรอบนะ…”
เพลิงพิฆาตคือเทคนิคพิเศษที่เขาใช้ได้เฉพาะในมหาภัยพิบัติขั้นที่ 8 เท่านั้น! ช่างน่าเสียดาย
“ไม่ได้น่าเสียดายเลยสักนิด!”
มิสมิคได้ตะโกนออกมา คังมิเรย์ได้ยิ้มแห้งๆออมกาในขณะที่ยกคทาขึ้น
ประตูมิติร้อยบานได้เปิดขึ้นมาบนท้องฟ้าอีกครั้งหนึ่งฟ