อยากกินไหมล่ะ 美食供应商
บทที่ 817 คืนนี้แอลกอฮอล์ไม่ทำให้รู้สึกมึนเมาได้เลย
หยวนโจวกระดกเบียร์ชนิดแก้วต่อแก้ว
ในเวลาเพียงไม่นาน หยวนโจวก็ดื่มเบียร์หมดไปสามแก้วแล้ว ยิ่งดื่มเขาก็ยิ่งรู้สึกขม แต่เขากลับไม่เมาเลยสักนิดเดียว
เขาไปที่บาร์แล้วเอามาอีกสองแก้ว เบียร์สดห้าแก้วคือขีดจำกัดสูงสุดที่เขากำหนดขึ้นมาเอง ถึงอย่างไรดื่มมากไปก็ไม่เป็นผลดีต่อร่างกายสักเท่าไหร่นัก
สองแก้วใช้เวลาไม่นานนัก เพียงแค่ไม่กี่นาทีหยวนโจวก็ดื่มจนหมดเช่นกัน
“ฉันมีความสามารถในการดื่มเหล้าพอๆกับฝีมือการทำอาหารหรือยังนะ?” หยวนโจวบ่นพึมพำพลางจ้องมองแก้วเปล่าที่มีฟองชั้นหนึ่งเหลืออยู่ตรงก้นนิดหน่อย
เมื่อก่อนหลังจากดื่มไปห้าแก้ว เขาก็จะเริ่มเวียนหัวแล้ว ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้เมาจนไร้สติ แต่เขาก็หาใช่คนที่มีความสามารถในการดื่มเหล้าสักเท่าไหร่นัก
ดูเหมือนว่าหยวนโจวน่าจะไม่ได้รับสืบทอดพันธุกรรมชอบดื่มเหล้ามาจากบิดาของเขาเลย เมื่อนึกถึงบิดาขึ้นมา เขาก็จำได้ว่าบิดาของตนมักจะดื่มเพื่อความเพลิดเพลินหรือทุกสองวันหลังร้านปิด
วันนี้หยวนโจวรู้สึกราวกับว่าพรสวรรค์ในการดื่มเหล้าที่ซุกซ่อนเอาไว้ได้ถูกปลุกขึ้นมาเสียแล้ว เขายังคงมีสติอยู่แม้ว่าจะเมากว่าทุกทีที่เคย แถมยังรู้สึกว่าประสาทสัมผัสทุกส่วนของเขาจะเฉียบคมมากด้วย
เขาสามารถมองเห็นบิดากับบุตรสาวเตรียมเก็บแผงขายบาร์บีคิวของพวกเขาหลังการทำงานกลางคืนด้วยตาตนเอง
เขาสามารถได้ยินสามีภรรยาดุด่าบุตรชายที่มีผลการเรียนย่ำแย่ด้วยหูตนเอง
เขาสามารถได้กลิ่นเข้มข้นของเหล้าและใบไผ่ด้วยจมูกตนเอง
ข้อศอกของเขาเท้าอยู่บนโต๊ะหิน แต่กลับไม่รู้สึกถึงความเย็นเฉียบของโต๊ะหินอย่างที่รู้สึกได้จากอุณหภูมิร่างกายที่ได้รับความอบอุ่นตรงบริเวณที่ข้อศอกของเขาเท้าอยู่
เมื่อนึกขึ้นได้เช่นนี้ หยวนโจวก็พลันยิ้มขึ้นมาด้วยความภาคภูมิใจในทันที ถึงแม้ว่าโต๊ะเก้าอี้จะเป็นเจ้าระบบที่จัดหามาให้ทั้งหมด แต่แผนผังการวางตำแหน่งก็ยังตกเป็นภาระของเขาอยู่ดี
หลังจากเขาดื่มเบียร์หมดไปห้าแก้วแล้ว เขาก็เดินไปเอามาอีกห้าแก้ว เหล้าคืนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่ทำให้รู้สึกมึนเมาได้เลย
จากสิ่งนี้ไม่ว่าใครก็คงจะรู้ว่าการเป็นเจ้าของกิจการมันช่างแสนดีขนาดไหนกัน เขาสามารถดื่มได้มากเท่าที่อยากจะดื่มแถมยังไม่มีใครสามารถทำอะไรได้ด้วย หยวนโจวก็แค่ต้องจ่ายเงินให้เจ้าระบบแล้วเจ้าระบบก็จะไม่ว่าอะไร
คราวนี้หยวนโจวดื่มช้าลงมาก ถึงแม้ว่าเบียร์จะไม่ทำให้รู้สึกมึนเมาเลยก็ตามที แต่ก็ยังทำให้จุกมากจริงๆ
เขากระดกเบียร์หมดหมดไปราวๆเจ็ดหรือแปดแก้ว แน่นอนว่าแค่ดื่มอย่างเดียวค่อนข้างน่าเบื่อทีเดียว ดังนั้นบางครั้งหยวนโจวก็จะอมเบียร์เอาไว้ในปากแล้วกลืนลงไปหลังจากเบียร์อุ่นแล้วเท่านั้น
และด้วยวิธีการที่เขาใช้ดื่มนั้นกลับทำให้เบียร์ขมยิ่งขึ้น
“นานเท่าไหร่แล้วนะที่ฉันไม่ได้มองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวมากมายในเมือง” หยวนโจวเงยหน้าแล้วเหลือบมองท้องฟ้ายามค่ำคืนหลังจากเบียร์แก้วที่แปดของเขา ท้องฟ้าก็คือม่านสีดำที่แขวนดวงจันทร์เพียงดวงเดียวเอาไว้ตรงนั้น
ลำพังแค่เพียงดวงจันทร์อย่างเดียวหาได้ทำให้เกิดความรู้สึกอ้างว้างไม่ แต่กลับดูสวยมากกว่า แม้จะไม่มีดาวอยู่บนท้องฟ้าเลยแต่ก็ยังมีดวงจันทร์ให้เห็นอยู่นี่นา
สองสามวันต่อมา หยวนโจวก็ได้ข่าวมาว่าถนนเถ่าซือกำลังจะถูกรื้อถอน แต่เนื่องจากมีร้านหยวนโจวอยู่จึงต้องเปลี่ยนแผนไป
ทันใดนั้นเขาก็มีความคิดอันน่าขบขันขึ้นมา เจ้าระบบห่อหุ้มชั้นใต้ดินด้วยเหล็กกล้า เขาเลยสงสัยว่าทีมรื้อถอนจะสามารถทำอะไรกับมันได้จริงๆน่ะหรือ
ในขณะที่เขาครุ่นคิดไปทั่วอยู่นั้น หยวนโจวก็ดื่มเบียร์สองแก้วสุดท้ายหมดแล้ว
เขาคนเดียวดื่มเบียร์หมดไป 10 แก้วในคืนเดียว ในที่สุดเขาก็เข้าใจเรื่องหนึ่งแล้ว หลังดื่มแล้วจงอย่าได้กลัวว่าจะเมา แต่จงกลัวคนไร้สติมากกว่าคนเมาดีกว่า
หยวนโจวอยากดื่มต่ออีก แต่เขาทำเช่นนั้นไม่ได้ เขาพึมพำกับตัวเองว่า “ฉันคงดื่มต่อไม่ได้แล้วล่ะไม่งั้นพรุ่งนี้คงได้เมาค้างแน่ๆ ฉันยังต้องเปิดร้านในวันพรุ่งนี้อีกนะ”
เขาไม่สามารถดื่มได้อีกต่อไปแล้ว แต่เขากลับไม่รู้สึกอยากกลับเข้าห้องนอนของตัวเองเลยสักนิด ดังนั้นเขาจึงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา เขารู้สึกเบื่อจะแย่และคิดจะโทรคุยกับใครสักคน
เขามีหมายเลขโทรศัพท์มากมายอยู่ในรายชื่อผู้ติดต่อ แต่หลังจากเลื่อนขึ้นเลื่อนลงแล้ว เขาก็ยังหาคนที่เขาอยากคุยด้วยจริงๆไม่ได้เลย
ซุนหมิงเป็นเพื่อนที่ดีทว่าเขากลับหาใช่คนที่ดีพอจะสนทนาด้วยได้ ส่วนเจียงฉางซี่เป็นคนที่ดีพอจะสนทนาด้วยได้แต่คืนนี้ดึกเกินไปแล้ว ในฐานที่เป็นผู้บริหารระดับสูง แน่นอนว่าเจียงฉางซี่ย่อมมีตารางงานแน่นอยู่แล้ว หยวนโจวจึงไม่อยากรบกวนเธอ
เนื่องจากเขาไม่พบคนที่จะคุยด้วย เขาก็เลยเปิดคลังภาพขึ้นมา ภายในนั้นมีมุขตลกอยู่เป็นจำนวนมากที่เขาที่เขาแอบขโมยมาเมื่อตอนที่เขาได้อ่านบทสนทนาของม่านม่านกับคนอื่นๆในกลุ่มแชท
สำหรับคอลเล็กชั่นรวมมุขตลกทั้งในด้านคุณภาพและปริมาณ หยวนโจวไม่ขาดตกบกพร่องไปเลยแม้แต่น้อย
แน่นอนว่านั่นดูเหมือนจะไม่ใช่สิ่งที่น่าภาคภูมิใจเอาเสียเลย เพราะแบบนี้ขณะที่กำลังมองหาผ่านคอลเล็กชั่นรวมมุขตลกของเขา หยวนโจวก็หลับคาโต๊ะไปเสียแล้ว
พระจันทร์เสี้ยวแขวนลอยอยู่เบื้องบน ลมหนาวโบกพัดอย่างแผ่วเบา
ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเพียงเพราะมีคนหลับอุตุอยู่ที่นี่หรอก
ประมาณครึ่งชั่วโมงให้หลัง เจ้าระบบก็แสดงผลออกมาว่า “ติ๊งต่อง เจ้านาย ขอเตือนให้ทราบว่าท่าทางของคุณในตอนนี้มีความเป็นไปได้ถึงร้อยละ 90 ที่คุณจะเจ็บเอวในวันพรุ่งนี้และอาจจะส่งผลต่อคุณภาพการทำอาหารของคุณด้วย”
ถ้าหากเจ้าระบบพูดออกมาจริงๆแทนที่จะแสดงถ้อยคำออกมา สิ่งนี้อาจจะช่วยปลุกหยวนโจวให้ตื่นขึ้นมาก็ได้
แต่การแสดงถ้อยคำให้คนที่หลับสนิทดูก็ไม่ต่างอะไรกับการเต้นรำให้คนตาบอดดู ช่างเปล่าประโยชน์สิ้นดี
ดังนั้นไม่ว่าเจ้าระบบจะเตือนว่าอย่างไรบ้าง หยวนโจวก็ยังคงหลับสนิทอยู่ดี
ถึงแม้ว่าคืนนี้เหล้าจะไม่ทำให้รู้สึกมึนเมาได้เลย แต่ก็ยังช่วยให้หลับสบายแหละน่า ยามค่ำคืนของเมืองเฉิงตูอากาศหนาวเย็นมากทีเดียว แต่ไม่ว่าจะหนาวเย็นสักขนาดไหน หยวนโจวก็ยังหลับสนิทจนถึงวันรุ่งขึ้น
ตอนหกโมงเช้าหยวนโจวก็ตื่นเองโดยอัตโนมัติ เมื่อเขาลองยืดเส้นยืดสายดู ความรู้สึกเจ็บก็พุ่งเขาโจมตีลำคอและเอวของเขา
เขาเจ็บเสียจนไม่สามารถเหยียดได้เลย
“เกิดอะไรขึ้นกันนะ?” หยวนโจวอยากจะลุกขึ้นแต่จู่ๆความรู้สึกวิงเวียนก็พุ่งเข้าโจมตีสมอง เขารู้สึกราวกับหมุนอยู่กับที่เป็นหลายร้อยรอบพร้อมทั้งมีอาการปวดและวิงเวียนศีรษะร่วมด้วย
นอกเหนือไปจากอาการปวดและวิงเวียนศีรษะแล้ว เขายังรู้สึกหนักหัวมากเช่นกันราวกับว่าน้ำหนักสมองเพิ่มขึ้นอีกสักสี่หรือห้าเท่าเห็นจะได้ แถมยังรู้สึกเท้าเบาไปเลยอีกด้วยและเมื่อตอนที่เขาพูดก็ยังรู้สึกได้ถึงเสี่ยงหวี่ในหูของตัวเองได้อีกด้วย หยวนโจวพบว่าตัวเองชักจะเริ่มจับไข้ซ้ำยังเป็นไข้หวัดใหญ่อีกต่างหาก
“เมื่อคืนฉันเผลอหลับไปที่นี่งั้นหรือนี่?” หยวนโจวกล่าวพลางหันไปมองรอบตัว อากาศเย็นๆยามค่ำคืนประกอบกับลมยามค่ำคืนและเสื้อผ้าบางเบาที่เขาสวมใส่อยู่ก็พอเข้าใจถึงสาเหตุที่ทำให้เขาจับไข้ได้แล้วล่ะ
“ฉันแก่แล้วสินะ ถ้าเป็นตอนนั้นล่ะก็ถึงจะอาบน้ำเย็นดึกๆดื่นๆฉันก็ไม่รู้สึกอะไรด้วยซ้ำ” หยวนโจวบ่นพึมพำแล้วฝืนลุกขึ้นมา
เขาวางแผนที่จะทำความสะอาดก่อนที่จะเตรียมอาหารเช้า แต่พอเดินได้แค่สองก้าวเขาก็รู้สึกหนักหัวขณะที่เขาเริ่มทรงตัวไม่ได้จนเกือบล้มลงกับพื้น
“นิ่งไว้สิ… นิ่งไว้…” หยวนโจวรีบทรงตัวเพื่อเลี่ยงมิให้หกล้ม
ตามหลักแล้วเนื่องจากเขามักจะดูแลตัวเองยามป่วยอยู่เสมอ สิ่งนี้ไม่น่าจะเกิดปัญหาแต่อย่างใด เขาค่อยๆบ่ายหน้าไปห้องนอนบนชั้นสองแล้วหยิบยาแก้ไข้หวัดออกมาจากลิ้นชัก
เขากินยาสามเม็ดพร้อมน้ำแร่ขวดหนึ่ง เขาไม่มีเวลาพอที่จะไปต้มน้ำอุ่นแล้วล่ะ
เขาวางแผนที่จะกินยาแล้วยกเลิกการออกกำลังกายในวันนี้ไปเพื่อพักสักครู่ก่อนที่เขาจะเริ่มเตรียมวัตถุดิบ
ทว่าความเป็นจริงช่างแสนโหดร้ายนัก หลังจากพักผ่อนอยู่สักครู่แทนที่จะดีขึ้น เขากลับรู้สึกแย่กว่าเดิมเสียอีก เขาเริ่มเวียนศีรษะมากขึ้นไปอีก ด้วยสภาพของเขาในตอนนี้แม้แต่จะเตรียมวัตถุดิบก็คงยากแล้วยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงการทำอาหารเลย
“เจ้าระบบ แกพอจะมียาวิเศษอะไรที่สามารถรักษาให้ฉันหายได้ด้วยการกินเพียงครั้งเดียวบ้างไหม?” หยวนโจวถามขึ้น เท่าที่เขาเข้าใจ ของแบบนี้น่าจะเป็นเรื่องง่ายมากๆสำหรับเจ้าระบบที่ชอบโกงอยู่แล้วแหละน่า
ไม่กี่วินาทีให้หลัง เจ้าระบบก็แสดงผลออกมาว่า “ขอแนะนำให้วันนี้เจ้านายลาหยุดสักวันนะ”
นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เจ้าระบบแนะนำให้หยวนโจวลาหยุด แต่เนื่องจากเจ้าระบบให้คำแนะนำเช่นนั้นก็คงมีความหมายเพียงอย่างเดียวว่าเจ้าระบบเองก็ไม่มียาตัวนั้นเช่นกัน สิ่งนี้ทำให้หยวนโจวรู้สึกดูถูกดูแคลนเจ้าระบบสำหรับการตกม้าตายในเรื่องง่ายๆ
หลังจากนึกได้เช่นนั้นแล้ว ทางแก้เพียงทางเดียวของเขาก็คือต้องขอลาหยุดเท่านั้นแล้ว เขารู้สึกหนักหัวจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นยาที่กินก็ทำให้เขาง่วงนอนอีกด้วย