บทที่ 329 – วันสิ้นโลก (5)
ขณะที่กองทัพจรัสแสงกับสวนอาทิตย์อัสดงกำลังทำสงครามในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน กองทัพสวรรค์กับกองทัพปีศาจวิบัติก็กำลังมีการต่อสู้ที่รุนแรงกันอยู่
น่าแปลกที่สถานการณ์นี้มันดีกับมิคาเอลที่เพิ่งจะกลายมาเป็นระดับเทพคนใหม่อย่างมาก
[มองนายที่ไรฉันรู้สึกอึดอัดเสมอเลย]
ทุกๆครั้งที่หอกแสงมิคาเอลเปล่งประกายออกมา นักล่านับร้อยนับพันก็จะสูญเสียพลังไป นี่มันมากยิ่งกว่าแค่การป้องกันสวรรค์แล้ว ทูตสวรรค์กระทั่งบุกรุกข้ามไปอีกฝั่งของกำแพงแห่งความโกลาหล เข้าสู่เอลโลคาทร่าแล้ว
[พวกหนอนแมลงน่าเศร้า ที่แมลงที่ตอมสวรรค์จนถูกแสงหลอมละลายและหายไปซะ!]
[ท่านมิคาเอล ท่านต้องใจเย็น…]
[ไม่ การกำจัดผู้ล่า ท่านทำถูกแล้ว ตลอดมาพวกเราทำได้แต่ป้องกันเท่านั้น! แต่ในตอนนี้ท่านมิคาเอลกำลังทำในสิ่งที่ถูก!]
เหล่าคนที่ยอมรับในตัวมิคาเอลในฐานะพระเจ้าได้มีมากขึ้น ในขณะเดียวกันเหล่าคนที่ไม่ยอมรับในตัวมิคาเอลก็ยังมีอยู่แต่ว่าคนเหล่านี้ก็ไม่ได้เลือกติดตามยูอิลฮาน พวกเขาเลือกที่จะอยู่ปกป้องสวรรค์ พวกเขาไม่ต่างอะไรไปจากสุนัขเฝ้าบ้านที่เฝ้าหลุมศพเจ้านายเลย
ยังไงก็ตามมิคาเอลก็คิดว่าแบบนี้ก็ดีแล้วเหมือนกัน ตราบใดที่คนเหล่านั้นยังเลือกอยู่่สวรรค์และตราบใดที่มิคาเอลกลายเป็นผู้ปกครองสวรรค์ ในท้ายที่สุดแล้วคนเหล่านี้ก็ทำได้แต่ยอมรับในตัวเขาเท่านั้น!
มิคาเอลได้สวรรค์มาแล้ว เขาจะยืนหยัดเหนือยิ่งกว่าใครๆ กลายไปเป็นพระเจ้าที่สมบูรณ์แบบและทำให้ทุกๆคนต้องคุกเข่าต่อหน้าเขา เป้าหมายแรกที่จะทำเพื่อทำตามแผนนี้ให้สำเร็จก็คือการกำจัดกองทัพปีศาจวิบัติให้หมดก่อนเป็นอย่างแรก
[เหล่าผู้ล่าที่น่าสงสาร พวกนายมันก็มีแต่ทำลายและกลืนกินกันเอง ไร้ซึ่งประโยชน์ใดๆทั้งสิ้น พวกหนอนแมลงไร้ค่า]
[ก๊าซซซซซซซ]
[ในที่สุดพวกหน้าไหว้หลังหลอกก็ได้โยนหน้ากากทิ้งไปแล้ว… อ๊ากกก!]
แสงสว่างได้กระจายออกไปในทุกๆครั้งที่มิคาเอลพูดออกมาและในทุกๆครั้งที่แสงกระจายออกไปก็จะมีเสียงร้องของนักล่าดังออกมา
ยังไงก็ตามสำหรับมิคาเอลแล้วเสียงร้องเหล่านี้ก็เหมือนกับเสียงของมดเท่านั้น คงไม่มีใครที่จะเดินพยายามหลบมดทุกตัวหรอกจริงไหมล่ะ? จะมีซักกี่คนกันที่ไปสนใจเสียงหมดและปกป้องมดพวกนี้? สำหรับมิคาเอลแล้วพวกนักล่าพวกนี้ก็เป็นแค่อุปสวรรค์ที่น่ารำคาญและเขาก็แค่ลบพวกมันออกทั้งหมดก็แค่นั้น
[อย่ามาขวางทางฉัน หากมีตาก็ควักมันออกมา หากมีหัวใจก็ระเบิดตัวตายไปซะ หากมีเหตผลก็หยุดใช้งานมันไปซะ หากรู้สึกถึงฉันหรือหากมองเห็นฉันก็อย่าได้สะเออะมาอยู่ต่อหน้าฉัน]
มิคาเอลในปัจจุบันได้เป็นแบบนี้ไปแล้ว แม้ว่าเขาจะเพิ่งพ่ายแพ้ยูอิลฮานอย่างอัปยศ แต่ว่าเขาก็ได้ระบายความแค้นออกมาใส่กองทัพปีศาจวิบัติที่อ่อนแอกว่าแทน!
[ท่านมิคาเอลมีพลังมากมาย เราไม่ได้เลือดผิด ท่านมิคาเอลได้กลายเป็นพระเจ้าองค์ใหม่แล้วจริงๆ]
[ยังไงก็ตามนั่นมันก็แค่ทางด้านกายภาพเท่านั้นแหละ เขาจะไปสู่การเป็นผู้สร้างที่แท้จริงได้งั้นหรอ? ในภายภาคหน้าเราจะต้องสร้างและปกป้องโลกนับไม่ถ้วนนะ ท่านมิคาเอลจะนำเราไปในทางที่ถูกได้จริงๆน่ะหรอ?]
[ยังไงก็ตาม… มันเป็นเพราะท่านมิคาเอลเราถึงได้ทำให้เรามีพลังอยู่ถึงแม้ว่าเราจะเข้ามาในฐานทัพหลักของกองทัพปีศาจวิบัติก็ตาม]
ทูตสวรรค์ที่ยังกังขาในตัวมิคาเอลก็ไม่มีทางอื่นให้เลือกนอกจากยอมรับในพลังของมิคาเอล ในตอนที่มิคาเอลได้เสียเปรียบยูอิลฮานในครั้งนั้น พวกเขาก็คิดว่าพวกเราเจอกับหายนะแล้ว แต่แล้วมิคาเอลก็ได้แสดงพลังของตัวตนสูงสุดออกมาในเอลโลคาทร่า
[พาหัวหน้าความโลภของพวกแกมา ลากเจ้าสัตว์น้ายที่กล้ากินสวรรค์ออกมาซะ ลากมันออกมาที่นี่!]
[นายกล้าพูดถึงชื่อของท่านเทพได้ยังไงกัน! หลังจากหลบซ่อนอยู่หลังเมฆมาตลอดเวลา พอได้พลังเล็กๆน้อยก็มาทำอวดดีงั้นหรอ!?]
กองทัพปีศาจวิบัติไม่อาจจะทนต่อการยั่วยุของมิคาเอลเงียบๆได้เลย คนแรกที่เข้ามาเผชิญหน้ากับมิคาเอลตรงๆคือผู้บัญชาการกองพันที่ 10 เมโลฮิเน่! หากเป็นคนที่มีระดับต่ำกว่าผู้บัญชาการกองพันจะไม่อาจหยุดมิคาเอลได้แต่วินาทีเดียวเลย มิคาเอลได้ล้อเลียนเธอโดยไม่ยอมถอยแม้แต่นิดเดียว
[‘ท่านเทพ’ นี่เธอจะบอกว่าสัตว์ป่านั่นเป็น ‘ท่านเทพ’ เธอนี่มันช่างเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำจริงๆเลย จริงสิ คงมีแต่ร่างกายใหญ่ยักษ์ของเธอสินะถึงพอจะทำให้ความโลภนั่นพึงพอใจได้?]
[นี่แกกล้าพูดคำๆนี้ออกมาทั้งๆที่เรียกตัวเองว่าเป็นทูตสวรรค์เนี้ยนะ….!]
[ฉันไม่ใช่ทูตสวรรค์อีกต่อไปแล้ว ฉันคือพระเจ้า ไม่ว่าฉันจะทำอะไรก็ไม่มีอะไรผิดพลาด ไม่มีอะไรที่ฉันจะต้องลังเล และไม่ต้องมีความปราณีใดๆในการกระทำของฉัน]
แสงจากตัวมิคาเอลได้ขยายออกมาปกคลุมเมโลฮิเน่เอาไว้แล้ว เธอได้พยายามจะปล่อยพลังงานไอเย็นทั้งหมดออกมาป้องกันแสงสว่างเอาไว้ แต่ว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าแสงสว่างแห่งดวงอาทิตย์น้ำแข็งจากตัวเธอมีแต่ละเหยกลายไปเป็นไอน้ำเพียงเท่านั้น
[อ๊าา แก… อึก…!]
[ฮึ่ม เธอมันไร้ค่าจริงๆ!]
[แก… โอ้…!]
ในท้ายที่สุดเธอก็ไม่อาจจะทนจนพูดคำสุดท้ายจบ เธอได้ถูกทำลายกลายเป็นไอหายไปเหมือนกับหมอก นี่คือราคาของผู้ที่มาสู้กับมิคาเอลอย่างไร้ความกลัวทั้งๆที่เป็นฝ่ายเสียเปรียบในด้านธาตุ มิคาเอลได้มั่นใจในพลังของเขาที่สามารถจะเอาชนะคนอื่นได้และกลายเป็นหยิ่งยโสมากยิ่งขึ้น
[ต่อไปใครกันล่ะ? ใครกันที่จะมาเห่าใส่ฉันเป็นคนต่อไป? หรือจะเป็นความโลภล่ะ? นายได้ยินทุกๆคำที่ฉันพูดนี่จริงไหมล่ะ?]
ยังไงก็ตามมีบอสที่ไหนกันจะปรากฏตัวหากยังมีลูกน้องอยู่? ถึงแม้ว่าจะมีการตายของเมโลฮิเน่ที่ตายไปต่อหน้า แต่กองทัพปีศาจวิบัติก็ยังยึดมั่นในเส้นทางของตัวเอง พวกมันยังคงต้องการแต่การทำลายทั้งนั้นทำให้พวกมันยังคงโจมตีต่อไป
[นายมันโอหังเกินไปทูตสวรรค์!]
[อึก!?]
น้ำเสียงน่าขนลุกได้ดังขึ้นมาทำให้ซากศพทหารกองทัพปีศาจวิบัติที่ตายไปแล้วได้ระเบิดออกมาโจมตีทูตสวรรค์
มิคาเอลได้ป้องกันการโจมตีนี้ได้ง่ายๆ แต่ว่าทูตสวรรค์คนอื่นๆที่ตามมิคาเอลมาไม่ได้เป็นเหมือนเขา การโจมตีนี้ได้ถูกวางแผนเวลามาอย่างพอดีทำให้มีการบาดเจ็บล้มตายเกิดขึ้นก่อนที่มิคาเอลจะได้สร้างบาเรียกระจายไปทั่วถึงทูตสวรรค์ทั้งหมด ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะว่าบูเมอร์รอลได้เล็งไปที่ทูตสวรรค์คนอื่นๆแต่แรกแล้ว
[คิก คิกคิกคิก! ไร้ปราณีจริงๆเลย ไม่สนใจแม้กระทั่งพวกเดียวกัน นายมันทั้งโง่เขลา ป่าเถื่อน หยาบคาย จริงสิ นายกำลังผลักดันตัวเองให้หลุดจากตัวตนเก่าอยู่สินะ คุณทูตสวรรค์มิคาเอล!]
มิคาเอลได้กัดฟันแน่นเมื่อได้เห็นผู้บัญชาการกองพันที่ 5 บูเมอร์รอลได้ปรากฏตัวขึ้นมาท่ามกลางฝนโลหิต
[ฉันบอกว่าฉันไม่ใช่ทูตสวรรค์!]
[ใช่แล้ว ตัวนายในตอนนี้มันไม่ใช่ทูตสวรรค์ นายมันก็แค่คนทรยศที่มาอารวาดโดยไม่รู้จุดยืนของตัวเองก็แค่นั้น ซาตานในอดีตดูคล้ายกับนายในตอนนี้มากๆเลยนะ ข่าวลือที่ว่าพวกนายสองคนเป็นพี่น้องกันนี่เป็นเรื่องสินะ?]
[หา!]
ไม่ใช่แค่บูเมอร์รอลเท่านั้นที่มา แต่ยังมีผู้บัญชาการกองพันที่ 4 เทลไซเดอร์ ผู้บัญญาการกองพันที่ 6 เบลคาทู ผู้บัญชาการกองพันที่ 8 เซนูว่า และผู้บัญชาการกองพันทั้งหมดที่เหลือรอดอยู่ได้มารวมตัวกันขวางทางมิคาเอลเอาไว้ ทูตสวรรค์จำนวนน้อยที่ยังเหลือรอดอยู่กับมิคาเอลก็ยังก้าวหน้าขึ้นมาเผชิญหน้ากับผู้บัญชาการกองพันเหล่านี้
เทวทูตต่างก็เต็มไปด้วยความเชื่อมั่นจากการที่ได้เห็นเมโลฮิเน่ถูกจัดการอย่างง่ายดาย แต่ว่ามันดูจะมีเรื่องน่าแปลกใจอยู่เพราะว่าเหล่าผู้บัญชาการกองพันทั้งหมดที่มาเผชิญหน้ากับกองทัพสวรรค์ต่างก็เต็มไปด้วยความยินดีจนน่าประหลาดใจ
[ยังจะสนุกกันได้อยู่อีกงั้นหรอ?]
แม้ว่ามิคาเอลจะมาถึงระดับพลังของเทพแล้ว แต่ว่าเขาก็ยังคงมีความสับสนอยู่ทำให้เขาได้ถามออกไป
[แล้วอะไรที่ทำให้นายหัวเราะกันล่ะ? การขวางทางนายนั่นมันหมายความว่าจะถูกทำลายยังไงล่ะ หากว่าจะพวกเราสนุกงั้นพวกเราก็ควรจะทำสีหน้ายังไงกันล่ะ?]
[นายก็น่าจะรู้อยู่แล้วนะ]
ผู้บัญชาการกองพันที่ 9 ซิเฟอร์ไรท์ได้ตอบกลับมา เขาคือยักษ์ที่มีขนาดร่างกายใหญ่กว่าเมโลฮิเน่ที่เพิ่งจะตายไปซะอีก บนร่างกายของเขาก็ยังมีเขาโผล่ออกมาจากร่างเหมือนกับเป็นเกราะอีกด้วย หากนับแค่พละกำลังเพียงอย่างเดียวเขาก็คืออันดับที่สองรองลงมาจากความโลภเพียงเท่านั้น และเขาก็น่าจะเป็นคนที่น่าจะยืนหยัดต่อสู้กับมิคาเอลได้นานที่สุด
[พวกเรารักในการทำลาย เหตุผลที่เรามาอยู่ใต้กองทัพนี้นั่นก็เพราะว่าเรารู้สึกเป้าหมายการทำลายที่ยิ่งใหญ่ในอนาคต และความโลภก็พูดถูก ในตอนนี้เราได้เผชิญหน้ากับนายแล้ว พวกเราจะไม่เพลิดเพลินไปกับมันได้ยังไงกัน? มิคาเอล นายมันก็เป็นหนอนแมลงเหมือนกัน แต่นายก็ครอบครองในพลังที่ฉันไม่เคยมีมาก่อนอยู่ นี่จะไม่ให้ฉันคาดหวังได้ยังไงกัน?]
[ฮึ่ม ฉันโง่เองนั่นแหละที่คาดหวังเหตุผลอะไรจากพวกนาย พวกนายทุกคนมันก็แค่พวกบ้าเท่านั้นเอง]
มิคาเอลได้ขว้างหอกแสงของเขาออกไป แสงได้เคลื่อนที่ไปด้วยความเร็วปักเข้าที่ยักษ์ภายในพริบตาเดียว แต่ว่ายักษ์ก็ฟื้นฟูร่างส่วนที่โดนแทงกลับมาโดยไม่ขมวดคิ้วแม้แต่นิด
มิคาเอลคิดว่าซิเฟอร์ไรท์แกร่งยิ่งกว่าเมโลฮิเน่มาก และในตอนนี้เองมิคาเอลก็รู้สึกได้ถึงสิ่งหนึ่ง นั่นก็คือกหมอกที่เมโลฮิเน่ได้สร้างขึ้นในตอนเธอตายมันยังไม่หายไปจนหมด หมอกมันยังคงวนเวียนอยู่รอบตัวมิคาเอลกับทูตสวรรค์ ซิเฟอร์ไรท์ได้ขยับยิ้มออกมา
[เมโลฮิเน่เธอคือผู้หญิงที่รักในการทำลาย เธอมีความสุขไปกับการทำลายตัวเองเท่าๆกันกับที่เธอมีความสุขไปกับการทำลายคนอื่น การทำลายตัวเองเพื่อที่จะทำลายคนอื่นๆไปด้วยคือความสุขที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเธอแล้ว เธอได้บอกฉันที่เป็นพี่ชายของเธอแบบนี้นั่นแหละ]
หากแสงอยู่ในน้ำความเร็วมันจะช้าลงและเกิดการหักเหขึ้น ถึงแม้ว่าไอน้ำพวกนี้จะไม่ใช่น้ำก็ตาม แต่ด้วยคำสาปของเมโลฮิเน่ที่ได้ทำงานขึ้นด้วยพลังชีวิตทั้งหมดของเธอจึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะรับมือกับไอน้ำพวกนี้ นี่คือคำสาปทรงพลังที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าแสงสว่างที่มิคาเอลใช้เลย แม้กระทั่งการเคลื่อนไหวของเทวทูตคนอื่นๆก็ได้รับผลกระทบจากคำสาปนี้เช่นกัน
ในอดีตยูอิลฮานก็ยังเคยต้องลำบากกับคำสาปของหัวหน้ากองพันที่ 13 อิชจาร์มาแล้วเหมือนกัน และคำสาปของเมโลฮิเน่ก็ยิ่งเลวร้ายยิ่งกว่าคำสาปของอิชจาร์มาก
[อึก นี่นายคิดว่าด้วยแค่คำสาปของคลาส 7 ก็เอาชนะฉันได้…!]
[ในตอนยูอิลฮานยังเป็นแค่สิ่งมีชีวิตชั้นต่ำนายก็ยังเคยถูกเขาต้อนจนจนมุมเลยนี่แถมนายก็ยังโดนจำกัดพลังอยู่ด้วยเหมือนกัน ฉันสงสัยจริงๆเลยว่านายกลายมาเป็นเทพได้ยังไง!]
แม้ว่ามิคาเอลจะปล่อยแสงสว่างจ้าออกมาในทุกๆส่วนของร่างกาย แต่หมอกไอน้ำจากเมโลฮิเน่ก็ยังคงอยู่ แสงทั้งหมดที่มิคาเอลปล่อยออกมาได้อ่อนพลังลงและพลังเวทย์ทั้งหมดของมิคาเอลก็ลดลงไปด้วย ในระหว่างที่มิคาเอลกำลังพยายามลบไอน้ำออกไป ผู้บัญชาการกองพันก็ได้เข้าโจมตีเทวทูตที่ถูกหยุดการเคลื่อนไหวทำให้ค่อยๆมีเทวทูตตายไปแล้วคนหนึ่ง
[ทะ ท่านมิคาเอล…!]
[ย๊ากกกกกก!]
[ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! เทพที่พาพวกลูกกน้องมาแล้วเสียพวกลูกน้องไปต่อหน้า! นี่มันน่าขำจริงๆเลย น่าขำสุดๆไปเลยล่ะ! มิคาเอล นายนี่มันน่าขำมากเลยจริงๆ!]
[พวกแกทุกคนจะต้องตาย! ฉันจะเอาเลือดพวกแกมาย้อมพื้นให้กลายมาเป็นยุคสมัยใหม่ของสวรรค์! จะไม่มีใครรอดไปได้! ฉันจะทำลายทั้งความโลภแล้วก็ซาตานทิ้งไป!]
ระหว่างที่มิคาเอลยังคงลบล้างคำสาปไอน้ำอยู่ก็ได้มีเทวทูตตายลงไปอีกคนหนึ่ง ผู้บัญชาการกองพันที่ 9 ซิเฟอร์ไรท์ได้พุ่งตัวตรงเข้าใส่มิคาเอลและยื่นเขาที่มีอยู่ทั่วร่างออกมา ในสายตาของซิเฟอร์ไรท์ในตอนนี้มีแต่ความบ้าคลั่งอยู่ภายใน
[วันสิ้นโลก นี่มันคือวันสิ้นโลก! ทุกๆอย่างจะถูกทำลาย และสิ่งที่เรียกว่าโลกจะหายไปจนหมดสิ้น!]
แสงจากร่างของมิคาเอลที่สัมผัสตัวซิเฟอร์ไรท์ได้ละลายเขาซิเฟอร์ไรท์จนหายไปพร้อมๆกับทำให้เลือดเขาสาดกระจายออกมาย้อมทั้งร่างจนกลายไปเป็นสีแดงชาน แต่ถึงแบบนั้นซิเฟอร์ไรท์ก็ยังคงไม่หยุดลง
ตอนนี้พอมามองดูแล้วในเลือดที่ไหลออกมานั้นเต็มไปด้วยพิษที่ร้ายแรง และเลือดพวกนี้ได้พุ่งผ่านแสงมาอาบไปทั้งร่างของมิคาเอล ด้วยระดับที่มิคาเอลอยู่ทำให้เขาไม่ตายจากแค่พิษแน่นอน แต่ว่าหากมิคาเอลยังไม่ได้มีมีระดับการต้านทานพิษสูงสุด เขาก็ไม่อาจจะหยุดพิษที่ทำให้เขาอ่อนแอลงได้
[เหล่าคนที่ไร้ซึ่งความฝันไม่มีสิทธิมาพูดถึงเรื่องวันพรุ่งนี้ต่อหน้าฉัน เหล่าคนโง่เขลาจงตายไปเสียเถิด!]
ในที่สุดมิคาเอลก็รู้ตัวว่าซิเฟอร์ไรท์คิดจะสละชีวิตตัวเองเพื่อหยุดเขาเอาไว้ นี่มันเป็นเรื่องที่สิ้นคิดมากๆ แต่ยังไงก็ตามซิเฟอร์ไรท์ได้ล้อเลียนออกมาแทน
[นายนี่โง่จริงๆเลยนะทูตสวรรค์! นั่นก็เพราะว่าฉันไม่เชื่อในชีวิตนิรันดร์อยู่แล้ว เพราะฉันยอมรับในความตายที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง ฉันถึงได้มีความสุขกับปัจจุบันไงล่ะ!]
[นั่นมันก็แค่ข้ออ้างของพวกไร้พลังที่ทำอะไรไม่ได้นอกจากยอมรับในความตายเท่านั้นแหละ! หากว่านายเชื่อว่าคุณค่าจะเปลื่ยนไปตามพลังที่นายมี ถ้างั้นนายก็รู้เอง!]
พลังเวทย์มิคาเอลได้ปะทุบ้าคลั่งออกมา ในที่สุดคำสาปเมโลฮิเน่ก็ถูกจัดการทิ้งไปอย่างสมบูรณ์ แสงสว่างได้ปกคลุมไปทั่วทั้งโลก! ซิเฟอร์ไรท์ได้หัวเราะออกมาอย่างยินดีที่ได้เผชิญหน้ากับพลังเวทย์ที่ลุกไหม้ของมิคาเอลและตายลงไป
[ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! ใช่แล้ว นี่แหละคือสิ่งที่น่ายินดีที่สุดสำหรับฉันและยังเป็นช่วงเวลาที่คุ้มค่าที่สุด! ฉันมีความสขุจริงๆ! ขอบใจนายมากนะมิคาเอล! ขอบคุณนายท่านและพระเจ้าเพียงหนึ่งสำหรับฉัน! อ๊ากกกกกก!]
ซิเฟอร์ไรท์ได้ระเบิดร่างตายไปพร้อมๆกับคำพูดสุดท้ายที่ทำให้คนฟังต้องขนลุก พิษได้กระจายออกมาเข้าใส่ทูตสวรรค์ทุกๆคนรวมไปถึงมิคาเอล
ฉากนี้ดูน่ากลัวและวังเวงจนทุกๆคนเงียบกันอยู่พักหนึ่ง
[ให้ตายสิ…]
ในที่สุดมิคาเอลถ่มน้ำลายที่เต็มไปด้วยพิษออกมาและเงยหน้าขึ้นมา ภายในนัยน์ตาสีทองของเขามีแต่ความโกรธแค้น
[ฉันจะลบทุกๆอย่าง! วันสิ้นโลกที่พวกนายกำลังต่างต้องการ วันๆนั้นแหละคือวันที่จะทำให้ฉันยิ่งใหญ่!]