“…นั่นก็คือเรื่องราวทั้งหมดก่อนที่ฉันจะย้ายมาเรียนที่นี่”
หลังจากเล่าจบอาซานางิก็หายใจเข้าลึกๆ ผมเคยสงสัยว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ตอนที่คุยได้กับอาซานางิเมื่อวันก่อน แต่เรื่องที่เธอเล่าในวันนี้มันเข้าใจง่ายอย่างมาก ขนาดคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรมาก่อนแบบผมที่ไม่เคยรู้จักกับพวกเธอทั้งสองคนมาก่อน
…แม้แต่ในช่วงเวลาที่ยากลำบากแบบนั้น อาซานางิก็ยังคงเป็นอาซานางิ
ตอนนี้บรรยากาศไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ผมจึงขอให้นิโทริซังกับโฮโจซังหลบออกไปก่อน นี่น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในเวลานี้
เพราะถ้าพวกเธอยังอยู่ที่นี่ ผมคิดว่าบางทีอามามิซังอาจจะทะเลาะกับพวกเธอได้
“พอเป็นแบบนี้…ตอนย้ายโรงเรียน….ฉันก็เลยบอกเหตุผลกับพวกเธอว่าเป็นเพราะค่าเทอมมันแพงเกินไป”
“ฉันขอโทษนะยูที่โกหกเธอ ถึงฉันจะอ้างนู่นอ้างนี่ แต่จริงๆแล้วฉันแค่อยากจะหนี ถ้าฉันยังเรียนอยู่ที่เดิม ฉันแน่ใจว่าฉันต้องทนไม่ไหวแล้วระเบิดมันออกมาแน่ๆ…แต่ว่าสุดท้าย…ยูก็เลือกที่จะย้ายโรงเรียนตามฉันมา”
“มันแน่นอนอยู่แล้ว เพราะอุมิเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันนี่ ถึงฉันจะเป็นเพื่อนกับซานาเอะจังแล้วก็มานากะจังแต่เพื่อที่ฉันสนิทด้วยที่สุดก็คืออุมิ ถึงมันจะยากที่ต้องอ่านหนังสือเตรียมสอบ ถึงพ่อกับแม่จะโกรธ แต่ฉันไม่อยากใช้ชีวิตในโรงเรียนที่ไม่มีอุมิอยู่มากกว่า”
มันไม่น่าแปลกใจที่อามามิซังตัดสินใจแบบนี้
ถ้าอาซานางิไม่ได้พบกับแผ่นหลังอันโดดเดียวของอามามิซัง และถ้าอาซานางิไม่ได้เอื้อมมือออกไปเพื่อช่วยเหลือเธอ ผมเองก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับอามามิซัง
“ยู เมื้อกี้เธอพูดว่าดีที่สุดใช่ไหม?”
“เอ๊ะ? ชะ-ใช่”
“…นั่นคือปัญหาล่ะนะ…แต่อย่าเข้าใจผิดล่ะ ฉันรู้สึกดีใจมากที่ได้ยินยูพูดแบบนี้ แต่ว่านั่นก็เป็นเหตุผลที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น”
“เอ๊ะ?”
“…ความจริง ฉันได้ถามกับพวกเธอทั้งสองคนตอนวันจบการศึกษาว่า「ตอนนั้นทำไมถึงต้องโกหก?」”
ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมทั้งสองคนถึงได้ดูตกใจขนาดนั้นตอนที่เห็นอาซานางิ
“ทั้งสองคนบอกว่า「ถ้าไม่มีอุมิจัง ยูก็คงจะยิ้มให้เราสองคนมากกว่านี้」แล้วก็「มันไม่ควรเป็นของอุมิจังคนเดียวสิ」แต่สุท้ายก็ดูเหมือนว่าความปรารถนาของทั้งสองคนจะไม่สมหวังล่ะนะ เพราะตอนที่ฉันย้ายออกมา ยูก็ยังย้ายตามฉันมาอยู่ดี”
ผมรู้สึกว่าตัวเองเข้าใจเหตุผลของเรื่องนี้ได้
เมื่อตอนที่ผมได้เจอกับอามามิซังครั้งแรก…ไม่สิ น่าจะเป็นตอนที่ผมได้เห็นอามามิซังยิ้มให้กับอาซานางิ…มันคงเป็นเหมือนกับเรื่องที่อาซานางิเล่าให้ฟัง ผมอดคิดขึ้นมาในใจไม่ได้ว่ามีเด็กผู้หญิงที่น่ารักขนาดนี้อยู่จริงๆงั้นเหรอ?…และบางทีคนอื่นๆในห้องเรียนก็คนคิดเหมือนกันกับผม
ไม่ว่าจะเป็นยังไง อามามิซังก็มีเสน่ห์ที่มากเกินต้านทานได้
ในแง่ของเวลา พวกเธอทั้งสองคนคบกับอาซานางิมานานมากกว่าเวลาที่คบกับอามามิซัง นั่นอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้ทั้งสองคนรู้สึกอย่างนั้น
“ในตอนที่ยูเข้าร่วมกลุ่มกับพวกเรา…ฉันรู้สึกว่าตัวเองค่อยๆถูกกีดกันออกจากกลุ่มมากขึ้นเรื่อยๆ…คนที่เคยคุยกับฉันบ่อยๆก็ค่อยๆคุยกับฉันน้อยลงแล้วสุดท้ายก็กลายเป็นว่าพวกเธอคุยแต่เฉพาะกับยูคนเดียว…ในที่สุด「เพื่อน」ของฉัน…ก็ไม่ใช่「เพื่อน」ของฉันอีกต่อไป…”
สิ่งที่ตัวเองพยายามสร้างมาด้วยความยากลำบาก แต่พอรู้ตัวอีกที…สิ่งที่ตัวเองพยายามสร้างขึ้นมาก็ไม่ใช่ของตัวเองอีกต่อไป…แค่นึกภาพตามขึ้นมาก็ทำให้ตัวผมรู้สึกกระอักกระอ่วนแล้ว
อาซานางิต้องอดทนกับเรื่องแบบนั้นมาตลอด
“…เรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นเพราะฉันยื่นมือเข้าไปช่วยยูไม่ใช่หรือไง? เพราะฉันเป็นคนบอกให้ยูทำแบบนี้…แต่อยู่ๆจะให้ฉันไปบอกยูว่าให้หยุดยิ้ม แล้วกลับไปทำตัวมืดมนเหมือนเมื่อก่อนงั้นเหรอ?…แบบนั้นฉันทำไม่ได้หรอก”
อย่างที่ผมเคยบอกไปหลายครั้งแล้วว่าอามามิซังไม่ได้ผิดอะไรเลย อามามิซังก็แค่ทำตัวให้สมกับเป็นอามามิซังเท่านั้นเอง…แต่ถ้าอย่างนั้น…ทุกอย่างก็เป็นความผิดของอาซานางิเหมือนอย่างที่ตัวเธอพูดอย่างนั้นเหรอ?
ถ้าในตอนนั้นอาซานางิไม่ได้ชวนอามามิซังให้เข้ามาอยู่ในกลุ่ม อาซานางิก็น่าจะยังคงเป็นศูนย์กลางของกลุ่มที่เธอสร้างขึ้นมาอยู่…แต่ถ้าทำแบบนั้น อาซานางิก็จะไม่สามารถช่วยอามามิซังได้
…ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้นะ?
ถึงจะไม่เข้าใจ แต่ผมเชื่อว่าอาซานางิทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้ว
“ถ้าอย่างนั้น…นี่ก็คือเหตุผลที่เธอไม่สามารถบอกเรื่องของเราให้อามามิซังฟังได้สินะ….”
“ชะ ใช่…ฉันไม่อยากเสีย「เพื่อน」ทั้งๆที่ฉันพยายามมาขนาดนี้แล้วไปอีกแล้ว”
หากอาซานางิเก็บเรื่องของเราเป็นความลับจากอามามิซัง และพยายามแยกผมให้อยู่ห่างจากอามามิซังให้มากที่สุด ความเป็นไปได้ที่จะเกิดเรื่องเหมือนในอดีตจะลดน้อยลงไปอย่างมาก แล้วนอกจากนี้ ด้วยนิสัยส่วนตัวของผมที่ไม่ค่อยมีเพื่อนจึงยิ่งทำให้เรื่องมันง่ายขึ้นไปอีกสำหรับอาซานางิ
อาซานางิที่ไม่ต้องการให้อดีตซ้ำรอยเดิม…กับผมที่ต้องการชีวิตที่เงียบสงบตอนที่อยู่ในชั้นเรียน
มันเป็นความสัมพันธ์แบบลับๆที่พวกเราทั้งคู่ต่างเก็บรักษามาได้เป็นเวลานาน…แต่เมื่อพูดถึงคนที่รู้จักอาซานางิดีที่สุด อามามิซังก็คือคนๆนั้น
แน่นอนว่าผมกับอาซานางิระวังตัวกันเป็นอย่างดี
“นี่…ยู”
“…อะไรเหรอ?”
“เธอชอบฉันไหม?”
“แน่นอนสิ เธอคือเพื่อนรักของฉันตั้งแต่ครั้งแรกที่เราเจอกันแล้ว”
“ฉันก็เหมือนกัน ยูคือเพื่อนที่ฉันรักที่สุด…แต่ว่า…ฉันก็รู้สึกเกลียดยูมากพอๆกัน ฉันขอโทษนะ…ฉันแค่อยากจะบอกความรู้สึกของตัวเองออกไปน่ะ…”
“อุมิ…”
ทั้งๆที่รัก แต่ก็เกลียด
ทั้งๆที่ดูเหมือนทั้งสองอย่างจะขัดแย้งกัน แต่ผมกลับรู้สึกว่าสามารถเข้าใจความรู้สึกของอาซานางิในเวลานี้ได้
ทำให้ผมคิดขึ้นมาได้ว่า
ทำไมการที่จะชอบหรือไม่ชอบใครสักคน…ถึงได้ลำบากขนาดนี้กันนะ
“…ฉันขอโทษนะ แต่ฉันคงต้องขอตัวไปทำให้หัวเย็นลงสักหน่อยล่ะ”
“เดี๋ยวสิ อุมิ…”
“ไม่เป็นอะไรหรอกยู ฉันจะไม่หนีอีกแล้ว…แต่ว่า ขอฉันอยู่คนเดียวสักพักนะ”
เมื่อพูดจบอาซานางิก็เดินหายไปท่างกลางฝูงชนที่กำลังพลุ่งพล่านในช่วงเที่ยงวัน
ผมคิดว่าผมรู้ว่าเธอจะไปที่ไหน ไม่ว่ายังไงตอนนี้ในโรงเรียนก็เต็มไปด้วยผู้คนจำนวนมากทั้งในและนอกอาคาร ดังนั้นมันจึงมีเพียงไม่กี่ที่เท่านั้นที่จะสามารถอยู่คนเดียวได้
“…อามามิซัง ผมขอตัวก่อนนะ ผมมีเรื่องที่ต้องคุยกับอาซานางิให้ได้อยู่น่ะ”
“มากิคุง…”
ถึงอาซานางิจะบอกว่าอยากอยู่คนเดียว แต่นั่นเป็นสิ่งที่เธอบอกกับอามามิซังคนเดียวเท่านั้น ดังนั้นมันคงจะไม่เป็นอะไรหากผมจะไล่ตามเธอไป
บางที่ผมคงจะโดนเธอด่าว่า「ตาบ้า」อีก…แต่พอคิดว่าคนที่ด่าคืออาซานางิ ผมกลับคิดว่ามันก็ดีเหมือนกัน
“ได้โปรดเถอะมากิคุง…ถึงจะน่าเสียดายที่ไม่ใช่ฉัน แต่「เพื่อน」ที่จะช่วยอุมิในตอนนี้ได้มีแค่มากิคุงคนเดียว…ฉันคิดว่าตอนนี้คนที่อุมิต้องการมากที่สุดก็คือมากิคุง”
“เข้าใจล่ะ ฉันจะเรียกสติยัยบ้านั่นกลับมาเอง”
เมื่อผมรับคำของอามามิซังมา ผมก็รีบวิ่งตามอาซานางิไปทางอาคารเรียนในทันที
ผมเข้าใจความรู้สึกของอาซานางิ…อาซานางิผู้แสนจริงจังได้ทำตามคำสัญญาของเธอที่บอกว่าจะเล่าทุกอย่างให้ผมฟังมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ที่เหลือก็มีเพียงสิ่งที่ผมต้องทำเพื่อตอบสนองต่อคำพูดของเธอเท่านั้น…
☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆
ปล. วันนี้มาไว แต่เอาไว้บ่นที่ตอนหน้านะครับ
ขอบคุณที่ติดตามครับ
Durimtok Channel