อธิบายต้นตอน
ไม่มีี
ณ หมู่บ้านเอลฟ์ภายในป่าโรฮัน
เอฟล์สาวได้พามิร่ามายังที่พัก
“ท่านพักผ่อนอาบน้ำและพักผ่อนสักหน่อยเถิ่ดเดี๋ยวข้าจะไปนำอาหารและน้ำมาให้” เอลฟ์สาวกล่าว
มิร่าที่ยังไม่ค่อยไว้ใจนางคิดว่าอาจจะมีการนำยาพิษใส่ไว้ในอาหารนางจึงปฏิเสธอาหาร “ข้ายังไม่อยากทานอาหาร เจ้าไม่ต้องนำมาให้ข้าก็ได้ หลังอาบน้ำเสร็จข้าอยากจะพบทหารของเราในทันที” มิร่ากล่าว
เอลฟ์สาวพยักหน้าและเดินออกไป
ในขณะที่เอลฟ์สาวกำลังเดินออกไปมิร่าก็เอ่ยถามบางสิ่งกับนาง “เดี๋ยว.. เจ้าชื่ออะไร?อย่างน้อยให้ข้าเรียกเจ้าด้วยชื่อ” มิร่ากล่าว
“ข้า ชื่อ เอล เอลลีร่อน เอลเดอร์วูด เรียกข้า เอลก็ได้” เอลฟ์สาวเอล ตอบ
“เอล..งั้นสินะ ข้าชื่อ มิร่า ยินดีที่ได้รู้จัก” มิร่าตอบและยิ้ม
หลังทั้งคู่ทำความรู้จักกันมิร่าก็เตรียมตัวไปอาบน้ำที่แม่น้ำ
…
30 นาทีผ่านไป
มิร่าอาบน้ำเสร็จและกลับมายังที่พัก นางเตรียมตัวรอ เอลกลับมาพานางไปพบทหารของอัศวินเรเว่น
เอลเคาะประตูเรียกมิร่า “ขออนุญาติค่ะ มิร่าตอนนี้ท่านพร้อมรึยัง” เอลกล่าว
“รอข้าสักครู่เดี๋ยวข้าออกไป” มิร่ากล่าวมิร่าหยิบดาบและผ้าคลุม
มิร่าเปิดประตูออกมา พบกับเอล ในคราวนี้เอลไม่ได้ใส่ผ้าคลุมและผ้าปิดปากของนางไว้ เอลเองก็เป็นหญิงสาวที่งดงาม พอๆกับสกาเล็ตเลยทีเดียว
“งดงามมาก..แต่ยังสู้คุณหนูของข้าไม่ได้” มิร่ากล่าวสิ่งในใจออกมาโดยไม่รู้ตัว
“ท่าน..พูดว่าอะไรน่ะคะ?” เอลที่ได้ยินไม่ค่อยชัดกล่าวด้วยความสงสัย
“เอ่อข้าหมายถึง… ไม่มีอะไร… แค่เจ้าทำให้นึกถึงคุณหนูของข้าหน่ะ ” มิร่ากล่าวและยิ้ม
“โอเคค่ะ เชิญทางนี้เลยค่ะ” เอลกล่าวและเดินนำไปต่อ
ในขณะที่เดินไปมิร่าก็มองดูรอบๆบรรยากาศ ต่างๆช่างเงียบสงบ
“ข้าเองก็รุ้ว่าเอลฟ์เนี้ยเป็นพวกหน้าตาดี แต่ความหน้าตานี่มันอะไรกัน มันจะไม่มากเกินไปงั้นหรอ!!” มิร่าคิดในใจ
“ว่าแต่เหตุใดที่แห่งนี้ถึงไม่มีหิมะ แถมสภาพอากาศเองก็อบอุ่นด้วย” มิร่ากล่าวถาม
“พวกเราใช้เวทมนตร์ค่ะ ข้าคงตอบท่านได้เพียงเท่านี้” เอลกล่าว
“ข้าเข้าใจแล้ว” มิร่ากล่าว
จากทั้งมิร่าก็ไม่ได้ถามอะไรจนกระทั่งเดินมาถึง บ้านที่เหล่าทหารพักผ่อนและรักษาตัวอยู่
ภาพตรงหน้าของมิร่า คือเหล่าทหารที่กำลังนั่งสังสรรค์และพักผ่อนกันอยู่ในกลุ่มนั้นรวมทหารกลุ่มหมาป่าขาวอยู่ด้วย
พวกเขาทุกคนได้รับการรักษาและปลอดภัยดี
“พวกเจ้าช่วยพวกเขาไว้เช่นนั้นหรือ?” มิร่ากล่าวถามเอล
“ใช่แล้วค่ะ พวกเราได้รับคำทำนายจากต้นไม้แห่งแสงให้เข้าร่วมและต่อสู้ร่วมกับพวกท่าน” เอลกล่าว
“ต้นไม้แห่งแสง? ” มิร่ากล่าว
“ต้นไม้แห่งแสงที่เป็นตัวแทนของท่านแอริสค่ะ” เอลกล่าว
“แอริสนี่มันเป็นชื่อที่คุุ้นเคยเสียจริง” มิร่ากล่าว
“ท่านแอริสคือเทพผู้ลงมาช่วยเหลือพวกเราและมอบศาสเวทย์ให้แก่พวกเราค่ะ เดิมทีพวกเราไร้ทางป้องกันและถูกรังแกและทำร้ายจากเผ่าพันธุ์อื่นๆที่อิจฉาชีวิตอันยาวนานของพวกเรา” เอลกล่าว
“ชีวิตอันยาวนาน..เอลเจ้าอายุเท่าไหร่กัน?” มิร่ากล่าว
“ปีนี้ก็.. 700พอดีค่ะ”
“จะ…เจ็ดร้อย! ” มิร่ากล่าวด้วยความตกใจ
“ข้าเข้าใจหากท่านจะตกใจเช่นนั้น แต่พวกข้าอายุยืนยาวกันอยู่แล้วนั้นถือเป็นเรื่องปกติค่ะ” เอลกล่าว
“ข้าเข้าใจแล้ว” มิร่ากุมขมับและกล่าว
“แล้วพวกเจ้าจะช่วยเรายังไง?” มิร่ากล่าวถาม
“พวกข้าจะเข้าร่วมสงครามด้วยค่ะ” เอลกล่าว
“ไม่ใช่ว่าเรื่องแบบนี้ข้าจะต้องคุยกับหัวหน้าพวกเจ้าหรือไง? และข้าเองก็เป็นแค่รองหัวหน้าด้วย” มิร่ากล่าว
“ใช่แล้วค่ะก็ข้าเป็นผู้นำของทีนี่ และตัวท่านเองก็เป็นผู้มีตำแหน่งสูงสุดในตอนนี้ค่ะ” เอลกล่าว
“เจ้าเป็นผู้นำงั้นหรอ..” มิร่ากล่าว
“ใช่แล้วค่ะ ข้าคือราชินีเอลฟ์ของป่าแห่งนี้” เอลกล่าว
“ระ..ราชินี!!” มิร่ากล่าว
“ค่ะ ข้าเป็นราชินี ข้าไม่เหมือนหรอคะ?” เอลกล่าว
“ท่านเล่นทำตัวส่ะไม่เหมือนราชินีสักนิดข้าก็เลยไม่ได้เอะใจ ข้าขอภัยในความไร้มารยาทของข้าด้วยเพคะ” มิร่ากล่าว
“ถ้าเช่นนั้นแล้ว เรามาคุยกันถึงสัญญาในการร่วมมือในสงครามครั้งนี้กันเถอะค่ะ” เอลกล่าวและยิ้ม
“ค่ะ” มิร่ากล่าว
ทั้งคู่เดินขึ้นชั้น 2 ของที่พักและเข้ามานั่งคุยกันในห้องประชุม
“เข้าเรื่องเลยนะคะ ตอนนี้ต้นไ้แห่งแสงเริ่มส่องแสงน้อยลง ข้าเกรงว่าอาจจะเกี่ยวกับคำทำนายสุดท้ายที่ต้นไม้แห่งแสง ได้กล่าวให้เราเข้าช่วยเหลือกลุ่มอัศวินเรเว่น นั้นอาจจะเป็นประสงค์ของท่านแอริส” เอลกล่าว
“ข้าเข้าใจแล้ว ก่อนหน้านี้ข้าเองก็เคยเจอแอริสอยู่” มิร่ากล่าว
“ท่านเคยเจอท่านแอริสหรอคะ!?” เอลกล่าวด้วยสีหน้าตกใจ
“ใช่ นางปลอมตัวมาเป็นมนุษย์แต่ข้าเองก็ไม่รู้สาเหตุเหมือนกันว่าทำไม นางช่วยพวกเราไว้ เรื่องนั้นค่อยคุยกันดีกว่า เรามาประชุมกันต่อเพคะ” มิร่ากล่าว
“ค่ะ เข้าใจแล้วค่ะ” เอลกล่าว
“แล้วพวกท่านจะช่วยเหลือพวกเราด้านใดบ้างเพคะ?” มิร่ากล่าวถาม
“ข้าจะส่ง สะเบียงอาหาร และกองกำลังไปส่วนหนึ่งก่อนค่ะ แล้วข้าจะรวบรวมกองทัพหลักและตามไปสมทบทีหลัง.. ข้าคาดว่าอาจจะใช้เวลาสักประมาณ 1 เดือนสำหรับการเตรียมความพร้อมค่ะ” เอลกล่าว
“สะเบียงอาหารนั้นจำเป็นมากๆ ข้าขอบคุณท่านมาก ตอนนี้สะเบียงพวกเราก็เริ่มที่จะหมดไปเรื่อยๆ แล้วกองกำลังของท่าน มีประมาณเท่าใดกันเพคะ?” มิร่ากล่าว
“ข้าจะส่งกลับไปพร้อมท่าน 200คน เป็นกองกำลังเอลฟ์เงา 50 ค่ะ” เอลกล่าว
“ข้าจะมอบการสั่งการให้กับท่านโดยตรง” เอลกล่าว
“เอลฟ์เงานี่ใช่พวกที่เล่นงานข้ารึเปล่าเพคะ?” มิร่ากล่าว
“ใช่ค่ะ จริงๆแล้วคนที่เล่นงานท่านคือข้าเอง..” เอลกล่าว
“นั้นข้ารู้อยู่แล้ว ท่านเองคงมีฝีมือมากเป็นถึงราชินีเอลฟ์แต่กลับไม่มีผู้คุ้มกันหรือองครักษ์สักคนเพคะ” มิร่ากล่าว
“.. จริงๆข้ามีคนคุ้มกันนะคะ พวกเขาซ่อนกายอยู่ในเงาข้าชอบเดินไปไหนมาไหนคนเดียวมากกว่า” เอลกล่าว
“งั้นสินะ คงเป็นเอลฟ์เงาที่ท่านจะส่งมา ข้าขอบคุณท่านมากแล้วพวกท่านพร้อมออกเดินทางเมื่อไหร่กันเพคะ” มิร่ากล่าว
“1 วันค่ะในระหว่างนี้ท่านและทหารของท่านพักผ่อนตามสบายได้เลยค่ะ” เอลกล่าว
“ขอบคุณท่านสำหรับทุกอย่างมากเพคะ” มิร่ากล่าว
หลังเลิกประชุมมิร่าได้ไปพบกับเหล่าทหารและนั่งพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ
“พรุ่งนี้ตอนรุ่งสางเราจะออกเดินทางพวกเจ้าเตรียมตัวให้พร้อม พักผ่อนให้เต็มที่เพราะพรุ่งนี้เราต้องเดินทางกลับ” มิร่ากล่าว
“หน่วยหมาป่าขาวหัวหน้าเจ้าคือใคร?” มิร่าถาม
“หัวหน้าพวกเราเขาเสียชีวิตแล้ว” อัศวินคนนึงกล่าว
“งั้นข้าจะเป็นผู้นำเองพวกเจ้าตอนนี้อยู่ในการบังคับบัญชาของข้า” มิร่ากล่าว
“ขอรับ จากนี้ไปพวกข้าจะขอติดตามท่านไป” เหล่าอัศวินกล่าว
“เอาล่ะข้าขอตัวก่อน” มิร่ากล่าวและเดินออกไป
เช้าวันถัดมา
กลุ่มทหารรวมถึวตัวเธอเตรียมตัวสำหรับการเดินทางกลับค่ายเพื่อไปเสริมทัพและรายงานหัวหน้าเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ในขณะที่มิร่ากำลังขึ้นม้าของนางเพื่อเตรียมออกเดินทาง เอลก็เดินมาเพื่อบอกลามิร่า
“ท่านมิร่า ข้าจะรีบตามท่านไปให้โดยเร็วที่สุด!!” เอลกล่าว
“ขอบคุณท่านมากเพคะท่านเอล” มิร่ากล่าวและยิ้ม
หลังจากทั้งคู่กล่าวลากันเสร็จมิร่าก็ออกเดินทางพร้อมกับกองอัศวินหมาป่า 30 นาย และกองทัพเอล 200 นาย
…
ณ เมืองหลวงของราชอนาจักรเอรีบัสในคืนต่อมา
ในท่อระบายน้ำใต้ดินใกล้กับปราสาท มีกลุ่มคนท่าทางน่าสงสัยกำลังเดินทางไปที่ใดสักแห่งโดยใช้ทางลับ ผู้นำของกลุ่มนั้นก็คือ ลูคัสที่นำกองกำลังติดอาวุธลอบเข้าไปภายในปราสาทผ่านทางระบายน้ำ เพื่อเข้าไปทำภารกิจพิเศษ..
ณ คุกใต้ดินของปราสาท
เสียงต่อสู้ดังขึ้น เสียงดาบปะทะกันดังอย่างต่อเนื่อง
ในห้องขังห้องหนึ่ง หญิงสาวที่ดูท่าทาเหนื่อยล้าลืมตาตื่นขึ้นจากเสียงการต่อสู้ “กะ..เกิดอะไรขึ้น” หญิงสาวกล่าว
ในขณะที่หญิงสาวกำลังสลึมสลืออยู่นั้น มีบุคคลปริศนาเดินเข้ามาใกล้ แสงจันทร์สาดส่องลงมา ทำให้ภาพตรงหน้าของหญิงสาวชัดเจนยิ่งขึ้น ชายปริศนาคนนั้นคือลูคัส
“องค์หญิงเอลมิ ข้ามารับท่านแล้วขอรับ” ลูคัสกล่าว พร้อมกับมองดูรอบๆ
บนร่างกายอันผอมบาง และรอยแผลบนตัวของนาง ทำให้ลูคัสรู้ได้ทันทีว่าที่นี่เกิดอะไรขึ้น พวกมันคงให้นางอดอาหาร และ ทรมานนางเพื่อให้องค์ชายร้อนใจเป็นแน่
“ท่าน..คือใครกัน” เอลลี่กล่าวถาม
“ข้าคือคนที่พี่ของท่านส่งมาเพื่อช่วยเหลือท่านขอรับ” ลูคัสกล่าว
“พี่ชายข้า..” เอลลี่กล่าว
ในขณะที่เอลมิเงียบไปนั้น นางได้หวนถึงเหตุการเมื่อสมัยก่อน
“ข้า..คิดถูกท่านไม่ได้เปลี่ยนไปเลยพี่ข้า” เอลลี่กล่าวพร้อมยิ้ม
เสียงลูคัสใช้ดาบทำลายประตู
“เอาล่ะองค์หญิง ข้าจะพาท่านออกไปเอง ” ลูคัสพูดและเดินไปอุ้มองค์หญิงขึ้น
“พวกเจ้า!! เครียร์ทางเราจะออกจากที่นี่กัน” ลูคัสตะโกนบอกทหารของตน
“ขอรับ!” หน่วยของลูคัสตอบ
ในเวลาต่อมา.. ณ ฐานบัญชาการลับภายในเมืองหลวงเอรีบัส
ลูคัสและหน่วยเดินทางกลับมาพร้อมองค์หญิง พวกเขาารีบพาตัวองค์หญิงเข้ารับการรักษากับเหล่านักบวช และนำอาหารและน้ำเตรียมไว้ให้นาง
เหล่านักบวชเริ่มร่ายเวทเพื่อรักษาองค์หญิง อาการของนางสาหัสจนต้องใช้เวลานาน อยู่ถึงสองถึงสามชั่วโมง
หลังจากการรักษาอันยาวนาน ขององค์หญิงเอลลี่ นางก็ได้พักผ่อนและได้ทานอาหารอย่างเต็มอิ่มหลังจากการโดนทรมารและ อดอาหารอย่างยาวนาน นรกบนดินได้จบสิ้นลงเสียที..
ลูคัสจัดคนฝีมือดีไว้จำนวน 4 นายเผื่อเฝ้าดูองค์หญิงอย่างใกล้ชิด ส่วนตัวลูคัสเองก็ยุ่งอยู่กับการเตรียมแผนสำหรับการ รัฐประหาร
ภายในห้องโถงอันกว้างใหญ่ของปราสาท หัวหน้าของอัศวินที่มีนามว่า โยฮันผู้กระหาย กำลังนั่งอยู่กลางห้องโถงเบื้องหน้าของเขาคือราชิณีผู้อยู่เบื้อหลังทุกสิ่งและทุกเหตุการในครานี้
“โยฮันเจ้ารู้ข่าวหรือไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นที่คุกได้ดิน” ราชินีกล่าว
“พะยะค่ะกระหม่อมทราบดี” โยฮันกล่าวและก้มหน้าลง
“ข้า อยากจะรู้เสียจริงว่าเจ้าไม่มีความสามารถพอแม้แต่จะ จัดการกลุ่มหนูที่เข้ามายังปราสาทของข้าและพาตัวนังชั้นต่ำ อย่างแอลลี่ไปได้อย่างงั้นหรือ? โยนฮัน!” ราชินีกล่าวพร้อมกับทุบไปบนบันลังที่นางนั่งอยู่
“กระหม่อม.กราบประทานอภัยพะยะค่ะ กระหม่อมจะจัดกองกำลังค้นทุกซอกทุกมุมพะยะค่ะ” โยฮันกล่าม
“ดี..ดี ถ้าหากเจ้ายังจัดการไม่ได้ ข้าคงไม่ต้องบอกว่าจะเกิดอะไรขึ้นนะโยฮัน” ราชินีกล่าว
รุ่งเช้า ณ เมืองหลวง
กลุ่มอัศวินแห่งตระกูลโยฮันพร้อมอาวุธครบมือ ออกตระเวนไปทั่วตามตรอกและซอกซอยต่างๆ เพื่อตามหาองค์หญิง
ทุกๆวันจะมีคนถูกพาตัวออกไปจากบ้านเพื่อค้นภายในบ้านของพวกเขา หาวันแล้ววันเล่า ประชาชนเดือนร้อนจากการถูกคุกคาม ทำร้าย และ ทรมาร
แต่พวกเขาหาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ จนกระทั่งราชินีคิดได้ว่ายังเหลือบ้านของขุนนาง ที่ยังไม่ได้มีการตรวจค้น…แต่การตรวจค้นบ้านของขุนนางนั้นจะเป็นการหยามหน้า และสร้างความไม่พอใจให้กับขุนนางคนอื่นๆมากจนเกินไป
ราชินีจึงออกอุบายประกาศว่านางจะเข้าไปเยี่ยมบ้านของขุนนางทุกๆคนเพื่อเป็นสารสัมพัน..และเยี่ยมเยือน
วันถัดมา นางก็เริ่มทำตามแผนโชคชะตาเล่นตลกหรือเพียงเพราะความบังเอิญบ้านขุนนางที่ราชินีจะไปเยี่ยมเยือนเป็นที่แรก กับเป็นที่เดียวกับที่องค์หญิงกำลังแอบซ่อนและพักผ่อนอยู่…
จบตอน