บทที่ 3 ตอนที่ 4
「…การเคลื่อนไหวตามใจในจักรวรรดินั้นถือเป็นข้อห้ามครับ โปรดสวมกำไลนี้และห้ามถอดมันเด็ดขาด แล้วก็โปรดคืนมันหลังจากออกมาจากจักรวรรดิด้วยเช่นกันครับ ถ้าคุณออกไปโดยไม่ถอดละก็ มันจะส่งเสียงแจ้งเตือนดังมากๆ แถมกำไลนี้จะยืมข้อมูลจากกิลด์การ์ดและจะลบเองเมื่อคุณคืนมันแล้วด้วยครับ」
กำไลที่ได้รับมาจากชาวเลฟนั้นมีบานพับอยู่ที่ด้านหนึ่ง และมันเปิดไม่ได้ถ้าไม่ใช้กุญแจ
ถึงมันจะดูเหมือนกำไลทั่วไปก็จริง แต่【World Ruler】ระบุว่ามันมีเวทมนตร์ฝังอยู่ตรงด้านที่สัมผัสกับแขน
(มันเหมือนกับระบบ GPS และยังบันทึกอารมณ์กับการตอบสนองของผู้สวมใส่ด้วยงั้นหรอ?)
ถ้าจะให้เทียบก็คงเป็นสมาร์ทวอทช์ แต่ระบบบางอย่างนั้นสูงกว่ามาก
มันสุดยอดไปเลยที่พวกเขาสร้างอะไรอย่างนี้ขึ้นมาได้
(แต่มันก็รู้สึกไม่สบายใจเท่าไหร่ที่ข้อมูลของผมถูกบันทึกเอาไว้)
ผมพันแขนของผมด้วยผ้าพันแผลแล้วสวมกำไลทับ
「เอาละ เชิญทางนี้」
ผู้อาวุโสชาวเลฟที่ดูเหมือนกับนักวิชาการมากกว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่กิลด์นักผจญภัยนั้นสวมผ้าคลุมสีน้ำเงินเข้ม หนวดเคลาสีขาวล้วนยาวไปถึงคางบ่งบอกถึงอายุของเขา บางทีละนะ—เอาตรงๆผมรู้สึกทึ่งกับหนวดนั้นมากเลย
พวกเรายืนอยู่ข้างหน้ากำแพงสูงตะหง่าน มันมีประตูเหล็กอยู่ตรงนั้น และเหนือขึ้นไปก็มีชาวเลฟประมาณ 5 คนเฝ้ายามอยู่ แล้วอุโมงค์ที่กว้างพอจะให้รถม้าผ่านได้ก็ได้เปิดออก
พวกเราซิวเวอร์บาลานซ์ได้ผ่านเข้าไปข้างในพร้อมกับระวังพวกยาม
ความยาวของอุโมงค์นั้นประมาณ 50 เมตรพร้อมกับตะเกียงเวทมนตร์ที่จุดเว้นระยะห่างกัน 5 เมตร
(มีลมอยู่ด้วย…)
สายลมแห้งๆพัดผ่านมาจากอีกฝาก
แสงที่สุดปลายอุโมงค์นั้นจ้ามากจนผมต้องขยี้ตาตัวเองเลย
「ยินดีต้อนรับสู่จักรวรรดิเวทมนตร์เลฟ」
พนักงานกิลด์พูดในขณะที่เขาหันมาทางพวกเราที่ทางออก
ผมเกือบจะส่งเสียงด้วยความตื่นตะลึงเลย
หน้าผาสีแดงน้ำตาลทอดยาวไปทั้งซ้ายและขวา ยาวไปจนถึงอีกฝากนึงเลย
พื้นที่ที่ถูกล้อมรอบด้วยหน้าผานั้นคือจักรวรรดิเวทมนตร์เลฟ
มีเรือเหาะเวทมนตร์บินอยู่บนฟ้ามากมาย ทว่าดูเหมือนมันจะไว้สำหรับขนของมากกว่าจะใช้ขนคน
อาคารเกือบทั้งหมดนั้นสูง 5 ชั้นขึ้นไป บางทีคงเพราะผสมและเสริมด้วยดินจากหน้าผา อาคารทั้งหมดจึงมีสีแดงเข้ม
กระจกหน้าต่างที่หาได้ยากในประเทศอื่นจนใช้แค่ตกแต่งสวยงามนั้นเป็นเรื่องปกติของที่นี่ แถมยังใช้อย่างกว้างขวางเพื่อสะท้อนแสงอาทิตย์ด้วย
และ… ที่เคลื่อนที่ไปมาอยู่บนพื้นนั้นไม่ใช่รถม้า แต่เป็นรถ
「ไม่ได้ใช้เคลื่องจักรไอน้ำ… แต่เคลื่อนที่ด้วยเวทมนตร์งั้นหรอ…」
「โฮ่ เจ้าค่อนข้างมีความรู้เลยนะ ยานพาหนะ 6 ล้อที่คับเคลื่อนด้วย “เครื่องยนตร์มากิ(Magi Engine)” นั้นได้กลายเป็นการขนส่งหลักของจักรวรรดิไปแล้ว เอาละตอนนี้ ดูเหมือนคนที่จะมารับพวกเจ้าได้มาถึงแล้วนะ」
เจ้าหน้าที่กิลด์ที่ดูเหมือนกับนักวิชาการได้ชี้ไปยังมูเกะซังที่ขี่เนโกะจังมาพร้อมกับโบกมือ “เห้〜!” มาทางนี้
…หืมมม ชาวเลฟคนอื่นขมวดคิ้วเมื่อพวกเขามองไปที่เนโกะจัง ก็มันไม่มีรถจักรไอน้ำคันอื่นวิ่งอยู่เลยนี่นะ—โอ๊ะ เนโกะจังดูจะอารมณ์ไม่ดีนะ เคลื่องยนตร์ดับไปแล้วหน่ะ
「…เอาละถ้างั้น พยายามอย่าสร้างปัญหาละ」
เจ้าหน้าที่กิลด์คนนั้นรีบหันหลังแล้วกลับไปยังอุโมงค์
แล้วพวกเราก็ได้เข้าไปหามูเกะซัง
**
「โอ๊ะ ขอบคุณมาก ดันเต้ซังนี้แข็งแกร่งจริงๆเลย」
หลังจากนั้น ดันเต้ซังก็ได้ดันเนโกะจังมาตลอดทางเพราะเธอดับสนิท สายตาดูถูกจากผู้คนรอบข้างเองก็รู้สึกเจ็บปวดเหลือเกิน ทว่ายังไงก็ตาม พวกเราก็ได้มาถึงร้านของมูเกะซังแล้ว
ร้านของเขาที่ตั้งอยู่นอกเมืองนั้นมีโกดังสีดำขนาดใหญ่อยู่ เป็นที่ที่ใช้เก็บเนโกะจัง, ถ่านหิน, และสินค้า ที่ที่ห่างไกลจากเมืองขนาดนี้นั้นไม่มีทั้งพื้นที่ปูด้วยหิน ต้นไม้ใบหญ้ากระจายอยู่ทั่วไปหมด และหน้าผาที่ล้อมจักรวรรดิอยู่นั้นก็สามารถเห็นได้จากใกล้
(ที่ตรงนั้นมัน… พวกเขาทำรูที่หน้าผา)
ปั้นจั่นถูกติดตั้งเอาไว้ที่หน้าผา และผมก็เห็นสัมภาระกับผู้คนขึ้นลงด้วยมัน ภาพแบบนั้นเห็นได้ทั่วไปตามหน้าผา และมันก็ยังมีรูอยู่ตามผาด้วย อดสงสัยไม่ได้เลยว่ามันจะมีอะไรอยู่ในนั้นหรือเปล่า
เป็นห้องเก็บของงั้นหรอ? หรือว่าไซโล? พวกเขาใช้หน้าผาเพราะพื้นที่มีจำกัดละมั้ง ไม่สิ ถ้าเปป็นกรณีนั้นละก็ พวกเขาก็น่าจะแค่ขุดลงไปเอาก็ได้
「เอาละ มูเกะซัง ทำไมคุณถึงว่าจ้างพวกเราในครั้งนี้ละ?」
มีโต๊ะเก่าๆอยู่ในโกดังด้วย และพวกเราก็นั่งอยู่บนเก้าอี้เล็กๆรอบๆมัน มูเกาะซังก็ได้นำเหยือกที่มีน้ำกับน้ำแข็งเข้ามา—มีไอเย็นเกาะอยู่ตามผิวของเหยือกเหล็ก ดันเต้ซังรินน้ำจากเหยือกลงไปในแก้วเหล็กแล้วดื่มมันเข้าไป 3 แก้วในทันที
「…ข้าขายกิก้าโบว์ไปแล้ว แต่กลับขายได้ราคาดีกว่าที่คิดเอาไว้หน่ะสิ」
「…? ก็ดีไม่ใช่รึ?」
「ใช่ ดีจริงๆ–โอ๊ะ ข้าไม่ได้จะพยายามกดราคาที่เคยคุยกันไว้หรอกนะ โอเคไหม้ ดันเต้ซัง?」
「ข้ารู้」
ดันเต้ซังหัวเราะให้กับมูเกะซังที่หาเหตุผลเข้าข้างการกระทำของเขาอยู่ จากนั้นมูเกะซังก็ดื่มน้ำเย็นให้ชุ่มคอก่อนจะพูดต่อ – ชาวเลฟดูจะควบคุมอุณหภูมิร่างกายได้ไม่ดีเท่าสัตว์เลื้อยคลาน ดังนั้นดูเหมือนว่าการดื่มน้ำจะเป็นสิ่งจำเป็น
「มีเหตุการณ์ใหญ่เกิดขึ้นระหว่างที่พวกเราเดินทางกันหน่ะ」
「เหตุการณ์งั้นหรอ?」
「ใช่ อาวุธทางยุทธศาสตร์ของจักรวรรดิ เรือเหาะเวทมนตร์ “Queen of the Night (ราชินีแห่งค่ำคืน)” ถูกขโมยไปหน่ะสิ」
「โอ๊ะ…?」
ดันเต้ซังมองมาที่พวกเราพร้อมกับเลิกคิ้ว ทว่าผมเองก็ยังจนปัญญาที่จะตอบเลย นี้มูเกะซังจ่ายค่าธรรมเนียมกิลด์เพื่อเรียกพวกเรามาคุยเรื่องนี้งั้นหรอ?
「ขนาดในหมู่เรือเหาะเวทมนตร์ด้วยกันเอง Queen of the Night นั้นใช้เทคโนโลยีรุ่นล่าสุดเลยนะ ตัวเรือสีเงินงดงามจนถึงขั้นที่ดื่มเหล้าพร้อมกับชมตัวเรือไปด้วยกลายเป็นเทรนด์เลยด้วย โดยเฉพาะการบินยามค่ำคืนที่ตัวพิสูจน์ความสำเร็จเลย」
「แล้วนายกำลังบอกว่าไอ้ของแบบนั้นถูกขโมยไปได้งั้นสินะ แล้ว พวกเราจะเข้าประเด็นกันได้รึยัง?」
「…คนที่ขโมยมันไปดูจะเป็นกลุ่มโจร แต่ช่างเรื่องนั้นไปก่อน ฝ่าบาทจักรพรรดิหน่ะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟเลยละ… และเขาก็ออกคำสั่งลงมา」
—ให้สร้างเรือเหาะลำใหม่ด้วยเทคโนโลยีที่เหนือล้ำกว่า “Queen of the Night”
「รู้หรือเปล่าว่าไอ้การพัฒนาเทคโนโลยีของจักรวรรดินั้นเอามาจากเขาวงกตทั้ง 9 หน่ะ?」
「เขาวงกต?」
ดันเต้ซังดูจะไม่เคยได้ยิน
มูเกะซังอธิบายว่าเทคโนโลยีเวทมนตร์ที่ใช้ในจักรวรรดินั้นถูกวิจัยโดยการเลียนแบบและวิเคราะห์ไอเทมเวทมนตร์ที่พบในเขาวงกต และเขาวงกตนั้นมีทั้งหมด 9 แห่ง
เขาวงกตแห่งความรัก (Labyrinth of Love) ○ ยึดครองเรียบร้อยแล้ว
เขาวงกตแห่งความเกลียดชัง (Labyrinth of Hatred) △ กำลังทำการยึดครอง
เขาวงกตแห่งความนับถือ (Labyrinth of Worship) ○ ยึดครองเรียบร้อยแล้ว
เขาวงกตแห่งความเศร้าโศก (Labyrinth of Grief) ○ ยึดครองเรียบร้อยแล้ว
เขาวงกตแห่งความโกรธเกรี้ยว (Labyrinth of Wrath) x ถล่มลงมา
เขาวงกตแห่งความบ้าคลั่ง (Labyrinth of Madness) △ กำลังทำการยึดครอง
เขาวงกตแห่งความโหยหา (Labyrinth of Craving) x ยังไม่ได้สำรวจ
เขาวงกตแห่งความเมตตา (Labyrinth of Sympathy) △ กำลังทำการยึดครอง
เขาวงกตแห่งความหวาดกลัว (Labyrinth of Fear) △ กำลังทำการยึดครอง
「เรียกรวมๆกันว่า “เขาวงกตแห่งอารมณ์ทั้ง 9” และปรากฏอยู่ในหน้าผาที่ล้อมรอบประเทศแห่งนี้—“ผาเลฟ”」
「อ่าห์… งั้นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงมีรูอยู่บนหน้าผาสินะ?」
「ใช่แล้วละ รูพวกนั้นมีเพื่อยึดครองเขาวงกตหน่ะ ยังไงก็ตาม หลายๆรูก็ใช้เพื่อเพาะปลูกอาหารหลักของพวกเราอย่างเห็ดไมก้า(mica mushrooms) ด้วย」
ผมพึ่งได้รู้เป็นครั้งแรกว่าเห็ดนั้นเป็นอาหารหลักของชาวเลฟ
ดูเหมือนที่มันเป็นอาหารหลักจะเป็นเพราะแค่ว่ามันเก็บเกี่ยวได้ง่ายเท่านั้นเอง แต่มูเกาะซังมักจะเลือกขนมปังและเนื้อมากกว่า เขาบอกพวกเราแบบนั้น
「พวกเราตัดสินใจที่จะยึดเขาวงกตเกลียดชัง, บ้าคลั่ง, เมตตา, หวาดกลัวทั้ง 4 แห่งพร้อมๆกันแต่ความแข็งแกร่งของจักรวรรดิมีไม่พอ เพื่อทำแบบนั้น พวกเราจึงเกณฑ์เหล่านักผจญภัยจากภายนอกยังไงละ」
「จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงมีพวกนักผจญภัยมารวมตัวกันที่ด้านนอกสินะ หา」ดันเต้ซังพูด และมูเกาะซังก็พยักหน้าตอบ
「ดูเหมือนว่าแต่ละเขาวงกตจะอยู่ในการดูแลของ “แผนกที่ 1” จนถึง “แผนกที่ 4” ของ “สำนักงานยึดครองเขาวงกต (Labyrinth Capture Bureau)” ตามลำดับ… และนั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไม เรย์จิซัง…」
「ครับ?」
「คนที่นายอยากจะพบชื่ออะไรนะ?」
「——」
ผมตกตะลึง
ลูกสาวของตาแก่ฮินกานั้นจากไปแล้ว และหลานสาวของเขาก็ไม่สามารถเข้าพบได้เพราะ “คำสั่งจากเจ้าหน้าที่”
ถ้า “คำสั่ง” นั้นเกี่ยวข้องกับกิจการสาธารณะละก็ มันก็สมเหตุสมผลที่พวกเขาจะไม่สามารถจัดการเข้าพบให้ได้
「ชื่อลูลูช่าซังครับ」
「คนๆนั้นเป็นครึ่งมนุษย์ครึ่งเลฟ… ใช่ไหม?」มูเกะซังพูด
「ครับ」
「อย่างที่คิดเลย」เขาพูดพร้อมกับพยักหน้าไปด้วย
「ข้าได้ยินมาว่าหัวหน้าของ “แผนกที่ 4 แห่งสำนักงานยึดครองเขาวงกต” นั้นเป็นครึ่งมนุษย์… นามว่าลูลูช่าซัง ตอนนี้คนๆนั้นอยู่ในเขาวงกตแห่งความหวาดกลัว」
========================================================
TL: สวัสดีวันสงกรานต์ย้อนหลังนะครับ ฮา