เสียงเคาะประตูปึงปึงปลุกผู้ดูแลใหญ่หลิ่วให้สะดุ้งตื่นจากนอนฝัน
“อะไรเกิดอะไรขึ้น? คนหายไปแล้ว?” เขาตัวสั่นสวมเสื้อไปพลาง รีบร้อนเอ่ยถามไปพลาง รีบจนปากพ่นไฟ
ก็ว่าแล้วว่าเด็กคนนี้ดูแลยากที่สุด
เขานี่โชคร้ายอะไรกัน รับช่วงเด็กเช่นนี้ที่หยางเฉิงส่งมา
“ไปถามเพื่อนบ้านด้านนั้นมาแล้วได้ยินว่ามีคนมาทุบประตู เหมือนจะมาขอให้รักษา” เด็กรับใช้เอ่ย
ท่านหมอเที่ยงคืนเจอคนมาขอให้รักษาก็ไม่ใช่เรื่องไม่เคยมี เพียงแต่ตอนนี้ท่านหมอคนนี้เป็นเด็กสาวคนหนึ่ง
“ก็บอกแล้วว่าให้ทิ้งสองคนไว้ทางนั้น เผื่อคนเที่ยงคืนมาขอให้รักษาเช่นนี้ อย่างไรก็เป็นบ้านผู้ชาย” ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วเดินไปมาในห้อง “นี่ดึกดื่นเที่ยงคืน ใครมาเรียกก็ตามเขาไปแล้ว ถ้าเกิดถูก…”
ถูกหลอกถูกขายถูกฆ่า….
ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วสั่นเทายื่นมือยันเก้าอี้นั่งลง
คงเอาชีวิตคนแก่ไปจริงๆ แล้ว
“หา รีบไปหา” เขาเอ่ย
“ท่านผู้ดูแลใหญ่ ไปหาที่ไหนเล่าขอรับ เที่ยงคืนไร้โคมไร้ไฟเช่นนี้ บนถนนแม้กระทั่งคนสักคนก็ไม่มี ถามยังไม่มีที่ให้ถาม อย่างไรก็ไม่อาจหาไปทุกบ้านทุกเรือนได้กระมังขอรับ” ผู้ดูแลหลายคนเอ่ยขึ้นอย่างลำบากใจ
“หาทุกบ้านทุกเรือนก็ไม่ใช่ไม่เคยมี” ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วพึมพำเอ่ยขึ้น
ตอนนั้นที่หยางเฉิง ได้ยินว่าเด็กสาวคนนี้ไม่บอกที่บ้านสักคำอยู่ดีๆ คิดจะไปขุดสมุนไพรตอนกลางคืน ผลสุดท้ายนายหญิงผู้เฒ่าฟางคิดว่านางถูกจับตัวไปแล้ว ร้อนใจหยิบราชโองการออกมา ค้นหยางเฉิงจนทั่วจรดฟ้าสาง
หลังเรื่องนี้ คุณหนูจวินก็ออกจากหยางเฉิงมาเมืองหลวงแล้ว
ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วร้องอ๋อเข้าใจขึ้นบ้าง
บางทีนายหญิงผู้เฒ่าฟางคงทนไม่ไหวกับความวุ่นวายที่นางก่อจริงๆ ตามองไม่เห็นใจย่อมสงบ จึงส่งนางมาเมืองหลวงแล้ว
ช่าง….
ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วยื่นมือคลึงขมับสูดลมหายใจหวาดวิตก
นายหญิงผู้เฒ่านะนายหญิงผู้เฒ่า ท่านมองข้าสูงเกินไปแล้ว นี่เป็นถึงเมืองหลวงนะ ต่อให้ตระกูลฟางถือราชโองการก็อย่าคิดว่าจะค้นทุกซอกเมืองหลวงจนฟ้าสางได้
“ไปหาเถอะ ไปหาเถอะ ไปที่ๆ ตามหาได้ หาเข้าเถอะ” เขาโบกมือไร้เรี่ยวแรง ตนเองก็ลุกขึ้นยืน
…
เวลานี้ในบ้านหลังหนึ่งโคมไฟสว่างทั่ว สาวใช้หญิงรับใช้ยืนอยู่ตรงทางเดินล้วนสีหน้าวิตก ในห้องเสียงร้องไห้แผ่วเบาลอยออกมา
“ไม่ต้องร้องแล้ว ไม่มีอะไร”
เสียงสตรีอ่อนโยนที่ยังติดจะเป็นเด็กอยู่บ้างลอยออกมาจากด้านในเช่นกัน ราวกับกำลังปลอบประโลม
ผู้หญิงบนเตียงน้ำตาไหลนองหน้า สีหน้าหวาดผวา ไหนเลยยังกระปรี้กระเปร่าอย่างยามกลางวันสักนิดอยู่ นางจับมือเด็กสาวที่นั่งอยู่ข้างเตียงแน่น ราวกับคว้าฟางช่วยชีวิต
“เขามาทุกวัน ตั้งแต่ข้ามาเมืองหลวง เขาก็มาทุกวัน” นางร้องไห้เอ่ยขึ้น “ข้าไม่กล้านอนเลย ตอนแรกข้าไม่ได้ตั้งใจหนี ก็ข้ากลัวนี่ ข้าคิดว่าหากเกิดเรื่อง ยังเหลือทายาทไว้ให้เขาคนหนึ่งได้”
นางพูดถึงเขาเขาซ้ำไปซ้ำมา บรรดาหญิงรับใช้ที่อยู่ด้านข้างได้ยินใจผวาขวัญสะท้าน ยังมีสองคนสีหน้าไม่พอใจ อยากพูดอะไรแต่มองเด็กสาวที่นั่งข้างเตียงทีหนึ่งก็กลืนกลับลงไป
เด็กสาวไม่สงสัยสักนิด ยิ่งไม่ใคร่รู้เอ่ยถามอะไรๆ
นางเพียงแค่มองไปทางทิศทางหนึ่ง
“ไม่ นายท่านควั่งไม่โทษท่านหรอก แค่มีคำพูดจะพูดกับท่าน” นางเอ่ย
เสียงของนางนุ่มนวล แต่หลายคนในห้องกลับดั่งลมหนาวพัดต้องใบหน้า ขนลุกขนชัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมองทิศทางที่นางมองอยู่
ตรงนั้น มีอะไร?
นอกจากนี้ นางรู้จักนายท่านควั่งได้อย่างไร?
วิญญาณผีบอกนางหรือ?
ในห้องเสียงอุทานตกใจแผ่วเบาดังขึ้น หญิงรับใช้หลายคนเบียดเข้าหากัน สีหน้าหวาดผวาตัวสั่นเทาเฉกเช่นเดียวกับผู้หญิงคนนั้นบนเตียง
ผู้หญิงกลัวจนพูดไม่ออกแล้ว คุณหนูจวินกำมือของนางแน่นอีกครั้ง
“นายหญิง ข้าให้ยากับท่านก่อนแล้วกัน” นางว่า
ธูปหอมสองแท่งถูกหลิ่วเอ๋อร์จุดขึ้น กลิ่นยาหอมจางๆ กระจายในห้อง คนในห้องประหนึ่งพ่นลมหายใจเสียคำหนึ่งออกมา ละโมบสูดกลิ่นหอมนี้เข้าไป ในใจค่อยๆ สงบ
คุณหนูจวินหยิบขวดยาออกมาจากในหีบยาเทยาสองเม็ดออกมา หญิงรับใช้ประคองผู้หญิงนอนลงบนเตียงอย่างระมัดระวัง ป้อนยาให้นางทาน
“ทุกคืนจุดธูปสงบจิต ค่อยกินยานี่เม็ดหนึ่ง กลางคืนก็ปลอดภัย นอนหลับสบายได้แล้ว” คุณหนูจวินเอ่ยขึ้น ปิดหีบยา
เห็นท่าทางนี้ของนางจะไปแล้ว ผู้หญิงรีบดิ้นรนยันร่างขึ้นมา
“คุณหนูจวิน” นางรีบร้องเรียก “แบบนี้ใช้ได้แล้วหรือ?”
“หลับสบายได้แล้ว” คุณหนูจวินยิ้มเอ่ยบอก “หลับสบายได้ อาการป่วยของนายหญิงก็ดีขึ้นแล้ว”
ผู้หญิงมองนาง แล้วมองหญิงรับใช้ด้านข้าง สีหน้าหญิงรับใช้สองคนยิ่งหนักใจ
“คุณหนูจวิน” หญิงรับใช้คนหนึ่งก้าวมาข้างหน้า “โรคนี้รักษาต้นตอได้ไหมเจ้าคะ?”
คุณหนูจวินมองนางยิ้ม
“นอนหลับได้ดี ย่อมกำจัดต้นตอแล้ว” นางเอ่ยขึ้น
หญิงรับใช้คนนั้นอยากพูดก็หยุดไป
“จะหลับสบายได้หรือเจ้าคะ?” หญิงรับใช้อีกคนเอ่ยขึ้นท่าทางหวาดกลัวมองรอบในห้อง อย่างไรก็รู้สึกหนาวเยือกอยู่
คุณหนูจวินยิ้ม
“ถ้าอย่างนี้ พวกท่านย้ายบ้าน เปลี่ยนที่อยู่เถอะ” นางว่า “กินยาควบคู่ไปด้วยก็ไม่เป็นไรแล้ว”
ย้ายบ้าน
ผู้หญิงกับหญิงรับใช้สองคนสบตากัน
“ค่ารักษานี่…” คุณหนูจวินเอ่ยต่อ
คำพูดยังไม่ทันพูดผู้หญิงคนนั้นก็โซเซลุกขึ้นมาจากเตียงคุกเข่าดังตึงลงกับพื้น
“คุณหนูจวิน” นางน้ำตาคลออ้อนวอน “ถึงอย่างนั้นก็ไม่อาจกำจัดต้นตอได้”
นางพูดพลางเดินเข่ามาหลายก้าวจับแขนเสื้อคุณหนูจวินไว้
“คุณหนูจวิน ขอร้องท่าน ท่านถามนายท่านตระกูลข้าเรื่องหนึ่งที” นางเอ่ย
สีหน้าหญิงรับใช้สองคนตระหนก ก้าวเข้าไปดึงผู้หญิงไว้
“นายหญิง…ท่าน…” พวกนางจะเอ่ยห้าม
คำพูดเพิ่งหลุดจากปากก็ถูกผู้หญิงขัดแล้ว
“มาถึงตอนนี้แล้ว ยังปิดบังอะไร” นางเอ็ด “คุณหนูจวินยังมองออกว่าพวกเรามีความลำบาก เป็นฝ่ายมาแก้ความลำบากให้เอง ยังปิดบังนางทำอะไร? พวกเจ้าตอนนี้ยังมีวิธีอื่นอีกหรือ? คุณหนูจวิน คุณหนูจวินมองเห็นนายท่านเชียวนะ ตอนนี้มีแต่ต้องถามนายท่านทางเดียวแล้ว ไม่อย่างนั้น ทุกคนไม่จากไปก็ต้องแห้งตายอยู่ที่นี่”
หญิงรับใช้สองคนกลัวไม่กล้าเอ่ยวาจากแล้ว ผู้หญิงจับแขนเสื้อของคุณหนูจวินอีกครั้ง
“คุณหนูจวิน ในเมื่อท่านมองเห็นนายท่าน ท่านก็ช่วยข้าถามเขาเรื่องหนึ่งเถอะ” นางเอ่ยเสียงสั่น
คุณหนูจวินร้องอ้อทีหนึ่ง ไม่รอหญิงคนนั้นถามอะไรออกมา มองไปทางมุมกำแพงด้านนั้นยื่นมือออกมาชี้
“สิ่งนั้นที่ท่านต้องการ อยู่ที่ในกำแพงนั่นแหละ” นางว่า
คำพูดนี้ออกมาผู้หญิงกับหญิงรับใช้สองคนราวกับถูกสายฟ้าฟาด สีหน้าตะลึงงัน นิ่งไม่ขยับมองคุณหนูจวิน
พวกนางสิ่งใดล้วนยังไม่ทันพูดเลยนะ
นางก็รู้ว่าพวกนางต้องการถามอะไร
เทพ…เทพเซียน? ผีปีศาจ?
เสียงตึกทีหนึ่ง หญิงรับใช้สองคนก็คุกเข่าให้คุณหนูจวินแล้ว
…
ค่ำคืนอันเงียบสงบด้านในห้องเสียงเคาะติงติงตังตังดังขึ้น สาวใช้หญิงรับใช้หลายคนยกโคมกะเทาะกำแพงด้านหนึ่งอย่างระมัดระวัง แสงโคมส่องร่างของพวกนางเป็นเงาสลัวพาดสลับกันวุ่นวายในห้อง
คุณหนูจวินยืนอยู่ตรงทางเดินมองด้านในห้อง
ควั่งไห่เจิ้น ขุนนางตรวจสอบกองทัพแห่งกองบัญชาการทหารเมืองหลวง เข้าคุกต้องโทษประหารเพราะคดีทุจริตคลังแสงที่ไถโจว ริบตำแหน่งที่ตกทอดถึงลูกหลาน สามรุ่นไม่อนุญาตให้เข้าเมืองหลวง ลูกหลานสามรุ่นไม่อนุญาติให้สอบเป็นขุนนาง
“แม้ตอนนั้นยึดทรัพย์แล้ว แต่มือเก๋าสนามการเมืองเช่นนี้อย่างควั่งไห่เจิ้นล้วนมีสมบัติซุกซ่อนไว้”
“สมบัติของเขาซ่อนอยู่ในรอยแตกกำแพงด้านขวาของเรือนข้างทิศตะวันออกในเรือนที่ตรอกเป่าหยวน”
“ตอนนั้นควั่งไห่เจิ้นตายกะทันหัน ยังไม่ทันบอกตำแหน่งแน่ชัดกับลูกหลานคนในครอบครัว”
“ผ่านไปสองปี คนตระกูลควั่งนั่งไม่ติด แต่ยังค่อนข้างฉลาด ให้เมียเก็บที่เลี้ยงไว้ลับๆ คนหนึ่งของควั่งไห่เจิ้นคนหนึ่งเข้าเมืองหลวงมา”
“เมียเก็บคนนี้เพื่อให้ลูกชายได้รับการคุ้มครองของตระกูลควั่ง ยินดียืดอกเข้าหาอันตรายเข้าเมืองหลวงมาหาสิ่งของ”
“นางคิดจริงๆ หรือว่าไม่มีใครรู้ตัวตนของนาง”
ฟังถึงตรงนี้นางก็หันไปมองผู้ชายที่อยู่ด้านหลัง
“ถ้าอย่างนั้นพวกท่านทำไมไม่จับนางเล่า?” นางเอ่ยถาม
ผู้ชายที่กอดนางในอ้อมแขนยิ้ม ใต้แสงจันทราใบหน้าอ่อนโยนกระจ่าง
“ตอนนี้ไม่จำเป็นนี่แค่ปลาเล็กปลาน้อย นอกจากนี้เรื่องนี้ก็จบไปแล้ว หยิบขึ้นมาอีก ฮ่องเต้จะทรงไม่พอพระทัย” เขาเอ่ย “ดังนั้น ไม่จำเป็นต้องทำสิ่งนี้เพิ่ม”
สำหรับเขาแล้วเป็นเรื่องไร้ประโยชน์ สำหรับนางเรื่องที่เดิมควรจะยิ่งไร้ประโยชน์ ตอนนี้กลายเป็นเรื่องที่มีประโยชน์มากแล้ว
เสียงฮือฮาวุ่นวายดังขึ้น ขัดความคิดล่องลอยของคุณหนูจวิน นางมองด้านในห้อง ได้ยินเสียงตื่นเต้นยินดีเบาๆหลายเสียงลอยมา
“หาพบแล้ว หาพบแล้ว”
นางยิ้ม แบกหีบยาขึ้นหลัง โบกมือให้หลิ่วเอ๋อร์ด้านหลังเดินออกไปทางด้านนอก
เมืองหลวงที่ตกอยู่ท่ามกลางราตรีแห่งนี้ คฤหาสน์โอ่อ่าตระกูลใหญ่โตเท่าไรซุกซ่อนความลับที่ไม่อาจให้คนรู้ไว้ สำหรับคนมากมายแล้ว ความลับเหล่านี้เป็นปมในใจ เป็นความวิตก เป็นโรคร้ายที่ตัดสินความเป็นความตาย
ส่วนนางก็มารักษาโรคใจเหล่านี้
อาศัยไหวพริบ เลือกให้ถูก ลองเสี่ยงดวง
รักษาเฉพาะโรคร้ายรักษายาก ได้ยาโรคหาย ฝีมือเยี่ยมโรคร้ายหายดี
……………………………………….