หลังเสร็จสิ้นการกลั่นและผสานโลกกรวด รวมถึงกำจัดภัยคุกคามจากวังเผ่าหมื่นคณนานับไปชั่คราว หลินฮวงก็เริ่มคิดกลับไปมหาพิภพ
แต่ทว่า ก่อนหน้านั้น เขาต้องพาหลินซินไปเที่ยวเล่นก่อน เหนือสิ่งอื่นใด ด้วยเวลาที่ใช้กับการปิดประตูบ่มเพาะ ทั้งคู่จึงไม่เห็นหน้ากันเลยถึงปีครึ่ง
ในความเป็นจริง มันเป็นข้ออ้างที่สะดวกในการมอบวันหยุดพักผ่อนให้ตัวเอง
ในช่วงเวลาปีครึ่งเหล่านี้ เขาใช้เวลาส่วนใหญ่กับการเดินทาง บ่มเพาะและเพิ่มความสามารถเขา เนื่องจากวิกฤตภายในโลกกรวด เขาจึงเครียดตลอดเวลา ตอนนี้ ในที่สุดเขาก็ผ่อนคลายได้บ้าง
แต่เช้าตรู่ หลินฮวงลากหลินซินไปร้านเกี๊ยวของลุง ป้า
มันเป็นช่วงปลายเดือนตุลาคมแล้ว ฤดูใบ้ไม้ร่วงในเมืองจักรพรรดิใกล้หมดลง อากาศค่อยๆเย็นขึ้น
การเปลี่ยนแปลงในอุณหภูมิไม่ส่งผลต่อผู้บ่มเพาะมากนัก แต่คนทั่วไปถูกบังคับให้ต้องสวมเสื้อคลุมตัวหน้า
โต๊ะและเก้าอี้ร้านเกี๊ยวมักจะจัดไว้ด้านนอกทางเข้าร้าน เหลือโต๊ะว่างแค่สองตัวภายในร้าน เหนือสิ่งอื่นใด ร้านเกี๊ยวเป็นอาหารประเภทหนึ่งที่ควรกินตอนร้อน
หลินฮวงและหลินซินเข้าร้านและนั่งลงที่โต๊ะว่างตัวหนึ่ง
“พี่ พี่ปลุกข้าแต่เช้าเพื่อให้มากินเกี๊ยวเนี่ยนะ?”แม้หลินซินจะชอบเกี๊ยว นางก็ไม่ชอบตื่นเช้า
โดยเฉพาะตั้งแต่หลังนางจบสถาบันนักล่ายุทธ์ นางจัดตารางตัวเองใหม่ นางนอนตอนเวลาจนถึงเก้าโมงเช้า แต่ตั้งแต่ย้ายมาเมืองจักรพรรดิ กิจวัตรนี้ก็กลายเป็นวิถีชีวิต และไม่มีใครในขัตติยะกล้ารบกวนนาง
“เราไม่ได้อยู่ด้วยกันมาเกือบปีครึ่ง”หลินฮวงยิ้ม
“ใช่ มันปีครึ่งแล้ว”หลินซินคร่ำครวญ
นางยังจำได้ถึงตอนที่หลินฮวงเดินทางไปมหาพิภพ แม้ในอดีตหลินฮวงจะไม่ค่อยอยู่บ้าน อย่างน้อยนางก็สามารถใช้แหวนหัวใจจักรพรรดิเพื่อติดต่อหาเขาได้ มันเป็นปกติที่ทั้งคู่จะส่งข้อความหรือโทรคุยกัน แต่ทว่า ในช่วงปีหนึ่งที่หลินฮวงไปมหาพิภพ เขาหายไปเลย ความรู้สึกจังไม่เหมือนกัน
“น้องน่าจะเคยไปหลายสถานที่ในโลกกรวดมาแล้วสินะ ที่ไหนบ้างที่น้องอยากไปแต่ไม่เคยไป?”หลินฮวงยิ้ม
“พี่อยากไปเที่ยว?”หลินซินรู้สึกงุนงงเล็กน้อย มันเป็นภาพหายากที่หลินฮวงจะว่าง
“การหาเวลาว่างไม่ใช่ง่ายๆเลย แต่มันคงดีที่จะได้ท่องเที่ยวและรับเอาอากาศบริสุทธิ์”หลินฮวงพยักหน้า
เมื่อได้ยิน หลินซินก็อดยิ้มไม่ได้เลย”มันยากมากที่จะได้เห็นพี่แบบนี้’
“วิกฤตในโลกกรวดคลี่คลายแล้ว และพี่ก็ไม่มีทางเลื่อนระดับพลังได้ที่นี่ ระหว่างนี้ก่อนพี่จะกลับไปมหาพิภพ พี่จะถือซะว่ามันเป็นวันหยุด”หลินฮวงอธิบาย และเอนหลังพิงเก้าอี้
“ยิ่งไปกว่านั้น น้องเองก็เป็นเทพเสมือนขั้น 9 แล้ว มันไม่ใช่ความคิดที่ดีนักที่น้องจะเลื่อนเป็นเทพแท้จริงเลย น้องควรทำความคุ้นเคยกับการใช้พลังเทวะในฐานะเทพเสมือนก่อน”หลินฮวงกล่าวเสริม
“อืม..แทนที่จะใช้นี่เป็นข้ออ้างหยุดพัก ข้าคิดว่าคงมีคนกลัวว่าระดับพลังข้าอาจสูงเกินไปและจะทิ้งเขาไว้ซะมากกว่า”
“การคุยโวนั่นมันอะไรกัน?ถ้าพี่มีร่างกายของน้อง พี่คงเลื่อนเป็นเทพสวรรค์ไปแล้ว หรืออาจถึงขั้นจ้าวเทวะด้วยซ้ำ”หลินฮวงหน้ามุ่ย”นอกจากนี้ ระดับพลังก็แค่เปลือกนอก ความสามารถสิคือของจริง ในฐานะเทพเสมือนขั้น 9 น้องไม่มีทางเอาชนะพี่ที่เป็นเทพเสมือนขั้น 6 ได้ด้วยซ้ำ ไม่มีอะไรให้ต้องคุยโว”
“ใครอยากแข่งกับพี่?!”หลินซินได้เห็นความสามารถของหลินฮวงกับตาบนสนามรบ นางรู้สึกว่าพี่ชายนางหลุดออกจากกรอบของคนธรรมดาไปแล้ว
“เปลี่ยนเรื่องคุยกันเถอะ ขอรายชื่อสถานที่ที่น้องอยากไปในสองวันนี้ พี่ต้องใช้เวลาหารายละเอียด”หลินฮวงกลับเข้าเรื่อง
“ไม่ต้องทำให้ลำบากหรอก ข้ามีสถานที่ที่อยากไปอยู่แล้ว และข้าก็ทำรายละเอียดไว้หมดแล้ว”หลินซินแสดงไฟล์ตรงหน้า
หลินฮวงจ้องมัน แน่นอน มีสถานที่มากกว่า 30 แห่งถูกระบุไว้ชัด
“เลือกสถานที่ที่น้องอยากไปมากสุดก่อน เราจะใช้เวลาอีกสองเดือนกับการเดินทางรอบสถานที่เหล่านี้ สำหรับที่เหลือ ค่อยรอครั้งหน้า”
ถ้าเขาเห็นสถานที่น่าสนใจ เขาก็ไม่ว่าอะไรถ้าต้องอยู่สักเดือน เพื่อตอบสนองความต้องการ การเชื่อมชมสถานที่ท่องเที่ยว 30 แห่งในเวลาสองเดือนเป็นไปไม่ได้
“ก็ได้..”หลินวินดูไม่เต็มใจเล็กน้อย แต่นางก็รู้ว่าเวลาสองเดือนนั้นมากพอแล้ว
“มันควรเป็นฤดูหนาวในเมืองหิมะ..”หลินซินยกหัวมองท้องฟ้าไร้เมฆด้านบน”จุดเที่ยวแรกน่าจะเป็นเมืองหิมะ แต่เสี่ยวซวนกำลังปิดประตูบ่มเพาะ”
“การปิดประตูบ่มเพาะเขาไม่ควรใช้เวลานานเกินไป สองเดือนควรพอ เราสามารถกำหนดเมืองหิมะเป็นเมืองสุดท้ายได้”หลินฮวงรู้ว่าหลินซินอยากย้อนอดีตตอนที่ทั้งสามอยู่ด้วยกันสี่ปีก่อน
“งั้นไปเมืองหวู่หลินกันก่อน”หลินซินเสนอ
“ได้”เมื่อได้ยิน หลินฮวงก็กะพริบตาด้วยความประหลาดใจ แต่ก็พยักหน้า
เมืองหวู่หลินคือสถานที่แรกที่เขามาถึงหลังข้ามมาโลกนี้ มันเป็นสถานที่ที่ตัวหลินฮวงคนก่อนกับหลินซินโตมาด้วยกัน
แม้มันจะเป็นเมืองเกรด D แสนชนบทไร้สถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจ มันก็มีความทรงจำในวัยเด็กของหลินฮวงและหลินซิน
หลินฮวงสามารถเข้าใจได้ว่าทำไมหลินซินถึงอยากกลับไป
“ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเมืองหวู่หลินเป็นอย่างไรแล้ว..”หลินซินพึมพำ
“เมื่อเรากินอาหารเช้าเรียบร้อย เราจะเดินทางกัน!”หลินฮวงประกาศ ขณะที่ลุงอ้วนมาเสิร์ฟเกี๊ยวสองถาดให้พวกเขาอย่างเริงร่า
หลังจากนั้นสิบนาที สองพี่น้องก็กินอาหารเช้าเสร็จ
ขณะที่กำลังออกร้านหลังจ่ายเงิน หลินฮวงก็เหลือบมองเวลา มันยังไม่7 โมงครึ่งดี เขาจึงโน้มคอไปหาหลินซิน”น้องมีอะไรต้องเตรียมอีกไหม หรือเราควรออกเดินทางทันที?”
“เริ่มเดินทางเลย!”หลินซินก้มมองเวลาเหมือนกัน”สมัยก่อน ข้าเองก็ไปเรียนเวลานี้”
หลินฮวงโบกมือ และประตูมิติคล้ายวังวนสีดำก็ปรากฏตรงหน้า
“นี่คออะไร?”หลินซินกะพริบตาปริบๆ แน่นอน นางรู้ว่านี่ไม่ใช่ประตูมิติ
“พี่จะอธิบายทีหลัง”หลินฮวงพูด ดึงหลินซินก้าวเข้าไปในนั้น
ในชั่วพริบตา ทั้งคู่ก็มาถึงตรงหน้าบ้านในเมืองหวู่หลินที่สองพี่น้องเคยอยู่อาศัย
ประตูมีหมายเลข 23 รวมถึงผนังด้านข้างของวิลล่าสามชั้นที่มีเถาวัลย์เกาะ สวนบนดาดฟ้าร่มเงามาก เต็มไปด้วยพืชพรรณ
“อยากเข้าไปดูไหม?”หลินฮวงพูด ก้าวเข้าไปที่บ้านก่อน
หลังใส่รหัสผ่านประตู เขาก็ต้องประหลาดใจที่ได้ยินเสียง’ปี้บ’’’ ส่งสัญญาณว่าประตูถูกปลดล็อกแล้ว
ตอนแรก เขาคิดว่ารหัสผ่านคงหมดการใช้งานไปนานแล้วและเตรียมใช้กำลัง
เมื่อผลักเปิดประตู สองพี่น้องก็ก้าวเข้าไป
“ดูเหมือนจะไม่เปลี่ยนไปมาก”หลินซินฟังดูพอใจ
รูปแบบภายในบ้านเหมือนเดิม แม้กระทั่งโซฟา พรม รวมถึงโต๊ะกับเก้าอี้ในห้องกินข้าว
สิ่งเดียวที่เปลี่ยนคือมีเห็ดจำนวนมากผุดขึ้นจากใต้พื้น นอกจากนี้ เฟอร์นิเจอร์ในบ้านยังเคลือบด้วยฝุ่นหนาและมีกลิ่นเหม็นราจางๆในอากาศ