Everyone Else is a Returnee โดดเดี่ยว 1000 ปี 315

ตอนที่ 315

บทที่ 315 – ก็เหมือนๆกับฉันนั่นแหละ (7)

“อ่า…”

มิสทิคได้มองร่างตัวเองในกระจกและส่งเสียงออกมาอย่างตกใจ ภาพที่สะท้อนกลับมาคือร่างของหญิงสาวงดงามดูบอบบาง เธอมีเรือนผมสีดำราวกับเส้นไหมพร้อมด้วยนัยน์ตาสีม่วงอ่อนที่ให้ความรู้สึกที่ลึกลับ มันดูไม่เหมือนกับนิสัยตามปกติของมิสทิคที่ชอบไร้สาระเลย!

แม้กระทั่งตัวมิสทิคเองเธอก็ยังไม่อยากจะเชื่อและจ้องเขม็งที่กระจก ในทุกๆครั้งที่อารมณ์เธอเปลื่ยนไป สีหน้าของเธอก็จะเปลื่ยนตามไปด้วย เพราะงั้นไม่ต้องสงสัยอีกแล้วว่านี่คือร่างของเธอที่อยู่ในกระจกแน่ แต่ว่าเธอก็คิดว่ามันยังยากจะยอมรับ

“เป็นไปได้ยังไงที่ท่านทำร่างกายที่งดงามแบบนีได้ด้วยร่างของพวกผู้ชายเน่าเหม็น… ยิ่งกว่านั้นนี่คือฉันจริงๆน่ะหรอ? อ่า…”

แม้กระทั่งน้ำเสียงที่เธอพูดออกมายังไม่คุ้นหูเลย ความรู้สึกที่กล่องเสียงสั่นเป็นความรู้สึกที่เธอไม่เคยได้พบเจอมาก่อนเลย นี่มันก็เพราะว่าเธอได้ถูกยูอิลฮานฆ่าไปในทันทีที่เกิดขึ้นมา

“สุดยอดมาก… แม้แต่เสียงก็ยอดเยี่ยม ลำคอก็งดงาม กระดูกก็งดงาม อกกับเอวก็ด้วย”
“หยุดมองยกย่องตัวเองซักทีเถอะ”

ยูอิลฮานได้บ่นมิสทิคที่ยืนอยู่หน้ากระจกจับไปทั่วทุกๆส่วน เนื่องจากร่างใหญ่นี้ได้ถูกสร้างขึ้นมาจากเทวทูตคลาส 7 กับหินพลังเวทย์คลาส 7 การสร้างมันจึงไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย ถึงขนาดที่ว่าหลังจากทำเสร็จแล้วเขาถึงกับรู้สึกล้าเล็กๆ

สำหรับโอโรจิอย่างน้อยก็มีจุดที่คล้ายๆกันในร่างก็คือทั้งโอโรจิกับอิชจาร์ต่างก็เป็นสายพันธ์หนึ่งของมังกร แต่ว่ามิสทิคที่เกิดขึ้นมาเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงบนโลกของเขาทำให้ตัวเธอไม่ได้มีจุดเชื่อมอะไรกับเทวทูตรทรยศที่อาศัยอยู่ในสวรรค์เลย เพราะแบบนี้จึงเป็นเรื่องยากที่จะสร้างขึ้นมาให้เข้ากับเธอ

“หยุดแก้ผ้าชมตัวเองได้แล้ว ไปหาเสื้อใส่ซะมิสทิค”
“อ่า นี่นายท่านมองร่างเปลือยๆของฉันอยู่ตลอดเวลาเลยนี่นา โรคจิต นายท่านโรคจิต!”
“วางใจได้เลยฉันไม่ใช่พิกเมเลียน”

พิกเมเลียนคือประติมากรที่เป็นชายผู้ตกหลุมรักในผลงานของตัวเขาเอง เขาคือต้นแบบของโอตาคุคนแรกในโลกใบนี้

แน่นอนว่ายูอิลฮานก็รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีความรู้สึกรักในผลงานที่ตัวเองได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจสร้างขึ้นมา แต่ว่าเขาก็ไม่ได้รู้สึกรักในแง่ของเรื่องเพศอะไรแบบนั้น เพราะงั้นถึงแม้ว่าเขาจะรู้สึกผูกพันเล็กๆและรู้สึกพึงพอใจหลังจากสร้างร่างเปลือยเปล่าของมิสทิคขึ้นมา แต่อารมณ์ทางเพศของเขาก็ไม่ได้ขยับแม้แต่นิดเดียว

“ฉันทำเสื้อไว้ให้เธอแล้วด้วยเหมือนกัน นี่คืองานชิ้นเอกของฉันเชียวนะ เพราะงั้นจงดีใจซะที่ได้รับมันไป”
“ฉันจะจำให้ขึ้นใจเลยนะ… ว้าวนี่มันของระดับเทพนี่!”
“ก็สมกับที่ต้องใช้วัตถุดิบดีๆไปแหละนะ”

มิสทิคได้ใช้มือข้างหนึ่งของเธอปิดร่างกายของเธอเอาไว้และใช้อีกมือรับเสื้อผ้ามาจากยูอิลฮาน เธอได้อุทานออกมาในทันทีที่เธอรับมาแต่กลับไม่รู้สึกถึงน้ำหนักของมันเลย แต่ว่าสิ่งที่ยิ่งกว่านั้นอีกก็คือข้อมูลที่อยู่ในตัวอาร์ติแฟค

จากภายนอกมันดูเป็นแค่ชุดเดรสสีขาวธรรมดาที่ดูเรียบง่าย แต่ตัวตรจริงๆในภายในก็คือชุดเกราะที่มีพลังป้องกันมหาศาลที่ได้มาจากขนปีกของรามิเอลกับไดเอล นี่มันไม่ใช่เกราะธรรมดาๆเลย

“ฉันได้เอาเอกลักษณ์ของพวกคนทรยศมาใช้สร้างมันขึ้นมา ในตอนที่เธอตั้งสมาธิไปกับการควบคุมป้อมปราการลอยฟ้า ป้อมปราการผู้พิทักษ์หรือกับดักแห่งการฟื้นคืน ชุดนี่ก็จะยังเป็นสีขาว แต่ว่าเมื่อไหร่ที่เธอเข้าไปสู่การต่อสู้มันจะกลายไปเป็นสีดำ เอาไว้เดี๋ยวเธอก็ลองไปดูข้อมูลเอาเองอีกทีนะ… แล้วก็นี่หมวกฟาง”
“ว้าว สวยจัง… อ๊า หมวกนี่ก็ระดับเทพเหมือนกัน”

หมวก ‘ฟาง’ นี่ได้ทำขึ้นมาจากขนปีกที่เหลืออยู่กับเอลฮาซา เพราะงั้นจึงเป็นธรรมดาที่มันจะต้องอยู่ระดับเทพเหมือนกัน และเมื่อมิสทิคได้ใส่มันลงไปทำให้ตอนนี้เธอเป็นเหมือนกับหญิงสาวร่ำรวยที่กำลังมาเดินเล่น ยูอิลฮานได้ยิ้มออกมาด้วยความพึงพอใจในผลงานของตัวเองและพูดกับมิสทิคที่กำลังจับหมวกฟางอยู่

“เธอก็แค่ต้องใส่มันเอาไว้ในตอนที่ควบคุมสิ่งต่างๆภายในป้อมปราการลอยฟ้า มันจะช่วยเพิ่มความสามารถในการคิดคำนวนโดยรวมของเธอขึ้นมา”
“ฉันไม่เข้าใจเลยว่านายท่านได้สร้างของทั้งหมดนี่ออกมาได้ยังไงกัน โอ้ ตอนนี้หัวของฉันไม่ปวดแล้วล่ะ”

ตอนนี้การควบคุมป้อมปราการทั้งสองแห่งมันไม่ใช่เรื่องใหญ่อีกแล้ว ไมใช่แค่นั้นเธอยังรู้สึกเหมือนกับว่าเธอสามารถจะควบคุมกับดักแห่งการฟื้นคืนนับพันที่มีอยู่ในตอนนี้ได้แล้วด้วย แต่จริงๆแล้วก็คือกับดักแห่งการฟื้นคืนก็มีฟังก์ชั่นในการควบคุมตัวเองอยู่ด้วยทำให้นี่มันเป็นไปได้ แต่นี่ก็ยังน่าทึ่งอยู่ดี มิสทิคได้ยิ้มออกมาอย่างพอใจที่ยูอิลฮานได้ทำตามสัญญา

“ขอบคุณนะนายท่าน ท่านได้ใช้ความพยายามอย่างมากเลย… แต่ถึงแบบนั้นฉันก็ไม่รู้ว่าจะรู้สึกยังไงดีในเมื่อนายท่านคือคนที่ทำให้ฉันเป็นแบบนี้ตั้งแต่แรก”
“ในตอนนั้นเธอคือศัตรูของฉันนี่ แต่ในตอนนี้เธอคือพรรคพวก ยังไงก็เถอะในเมื่อเธอแต่งตัวเรียบร้อยแล้วก็ไปหาโอโรจิสิ”

คำพูดเบาๆนี้ได้ทำให้ใบหน้าของมิสทิคแดงขึ้นมาทันที

“ทะ ท่านกำลังพูดอะไรกัน! ทำไมฉันจะต้องไปหาโอโรจินั่นด้วยล่ะ? มันไม่ใช่แบบนั้นหรอกนะ ฉันไม่ได้สนใจเจ้างูนั่นซักนิด! เขาก็แค่ทำให้ฉันรำคาญเพราะเขาเอาแต่แกล้งฉันอยู่ตลอด!”
“นั่นมันก็เพราะว่าฉันคิดว่าจะทำอุปกรณ์ให้โอโรจิเหมือนกัน เพราะงั้นฉันก็เลยให้เธอไปเรียกโอโรจิมาให้ฉัน เข้าใจไหม?”
“อ๊าาา…”

ยูอิลฮานได้พูดออกมายิ้มๆ หลังจากมิสทิคได้เห็นใบหน้าของเขาที่ทำเหมือนรู้ทุกอย่างแล้วได้ทำให้เธอสิ้นหวังขึ้นมา เธอพ่ายแพ้แล้ว

“ฉันมันโง่เอง โง่ที่ถูกคนงี่เง่าหลอกเอาได้…”

เธอได้เดินออกไปช้าๆและกางปีกมังกรขาวออกมาจากหลัง ถึงแม้ว่าระดับพลังของร่างกายเธอจะสูงมากๆแล้ว แต่เนื่องจากระดับพลังวิญญาณเธอยังไม่สูงถึงระดับนั้นก็เลยทำให้เธอยังอยู่ที่คลาส 6

[มังกรขาว…?]
“นั่นก็แค่เป็นจินตนาการของเธอ จริงๆฉันสงสัยเรื่องที่โอโรจิทำมีปฏิกิริยายังไงมากกว่าซะอีก”
[นี่ท่านไม่ได้ส่งเธอไปตามเขามาหรอกหรอ?]
“ถ้าฉันต้องการแบบนั้น ฉันก็แค่ส่งข้อความไปหาตรงๆก็ได้นี่”
[…]

นี่คือเรื่องจริง อิชจาร์ได้เงียบลงไปทันที ยังไงก็ตามมิสทิคน่าสงสารเกินกว่าจะรู้ตัวและไปหาโอโรจิด้วยตัวเอง! มาพอคิดดูแล้วว่าหลังจากนี้เธอจะโกรธขนาดไหน เขาก็คิดว่านี่มันน่าสนุกแล้ว

“เอาล่ะ ถ้างั้นฉันก็น่าจะวางรากฐานไว้ให้สำหรับอุปกรณ์ของโอโรจิสินะ? ร่างกายของเครสเช่นและฮิวลูทูน… ฟู่ว เครสเช่นมีหินพลังเวทย์อยู่ด้วย โชคดีจริงๆเลย”
[…]

อิชจาร์มังกรแห่งความสิ้นหวังได้ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ขัดยูอิลฮานอีก ยูอิลฮานคือผู้ปกครองที่อยู่ห่างไกลจากตัวเขาเองทั้งในด้านร่างกายและจิตใจ!

“ท่านหลอกฉัน นายท่านนนนนนนนน!”

หลังจากนั้นประมาณสิบนาที มิสทิคที่หน้าแดงเป็นมะเขือเทศก็ได้กลับมาพร้อมกับโอโรจิที่สีหน้าปลงๆ ยูอิลฮานได้หัวเราะออกมามองทั้งสองคน พร้อมกันด้วยอ่างแห่งปาฏิหาริย์ที่เปิดรอโอโรจิอยู่

***

หลังจากผ่านไปสามชั่วโมง ในตอนนี้โอโรจิก็กำลังมองดูร่างตัวเองในกระจกที่มิสทิคเคยใช้มาก่อนอยู่ แม้ว่ายูอิลฮานจะวางแผนเอาไว้แค่อัพเกรดอุปกรณ์ให้เขา แต่ว่าเขาก็มองดูร่างกายของตัวเขาเองอยู่ตรงนี้

“ฉันรู้สึกเหมือนกับทั้งร่างฉันละลายไปหมดทั้งตัวเลย”
“ก็แน่สิ ฉันทำงานอย่างหนักเลยนะนายรู้ไหม?”

แม้ว่าจากภายนอกโอโรจิจะดูเป็นแค่ชายหนุ่มผมดำผิวสีทองแดงและเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ แต่ว่าภายในนั้นมีพลังที่นายตกตะลึงอยู่ หลังจากที่โอโรจิกลายมาเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงด้วยร่างของอิชจาร์ โอโรจิก็คิดว่าไม่ว่าจะเป็นในแง่มุมไหนเขาก็แข็งแกร่งขึ้นแล้ว และในตอนนี้เขาก็ต้องคิดแบบนั้นอีกครั้งหนึ่ง

“นี่นายท่านกระทั่งปรับแต่งความไม่สมดุลในไม่กี่นาทีงั้นหรอ?”
“ถึงนายจะกลายมาเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงแล้ว แต่ว่าร่างของอิชจาร์ที่เอามาทำเป็นร่างของนายมันยังไม่สมบูรณ์ ฉันก็แค่เติมส่วนที่ขาดไปด้วยส่วนที่เหลือจากการสร้างอุปกรณ์ให้นายเท่านั้นเอง ถึงแม้ว่ามันจะยากในการทำให้มันเข้ากันกับร่างของมังกร แต่อย่างน้อยมันก็ง่ายกว่าในตอนของมิสทิคแหละนะ”

ยูอิลฮานได้สกัดเอาแก่นแท้ของร่างกายเครสเช่นกับฮิวลูทูนมาผสมเข้ากับโอโรจิที่มีร่างของอิชจาร์จนทำให้ศักยภาพถูกดึงออกมาจนถึงขีดสุด นอกไปจากนี้ยูอิลฮานยังพยายามมากๆที่จะทำให้มันเข้ากับวิญญาณของโอโรจิอย่างเต็มที เพราะแบบนี้ทำให้โอโรจิจะไม่ต้องทนใจจากความไม่เข้ากันของร่างกายและวิญญาณเลยแม้แต่นิดเดียว

หากจะมีอะไรที่เป็นผลข้างเคียงนั่นมันก็คงจะเป็นการที่โอโรจิจะแยกร่างจิตวิญญาณออกมาจากร่างกายไม่ได้อีกต่อไปแล้ว โอโรจิในตอนนี้ไม่ใช่แค่จิตวิญญาณแล้ว ในตอนนี้เขาเป็นทั้งร่างกายและจิตวิญญาณที่ผสานด้วยกันไปแล้ว

มิสทิคก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน แต่แน่นนอนว่าเธอก็ยังควบคุมป้อมปราการลอยฟ้ากับป้อมปราการผู้พิทัษ์รวมไปถึงจัดการดูแลกับดักแห่งการฟื้นคืนได้ด้วยอยู่ดี แต่ว่าเธอจะไม่อาจออกมาจากร่างและเข้าไปสิงในป้มปราการได้อีกต่อไปแล้ว เนื่องจากว่าเธอได้เกิดใหม่ขึ้นมาทั้งร่างกายและจิตวิญญาณแล้วจึงทำให้เป็นปกติที่เธอจะไม่อาจแยกจากกันได้อีก

ดวงตาของโอโรจิได้เบิกกว้างออกมาเมื่อได้ยินแบบนี้

“ไม่ใช่ว่านี่มัน… เป็นระดับของผู้สร้างแล้วหรอกหรอ? ฉันไม่อาจจะเข้าใจขอบเขตพลังของนายท่านได้เลย”
“สำหรับผู้สร้างจริงๆแล้ว ฉันยังขาดอยู่อีกในหลายๆด้าน แต่ว่าฉันน่าจะดีกว่าที่นายคิดไว้อยู่แล้ว เพราะงั้นก็จงเคารพฉันซะสิ”
“ฉันเข้าใจแล้วว่าท่านได้ผยองมากยิ่งขึ้นตามเวลาที่ผ่านไป… อ๊า ท่านนี่น่าทึ่งจริงๆ”

โอโรจิได้เรียกเพลิงม่วงของเขาออกมาและต้องตกตะลึงไปกับการควบคุมที่เหนือยิ่งกว่าเมื่อก่อนอย่างมาก เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาจะผสานเข้ากันกับร่างของสิ่งมีชีวิตชั้นสูงได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่ยังไงก็ตามสิ่งที่ยูอิลฮานกังวลคือเรื่องอื่น

“แรงกดดันจากร่างกายเป็นยังไงบ้าง นายคิดว่านายรับมือไหวไหม?”
“พอได้ ถึงฉันจะพอรู้มาก่อนอยู่แล้ว… แต่ว่าเมื่อเทียบกับร่างที่อัพเกรดแล้วนี่ระดับวิญญาณของฉันยังต่ำเกินไป”
“ก็อยากที่ฉันเคยบอกนั่นแหละ ในเมื่อวิญญาณของนายสมบูรณ์แล้ว วิญญาณของนายก็จะพัฒนาขึ้นไปช้าๆอย่างไม่รู้จบ บางทีอาจจะเพราะครั้งหนึ่งนายเคยเป็นสายพันธ์มังกรก็ได้ นายก็เลยเป็นหนึ่งในคนที่ได้รับลจากอ่างแห่งปาฏิหาริย์อย่างมาก”

ทุกๆคนที่ได้ยูอิลฮานทำให้เป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงต่างก็ได้เกิดใหม่ขึ้นมาเป็นมังกรผ่านกระบวนการเดียวกัน แต่ว่าอัตราการพัฒนาของร่างกายแต่ล่ะคนไม่ได้เท่ากัน

ประสิทธิภาพจะต่างกันไปตามความเข้ากันกับบันทึกของยูอิลฮานที่ถ่ายโอนไปผ่านอ่างแห่งปาฏิหาริย์ เลียร่าผู้ที่รักเขามากจนได้รับพรจากเทพเป็นคนที่มีศักยภาพสูงที่สุด ในขณะที่ยูมิลที่ได้กลายมาเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงแทบจะพร้อมๆกันกับยูอิลฮานก็ไม่ได้ห่างจากเลียร่ามากนัก

และหลังจากสองคนนั้นก็คือโอโรจิที่กำลังยืนอยู่หน้ากระจกตรงนี้

“ฟู่… น่าตื่นเต้น”
“เก็บความตื่นเต้นของนายไปเลย พวกนายนี่เป็นพวกชอบโชว์งั้นหรอ? ฉันได้เตรียมอุปกรณ์ไว้ให้นายแล้วเพราะงั้นใส่มันซะ เฮ้ เร็วๆสิ ถ้ามีคนมาแอบมองนายจะทำยังไงกัน?”
“พวกของนายท่านมีคนโรคจิตแบบนั้นด้วยหรอ?”

ที่เป็นปัญหาก็เพราะมีคนแบบนี้อยู่ไงล่ะ ยูอิลฮานได้ตบมุกอยู่ภายในใจเนื่องจากว่าโอโรจิไม่ได้รู้ตัวเลยว่ามิสทิคได้แอบมองอยู่ด้านนอก

โอโรจิได้รับไอเทมมาอย่างสงสัย ชุดชั้นใดสีดำที่ป็นชั้นในสุดได้มีความยืดหยุ่นและทนทานเอามากๆ ชั้นต่อมาจากชุดชั้นในก็คือเกราะโลหะบางสีดำสนิทที่ดูคล้ายกันกับเกราะร่างมังกรจิตวิญญาณเพลิง

“นี่มันดูคล้ายกับเกราะของนายท่านเลย”
“ถึงฉันจะสร้างไอเทมระดับนิรันดร์แบบเกราะของฉันไม่ได้ง่ายๆ แต่ว่าฟังก์ชั่นของเกราะนายก็ไม่ได้ด้อยกว่ากันมาก เกราะนั่นเป็นอาร์ติแฟคระดับเทพ”
“สมแล้วที่เป็นนายท่าน ท่านพูดเรื่องไอเทมระดับเทพได้สบายๆเลย”

โอโรจิได้นึกย้อนไปในอดีต เขาจะได้รู้สึกถึงการยืนบนพื้นด้วยสองข้างของร่างกายที่แข็งแกร่งแบบนี้ได้ไหมนะหากว่าเขาไม่ยอมจำนนต่อยูอิลฮาน?

แน่นอนว่าโอโรจิในตอนนั้นได้ตายไปแล้ว และโอโรจิที่ยืนอยู่ตรงนี้ก็พูดได้เลยว่าคือโอโรจิอีกคนหนึ่งที่เกิดขึ้นมาใหม่… แต่อย่างน้อยที่สุดมันก็เป็นเรื่องที่สนุกสำหรับเขาที่ได้มาอยู่ใต้เงาของยูอิลฮาน

“นายท่านคือชายที่น่าสนใจอย่างแท้จริงๆ ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้สนุกเหมือนกับการไปทำลายเมืองไปทั่ว… แต่ว่านี่ก็น่าสนใจมากๆ”
“ในอนาคตเรื่องน่าสนใจมันจะกลายมาเป็นเรื่องที่เคร่งเครียดแล้วนะ”
“ฉันเตรียมตัวไว้แล้ว บอกมาได้ตลอดเวลาเลน”

โอโรจิที่ใส่อุปกรณ์ทั้งหมดไปแล้วได้ยืนอยู่ข้างๆยูอิลฮาน ยูอิลฮานได้เก็บกับดักแห่งการฟื้นคืนที่วางอยู่ในด้านหนึ่งมาใส่ไว้ในช่องเก็บของและเรียกมิสทิคที่ซ่อนอยู่หลังกำแพงออกมา

“มิสทิคได้เวลาทำงานแล้ว”
“ว้ายยย!?”

มิสทิคตกใจเดินทื่อๆออกมาทันที เธอไม่เคยรู้เลยว่าเธอถูกเจอตัวแล้ว ทั้งๆที่เธออยู่ในพื้นที่ของเธออย่างป้อมปราการลอยฟ้า แต่ว่าการคิดที่จะซ่อนตัวต่อหน้ายูอิลฮานคือเรื่องโง่ที่สุดที่เธอได้ทำแล้ว

“…มิสทิค? ทำไมเธอถึงออกมาจากตรงนั้นล่ะ?”
“อึ๊ย ไม่มีอะไรหรอกน่า”

แม้ว่าเมื่อก่อนโอโรจิจะเป็นคนหัวไวมาก แต่ว่าพอมาในคราวนี้เขาได้แต่คิดกับตัวเองอย่างสับสนว่า ‘ทำไมเธอถึงอยู่ตรงนั้น’

ยูอิลฮานได้ถอนหายใจออกมาเมื่อได้เห็นความสับสนบนใบหน้าของโอโรจิกับหน้าสีแดงของมิสทิค นี่มันดูเหมือนว่าบุคลิกของพวกเราจะเปลื่ยนไปหลังจากได้ร่างกายมา

“อย่างแรกเลยมาติดตั้งกับดักแห่งการฟื้นคืนในดาเรย์กัน มันถึงเวลาที่เราจะต้องโต้กลับได้แล้ว”
“นี่เป็นการตอบโต้เจ้าพวกที่น่ากลัวใช่ไหม อ่า เจ้าพวกนั้นชื่ออะไรกันนะ? เร็กน่าใช่ป่ะ?”
“ไม่ใช่หรอก”

ยูอิลฮานได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เคร่งเครียดยิ่งกว่าเดิม

“นี่คือการตอบโต้พวกที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมดและตัวตนทุกๆตัวตนที่มีอยู่ในจักรวาลแห่งนี้”

Everyone Else is a Returnee โดดเดี่ยว 1000 ปี

Everyone Else is a Returnee โดดเดี่ยว 1000 ปี

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 260 อ่านนิยาย

( อ่านตอนต่อไปข้างล่าง )


ถูกทิ้งจากการเข้าค่ายในมัธยมต้น

ถูกทิ้งจากการเข้าท่องเที่ยวในมัธยมปลาย

ในท้ายที่สุดแล้วฉันก็กลายมาเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยแล้วยังไงล่ะ? ฉันก็ยังถูกมนุษยชาติทิ้งเอาไว้อีกงั้นหรอ? ถูกพระเจ้าเมินจนทำให้ยูอิลฮานต้องฝึกฝนทักษะของตัวเองเป็นเวลาถึงหนึ่งพันปี เฝ้ามองดูโลกอย่างอ้างว้างในขณะที่ทุกๆคนต่างก็ไปอยู่ในโลกอื่นกัน

ตำนานของเขาได้เริ่มต้นขึ้นหลังจากที่มนุษยชาติได้กลับมาและเจอกับหายนะครั้งยิ่งใหญ่


 

Options

not work with dark mode
Reset