ผู้กล้าอาคมดํา ตอนที่ 39
หลายวันผ่านไป
เวลานี้ท้องฟ้าใกล้จะมืดค่ํา แสงตะวันแดงสะท้อนผ่านผืนปา คาราวานรถม้าของพ่อค้ากําลังจอดอยู่ในพื้นที่โล่งของปา
ใต้แสงสีแดงของตะวันตกดิน ภายในรถม้าคันหนึ่งของขบวนรถ ร็อดที่หลับตาอยู่ก็ค่อยๆลืมตาขึ้น
เมื่อพลังมานาหมด การเชื่อมต่อระหว่างร็อดและพลังธาตุก็พลันยุติ ร็อดใช้วิธีการนี้ในการสุดสิ้นการทําสมาธิลึก
เทียบกับการทําสมาธิเบื้องต้นแล้ว การทําสมาธิลึกนั้นกินเวลายาวนานกว่า การทําสมาธิลึกจะกินเวลาหลายวัน บางครั้งการทําสมาธิลึกของนักเวทเต็มตัวยังกินเวลาหลายสัปดาห์
โดยทั่วไปแล้ว อิงจากการใช้มานาในปริมาณที่เท่ากัน ยิ่งทําสมาธิลึกและเชื่อมต่อกับพลังธาตุนานขึ้นเพียงใด ผลที่ได้จากการทําสมาธิลึกก็จะยิ่งดีขึ้นเท่านั้น
ในกระบวนการทําสมาธิลึกนั้น ระหว่างที่กําลังจดจ่อ อัตราการเผาผลาญพลังงานของร่างกายจะถูกลดลงเหลือระดับต่ําสุด ดังนั้นต่อให้ไม่ได้กินอะไรหลายวัน ร่างกายก็ยังไม่เกิดภาระ
ได้ยินเสียงอึกทึกที่ด้านนอกรถม้า ร็อดก็เปิดข้อความจากระบบขึ้นมาดู
”รักษาสภาวะการทําสมาธิลึก…”
” คุณได้เชื่อมต่อกับธาตุไฟอย่างต่อเนื่อง เพิ่มค่าความชํานาญในการใช้ธาตุไฟ…”
“รักษาสภาวะการทําสมาธิลึก…”
“ค่าจิตวิญญาณของคุณเพิ่มขึ้น…”
”รักษาสภาวะการทําสมาธิลึก…”
” มีมานาไม่เพียงพอที่จะรักษาสภาวะการทําสมาธิลึก…”
“สิ้นสุดการทําสมาธิ”
” ด้วยการทําสมาธิลึก คุณได้รับค่าจิตวิญญาณเพิ่มขึ้น 2 และค่าความชํานาญของ [เวทไฟ ระดับต่ํา] เพิ่มขึ้น 4%”
“คุณได้รับรางวัลความสําเร็จแบบต่อเนื่อง” [ใจสงบ]
[ใจสงบ]: ทําสมาธิลึก
โบนัสพื้นฐาน: ค่าจิตวิญญาณ+2
โบนัสเพิ่มเติมเมื่อสวมใส่: เพิ่มประสิทธิภาพในการทําสมาธิ
20%
ปิดหน้าต่างระบบลง ร็อดก็ได้รู้ว่าเขาได้อะไรบ้างจากการทําสมาธิลึกในครั้งนี้
หลังจากที่สิ้นสุดการทําสมาธิลึก สิ่งแรกที่ได้ก็คือค่าจิตวิญญาณ และเมื่อรวมกับที่ได้จากรางวัลความสําเร็จแบบต่อเนื่องแล้ว ร็อดก็ได้รับค่าจิตวิญญาณมาเพิ่มอีก 4 จุด
จากประสบการณ์ของเขาแล้ว ร็อดรู้ว่าเมื่อนักเวทเข้าสู่สภาวะทําสมาธิลึก จิตวิญญาณจะค่อยๆพัฒนาขึ้น
กล่าวคือ การทําสมาธิลึกก็คือวิธีเพิ่มค่าจิตวิญญาณที่ประหยัดต้นทุนที่สุด ต่อให้เป็นนักเวทที่มีค่าจิตวิญญาณอ่อนด้อย แต่ด้วยการทําสมาธิลึกแล้วก็สามารถเพิ่มค่าจิตวิญญาณได้ 5 ถึง 10 จุด
อีกทั้งในการทําสมาธิลึกครั้งนี้ ร็อดยังปลดล็อครางวัลความสําเร็จแบบต่อเนื่อง
รางวัลความสําเร็จนี้เป็นสิ่งที่อยู่ในการคาดการณ์ของร็อดอยู่ก่อนแล้ว ผลของมันหลังจากสวมใส่ยังดีกว่ารางวัลความสําเร็จ [ผู้เริ่มต้น] เสียอีก
นอกจากนี้เป็นเพราะการเชื่อมต่อกับธาตุไฟอย่างลึกซึ้ง ค่าความชํานาญใน [เวทไฟ] ของร็อดจึงเพิ่มขึ้น 4% แต่ 49% นี้แทบจะไม่มีผลอะไร ตราบใดที่ยังไม่พัฒนาขึ้นไปถึง 100% ระดับของสกิลก็จะไม่เพิ่มขึ้น
ขอเพียงร็อดใส่แต้มสกิลไปที่ [เวทไฟ] 1 แต้ม สกิลของเขาก็จะพัฒนาไปเป็นระดับกลาง หากพึ่งพาเพียงค่าความชํานาญ เกรงว่าเขาคงต้องทําสมาธิลึกอยู่หลายเดือนเลยที่เดียว
แม้จะลงแต้มสกิลพิเศษเพื่อเรียนรู้ แต่สิ่งที่รอดได้รับผ่านระบบก็คือวิธีการใช้เวทไฟ ส่วนจะฝึกฝนอย่างไรนั้น เขาได้นึกหาวิธีเอาเอง
ร็อดจําได้ว่าตอนที่ตนเองยังมีระดับต่ํา เขาเคยเร่งเพิ่มระดับตัวละครอย่างรวดเร็วเพื่อให้ได้มาซึ่งแต้มสกิลพิเศษ แต่ตอนหลังที่เขามีระดับสูงขึ้นและต้องใช้ค่าประสบการณ์จํานวนมาก เขาก็ได้แต่ใช้การฝึกฝนเพื่อเพิ่มความชํานาญให้สกิล
การเพิ่มระดับแต่ละระดับของสกิลพิเศษนั้นใช้เวลานานมาก ซึ่งสกิลทั่วไปก็ไม่แตกต่างกัน
เสมือนว่าเขาเป็นคนปา ร็อดทําได้เพียงเพิ่มความแข็งแกร่งด้วยความอุตสาหะและการขัดเกลาฝีมือซ้ําแล้วซ้ําเล่า แต่การทําเช่นนี้ไม่ค่อยมีประสิทธิภาพสักเท่าใด ทั้งยังต้องใช้เวลายาวนาน ไม่เหมือนกับการลงแต้มสกิลเพื่อเลื่อนระดับทันทีทันใด
หลังจากตรวจสอบผลลัพธ์แล้ว ร็อดก็เงยหน้าขึ้นมา
แวมไพร์ที่นั่งอยู่ด้านข้างยังคงดูดซับพลังความตายจากผลึกวิญญาณ และร็อดก็ปล่อยมันไว้เช่นนั้นไม่คิดจะรบกวน ร็อดเปิดประตูข้างและลงจากรถม้า จากนั้นจึงกวาดสายตามองดูโดยรอบ
สิ่งแรกที่ดึงดูดความสนใจของร็อดก็คือหอสังเกตการณ์ที่ตั้งอยู่ด้านข้าง ภายใต้แสงแดดสาดส่อง พื้นผิวของหอสังเกตการณ์ก็สะท้อนแสงสีแดงออกมา
ไม่ไกลจากรถม้าของร็อด สมาชิกของกลุ่มการค้าต่างก็ไปรวมตัวกันอยู่ที่กองไฟ พวกเขาพูดคุยกันสรวลเสเฮฮาขณะที่กําลังรออาหารที่อยู่ในหม้อ
ร็อดเพ่งตามอง ไม่รู้ว่าเพราะเปลี่ยนกะหรือด้วยเหตุผลอื่น โจรที่คอยจับตาดูร็อดทุกฝีก้าวจึงกําลังถือมีดเถือหนังสัตว์ที่ล่ามาอยู่ข้างกองไฟนั้น
กระทั่งหัวหน้าขบวนอย่างยูเซอร์ก็ยังอยู่ที่ข้างกองไฟ เขาถูไม้ถูมือ รอคอยที่จะกินอาหาร
เวลาเพิ่งจะโพล้เพล้ ฟ้ายังไม่มืดค่ําเสียด้วยซ้ํา ขณะที่ยังมีแสงเพียงพอเช่นนี้ พวกเขาสามารถเดินทางต่อ แต่ดูเหมือนว่าซิลเวอร์ซีลจะไม่ทําเช่นนั้น พวกเขาเลือกที่จะตั้งค่ายพักแรมอยู่ที่นี่
อาจเพราะทราบว่าชื่อเสียงของเนโครแมนเซอร์นั้นไม่ค่อยจะดี ร็อดจึงไม่ได้สนใจจะเข้าไปร่วมวงแต่อย่างใด สายตาของเขาหันไปมองดูหอสังเกตการณ์ที่ถูกสร้างขึ้น จากนั้นจึงเดินตรงไปทางมัน
แม้ว่าโจรที่เคยเฝ้าจับตาเขาจะผละจากไปแล้ว แต่กลุ่มซิลเวอร์ ซีลก็ยังไม่ได้ลดความระวังที่มีต่อพวกร็อดที่ด้านหน้ารถม้าของร็อด เปลี่ยนเป็นสมาชิกคนหนึ่งของกลุ่ม เขาก็คือพลสอดแนมที่เคยรายงานสถานการณ์ต่อยูเซอร์
แม้จะรู้ว่าขบวนของพวกเขามีเนโครแมนเซอร์ร่วมทางมาด้วย แต่หลายวันที่ผ่านมาเขาก็ไม่ได้เห็นหน้าค่าตาของอีกฝ่ายเลย ดังนั้น เมื่อเห็นร็อดเดินออกมาจากรถม้า พลสอดแนมจึงตกตะลึงไปชั่วขณะ
เมื่อเห็นว่าร็อดกําลังเดินตรงไปที่หอสังเกตการณ์ พลสอดแนมก็ไม่ได้คิดจะตามไปห้าม แต่เลือกจะไปรายงานต่อยูเซอร์
ร็อดเดินมาถึงด้านล่างของหอสังเกตการณ์ มองดูตัวหอที่อาบย้อมด้วยแสงสีแดงแล้ว ร็อดก็ยื่นมือออกไปสัมผัสกับพื้นผิวของมัน
ที่พื้นผิวของมันเป็นสีแดงเช่นนี้ไม่ใช่เพราะแสง แต่เป็นการทาด้วยสีพิเศษ ซึ่งก็เพื่อให้ทนแดดทนลมฝน และเมื่อมีแสงจากตะวันตกดินส่องกระทบก็ยิ่งขับเน้นให้มันดูงดงามขึ้นกว่าเดิม
ร็อดเดินเข้าไปในหอสังเกตการณ์ ข้างในพอจะมีแสงสว่างอยู่บ้าง ทุกชั้นของตัวหอจะมีช่องว่างให้แสงสว่างส่องลอดเข้ามา ร็อดค่อยๆเดินขึ้นไปตามบันไดเวียนเพื่อขึ้นไปยังหอสังเกตการณ์
ตามความเข้าใจของร็อดแล้ว เพื่อเป็นการประหยัดวัสดุ หอสังเกตการณ์ทั่วไปจึงถูกสร้างขึ้นในรูปแบบหอไม้ที่มั่นคง จากนั้นจึงค่อยติดตั้งบันไดเชือก สําหรับหอสังเกตการณ์หลังนี้ ร็อดไม่ค่อยพบเห็นมากนัก
ไม่นานนักร็อดก็เดินขึ้นมาถึงบนหอ ที่ชั้นบนสุดของหอเป็นพื้นไม้กว้างขวาง รอบๆมีราวกะเบียงที่ทําจากไม้ล้อมเอาไว้ป้องกันการพลัดตก…