รถเมล์สาย 18 บทที่ 37 ความน่ากลัวของหลินเสี่ยว
บทที่ 37 ความน่ากลัวของหลินเสี่ยว
“นายบอกว่า มือถือของเฉียนนิ่งอยู่ในหมู่บ้านเฮยสุ่ยเหรอ!”จางหลานตกตะลึงเมื่อได้ยินคําพูดของเป็น
“อืม” เยบินพยักหน้าด้วยสีหน้าหนักอึ้ง “ไปที่หมู่บ้านเฮยสู่ยแล้วตรวจสอบกันก่อนเถอะ”
“ตกลง” ไม่ว่าจะเป็นเย่นหรือจางหลาน สิ่งที่พวกเขาเป็นกังวลที่สุดในตอนนี้ก็คือ ความปลอดภัยของลู่เฉียนฉิง
“หลินเกอ ตามที่คุณพูด หมายความว่าเป็นกับจางหลานไม่ใช่ฆาตกร แต่พวกเขามาแทนที่ฆาตกรแล้วพวกเขาทําไปเพื่ออะไร? พวกเขายังไม่รู้ด้วยซ้ําว่าใครเป็นฆาตกร ทําไมพวกเขาถึงสวมรอยมาเป็นฆาตกร?” ขณะขับรถให้หลินเสี่ยวมาตามหาเยบิน หลังจาก ได้ฟังคําอธิบายของหลินเสี่ยวฟางเฉินก็เกิดคําถาม
“ก่อนที่เราจะมาเมือง X ผู้คนในเมืองได้ตื่นตระหนกกับคดีนี้ไปแล้วทุกคนต่างกล่าวว่าคดีนี้เป็นคดีผีร้ายฆ่าคนและถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปคุณคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้น?”
คําถามของหลินเสี่ยว ทําให้ฟางเฉินเข้าใจบางอย่างได้ทันที “รูปแบบของเมือง X จะถูกทําลาย ความคิดเรื่องภูติผีปีศาจจะถูกฝังลงในหัวของทุกคน” พอถึงจุดนี้ฟางเฉินก็ขมวดคิ้ว “ถ้าอย่างนั้นเป็นไปได้ไหมว่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้จะเกี่ยวกับภูติผีปีศาจ จริงๆ?”
หลินเสี่ยวไม่ได้ยืนยันและไม่ได้ปฏิเสธต่อคําถามของฟางเฉิน “เพื่อค้นหาความจริงของคดีนี้ เราต้องหาตัวเป็นกับจางหลานให้พบเสียก่อนเมื่อเราพบพวกเขา เราก็จะสามารถไขคดีได้” ในใจข องหลินเสี่ยวเยบินกับจางหลานคือกุญแจสําคัญในการไขคดี
“ทีมสืบสวนได้ตามสืบหาที่อยู่ของเยบินแล้ว แต่ยังไม่พบเงื่อนงําใดๆ จึงเป็นการยากที่จะหาตัวสองคนนี้” อันที่จริงไม่ใช่แค่ทีมสีบสวนแม้แต่ฟางเฉินเองก็ลงมือตามสืบหาเองหลายครั้ง และได้ไปตรวจค้นที่อยู่เดิมของเยบินกับจางหลานแล้วเช่นกัน แต่ก็ไม่พบร่องรอยใดๆเลย
“พวกเขาหาไม่ยากหรอก” จู่ๆ หลินเสียวก็พูดขึ้น แล้วส่งสัญญาณให้ฟางเฉินหยุดรถที่หน้าประตูชุมชนแห่งหนึ่ง
“เยบินกับจางหลานซ่อนตัวอยู่ที่นี่งั้นเหรอ?” ฟางเฉินคาดเดาขณะมองไปยังชุมชนที่หลินเสียวสั่งให้หยุดรถ
หลินเสี่ยวส่ายหน้า “พวกเขาไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว แต่สามารถหาตัวพวกเขาได้ที่นี่” ขณะที่พูดหลินเสี่ยวก็เปิดประตูลงจากรถ
ฟางเฉินไม่ได้ถามอะไรมาก เขาได้นํารถไปจอดไม่ไกลจากชุมชนนัก และตามหลินเสี่ยวเข้าไปในชุมชน
ชุมชนที่หลินเสี่ยวกับฟางเฉินเข้าไปนั้นคือชุมชนที่พักอาศัยที่เฉินฮุยอยู่ในเวลาเดียวกันนั้นเฉินฮุยที่ได้รับการติดต่อจากเป็นก็กําลังจะนําพรรคพวกออกไปตามหาลู่เฉียนฉิงที่หมู่บ้านเฮยสุ่ย
ติ๊งต่อง ติ๊งต่อง
กริ่งประตูดังขึ้นขณะที่เฉินฮุยกับพรรคพวกกําลังจะออกจากบ้านไปยังหมู่บ้านเฮยสุ่ย ทําให้ทุกคนถึงกับสะดุ้งตกใจ
“ใครมากดกริ่ง? เฉินฮุย เพื่อนนายเหรอ?” จ้าวเจิ้นมองเฉินฮุยอย่างสงสัย
พอได้ยินเช่นนั้นเฉินฮุยก็รีบส่ายหน้าปฏิเสธทันที “ไม่ใช่อาจเป็นเจ้าของตึกก็ได้” เฉินฮุ่ยอยู่ที่นี่คนเดียว และเขาก็มีเพื่อนเพียงไม่กี่คนโดยทั่วไปแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าเขาพักอาศัยอยู่ที่ไหนถ้าไม่ใช่เพื่อใช้มันเป็นฐานสําหรับสืบคดีนี้แล้วล่ะก็ แม้แต่เยบินเองก็ไม่รู้ว่าเฉินฮุยพักอาศัยอยู่ที่ไหนเช่นกัน
“จะเป็นพวกบินจือหรือเปล่า?” หนิงหวาคิดว่าอาจจะเป็นเยู่ในกับจางหลาน แต่แล้วเขาก็ส่ายหน้าปฏิเสธความคิดของตัวเอง “ไม่น่าใช่การตรวจค้นข้างนอกเข้มงวดมาก ถ้าพวกเยบินมาที่นี่ มันเสียงเกินไป”
“หรือว่าจะเป็นเฉียนฉิง?” นอกจากพวกเยบินทั้งสองคนแล้วคนสุดท้ายที่เหล่าสวีคิดถึงก็คือสู่เฉียนนิ่ง
“ฉันจะลองไปดู” พอได้ยินคําพูดของเหล่าสวี เฉินฮุยก็รีบไปที่ประตูเพื่อดูว่าลู่เฉียนฉิงกลับมาแล้วจริงหรือไม่
เมื่อมองผ่านตาแมวออกไปเฉินฮุยก็พบชายสองคนในชุดเครื่องแบบพนักงานชุมชน
“สวัสดี! พวกเราเป็นพนักงานอาคาร มีเพื่อนบ้านมาร้องเรียนว่าคุณทิ้งขยะไม่เป็นที่!”
เฉินฮุยถอนหายใจเบาๆ เมื่อเห็นชายในเครื่องแบบพนักงานชุมชนและเปิดประตูออกไปพบ
ทันทีที่เฉินฮุยเปิดประตู มือข้างหนึ่งที่ยื่นออกมา ในมือข้างนั้นมีสมุดประจําตัว “ขอโทษที่รบกวน พวกเราเป็นตํารวจ”
ก่อนที่เฉินฮุยจะทันได้ตอบสนอง ชายผู้นั้นก็ยื่นมือออกไปผลักประตูที่เปิดแง้มไว้ออกจนกว้าง
เฉินฮุยหรี่ตามองสมุดประจําตัวเจ้าหน้าที่ตํารวจเล็กน้อยและปล่อยให้ชายผู้นั้นเปิดประตูออกจนกว้างโดยไม่ขัดขืน
“แม้ว่าพวกคุณจะเป็นตํารวจ แต่พวกคุณก็ไม่สามารถบุกรุกเข้ามาในสถานที่ส่วนบุคคล” เฉินฮุยพูดกับชายทั้งสองคนอย่างเย็นชา
“ขออภัย เรากําลังสืบสวนคดีอยู่ นี่คือหมายค้น” ชายคนหนึ่งหยิบหมายค้นออกมาแสดงต่อหน้าเฉินฮุย
พอเห็นหมายค้นสีหน้าของเฉินฮุยก็ดิ่งลง เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายเตรียมพร้อมมาอย่างเต็มที่
“พวกคุณต้องการค้นหาอะไร?” เฉินฮุยถามอย่างเย็นชา
“ขอโทษ เราเข้าไปคุยกันข้างในได้ไหม?” ชายในชุดเครื่องแบบพนักงานชุมชนทั้งคู่ไม่ใช่ใครอื่น พวกเขาคือ หลินเสียวกับฟางเฉินนั่นเองเพื่อให้ประสบความสําเร็จในการพบตัวเฉินฮุยกับพรรคพวกหลินเกี่ยวกับฟางเฉินจึงได้ปลอมตัวมา
“หลินเสี่ยว!” ตอนแรกเฉินฮุ่ยเพียงรู้สึกว่าสองคนนี้ดูคุ้นๆ แต่หลังจากพยายามนึก ในที่สุดเขาก็นึกออกว่าคนผู้นี้คือ หลินเสี่ยวหัวหน้าสูงสุดของการสืบสวนคดีเมืองX ครั้งนี้
“ดูเหมือนว่าผมไม่จําเป็นต้องแนะนําตัวเองแล้ว” หลินเสี่ยวออกปากยอมรับอย่างแผ่วเบา
พอได้ยินว่าอีกฝ่ายคือหลินเสี่ยว สีหน้าของพวกหนิงหวาทั้งสามก็ดิ่งลงทันทีทุกคนเดาออกว่าอีกฝ่ายมาค้นที่นี่ทําไม พวกเขามาที่นี่เพื่อค้นหาเป็นกับจางหลาน
พอเข้าไปในบ้านของเฉินฮุย หลินเสี่ยวก็มองไปรอบๆแล้วหันมาหาเฉินฮุย
“คุณเฉินฮุย ผมอยากพบเป็น” หลินเสี่ยวบอกจุดประสงค์ในการเดินทางมาครั้งนี้อย่างตรงไปตรงมา
เมื่อได้ยินคําพูดของหลินเสี่ยว เฉินฮุยก็ตกตะลึงไปชั่วขณะแต่แล้วเขาก็พยายามทําให้ตัวเองสงบลงให้ได้มากที่สุด “เยบินไม่ได้อยู่ที่นี่”เฉินฮุยตอบเรียบๆ แต่หลินเสี่ยวผู้มีการสังเกตที่ดี จับได้ว่าสีหน้าของเฉินฮุยดูตกตะลึงไปชั่วขณะหนึ่ง
“ผมรู้เรื่องเยบินแล้ว และกําลังมองหาเขาเพื่อคลี่คลายคดี”ประโยคต่อไปของหลินเสี่ยว ทําให้เฉินฮุยกับคนอื่นๆถึงกับขมวดคิ้ว
“ผมไม่เข้าใจที่คุณพูด” เฉินฮุยยังแสร้งทําเป็นสงบ แต่ในใจกลับเกิดคลื่นขนาดใหญ่จากคําพูดของหลินเสี่ยว
“ผมได้ตรวจสอบปัญหาของรถเมล์ สาย 18” แล้ว เยบินไม่ใช่ “ฆาตกร”เขาแค่ต้องกลายเป็น “ฆาตกร” เท่านั้น”
“คุณหมายความว่ายังไง?” ดวงตาของเฉินฮุยหรี่ลงแต่คลื่นในใจกลับใหญ่ขึ้นและใหญ่ขึ้น
“สําหรับคดีที่เกิดขึ้นในเมือง X ผมได้ตรวจสอบอย่างละเอียดแล้วหลังจากผ่านการวิเคราะห์ ผมได้สรุปว่า เยบินไม่ใช่ “ฆาตกรดังนั้นผมจึงต้องการความช่วยเหลือจากเป็นในการหาตัวฆาตกรตัวจริง”
“ทําไมผมต้องเชื่อคุณด้วย” เฉินฮุยพูดด้วยสีหน้าบูดบึงเขายังคงคอยระวังหลินเสี่ยว
“คุณไม่จําเป็นต้องเชื่อผม พวกคุณต้องการหาตัวฆาตกรตัวจริงผมก็เช่นกัน ในกรณีนี้เราสามารถร่วมมือกันเพื่อค้นหาฆาตกรตัวจริ
“หาฆาตกรตัวจริง? คิดว่ามันจะง่ายขนาดนั้นงั้นเหรอ? อย่าคิดว่าตัวเองถูกเรียกว่านักสืบผู้โด่งดังแล้วภาคภูมิใจจนคิดว่าตัวเองสามารถคลี่คลายได้ทุกคดี”เฉินฮุยพูดอย่างเคร่งขรึม เขารู้สึกว่าหลินเสี่ยวหยิ่งเกินไปจนไม่เข้าใจว่าคดีนี้มันน่ากลัวขนาดไหน
“นี่คือเบอร์โทรของผม ถ้าพวกคุณเข้าใจในสิ่งที่ผมพูดก็โทรหาผมแล้วกัน” หลินเสี่ยวไม่สนใจคําพูดของเฉินฮุย เขาหยิบ นามบัตรออกมายื่นให้เฉินฮุยจากนั้นหลินเสี่ยวกับฟางเฉินก็หัน หลังแล้วเดินจากไป
“ได้ยินชื่อเสียงไม่เท่าพบปะ คนๆนี้ไม่ง่ายจริงๆ” เหล่าสวีถอนหายใจมองเงาหลังของหลินเสี่ยวที่เดินจากไป
“อยากเชื่อเขาไหมล่ะ?” จ้าวเจิ้นพึมพําพลางครุ่นคิดในใจ
ไม่เพียงแค่จ้าวเจิ้นกับเหล่าสวี แม้แต่เฉินฮุยกับหนิงหวาก็รู้สึกถึงความน่ากลัวของหลินเสี่ยว เพียงการแลกเปลี่ยนคําพูดไม่กี่คําก็สามารถทําให้ทุกคนเชื่อมั่นในตัวเขาได้