กล่าวให้ถูกต้องกว่านี้ก็คือ ริชาร์ดเรียนรู้วิธีการร่ายคาถาไฟร์บอลระดับ 1 ได้แล้ว
ไฟร์บอลถือได้ว่าเป็นตำนานในหมู่คาถาระดับ 3 มันมีความสำคัญต่อเมจในทุกระดับ ไม่เว้นแม้กระทั่งชารอนเองก็ตาม คาถานี้เป็นคาถาที่ลึกลับและมีเรื่องราวเล่าขานมากมายที่ถูกพูดถึงอยู่บ่อยครั้ง แต่ถึงอย่างไรก็เป็นที่รู้กันดีว่าเมจที่มีความสามารถเพียงการใช้ไฟร์บอลได้นั้นยังไม่ถือว่าเป็น ‘เมจที่ดี’ ซึ่งไม่ว่ามุมมองนั้นจะเป็นอย่างไรแต่เมจทุกคนต่างรู้ดีว่าคาถานี้มีเอกลักษณ์ในตัวของมันเอง ไฟร์บอลสำคัญเป็นอย่างมากสำหรับเมจที่มีระดับต่ำกว่า 3 และคาถานี้สามารถทำให้เมจระดับ 6 เข้าร่วมการต่อสู้ในสงครามได้อย่างสบาย และมันเป็นคาถาแรกที่ผู้คนมักเลือกเรียนรู้เมื่อก้าวขึ้นไปในระดับที่สูงขึ้น
คาถาสำหรับไฟร์บอลจะใช้เวลาในการร่ายประมาณ 3 วินาที ซึ่งจะสร้างไฟร์บอลให้พุ่งออกไปได้ไกลถึง 30 เมตร โดยจะสามารถเผาไหม้สิ่งรอบข้างได้ในรัศมี 10 เมตร หากมีคนอยู่ใกล้ๆจุดระเบิดของมันในรัศมี 10 เมตรนี้ รับรองได้หน้าไหม้อย่างแน่นอน และถ้าโดนมันเข้าไปเต็มๆ ต่อให้เป็นวอริเออร์ระดับ 5 ก็อาจจะตายคาที่ได้ จุดแข็งที่สุดของคาถาระดับ 3 คือมันสามารถกำหนดเป้าหมายได้มากกว่าหนึ่งคน การโจมตีเช่นนี้สามารถทำให้มั่นใจได้ว่าเหล่าวอริเออร์ที่ถูกเมจล็อคเป้าไว้จะพบจุดจบที่น่ากลัวไม่น้อยอย่างแน่นอน
พลังอำนาจของเวทมนตร์คาถานี้จุดประกายให้เกิดงานวิจัยมากมายโดยเหล่าเมจระดับต่ำ พวกเขาได้ทำการวิเคราะห์และค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับคาถาที่เป็นตำนานนี้ และค้นลึกลงไปจนถึงต้นกำเนิดของมัน งานวิจัยของเมจระดับ 8 ชิ้นหนึ่งกล่าวอ้างว่า: มีความเป็นไปได้ว่าคาถานี้จะสามารถสังหารแกรนด์เมจได้ด้วยไฟร์บอล 5 ลูก
งานวิจัยชิ้นนี้เป็นงานวิจัยของภาควิชาประวัติศาตร์เวทมนตร์โดยใช้หัวข้อวิจัยว่า: การพิสูจน์ผลรวมพลังแห่งไฟร์บอล โดยข้อสรุปในงานวิจัยนี้ได้ระบุว่าพลังนี้แม้แต่เมจระดับ 18 ก็ยังไม่สามารถรอดจากความตายได้เมื่อต้องเผชิญหน้ากับไฟร์บอลที่พุ่งโจมตีเข้ามาพร้อมกันถึง 5 ลูก โดยเฉพาะในกรณีพิเศษที่การโจมตีนี้อยู่ภายในพื้นที่ปิดสนิทที่ทำให้เกิดการสะท้อนกลับของพลังได้ดี การสะท้อนของพลังจากการระเบิดจะยิ่งทำให้ไฟร์บอล 5 ลูกทวีความรุนแรงและเพิ่มพลังการทำลายล้างขึ้นไปอีก
แต่การศึกษาและติดตามของงานวิจัยนี้กลับหยุดชะงักไปโดยไม่ทราบสาเหตุ ต่อมาถูกผู้เจ้ากี้เจ้าการนำไปเปลี่ยนชื่องานวิจัยใหม่เป็น: การสังหารแกรนด์เมจด้วยไฟร์บอล 5 ลูก ซึ่งสร้างความเกรี้ยวกราดให้กับเหล่าแกรนด์เมจอย่างรุนแรง เพราะเสมือนเป็นการสบประมาทความแข็งแกร่งของพวกเขาโดยตรง แต่ตรรกะเชิงลึกในงานวิจัยนั้นค่อนข้างสมบูรณ์แบบ ข้ออภิปรายต่างๆ ถูกอธิบายไว้อย่างละเอียดและเจาะลึกครบทุกด้าน การคำนวณมีความถูกต้องน่าเชื่อถือและข้อสรุปมีความเหมาะสม ถึงแม้ว่าจะยังคงอยู่ในทางทฤษฎีก็ตาม
แต่ในเวลาแบบนั้นจะมีแกรนด์เมจคนไหนที่ยอมปล่อยให้ตัวเองถูกไฟร์บอล 5 ลูกโจมตีใส่ในพื้นที่ที่ปิดสนิทกันล่ะ ? พวกเขามีพลังจิตที่สูงส่งและมานาอันมหาศาล พวกเขามีวิธีมากมายในการสกัดกั้นผลกระทบจากคาถาระดับต่ำอย่างไฟร์บอล นี่เป็นข้อโต้แย้งของบรรดาเมจระดับสูง แม้กระนั้นเมจในระดับต่ำและผู้ที่ไม่สามารถใช้เวทมนตร์ได้ต่างก็ไม่ได้ให้ความสนใจกับข้อโต้แย้งของพวกเขาสักเท่าไหร่ หลังจากรู้ถึงงานวิจัยนี้ ความคิดเดียวที่พวกเขามีคือ — ไฟร์บอลสามารถสังหารแกรนด์เมจได้ —
สิ่งนี้เองที่สร้างความขุ่นเคืองให้เหล่าแกรนด์เมจอย่างร้ายแรง แต่พวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้และดูเหมือนจะเป็นสิ่งโง่เขลาที่จะโต้แย้งบทวิจัยนี้ ปรัชญาเวทมตร์นี้ถือเป็นอุปสรรคต่อความก้าวหน้าทางเวทมนตร์ จึงทำให้แกรนด์เมจรวบรวมเมจจำนวนนับสิบและเหล่าอโคไลท์นับร้อยเพื่อศึกษาวิจัยเรื่องนี้อย่างเข้มข้มและลึกซึ้งยิ่งขึ้น และ 3 ปีต่อมาพวกเขาก็ส่งรายงานผลการวิจัยออกมา ซึ่งมีข้อสรุปว่า: เมจที่ใช้เวลามากเกินไปในการศึกษาไฟร์บอลจะต้องเผชิญกับความยากลำบากในการพัฒนาตนเองในอนาคต และไฟร์บอลอาจจะกลายเป็นคาถาสุดท้ายที่พวกเขาเหล่านั้นจะเรียนรู้ได้ !
ทันทีที่บทความของงานวิจัยนี้ถูกเผยแพร่ออกมาก็ทำให้เกิดความไม่พอใจภายในกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านคาถาไฟร์บอลเป็นอย่างมาก มีการวิพากษ์วิจารณ์นับไม่ถ้วนที่ต่อต้านข้อสรุปของงานวิจัยนี้ว่า ‘ไร้เหตุผล’ และ ‘มีความผิดพลาด’ ทว่าเหล่าเมจผู้เชี่ยวชาญในการวิจัยเกี่ยวกับคาถาก็ยังไม่สามารถหาข้อมูลอ้างอิงที่ชัดเจนมาโต้แย้งงานวิจัยของแกรนด์เมจได้ อีกทั้งพวกเขาก็ไม่มีทรัพยากรเป็นของตัวเองที่มากเพียงพอที่จะทำแบบนั้นได้ ดังนั้นทุกคนจึงล้มเลิกความพยายามที่จะชี้นำประเด็นการวิจัยนี้ให้เป็นไปตามทฤษฎีที่ตนเองยึดมั่น
ไม่ว่าเรื่องนี้จะทำให้เหล่าเมจไฟร์บอลเกิดความวุ่นวายมากเท่าไหร่ แต่ทว่าพวกเขาก็ทำได้เพียงยอมรับ ‘ความจริง’ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้พวกเขาเริ่มกลัวว่าจะกระทบกับความก้าวหน้าของพวกเขาจริงอย่างที่ผลการวิจัยบอก ในขณะเดียวกันเหล่าแกรนด์เมจก็หลุดพ้นจากหัวข้อเรื่องนี้ไปอย่างเงียบๆ
เรื่องนี้จบลงเพียงเท่านี้ ทฤษฎีนี้ไม่ได้ช่วยให้เกิดการพัฒนาของเวทมนตร์ในระยะยาวเลย แต่การที่เมจไฟร์บอลเป็นฝ่ายแพ้ในการต่อแย้งทางทฤษฎีกับเหล่าแกรนด์เมจก็เป็นการพิสูจน์แล้วว่า จำนวนคนนั้นไม่ได้มีความสำคัญเท่ากับระดับของเหล่าเมจ
ไม่ว่าอย่างไรไฟร์บอลก็ยังคงเป็นไฟร์บอลต่อไป ไม่ว่าผู้คนจะคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้ สำหรับไฟร์บอลเองยังคงความพิเศษด้วยตัวมันเองอยู่ แม้แต่แกรนด์เมจระดับ 20 ที่ต้องต่อสู้กับทหารนับหมื่นในสนามรบก็มักจะเริ่มต้นการโจมตี ด้วยการโยนไฟร์บอลใส่คู่ต่อสู้ พวกเขาจะใช้เทคนิคที่เรียกว่า การร่ายไร้เวลา* การร่ายที่เงียบเชียบ และการยกระดับความแม่นยำเข้ามาเสริมประสิทธิภาพ …..ทุกๆงานวิจัยได้ทำให้คาถานี้กลายเป็นหนึ่งในคาถาที่ดีที่สุดสำหรับเมจที่ต่ำกว่าระดับ 6
*การร่ายไร้เวลา = การร่ายคาถา 0 วินาที หรือการปล่อยคาถาออกไปทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลาร่ายนั่นเอง
เมจผู้เริ่มต้นเขียนทฤษฎีดั้งเดิมก็ถูกลืมและเลือนหายไปตามกาลเวลา พร้อมกับถูกขับออกจากบันทึกประวัติศาสตร์……
มีการเรียกข้อมูลผ่านแหล่งข้อมูลใหญ่ต่างๆของดีพบลูจึงทำให้ริชาร์ดเข้าใจประวัติศาสตร์ที่มีความซับซ้อนอยู่เบื้องหลังของคาถานี้มากขึ้น
ในหนึ่งเดือนที่ผ่านมาของการศึกษาที่หอเวทมนตร์แห่งนี้สิ่งที่เกี่ยวข้องกับเวทมนตร์จริงๆก็คงจะมีแต่ ทฤษฎีเวทย์ต่างๆ การทำสมาธิเบื้องต้นและคาถาขั้นพื้นฐาน แต่ทว่าเรื่องทั้งหมดนี้ใช้เวลาเพียงแค่ 3 วัน จากเวลาเรียนตลอดทั้งเดือน
อาจารย์ผู้ที่สอนเวทมนตร์พื้นฐานคือแกรนด์เมจ เขาสอนให้พวกนักเรียนสร้างความเสถียรขององค์ประกอบธาตุ รวมถึงทฤษฎีที่อยู่เบื้องหลังของเวทมนตร์ต่างๆ เท่านั้น ส่วนคาถา เทคนิคพิเศษและส่วนของการปฏิบัติอื่นๆ จะถูกกล่าวถึงเพียงสั้น ๆ และปล่อยให้พวกเขากลับไปศึกษาด้วยตัวเอง การเรียนภายในหอเวทมนตร์ซึ่งเป็นเวลาหนึ่งเดือนกว่าๆ ทำให้ริชาร์ดได้เห็นว่าอาจารย์เหล่านั้นต่างมุ่งเน้นไปที่เรื่องของ ‘ทฤษฎีที่เจาะลึก’ บทเรียนเชิงปฏิบัติเช่นการร่ายคาถาต่างๆถูกปัดออกจากการเรียนการสอน การปฎิบัติเป็นหน้าที่ของเหล่าอโคไลท์ที่ต้องศึกษาและจัดการด้วยตัวเอง
หากเป็นที่อื่นก็อาจจะถูกตีตราว่าเป็นการศึกษาที่หลอกลวงและมีคุณภาพต่ำ ทว่าสำหรับดีพบลูทฤษฎีถือเป็นสิ่งสำคัญที่ถูกวางอยู่บนแท่น งานวิจัยที่สมบูรณ์แบบเป็นทางลัดสู่ความสุขของชารอน นอกเหนือจากครูสอนประวัติศาสตร์แล้วคนอื่นๆต่างก็เป็นเกรทเมจระดับ 14 เป็นอย่างต่ำ ระดับที่สูงของเหล่าอาจารย์ช่วยบดบังทุก ‘ข้อสงสัย’ ที่มีของผู้เรียนไปโดยปริยาย
ริชาร์ดได้เรียนรู้ไฟร์บอลจากหนังสือเวทมนตร์ที่เขาได้รับมา มันไม่ได้ยากในการควบคุมการร่ายคาถาหรือปลดปล่อยไฟร์บอลออกมา แต่สิ่งที่จำเป็นอย่างมากสำหรับคาถาระดับ 3 คือความต้องการ ‘มานาจำนวนมาก’ เขาฝึกฝนหลังเลิกเรียนทุกวัน ทั้งฝึกสมาธิและฝึกฝนการร่ายคาถา เขาได้ใช้เวลา 15 วันเต็มๆเพื่อให้เชี่ยวชาญคาถาระดับ 0 ทั้ง 6 คาถา หลังจากที่เขาเข้าใจการร่ายคาถาระดับต่ำสุดทั้งหมดแล้ว เขาจึงมองหาคาถาในระดับที่สูงขึ้นไป ผลสุดท้ายเขาก็เลือกคาถา—ไฟร์บอล
เป็นเพราะพรแห่งสติปัญญาของเขาถูกนำไปใช้โดยไม่รู้ตัว และมันช่วยให้เขาค้นพบว่าไฟร์บอลระดับ 3 ใช้ได้ง่าย ง่ายเสียยิ่งกว่าคาถาระดับ 1 บางคาถาเสียอีก การศึกษาวิจัยนับพันปีทำให้เกิดความมหัศจรรย์และนำพาไปสู่ความสมบูรณ์แบบ และในที่สุดก็ทำให้การร่ายไฟร์บอลเกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผล
ริชาร์ดยังคงเป็นเด็กน้อยซึ่งมีความอยากรู้อยากเห็นตลอดเวลา การทดลองทุกอย่างที่เขาได้ศึกษามาและการจำลองสิ่งต่างๆ ส่งเสริมให้บัดนี้เขาได้เห็นว่าตัวเองมีมานาเพียงพอที่จะสามารถร่ายไฟร์บอลแล้ว ซึ่งการค้นพบนี้ทำให้หัวใจของเขาพองโต มันเต้นแรงขึ้นจนแทบจะควบคุมไม่ได้