“บ้าเอ้ย! ทำไมต้องเป็นตอนนี้ด้วย?” ใบหน้าของเนตรมารบิดเบี้ยว และร่างกายของเขาก็หยุดนิ่งไปอย่างสมบูรณ์ ขณะที่เขาลอยตัวอยู่ในอากาศ เขายกมือขึ้นมาสัมผัสกับดวงตาดวงที่ 3 แต่ไม่ว่าเขาจะกดมันหนักสักแค่ไหน เลือดก็ไม่ยอมหยุดไหลออกมา
สีแดงเริ่มแพร่ขยายในดวงตานั้น ซึ่งมันขัดกับสีม่วงที่เป็นสีประจำของเนตรมาร
ปัง!
เนตรมารร่วงลงมาจากท้องฟ้า และเมื่อเขากระแทกกับพื้นเข่าของเขาก็จมลงไปในทะเลทราย ทำให้หานเซิ่นกลับมาเป็นอิสระอีกครั้ง
“นั่นต้องเป็นไผ่เดียวดายแน่ๆ! จิตใจของเขายังไม่ถูกทำลาย!” ผู้หญิงสวมหน้ากากตะโกนขึ้นมา
“ฮ่าๆๆ! เยี่ยม! นี้สิลูกศิษย์ของข้า!” ผู้นำของปราสาทนภาหัวเราะออกมา
“จิตใจของไผ่เดียวดายยังคงอยู่ในร่างกายนั้นอย่างนั้นรึ? แม้แต่สัตว์ประหลาดจากสมัยดึกดําบรรพ์อย่างผีเสื้อเนตรม่วงก็กลืนกินจิตใจของเขาไม่ได้หรอเนี่ย?” เบิร์นนิ่งแลมป์อัลฟ่าดูตกตะลึงกับเรื่องนั้น
ผู้คนของปราสาทนภาต่างก็รู้สึกดีใจ ทันใดนั้นยวิ๋นซู่ซางก็ส่งเสียงกรีดร้องขึ้นมา “โอ้ไม่นะ!”
“พี่มีเรื่องอะไรอย่างนั้นหรอ? จิตใจของศิษย์พี่ไผ่เดียวดายยังคงอยู่ นั่นควรจะเป็นเรื่องที่ดีหนิ?” ยวิ๋นซู่อีหันไปมองยวิ๋นซู่ซางด้วยความสับสน
ยวิ๋นซู่ซางขมวดคิ้วด้วยความกังวล “มันเป็นเรื่องดีที่จิตใจของไผ่เดียวดายยังคงอยู่ แต่เนตรมารกำลังอยู่ในระหว่างการต่อสู้ ซึ่งถ้าดอลลาร์ลงมือฆ่าเนตรมารในตอนนี้ เขาก็จะฆ่าไผ่เดียวดายไปด้วย”
ก่อนที่เธอจะพูดจบ ทุกคนก็เข้าใจว่าเธอกำลังจะบอกอะไร ซึ่งนั่นทำให้ความดีใจของพวกเขาเปลี่ยนเป็นความกลัว
ก่อนหน้านี้ดอลลาร์เป็นฝ่ายที่เสียการควบคุมร่างกายไป และถ้าเกิดไผ่เดียวดายไม่ปรากฏขึ้น เนตรมารก็คงจะกำจัดดอลลาร์ไปแล้ว
แต่ตอนนี้ดอลลาร์เป็นอิสระอีกครั้ง และเนตรมารเป็นฝ่ายที่สูญเสียการควบคุมร่างกายตัวเองไป นี่จึงเป็นโอกาสดีที่เขาจะกำจัดเนตรมารไปให้พ้นทาง ดอลลาร์เพิ่งจะหนีความตายมาได้อย่างหวุดหวิด ดังนั้นมันจึงไม่มีเหตุผลที่เขาต้องลังเลในการปิดฉากการต่อสู้อย่างเด็ดขาด
นั่นทำให้ทุกคนในปราสาทนภาเป็นกังวล พวกเขากลัวว่าดอลลาร์จะฆ่าเนตรมาร ซึ่งจะทำให้ไผ่เดียวดายตายไปพร้อมๆกัน
และมันไม่ใช่แค่ผู้คนของปราสาทนภาเท่านั้นที่รู้สึกแบบนั้น ผู้ชมคนอื่นๆก็เข้าใจเช่นกันว่าเกิดอะไรขึ้น ถ้าดอลลาร์ลงมือล่ะก็ เหตุการณ์ทั้งหมดก็จะไปสู่จุดสิ้นสุด
เนตรมารกำลังถูกรบกวนโดยจิตใจของไผ่เดียวดาย ในตอนนี้เขาจึงไม่มีสมาธิพอที่จะตอบโต้ดอลลาร์ได้ ดังนั้นนี่เป็นโอกาสดีที่ดอลลาร์จะฆ่าเนตรมาร
ดอลลาร์และเนตรมารอยู่ห่างกันแค่ไม่กี่ฟุต แต่ไม่มีใครคาดเดาได้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป พวกเขาเพียงแค่รู้ว่าทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของดอลลาร์
แต่ดอลลาร์ยังคงไม่เคลื่อนไหว เขาเพียงแค่จ้องเนตรมารที่กำลังคุกเข่าอยู่ มันดูเหมือนกับว่าเขาไม่คิดจะโจมตีเนตรมารที่ไร้การป้องกัน
“ดิ้นรนไปก็เปล่าประโยชน์ ยอมแพ้ซะเถอะ!” ดวงตาของเนตรมารเรืองแสงสีม่วงออกมา
แต่ทว่าวินาทีต่อมา ดวงตานภาของเนตรมารก็เปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างสมบูรณ์ หลังจากนั้นเสียงของไผ่เดียวดายก็ขึ้นมา
“ข้ารอคอยเวลานี้อยู่เป็นเวลานาน และในที่สุดเจ้าก็ตัดสินใจที่จะรวมเข้ากับร่างกายของข้าอย่างเต็มที่ ตอนนี้มันไม่มีที่ไหนให้เจ้าหนีไปได้อีกแล้ว”
“เจ้าคิดว่าเจ้าจะต่อสู้กับข้าได้อย่างนั้นหรอ?” ดวงตานภาเปลี่ยนเป็นสีม่วง และเมื่อเป็นอย่างนั้นเสียงของเนตรมารก็ดังขึ้นมา
ดวงตานภาเปลี่ยนไปมาระหว่างสีม่วงและแดง จิตใจของเนตรมารและไผ่เดียวดายกำลังต่อสู้กัน มันดูเป็นอะไรที่ดุเดือด ขณะที่การควบคุมร่างกายสับเปลี่ยนไปมาระหว่างทั้งคู่
ผู้คนในปราสาทนภารู้สึกดีใจที่เห็นว่าดอลลาร์ไม่ได้คิดจะฆ่าเนตรมารหรือไผ่เดียวดาย
“ดอลลาร์คนนั้นไม่ใช่คนเลว” ผู้นำของปราสาทนภาพูด
“นี่ดอลลาร์บ้าไปแล้วหรอ? ทำไมเขาถึงไม่กำจัดเนตรมารซะตอนนี้ในขณะยังมีโอกาส?” ใครบางคนพูดพร้อมกับขมวดคิ้ว
“บางทีเขาอาจกลัวว่าทางปราสาทนภาจะตามล่าเขา ถ้าเขาทำแบบนั้น”
“นั่นมันก็จริง มันไม่มีความจำเป็นที่เขาต้องละเมิดปราสาทนภาเพียงเพื่อชื่อเสียง”
ในขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกัน การต่อสู้ระหว่างไผ่เดียวดายและเนตรมารก็ยังคงดำเนินต่อไป
“แน่นอนว่าข้าจะสู้กับเจ้า ตอนนี้ข้าก็กำลังสู้กับเจ้าอยู่” เสียงของไผ่เดียวดายดังขึ้นอีกครั้ง
“ข้ามีชีวิตมากว่าล้านปี และในแต่ละชีวิต ข้าก็กลายเป็นเทพเจ้าทุกครั้ง จิตใจของข้าแข็งแกร่งกว่าที่คนที่เพิ่งจะใช้ชีวิตไม่กี่สิบปี มันไร้ประโยชน์ที่จะพยายามต่อสู้กับข้า!” เนตรมารตะโกน
สีแดงเข้าปกคลุมดวงตานภาอีกครั้ง หลังจากนั้นไผ่เดียวดายก็พูดอย่างสงบ “เจ้าแข็งแกร่งและเคยกลายเป็นเทพเจ้ามาก่อน แต่เจ้ามักจะได้รับชัยชนะอยู่เสมอใช่ไหม? เจ้าไม่เคยมีประสบการณ์ว่าการถูกบดขยี้นั้นเป็นยังไง เจ้าไม่รู้จักความพ่ายแพ้ คนอย่างเจ้าไม่รู้ว่าการสูญเสียความหวังทั้งหมดนั้นเป็นยังไง”
“ข้าไม่จำเป็นต้องรู้ นั่นก็เพราะว่าข้าจะได้รับชัยชนะอยู่เสมอ” เนตรมารเปล่งเสียงดัง
“ทำไมเจ้าถึงไม่ลองยอมแพ้ดูบ้าง? แบบนั้นเจ้าจะได้รู้สึกถึงความขื่นขมของความผิดหวัง”
ดวงตานภาเปลี่ยนเป็นสีแดงอีกครั้ง เมื่อไผ่เดียวดายควบคุมร่างกายของตัวเองได้อีกครั้ง นิ้วมือของเขาก็เปลี่ยนเป็นดาบ หลังจากนั้นเขาก็ใช้มันแทงเข้าไปที่หน้าผากของตัวเอง
จิตแห่งดาบสัมผัสกับหน้าผากและเข้าไปในร่างกายของเขา
“ดาบวิญญาณ!” หานเซิ่นแปลกใจเมื่อได้เห็นนิ้วมือของไผ่เดียวดาย เขารู้ว่าไผ่เดียวดายกำลังพยายามทำอะไร
จิตใจของเขาไม่แข็งแกร่งพอที่จะเอาชนะเนตรมารได้ แต่ไผ่เดียวดายเคยประสบกับความเศร้าโศกหลายต่อหลายครั้งในฝันร้ายของเขา
ตอนนี้เนตรมารและไผ่เดียวดายรวมเข้าด้วยกัน ดังนั้นเมื่ออารมณ์ที่ถูกรวมกันถูกปลดปล่อยออกมา เนตรมารจะประสบกับความโศกเศร้าที่เอ่อล้นออกมาด้วยเช่นกัน
ไผ่เดียวดายเคยประสบกับมันมานักต่อนัก ขณะที่เนตรมารไม่เคยได้ประสบกับอะไรแบบนี้มาก่อน ถึงเขาจะแข็งแกร่งระดับเทพเจ้า แต่ด้วยอารมณ์ในทางลบที่เอ่อล้นออกมา มันเป็นเรื่องยากที่เขาจะคงสติอยู่ได้
นี่เป็นสิ่งที่ไผ่เดียวดายรอคอย ที่จนถึงตอนนี้เขาไม่ได้พยายามต่อสู้กับเนตรมาร นั่นเป็นเพราะเนตรมารยังไม่ได้รวมเข้ากับร่างกายของเขาอย่างสมบูรณ์
แต่ในที่สุดโอกาสที่ไผ่เดียวดายรอคอยก็มาถึง ตอนนี้มันเป็นโอกาสที่เขาจะได้แก้แค้น
ดาบวิญญาณปลดปล่อยอารมณ์ที่เศร้าโศกออกมา เนตรมารและไผ่เดียวดายจมลงภายใต้ความโศกเศร้าที่เข้าครอบงำ ทำให้ตอนนี้ไผ่เดียวดายกลายเป็นคนที่เข้าควบคุมร่างกาย
“เพลิดเพลินกับประสบการณ์ของความล้มเหลวและความสิ้นหวังซะเถอะ!” ไผ่เดียวดายพูด
“เป็นไปไม่ได้! อ้า!” เนตรมารกรีดร้องออกมา อารมณ์ในทางลบกำลังกัดกินจิตใจของเขา
หานเซิ่นเองก็เคยประสบกับมันมาก่อนครั้งหนึ่ง และในช่วงเวลาแค่สั้นๆเขาก็เกือบที่จะสูญเสียความเป็นตัวเองให้กับพวกมัน แต่ในตอนนี้เนตรมารเข้าสิงร่างกายของไผ่เดียวดาย ซึ่งนั่นหมายความว่าเขาก็คือไผ่เดียวดายเช่นกัน ทำให้เขาต้องรับอารมณ์ทั้งหมดที่ไผ่เดียวดายแบกรักเอาไว้ ความสิ้นหวังนับไม่ถ้วนถูกกดลงบนไหล่ของเนตรมาร มันเป็นสิ่งที่แม้แต่ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าก็ยากจะแบกรับพวกมันทั้งหมดเอาไว้ได้
ดวงตานภามีเลือดไหลออกมา สีหน้าของเขาดูตกใจและโศกเศร้า และยิ่งไปกว่านั้นมันเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง