เพราะเรื่องราวของนางฟ้าตกหลุมรักกับคนเลี้ยงวัวเป็นที่แพร่หลายในแผ่นดินจีน ดังนั้นตระกูลที่ร่ำรวยตระกูลไหนมีลูกสาวสวยก็มักจะป้องกันไม่ให้เกิดกรณีแบบนี้
หลี่มู่หยางจึงเป็นคนเลี้ยงวัวที่ถูกตระกูลเหยียนและตระกูลชุยป้องกันไว้
อย่าเห็นว่าหลี่มู่หยางดำ ที่จริงเขาฉลาดมาก
เขาและชุยเสี่ยวซินเป็นเพื่อนเรียนห้องเดียวกันมาสามปีแล้ว ถึงแม้แต่ก่อนเขาจะไม่มีโอกสได้พูดคุยกับเธอ แต่รูปลักษณ์และพฤติกรรมของชุยเสี่ยวซินโดดเด่นและชัดเจนมาก ทำให้ชุยเสี่ยวซินอยู่ในสายตาของเขามานานแล้ว เพียงแต่หลี่มู่หยางในตอนนั้นมึนๆงงๆ ถ้าไม่นอนก็เตรียมตัวจะนอน เขามีเวลาว่างมายุ่งกับเรื่องไร้สาระพวกนี้ที่ไหนกัน?
ถ้าเขามีความกล้าหน้าหนาวิ่งไปพูดกับชุยเสี่ยวซิน ไอย่าว่าแต่คุณครูและเพื่อนร่วมห้องจะรู้สึกตลกเลย เกรงว่าคงจะมีเรื่องตลกเกิดขึ้นในโรงเรียนมากกว่านิทานเรื่องคางคกอยากจะกินเนื้อหงส์
เรื่องที่มีนักฆ่าแอบมาลอบสังหารณ์ที่ร้านกาแฟ เขาก็พอจะเดาออกว่าชุยเสี่ยวซินไม่ใช่คนธรรมดา ลูกของครอบครัวทั่วๆไป จะมีคนมาลอบฆ่าได้อย่างไรกัน?
การจ้างนักฆ่าแพงมากเลยรู้มั้ย? ใครกันที่จะจ้างนักฆ่ากลับมาบ้านเพื่อช่วยฆ่าหมูกินในวันตรุษจีน?
ต่อมาวันที่เขาไปส่งชุยเสี่ยวซิน เขาเห็นรถหรูสีดำที่มารับมาส่งเธอ ผู้ชายที่สวมชุดคลุมสีเขียวใช้มารยาทเหมืนขุนนาง………….การทีมีอัศวินฝีมือระดับสูงส่วนตัว ก็มีเพียงแค่ตระกูลที่ยิ่งใหญ่ที่ยืนหยัดอยู่ในเมืองหลวงมาหลายล้านปี
ไม่ใช่ว่าหลี่มู่หยางจะไม่รู้ว่า ชุยเสี่ยวซินไม่ใช่คนธรรมดา พวกเขาสองคนเป็นคนที่อยู่คนละโลกกัน
ดังนั้น เขาจึงไม่รู้สึกแปลกใจที่วันนี้เหยียนเซียงหม่าจะมาหาเขาที่บ้าน
และจากที่เขาคิดเอาไว้ ปฏิกิริยาของเหยียนเซียงหม่ารุนแรงมากกว่าที่เขาคิดเอาไว้
ไม่งั้นล่ะก็ จะทำยังไงถึงจะได้สั่งสอนให้คนเลี้ยงวัวแบบเขาถอยหลังกลับไปหล่ะ?
“แต่ผมอยากจะไปเมืองหลวงไปเรียนที่มหาวิทยาลัยซีเฟิง” หลี่มู่หยางมองเหยียนเซียงหม่าด้วยความจริงใจ และพูดว่า ” ผมและเสี่ยวซินนัดกันไว้แล้วว่า พวกเราจะไปดูพระอาทิตย์ตกที่ทะเลสาบเว่ยหมิง”
“นัดกัยไว้แล้ว?” เหยียนเซียงหม่าชะงักไป หลังจากนั้นก็หัวเราะเสียงดัง เขาใช้พัดแตะหลี่มู่หยางและพูดว่า ” หลี่มู่หยาง วันนี้ฉันพบว่า นอกจากนายจะไม่โง่แล้ว นายยังสนุกด้วย………นายและเสี่ยวซินนัดกันไว้แล้วว่าจะไปดูระอาทิตย์ตกที่ทะเลสาบเว่ยหมิง? นายกำลังล้อเล่นกับฉันใช่มั้ย?”
“ไม่ครับ” หลี่มู่หยางส่ายหน้า “พวกเรานัดกันไว้แล้วจริงๆ ถ้าไม่เชื่อพี่ชายลองกลับไปถามเสี่ยวซินดูก็ได้ครับ ที่ผมพยายามติวหนังสืออย่างหนัก ไม่ยอมให้เสียเวลาไปเลยแม้แต่วนาที ก็เพราะผมอยากไปเรียนที่มหาวิทยาลัยซีเฟิง………….ลูกผู้ชายพูดแล้วต้องทำให้ได้ ผมพูดไปแล้วว่าผมจะไปเรียนที่มหาวิทยาลัยซีเฟิง แล้วทำไมผมจะไม่รักษาคำพูดหล่ะ?”
“นายคิดว่านายจะสอบติดมั้ย?” เหยียนเซียงหม่าเอามือแตะจมูกและหรี่ตามองยิ้มๆ
“ผมไม่ทราบครับ” หลี่มู่หยางส่ายหน้า ” แต่ยังไงก็ต้องลองดู ยังไม่ถึงวินาทีสุดท้าย แล้วจะยอมแพ้ได้อย่าไรกันหล่ะ?”
“หลี่มู่หยาง” เหยียนเซียงหม่าสะบัดคลี่พัดออกมา ความอดทนของเขาก็เกือบจะหมดลงแล้ว เขาเองก็ไม่อยากจะมาต้องเสียเวลาให้กับคนตัวเล็กๆแบบเขา ดังนั้นจนกระทั่งถึงตอนนี้เหยี่ยนเซียงหม่าก็เลยยังคงใช้กิริยาท่าทางแบบนี้พูดคุยกับหลี่มู่หยาง เพราะยังไงหลี่มู่หยางก็เป็นคนที่เคยช่วยน้องสาวของเขาเอาไว้ ตระกูลชุยและตระกูลเหยียนไม่ได้เป็นตระกูลที่มีบุญคุณแล้วจะไม่ตอบแทน และยังมีอีกเหตุผลที่สำคัญก็คือ หลี่มู่หยางเชิญเขามากินแตงโมหวานๆเย็นๆ นี่เป็นแตงโมที่อร่อยที่สุดที่เขาเคยกินมา “เมื่อกี้ฉันเพิ่งทดสอบว่านายเป็นคนฉลาด แต่เห็นได้ชัดว่ายังคงมีบางอย่างที่นายยังไม่เข้าใจ หรือว่านายเองไม่ยอมเข้าใจ นายรู้มั้ยว่านายเป็นใคร?”
“รู้ครับ” หลี่มู่หยางพยักหน้า “เป็นคนที่ร่างกายไม่แข็งแรง หน้าตาไม่ดี เรียนแย่ และก่อนหน้านี้ก็เป็นนักเรียนชั้นมัธยมปลายที่ไร้ค่า”
“ถูกต้อง” เหยียนเซียงหม่าพยักหน้าและพูดว่า ” แล้วนายรู้มั้ยว่าเสี่ยวซินเป็นใคร?”
หลี่มู่หยางคิดๆและพูดว่า ” เป็นเพื่อนของผมครับ”
“เพื่อน?” เหยียนเซียงหม่าฉีกยิ้มและพูดว่า ” พวกนายเป็นแค่เพื่อนกัน? นายไม่ได้มีความรู้สึกแบบผู้หญิงกับผู้ชายต่อเธอเลย?”
“มีครับ” หลี่มู่หยางพูดว่า ” ผมชอบชุยเสี่ยวซิน นี่เป็นเรื่องที่ผมเพิ่งจะรู้เมื่อไม่กี่วันมานี้”
“งั้นก็แปลว่า…….” จู่ๆน้ำเสียงของเหยียนเซียงหม่าก็เปลี่ยนเป็นเสียงสูง และถามว่า ” นายเหมาะสมมั้ย?”
“………………..”
“ทำไม? ทำร้ายศักดิ์ศรีของนายหรอ?” เมื่อเห็นว่าหลี่มู่หยางหุบปากไม่ยอมพูด มุมปากของเหยียนเซียงหม่าก็ฉุดดึงเล็กน้อย เขาพูดว่า “แต่นี่เป็นความจริงที่ไม่มีใครปฏิเสธได้ นายไม่รู้สถานะของชุยเสี่ยวซิน ฉันเงก็บอกนายไม่ได้ แต่ฉัน เหยียนเซียงหม่า พ่อของฉันก็คือเหยียนโบหลาย เป็นผู้ว่ารายการเมืองเจียงหนาน เป็นพ่อใหญ่ของเมืองนี้………..สมมติว่าชุยเสี่ยวซินเป็นน้องสาวแท้ๆของฉัน นายคิดว่าตระกูลของพวกเราจะยินยอมให้เธอแต่งงานกับคนที่ร่างกายไม่แข็งแรง หน้าตาไม่ดี เรียนหนังสือแย่และเป็นนักเรียนชั้นมัธยมปลายที่ไร้ค่ามั้ย?”
“ไม่ครับ” หลี่มู่หยางตอบด้วยความมั่นใจ
“งั้น ให้ทั้งหมดย้อนกลับไปที่จุดเริ่มต้น นายก็ยังเป็นนาย เสี่ยวซินก็เป็นเสี่ยวซิน …………นายรับของสิ่งนี้ไป หลังจากนั้นก็ใช้ชีวิตสบายๆรอรับหนังสือตอบรับเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยเจียงหนาน พรุ่งนี้ตอนที่ชุยเสี่ยวซินมาช่วยติวหนังสือให้นาย นายก็บอกว่านายเรียนไม่ไหวแล้ว นายอยากจะละทิ้ง แบบนี้ใช่เป็นวิธีที่ฉลาดมั้ย?
“ใช่ครับ” หลี่มู่หยางพูด
“งั้นถือว่าพวกเราตกลงตามนี้?”
“ผมยังมีเรื่องที่ไม่เข้าใจ” หลี่มู่หยางพูด
“ไม่เข้าใจตรงไหน?”
“ผมไม่ได้บอกว่าผมจะจีบชุยเสี่ยวซิน ” หลี่มู่หยางพูด ” ผมก็แค่ชอบเธอ รู้สึกแค่ว่าเหมือนตัวเองจะชอบเธอ แต่ผมก็ไม่ได้บอกว่าผมจะจีบชุยเสี่ยวซิน……….ผมแค่อยากเป็นเพื่อนกับเธอ เป็นเพื่อนทั่วๆไปกับเธอ ผมจะขยัน ผมจะใช้แรงกายแรงใจทั้งหมดที่จะทำได้ ถ้าผมสามารถสอบติดได้ไปเรียนที่มหาวิทยาลัยซีเฟิงกับเธอ “ก็ถือว่าเป็นโชคชะตาของผม แต่ถ้าผมสอบไม่ติด ผมก็จะยอมรับโชคชะตาของผม”
“ผมจะทำให้ตัวเองเปลี่ยนเป็นคนที่เก่งขึ้น เพื่อซักวันหนึ่งผมจะได้เก่งเหมาะสมกับเธอ ให้เธอหันมาสนใจผม ให้เธอรู้สึกชอบผมซัดนิด ผมรู้ดีมากกว่าพวกคุณทุกคน ว่าผมไม่เหมาะสม……….ผมไม่เหมาะสมกับเธอ แต่นี่ก็ไม่ใช่เหตุผลที่ผมจะเลิกคบกับชุยเสี่ยวซิน ถ้าผมสามารถทำให้เธอมีความสุขได้ ผมก็จะขอร้องให้เธอยอมรับความรู้สึกของผม ถ้าผมรู้สึกว่าผมทำไม่ได้เวลาอยู่ต่อหน้าเธอผมยังคงรู้สึกว่าผมไม่เหมาะสมกับเธอ งั้น…….ผมก็จะอวยพรให้เธอไปเจอผู้ชายที่ดีด้วยใจจริง ผมคิดว่า ก่อนที่ชุยเสี่ยวซินจะหาสามีได้ เธอเองก็คงอยากจะมีเพื่อนบ้าง จริงมั้ย?”
“เสี่ยวซินเป็นผู้หญิงที่ดื้อรั้น เรื่องที่เธอตั้งใจไว้เธอจะพยายามเต็มที่ รวมถึงเรื่องการติวหนังสือของผมด้วย เธอรู้สึกว่าผมพอจะมีความหวัง ยังสามารถที่จะขยันอีกซักครั้ง ดังนั้นผมก็เลยขยันและตั้งใจไปพร้อมกับเธอ…….สิบปีที่ผ่านมา ผมไม่เคยตั้งใจจะทำอะไรแบบนี้มาก่อน ในตอนนี้ ผมจะบอกกับชุยเสี่ยวซินว่าผมจะละทิ้งแล้วได้อย่างไร?”
เหยียนเซียงหม่าเงียบอยู่ครู่ใหญ่ เขามองหลี่มู่หยางและพูดว่า ” เกือบจะถูกนายพูดจนยอมแล้ว….แต่ถ้านายยืนหยัดล่ะก็ นายก็อาจจะต้องพ่ายแพ่ทุกอย่าง มหาวิทยาลัยซีเฟิงก็ไม่ได้ไป มหาวิทยาลัยเจียงหนานนายก็ไม่ได้ไปเหมือนกัน นายจะไม่เหลืออะไรเลย ถึงตอนนั้น นายคิดว่านายยังพอมีความเป็นไปได้กับเสี่ยวซินอีกหรอ?”
“ถ้าผมบอกกับชุยเสี่ยวซินว่าผมจะละทิ้งในตอนนี้ พวกเรายังจะมีทางที่เป็นไปได้กันอีกหรอ?”
“แต่อย่างน้อยนายยังมีมหาวิทยาลัยเจียงหนานรองรับอยู่นะ”
“แต่ผมอยากไปเรียนที่มหาวิทยาลัยซีเฟิง”
“นายดูสิ แบบนี้ก็ไม่มีอะไรจะพูดกันแล้ว ” เหยียนเซียงหม่าพูดยิ้มๆ
ฟึ่บ…………
ตอนที่เหยียนเซียงหม่าสะบัดพัดที่อยู่ในมือ มีเหล็กแหลมคมโผล่ออกมาจากพัด
เหล็กแหลมนั้นส่องแสงสีดำ เหมือนมันถูกแช่อยู่ในยาพิษ
“พัดอันนี้มีชื่อว่ากระดูกสันหลังมังกร แหลมคมมาก ไว้สำหรับตัดกล้ามเนื้อและกระดูกคนโดยเฉพาะ ผู้อาวุโสในตระกูลบอกว่าแม้แต่กระดูกสันหลังมังกรก็ตัดขาด ” ตอนที่เหยียนเซียงหม่าพูด พัดที่เป็นเหล็กสีดำอันนั้นก็หมันอยู่ระหว่างมือของเขา มีเสียงคำรามของลม มีแสงสีขาวปรากฏอยู่รอบๆ
ฟึ่บ…………..
ด้ามของพัดกระทบกับโต๊ะหินสีฟ้าอ่อน ชิ้นนส่วนของมุมโต๊ะก็กร่อนร่วงลงมา
ฟึ่บ…………..
กระทบอีกครั้ง ชิ้นส่วนของโต๊ะสีฟ้าอ่อนหลุดร่อนลงมา
ฟึ่บ……………..
เหยียนเซียงหม่าเก็บพัดว้ในฝ่ามือ เขามองหลี่มู่หยางด้วใบหน้ายิ้มๆพร้อมพูดว่า ” นายดูสิ ฉันสามารถเปลี่ยนวิธีการพูดคุยกับนายได้ แต่ฉันเป็นคนมีวัฒนธรรม เป็นคนที่มีชื่อเสียงของตระกูลยิ่งใหญ่……วิธีการที่เหมือนพวกอันธพาลทำกันฉันทำไม่ได้หรอก ดังนั้นนายลองคิดดูดีดีอีกที?”
“เจ๋งมากเลย” หลี่มู่หยางมองพัดที่อยู่ในมือของเหยียนเซียงหม่าด้วยสายตาแวววาว เขาพูดว่า ” มันแแหลมคมมาก ตัดหินเหมือนตัดเต้าหู้เลย พี่ชาย พัดอันนี้เจ๋งมากๆเลย”
เหยียนเซียงหม่าเป็นคนที่มีฝีมือคนที่สองที่เขาเคยเห็นมา เขาเก่งและแข็งแกร่งเหมือนนักฆ่าหวูยาที่เขาเคยเจอครั้งที่แล้ว
ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เวลาเห็นคนที่ใช้ความสามารถเหนือกว่าคนอื่น เขามักจะรู้สึกเหมือนร่างกายมีเลือดร้อนไหลเวียนอยู่ มันเหมือนถูกเรียกอารมณ์ด้วยอะไรบางอย่าง
เหยียนเซียงหม่าพอใจกับปฏิกิริยาของหลี่มู่หยางมากๆ เขาพูดว่า ” แขนผอมบาง ขาผอมบางของนาย หากพัดนี้ไปโดนร่างกายนายเข้าซักนิด เกรงว่ากระดูกร่างกายของนายก็คงหักมั้ง? เรื่องแบบนี้ ฉัน เหยียนเซียงหม่าทำไม่ได้หรอก ดังนั้นนายก็ลองดูแล้วกันว่าควรทำอย่างไร ที่จะนุ่มนวลอ่อนโยน และปลอดภัย ใช่มั้ย?”
มือข้างขวาของหลี่มู่หยางจับอยู่ที่มุมโต๊ะ ใบหน้าของเขาแดงเล็กน้อย ดวงตาแดง เกล็ดปลาสีน้ำตาลปรากฏบนหลังมือของเขา บนเกล็ดมีก้อนเมฆลอยอยู่ มีเสียงฟ้าร้องไปทั่วทุกสารทิศ
เขาออกแรง ได้ยินเพียงแค่เสียง”ขรืด” โต๊ะหินสีฟ้าอ่อนที่แข็งๆถูกแยกออกมา
เขาส่ายหน้า มองไปที่เหยียนเซียงหม่าที่กำลังตกใจและพูดว่า ” ยังไงพี่ชายก็ยังเก่งกว่าอยู่ดี พี่ดูสิผมใช้มือแยกโต๊ะหินมันก็ยังไม่เรียบเสมอกันเท่ากับพี่ใช้พัดอันนั้นตัดโต๊ะ”
“……………..”