"….." ร่างกายแข็งทื่ออยู่ในอาการช็อกในอ้อมกอดของผู้เป็นแม่ขณะที่ซบอยู่กลางอก แหงนหน้ามองผู้เป็นพ่อที่ยืนอยู่ใกล้ๆกัน ความใจหายพรั่งน้ำตาที่ยังไม่แห้งดีให้ไหลกลิ้งลงมาอัตโนมัติ
เนเน่ดันตัวออกจากอ้อมกอดหลังได้สติ ยกมือขึ้นปาดน้ำตาออกจากแก้มนวลลวกๆ ไม่รู้ว่าสิ่งที่ได้ยินเมื่อสักครู่หูฟาดไปหรือเปล่า
"ตะ..ตายเหรอคะ" เธอจึงทวนคำนั้นถามให้แน่ใจ
"ใช่ มันตายไปแล้วป๊าเป็นคนฆ่ามันเอง"
"….." หัวใจดวงน้อยดับวูบทั้งน้ำตาไหลกลิ้งลงมาอีกครั้งด้วยความรู้สึกบางอย่าง มันคือเรื่องจริงเธอไม่ได้หูฟาดเขาตายแล้วตายด้วยเงื้อมมือของผู้เป็นพ่อ ซึ่งไม่แปลกหรอกที่มีจุดจบแบบนี้เพราะท่านรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว แต่ทำไมการตายของเขากลับทำให้เธอรู้สึกเสียใจแปลกๆในเมื่อต้องการให้เขาตายอยู่แล้ว ต้องควรดีใจสิที่ได้หลุดพ้นจากคนเลวๆสักที ทว่าหัวใจกลับวิวๆคิดถึงภาพวันวานที่อยู่กับเขา ช่วงเวลาที่เขาอ่อนโยนดูแลเธอเสียอย่างนั้น เหมือนกับว่าไม่อยากให้เขาจากไป "ฮึก.."
"แล้วร้องไห้ทำไม? เสียใจเหรอที่มันตายหรือดีใจ" เสียงเยือกเย็นของโน่ดังขึ้น ทำเอาหญิงสาวที่กำลังจ้องหน้าเจ้าของคำพูดนั้นนิ่งสะดุ้งตกใจหลุดจากห้วงความคิด
"ปะ..เปล่าค่ะ" เธอรีบยกมือขึ้นปาดน้ำตาพร้อมกับปฏิเสธ เธอไม่อยากตอบว่าเสียใจแล้วก็ไม่ได้ดีใจด้วยทั้งๆที่ควรจะตอบว่าดีใจด้วยซ้ำ มันบอกไม่ถูกเลยว่าความรู้สึกที่เป็นอยู่คืออะไร
"ลูกคงไม่ได้รักคนที่ทำร้ายตัวเองปางตายหรอกใช่ไหม" แค่เห็นอาการของลูกสาวโน่ก็ไม่เชื่อแล้ว ดูก็รู้ว่ากำลังเสียใจจะมาโกหกคนเป็นพ่อที่ผ่านทุกอย่างมาก่อนไม่ได้หรอก ซึ่งเขารู้จักนิสัยของคนของตัวเองดีเป็นอย่างดีทั้งเนเน่และเพลิงต่างก็ตกหลุมพรางตัวเองกันทั้งคู่
"มะ..ไม่ค่ะ หนูไม่มีทางรักคนที่ทำร้ายตัวเองได้" ใช่ เธอจะไม่มีทางรักคนที่ทำร้ายตัวเองเด็ดขาด ไม่มีทาง
"ก็ดี ต่อจากนี้ไปหนูต้องตั้งใจบำบัดตัวเองให้หายเพื่อขาดและห้ามเครียดเพื่อหลานของป๊า เข้าใจไหม" ว่าแล้วมือหนาก็วางบนศีรษะทุยของลูกสาวเบาๆ
"ค่ะ" เธอพยักหน้าด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ จะตั้งใจเลิกยานรกเพื่อลูกและจะเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวให้ดีที่สุดเท่าที่แม่คนหนึ่งจะทำได้
ต่อให้ตอนนี้เพลิงจะยังมีชีวิตอยู่ยังไงเธอก็เป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวอยู่ดี
"งั้นพวกเราออกไปกันเถอะ ปล่อยให้หมอได้เริ่มบำบัดเลย" นุพูดขึ้นหลังยืนเงียบฟังเรื่องทั้งหมดจนจบ แล้วเอื้อมมือเข้าไปลูบศีรษะของหลานเบาๆพร้อมกับเอ่ยให้กำลังใจ "สู้ๆนะคนเก่งของปู่"
"คนเก่งของย่าด้วย" นินว่าบ้าง ฟอด~ ก่อนจะโน้มใบหน้าหวานเข้าไปหอมขมับหลานสาวหนักๆหนึ่งที ทำให้เนเน่ยิ้มออกมาอีกครั้งรับรู้ถึงความรักที่คนในครอบครัวมีให้
"ขอบคุณคุณปู่คุณย่ามากนะคะ"
"อืม/จ้า" นุและนินพยักหน้ารับคำขอบคุณของหลานสาวด้วยรอยยิ้มเช่นกัน ก่อนทุกคนจะพากันเดินออกไปยกเว้นแนทคนเดียวที่ยังนั่งอยู่
"หนูไม่ต้องกลัวนะลูก หลานคนเดียวม๊ากับป๊าเลี้ยงได้" ไม่ว่าเปล่าแนทจับมือลูกสาวข้างหนึ่งยกขึ้นมาว่าบนฝ่ามือของตัวเองแล้วกุมไว้หลวมๆ กลัวลูกสาวจะคิดมากเรื่องลูกในท้องที่ไม่มีพ่อจึงอยากจะปลอบใจ
"หนูไม่กลัวเลยค่ะม๊า ลูกคนเดียวหนูก็เลี้ยงได้" แม้จะพูดไปแบบนั้นแต่ในใจกลับไม่ได้รู้สึกแบบนั้นเลย มันแปลบๆอยู่ในอกข้างซ้าย กลัวอยู่เหมือนกันเวลาลูกโตขึ้นแล้วถามถึงพ่อเธอจะบอกไปยังไง
เนเน่ยกมือขึ้นไปกุมทับมือของผู้เป็นแม่ไว้เป็นการบอกว่าเธอโอเคไม่ต้องเป็นห่วง แนทพอเห็นอย่างนั้นก็พยักหน้าหน้าเบาๆ พลางคลี่ยิ้มออกมาอย่างหมดห่วง
"งั้นม๊าไปก่อนนะ สู้ๆนะลูก" เธอพูดแค่นั้นแล้วหยัดกายลุกขึ้น ไม่วายโน้มริมฝีปากอวบอิ่มเข้าไปจุมพิตลงบนกลางหน้าผากมนเบาๆ ก่อนสาวเท้าเดินออกไปสวนกับนายแพทย์หนุ่มและพยาบาลสาวเดินเข้ามาพอดี
"คุณเนเน่พร้อมจะเริ่มบำบัดหรือยังครับ" นายแพทย์หนุ่มเอ่ยถาม ขณะที่เอื้อมมือหยิบทิชชูเปียกบนโต๊ะของเตียงผู้ป่วยยื่นให้คนบนเตียงหลังเห็นคาบน้ำตาบนใบหน้าสวย
"พร้อมค่ะ" เจ้าตัวพยักหน้าตอบ พร้อมกับหยิบทิชชูเปียกมาเช็ดหน้า
"มึงว่าจะเจอร่างไอ้เพลิงไหมวะ ทะเลแม่งโคตรจะกว้างเลย" ตี๋เอ่ยถามเพื่อนรักทั้งสองคนขณะที่นั่งรอนักดำน้ำดำหาร่างของเพลิงอยู่บนเรือ ตอนนี้พวกเขาออกมาตามหาร่างของเพื่อนรักที่ถูกนำเอามาโยนทิ้งกลางทะเลพร้อมกับนักดำน้ำที่พวกเขาจ้างมา หลังรู้เรื่องทั้งหมดจากลูกน้องของเจ้านายที่เมื่อวานกลับเข้าฝั่งมาเจอกับพวกเขาพอดี
พอรู้ว่าเพลิงตายแล้วทุกคนน้ำตาไหลพรากแต่ก็ยังไม่ปักใจเชื่อ ก่อนจะได้เห็นศพว่าเพื่อนตัวเองนั้นได้ตายไปแล้วจริงๆ
"ถ้ามันตายจริงยังไงก็เจอ คลื่นซัดร่างมาเข้าเกยฝั่งอยู่แล้ว" เป็นเล้งตอบด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ในใจภาวนาอย่าให้เพื่อนรักเป็นอะไรไปเลย ถ้าขาดคนใดคนหนึ่งไปพวกเขาคงอยู่กันไม่ได้
"กลัวแม่งจะตายจริงอย่างที่ลูกน้องนายว่าว่ะ"
"ไอ้เพลิงต้องไม่เป็นอะไรเว้ย มึงอย่าคิดมากเลยไอ้เสือ"
"บอกกูอย่าคิดมากแต่มึงกลับคิดเองซะงั้น" เสือผลักไหล่ตี๋ปลอบใจเบาๆ ก่อนพวกเขาจะยืนมองนักดำน้ำดำหาร่างเพื่อนรัก นี่ก็เป็นจุดที่สองแล้วถ้าไม่เจออีกก็คงไปได้อีกจุดเดียวแล้วค่อยมาหาต่อวันถัดมา เพราะถ้าเข้าช่วงเย็นนักดำน้ำจะดำกันไม่ได้เนื่องจากพายุจะเข้าตามกรมอุตุนิยมวิทยาได้ประกาศไว้
ผ่านไปเกือบๆชั่วโมงนักดำน้ำก็โผล่ขึ้นมาทีละคน พร้อมกับถอดท่อหายใจออก ค่อยๆว่ายกลับมาขึ้นเรือโดยมีพวกเขาเดินไปช่วยดึง
"ตรงนี้ไม่เจอครับ" นักดำน้ำคนหนึ่งว่าด้วยน้ำเสียงเหนื่อยจากการใช้พลังงานไปเยอะ
"งั้นรีบไปหาอีกทีหนึ่งเลยเดี๋ยวจะไม่ทันเอา ลุงออกเรือเลยครับ" เล้งบอกนักดำน้ำ ก่อนจะหันไปตะโกนบอกคนขับเรือ
"ครับ" ลุงคนขับเรือตะโกนตอบ แล้วรีบแล่นออกไปยังอีกที่หนึ่งที่ได้ดิวกันไว้
—————————————