ผู้กล้าอาคมดำ ตอนที่ 33
ในช่วงต้นเกมของชีวิตก่อนนั้น ร็อดย่อมตระหนักถึงความสําคัญของข้อมูลเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะใช้ในการสนับสนุนหรือว่าการต่อสู้ ข้อมูลก็เป็นสิ่งที่จําเป็นอย่างมากในการ วางแผน
อาจจะด้วยเพราะอิทธิพลจากการที่กิลด์โจรมีการซื้อขายข่าวกรอง ทุกคนในเกมจึงเข้าใจถึงสัจธรรมข้อหนึ่ง ข้อมูลนั้นมีค่ามหาศาล
หากว่าคุณต้องการข้อมูล คุณก็จะต้องใช้เวลาและพลังงานในการเสาะหาเอง หรือจะจ่ายเงินซื้อมาจากผู้ที่ล่วงรู้ข้อ มูลนั้น
แต่แน่นอนว่านอกจากกิลด์โจรแล้ว ข้อมูลที่ขายจากบุคคลหรือองค์กรอื่นๆก็ไม่ได้รับรองว่าจะเป็นข้อมูลที่ถูกต้องเสมอไป ทั้งยังมีแนวโน้มว่าจะเป็นข้อมูลเท็จเสีย เป็นส่วนใหญ่ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็อาจจะมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ปะปนอยู่ด้วย
หากว่าร็อดไม่ได้จ่ายเหรียญทองเพื่อแลกกับข้อมูล เขาก็คงจะไม่ได้รับข้อมูลส่วนนี้จากพนักงานหญิง และคงจะได้รับเพียงข้อมูลพื้นฐานทั่วไป
แต่หลังจากได้รับเหรียญทองจากร็อดไปแล้ว พนักงานหญิงก็ได้บอกข้อมูลภายในของกลุ่มการค้าออกมาทําให้ร็อดเข้าใจถึงพลังของกลุ่มการค้านี้
หลังจากนั้นไม่นาน ร็อดและแวมไพร์ก็มาถึงค่ายของกลุ่มการค้าซิลเวอร์ซีล พนักงานหญิงเดินไปพูดคุยกับยามเฝ้าประตูอยู่หลายคําจากนั้นจึงจากไป
หลังจากที่พนักงานหญิงจากไปแล้ว ยามก็ได้พาร็อดเข้าไปในค่ายเพราะทราบคร่าวๆแล้วว่าร็อดมาที่นี่เพราะอะไร
ขณะที่เดินเข้ามาในค่าย ร็อดก็ได้มองสํารวจรอบๆตัว
ภายในค่ายนั้น สมาชิกส่วนใหญ่ต่างกําลังยุ่งอยู่กับงานขอ งตน พวกเขากําลังขนถ่ายสินค้าไปไว้บนรถม้า
ร็อดเห็นว่าสินค้าส่วนใหญ่ถูกบรรจุอยู่ในลังไม้และไม่สามารถมองเห็นสิ่งของด้านใน พวกพนักงานต่างก็กําลังขนถ่ายสินค้าอย่างขยันขันแข็ง เมื่อร็อดตั้งใจฟังดีๆ เขาก็ได้ยินเสียงกระทบกันของเหล็กจากภายในลังไม้
พวกหัวหน้าที่คุมงานอยู่ต่างก็สังเกตเห็นการมาถึงของร็อด แต่พวกเขาก็ไม่ได้พูดอะไร พวกเขาหันไปมองยามที่นําทางร็อดเข้ามา จากนั้นจึงหันกลับไปทํางานของตน
ขณะที่รอดกําลังมองดูสิ่งต่างๆอยู่นั้น ยามก็ได้พาร็อดมาถึงกระโจมที่ใหญ่ที่สุดของกลุ่มการค้า
ยามบอกให้ร็อดรอคอยอยู่ด้านนอกก่อน จากนั้นยามจึงเข้าไปรายงานด้านใน เมื่อเสร็จแล้วจึงออกมาบอกให้ร็อดเข้าไปข้างในได้
ร็อดเดินนําแวมไพร์เข้าไปในกระโจม
เมื่อเข้ามาภายในกระโจม ร็อดก็พลันรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ ไม่ใช่เพราะพบเจออันตราย ทว่ากลับเป็นบรรยากาศภายในกระโจมที่ทําให้ร็อดรู้สึกคุ้นเคยขึ้นมา
แวมไพร์เองก็รู้สึกได้เช่นเดียวกัน ดังนั้นในตอนแรกมันจึงกระสับกระส่ายเล็กน้อย ร็อดจึงควบคุมผ่านตราประทับวิญญาณให้มันสงบลงจากนั้นจึงสํารวจดูสภาพแวดล้อมภายในค่าย
แม้จะมีของกระจุกกระจิกอยู่บ้าง แต่โดยรวมแล้วก็ดูเป็นระเบียบเรียบร้อยดี บางที่อาจเพราะเป็นกระโจมที่ตั้งขึ้นมาชั่วคราว ดังนั้นภายในกระโจมจึงไม่มีโต๊ะอยู่ และมีเพียง เก้าอี้ไม่กี่ตัว
ในกระโจมนั้นมีบุคคลหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ซึ่งหันหน้ามาที่ทางเข้าของกระโจม ร็อดสำรวจดูชายคนนั้น
ชายผู้นี้แต่งกายด้วยชุดที่ราบเรียบ กระนั้นชุดที่ราบเรียบนี้ก็ยังไม่อาจปิดบังร่างกายอันกํายําได้ ใบหน้าของเขาดูหนักแน่นจริงจัง บนใบหน้ามีรอยแผลเป็นที่เกิดจากของมีคมอยู่หลายรอย บ่งบอกถึงอดีตที่ผ่านได้เป็นอย่างดี อีกทั่วทั้งร่างของเขายังมีกลิ่นอายบางอย่างแผ่ซ่านออกมาตลอดเวลา
ตามข้อมูลที่ได้รับมาจากพนักงานหญิง ชายคนนี้คงจะเป็นผู้นําของกลุ่มการค้ากลุ่มนี้ ยูเซอร์
จากข้อมูลที่ได้รับมา ยูเซอร์ผู้นี้เป็นนักรบระดับสูง และ จากการประเมินของร็อดแล้ว เขาคงจะอยู่ในขั้นที่สาม
นักรบระดับสูงนั้นเทียบได้กับนักเวทเต็มตัว หรือก็คือ ยูเซอร์นั้นมีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับขั้นที่สี่
สายตามองดูร็อดที่เดินเข้ากระโจมมา ผู้นํากลุ่มการค้าก็ผายมือเชิญให้ร็อดนั่งลงบนเก้าอี้
หลังจากที่รอให้ร็อดนั่งลงแล้ว ยูเซอร์จึงค่อยกล่าวขึ้น “ข้าคือยูเซอร์ ผู้นําของกลุ่มการค้าซิลเวอร์ซีล ข้าได้ยินจุดประสงค์ในการมาของท่านจากยามเฝ้าประตูแล้ว ท่านต้องการจะเดินทางร่วมกับพวกเราไปยังเมืองซอโรว์ในฐานะผู้โดยสารใช่หรือไม่?”
เมื่อเห็นว่าร็อดพยักหน้า ยูเซอร์จึงพูดต่อ ” ท่านน่าจะทราบแล้วว่านอกจากกลุ่มการค้าของเรา ก็มีเพียงกลุ่มการค้าไม่กี่กลุ่มที่จะเต็มใจเดินทางไปยังเมืองซอโรว์ในช่วงนี้ใช่หรือไม่?”
ร็อดพยักหน้า ยูเซอร์จึงพูดต่อไปอีกว่า “อืม ท่านทั้งสองเป็นเนโครแมนเซอร์ใช่หรือไม่?”
ร็อดไม่ได้พยายามจะปกปิดตัวตนในฐานะเนโครแมนเซอร์ของเขา แทนที่จะถูกอีกฝ่ายค้นพบเองในระหว่างที่เดินทาง คงเป็นการดีกว่าที่จะให้อีกฝ่ายทราบตั้งแต่แรก เพียงแต่ร็อดรู้สึกสงสัยอยู่ในใจ ไม่ว่าจะเป็นทหารมากประสบการณ์ที่ประตูเมือง หรือว่าผู้นํากลุ่มการค้าที่ด้านหน้า พวกเขาก็สามารถมองตัวตนของเขาออกอย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องใช้การตรวจจับมานาเลย ดังนั้นเขาจึงถามออกไป
“ท่านทราบได้อย่างไรว่าพวกเราเป็นเนโครแมนเซอร์? จากการแต่งกายหรือ? การแต่งกายของพวกเราสมควรคลายคลึงกับโจรเสียมากกว่า”
ยูเซอร์ยิมก่อนจะตอบว่า “หมวกคลุมและชายชุดคลุม”
โดยไม่รอให้ร็อดถามต่อ ยูเซอร์ก็กล่าวเสริม “แม้พวกโจร จะแต่งกายด้วยชุดคลุมสีดํา แต่เพื่อความสะดวกเวลาต่อสู้ แล้ว พวกเขาจะเลือกชุดคลุมที่ยาวถึงเข่าเท่านั้น ไม่เหมือนกับชุดคลุมของท่านที่ยาวจนแทบจะปกปิดส่วนเท้า”
“และหมวกคุลม พวกโจรนิยมปกปิดด้วยหน้ากากหรือผ้าปิดปากมากกว่าจะใช้หมวกคลุม และเพราะว่าหมวกคลุมของเนโครแมนเซอร์นั้นกว้างกว่า นอกจากที่ดีย่าแล้วก็ไม่มีขายที่อื่นอีกเพียงสังเกตจากเครื่องแต่งกายก็ทราบได้แล้ว”
“ยิ่งกว่านั้น ออร่าของท่านยัง…ไม่ใช่สิ่งที่โจรจะมีได้ ด้วยองค์ประกอบเหล่านี้แล้ว นี่ไม่เท่ากับเป็นการเปิดเผยว่าท่านเป็นเนโครแมนเซอร์หรอกหรือ?”
ร้อดที่ได้ฟังก็นิ่งไป คิดไม่ถึงว่าชุดคลุมเพียงตัวเดียวจะซ่อนรายละเอียดเอาไว้มากมายขนาดนี้ เนื่องเพราะในชีวิต ที่แล้วเขาไม่ได้เลือกเล่นเป็นเนโครแมนเซอร์ ดังนั้นร็อดจึงไม่ทราบเรื่องเหล่านี้
ประการณ์ในชีวิตที่แล้วของเขาไม่ได้ครอบคลุมองค์ความรู้ภายในเกมทั้งหมด นี่ทําให้ร็อดตระหนักขึ้นมาได้ หากว่าเขาใส่ใจรายละเอียดเรื่องความแตกต่างของชุดคลุม ตัวตนของเขาก็คงจะไม่ถูกเปิดโปงเช่นนี้ เป็นเพราะเขามุ่งความสนใจไปที่ประสบการณ์ในชีวิตก่อนเกินไป ดังนั้นจึงละเลยรายละเอียดปลีกย่อยเหล่านี้ไป
สิ่งที่ทําให้ร็อดคิดไม่ถึงก็คือ เขานึกว่าจะได้คําตอบสั้นๆหรือคําบ่ายเบี่ยง ไม่คิดว่ายูเซอร์จะยอมอธิ์ บายออกมาอย่างละเอียด
ต่อให้นี่จะเป็นแค่ข้อมูลที่ตัดสินด้วยประสบการณ์ แต่มันก็ยังมีค่าอย่างมากต่อผู้ที่ไม่เคยล่วงรู้
ร็อดทราบว่าที่ยูเซอร์ทําแบบนี้ก็เพราะต้องการเพิ่มอัตราต่อรอง และเรียกค่าเดินทางเพิ่ม ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่เสียเวลาตอบคําถามแบบนี้
แต่การที่จะขึ้นเป็นผู้นําของกลุ่มการค้าหนึ่งได้นั้น ร็อดไม่เชื่อว่าเขาจะยอมบอกข้อมูลออกมาตามใจชอบ เป้าหมายของจะต้องเป็นการเพิ่มค่าเดินทางแน่ๆ
เมื่อเห็นว่าร็อดกําลังครุ่นคิดบางอย่าง ยูเซอร์ก็กล่าวว่า “แม้ว่าข้าจะเคยทําธุรกิจกับเนโครแมนเซอร์มาบ้าง แต่ลูกน้องของข้าคงไม่ยอมรับแน่ เนโครแมนเซอร์สองคนต้อง การจะเดินทางไปยังดีย่าในฐานะผู้โดยสาร แต่พวกเขาดูน่าสงสัยอยู่บ้าง ดังนั้น…”
ยูเซอร์ไม่ได้พูดต่อ หากแต่มองดูร็อดเพื่อรอคอยคําตอบ
ร็อดเข้าใจดี เว้นแต่เขาจะยอมจ่ายในราคาที่สูง ไม่เช่นนั้นกลุ่มการค้าจะไม่ยอมให้พวกเขาร่วมทางไปด้วย