เขากระซิบถามที่ริมหู ก่อนจะเบาลมร้อนๆ หยอกเอินเบาๆ ทำเอาหญิงสาวขนลุกกรูเกรียวไปหมด
“ไม่ตอบ…”
เขาแนบจมูกลงที่แก้มเปล่งปลั่งของหญิงสาว เธอหันหน้าหนี แต่เขาก็ยังรุกไล่จนเธอต้องใช้มือดันหน้าเขาไว้
“อย่าค่ะ….”
เสียงของเธอสะท้านและเต็มไปด้วยความหวาดกลัว แววตาตื่นตระหนก เนื้อตัวสั่นระริก
“รังเกียจฉัน…”
“เปล่าค่ะ ฉันไม่ได้รังเกียจคุณณเลย ไม่ว่าคุณรัณ…เอ่อ…จะมีสภาพแบบไหน แต่ถ้าคุณรัณจะรังแกฉันในตอนนี้ ฉันเห็นทีจะต้องรังเกียจคุณนะคะ”
หญิงสาวพยายามยกแม่น้ำทั้งห้ามาห้ามปรามเขาไว้ แต่ร่างหนักๆ ก็ยังเกยทับอยู่บนตัวของเธอ
“ฉันก็ไม่ได้รังแกอะไรนี่ ฉันรู้ว่าวันนี้เธอยังไม่พร้อม ฉันก็แค่อยากคุยกับเธอให้มันใกล้ชิดมากขึ้น ก็เท่านั้นเอง”
เขาทอดตัวลงนอนแนบข้างกับเธอแล้วกระหวัดร่างเธอกอดแนบชิด ใบหน้าของเธออยู่ใกล้ชิดกับเขาจนลมหายใจแทบจะเป็นลมเดียวกัน
“ไม่ต้องกลัวไปหรอก ฉันไม่รังแกคนป่วย ฉันแค่อยากจะคุยกับเธอ บางทีการคุยแบบใกล้ชิดแบบนี้ มันอาจจะทำให้เธอบอกความจริงกับฉันได้ทั้งหมด”
“คุณรัณ!”
ปรางค์ทิพย์เงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่ม สายตาเว้าวอนร้องขอ จนรัณแทบจะอดใจไม่ได้ที่จะก้มลงจูบประทับรับขวัญ แต่เขาก็ระลึกรู้ว่าอาจทำให้เธอหวาดกลัว จึงทำได้แต่มองใบหน้าสวยซึ้งนั่น
“คุณรัณคะ ฉันอึดอัด”
เธอพยายามขยับตัวให้อ้อมกอดของเขาคลายลง ทว่า…อ้อมกอดนั้นกลับรัดรึงขึ้น
“เดี๋ยวก็ชิน”
เขาพูดสั้น ตวัดร่างเธอให้เกยซบกับอกเขาแล้วหลับตาลงหายใจอย่างสม่ำเสมอ
“คุณรัณ..” เขาเงียบ “คุณรัณคะ ไหนว่าจะถามฉันเรื่องคุณเล็ก”
“ก็พูดมาสิ”
ปรางค์ทิพย์ถอนใจเบาๆ ใบหน้าของเธอแนบกับอกแกร่งจนได้ยินเสียงหัวใจของเขา เธอลังเลไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นพูดกับเขายังไง ถ้าเธอพูดความจริงไปทั้งหมด เขาอาจจับเธอส่งเข้าคุก เพราะอำนาจเต็มในบริษัทก็คือเขา ไม่ใช่ราณ รัณอาจจะไม่ใยดีเธอเสียด้วยซ้ำ เพราะตัวเธอก็ปรนเปรอเขาไปหมดแล้ว ไม่เหลือความภาคภูมิใจใดๆ อีก
“ทำไมเงียบไปล่ะ ฉันรอฟังอยู่นะ”
เขาถามย้ำอีกครั้ง พลางไล้มือที่หัวไหล่เปล่าเปลือยเบาๆ ขนแขนของเธอลูกซู่ขึ้นมาทันที
“ก่อนที่ฉันจะเล่าความจริงให้ฟังทั้งหมด คุณรัณต้องสัญญานะคะว่าอย่าจับฉันส่งตำรวจ”
เธอเงยหน้าขึ้นถามเขา ในขณะที่เขาก้มหน้าลงมาจนปลายจมูกแทบจะชนกัน หญิงสาวต้องรีบก้มหน้าลงทันทีด้วย
ความเขินอาย
“ก็แล้วแต่ความผิดที่เธอทำ”
เขาตอบเสียงเรียบและดุดันจนหญิงสาวใจเต้นระส่ำ
“แต่เอาเถอะ…ในเมื่อเธอขอร้องฉันแล้ว ฉันก็จะไม่แจ้งตำรวจ นอกเสียจากว่าเธอไปฆ่าใครตาย”
“ไม่ค่ะ ฉันไม่ได้ฆ่าใครตาย”
หญิงสาวรีบบอกทันที
“งั้นก็พูดมาเสียที อย่าโยกโย้ให้น่ารำคาญ”
ปรางค์ทิพย์นิ่งไป อ้อมกอดเขาแน่นขึ้นราวเตือน
“ฉัน…โกงเงินบริษัทคุณค่ะ”
ทันทีที่เธอสารภาพ ความเงียบก็ปกคลุมทั่วห้อง จนเธอแทบกลั้นหายใจ
“คุณรัณคะ ฉันขอโทษ”
“ฉันฟังอยู่ เล่าต่อไป”
ปรางค์ทิพย์ถอนใจยาว แล้วเริ่มเล่าเรื่องทั้งหมดให้เขาฟัง ตั้งแต่เธอคบหาชายหนุ่มคนหนึ่ง จนถูกเขาหลอกใช้ ให้เธอยืมเงินบริษัทมาหมุนก่อน แล้วสุดท้ายเขาก็หนีไปโดยทิ้งหนี้ก้อนโตให้เธอ ทำให้เธอต้องถูกตั้งคณะกรรมการสอบ
“คุณราณ จ่ายหนี้คืนให้บริษัทเพื่อไม่ให้คณะกรรมการบริษัทส่งตัวฉันให้กับตำรวจค่ะ”
“ข้อแม้ของนายเล็กคืออะไร?”
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองเขาอีกครั้ง เพราะการที่เธอมานอนอยู่กับเขาตรงนี้ เขาน่าจะเดาออกว่าน้องชายของเขาส่งเธอมาทำไม
“ฉันไม่ได้หมายถึงหน้าฉากที่นายเล็กส่งเธอมาเป็นของขวัญให้ฉันหรอก ฉันอยากรู้ เขาบอกอะไรเธอบ้างที่ส่งเธอมาหาฉัน”
เสียงของรัณ นิ่ง เย็น และดุดัน เขาไม่ได้คลายอ้อมกอดของเธอออก แต่ปรางค์ทิพย์กลับรู้สึกเหมือนว่าเขาห่างเหินกับเธอไป ทั้งๆ ที่ร่างของเขาก็กระชับอยู่กับร่างของเธอ
“ไม่มีอะไรนี่คะ คุณราณบอกแค่ว่าทำให้คุณรัณรักฉัน”
ท้ายประโยคเสียงดังไม่ต่างไปจากเสียงกระซิบ แต่กระนั้นชายหนุ่มก็ได้ยิน เขานิ่งไปครู่ใหญ่ นึกแปลกใจว่าทำไมน้องชายของเขาจึงต้องการส่งผู้หญิงคนนี้มาเพื่อทำให้เขารักเธอ
“เขาบอกอะไรอีกไหม?”
ปรางค์ทิพย์เงียบ …ลังเลอีกครั้งว่าจะบอกเขาดีหรือไม่ เพราะถ้าพูดไปอาจทำให้ชายหนุ่มบันดาลโทสะขึ้นอีก
“ฉันถามไม่ได้ยินหรือ?”