ดั่งรักบันดาล 191

ตอนที่ 191

เฉิงลู่ยิ่งคิดยิ่งโมโห กัดฟันแน่น : “กิจกรรมภายใต้ปั๋วรุ่ย เทคโนโลยีของปั๋วรุ่ยอยู่ภายใต้อวี้กรุ๊ปอย่างงั้นเหรอ?”

เมิ่งจื่อหันรีบตอบทันที : “ใช่ ได้ยินมาว่าสินค้าตัวใหม่เป็นประเภทจำพวกบ้านอัจฉริยะ”

“อืม ฉันรู้แล้ว” เฉิงลู่รับรู้ สายตาเย็นชา : “จื่อหัน ไปหาข้อมูลมาหน่อย ฉันจะไม่ยอมให้หร่วนซือซือสารเลวคนนี้บ้าคลั่งต่อไปได้อีก”

“แต่ว่าลู่ลู่……” เมิ่งจื่อหันแสร้งทำเป็นลำบากใจ : “ฉันว่าช่างมันเถอะ หร่วนซือซือเจ้าเล่ห์ขนาดนั้น ฉันกลัวว่าเธอจะเหมือนรอบก่อน เสียท่าเขาอีก……”

ยิ่งเธอพูดมาแบบนี้ เฉิงลู่ก็ยิ่งโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ : “เรื่องนี้เธอไม่ต้องมายุ่ง ฉันมีวิธี! ถ้ายังคิดว่าฉันเป็นเพื่อน ก็ไปหาข้อมูลมาให้ฉัน!”

เมิ่งจื่อหันเมื่อได้ยินดังนั้นแล้ว ก็ยิ้มขึ้นที่มุมปาก แกล้งทำเป็นลังเลซักพัก ก็แกล้งรับปากอย่างไม่ค่อยเต็มใจว่า : “แน่นอนฉันเห็นเธอเป็นเพื่อนของฉันอยู่แล้ว จริงๆแล้วฉันไม่ได้ถือโทษโกรธอะไรเขาหรอก ข้อมูลฉันจะพยายามหามาให้ได้เยอะที่สุด แต่ว่า……”

ลากเสียงยาวตอนท้าย เฉิงลู่รีบตอบกลับมา : “วางใจได้ ฉันไม่แพร่งพรายออกไปหรอก”

เมื่อได้ยินเฉิงลู่รับประกัน เมิ่งจื่อหันจึงรับปากเธอ : “ลู่ลู่ เธอวางใจได้ ฉันจะรีบหาข้อมูลให้เร็วที่สุด”

ทั้งสองคุยกันไม่กี่ประโยค ก็วางสายไป

เมื่อสายตัดไป เมิ่งจื่อหันยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงาน เงยหน้ามองออกไปยังหน้าต่าง แววตาเต็มไปด้วยความเย็นชา แสยะยิ้มที่มุมปากเบาๆ

ความสามารถของเธอนั้น แค่ลงมืงทำอะไรนิดๆหน่อยๆกับหร่วนซือซือ กลัวอวี้อี่มั่วจับได้แล้วจะไม่ปล่อยเธอไปน่ะสิ ถ้าหากมีเฉิงลู่เป็นโล่กำบังล่ะก็ งานของเธอเดินหน้าต่อไปได้อีกเยอะ

และถึงแม้ว่าเธอไม่ได้ลงมือ ก็มีคนทำให้หร่วนซือซืออยู่ยากขึ้นแน่นอน !

งานในมือบวกกับงานแปลคอนแทรกภาษาญี่ปุ่น วันนี้มีเรื่องให้ตื่นเต้นเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเรื่อง หร่วนซือซือคงได้ยุ่งเพิ่มขึ้นไปอีก ทุกวันนี้ก็ทำงานตัวเป็นเกรียวแล้ว ยุ่งจนขาพันกัน แค่เวลาพักดื่มน้ำหรือเข้าห้องน้ำยังแทบจะไม่มีเลย

บริหารเวลาให้ลงตัว หลังจากที่เธอแปลคอนแทรกภาษาญี่ปุ่นหลายฉบับเสร็จ ก็ติดต่อไปที่ซ่งเย้อัน เพื่อคืนเอกสารให้เขา

หลังจากที่นัดสถานที่เวลาเรียบร้อยแล้ว กลางวัน หร่วนซือซือทานข้าวเสร็จ ก็ตรงไปที่ร้านกาแฟใกล้ๆกับบริษัทเพื่อเจอกับซ่งเย้อัน

เมื่อเธอมาถึง ซ่งเย้อันก็อยู่ๆแล้ว เธอเดินไปด้านหน้า พูดขึ้นเบาๆว่า : “เย้อัน ขอโทษทีนะ ที่ให้นายรอนาน”

ซ่งเย้อันยิ้ม สายตาอ่อนโยน พูดเสียงเบา : “ไม่เป็นไร ผมก็พึ่งมาถึง”

เขาเรียกพนักงาน ให้หร่วนซือซือสั่งเครื่องดื่ม : “ซือซือ คุณจะดื่มอะไร?”

หร่วนซือซือยิ้ม : “น้ำเปล่าก็พอ”

เธอแค่มาส่งเอกสารเท่านั้น ไม่คิดจะนั่งยาว

พูดจบ เธอก็เข้าเรื่องเลย หยิบเอกสารขึ้นมา ยื่นให้ซ่งเย้อัน : “นี่คือต้นฉบับของคอนแทรกและสำเนาของคอนแทรกที่แปลแล้ว ฉันส่งไปทางอีเมลให้เรียบร้อย ถ้ายังมีตรงไหนที่จะแก้ติดต่อฉันมาได้ตลอด”

ซ่งเย้อันจ้องมองหน้าหร่วนซือซือ ยิ้มขึ้น เก็บเอกสารแม้แต่ดูก็ไม่ได้ดู พูดเสียงเบาว่า : “ซือซือ ผมบอกคุณแล้ว ผมเชื่อใจคุณ”

หร่วนซือซือเงยหน้าขึ้น สบตากับสายรุ่มที่ร้อนรุ่มมของเขา ในใจรู้สึกแปลกนิดๆ

เธอยิ้มขึ้น รู้สึกเกรงใจหน่อยๆ เธอก้มหน้าลง หยิบแก้วน้ำขึ้นมาจิบ แล้วพูดขึ้นว่า : “ขอบคุณที่เชื่อใจ ถ้ามีปัญหาอะไร ต้องบอกกับฉันนะ อย่ารู้สึกว่าเป็นเพื่อนก็เลยเก็บไว้ไม่พูด”

“วางใจเถอะ” ซ่งเย้อันมองเธอ เขายิ้มกว้างขึ้นไปอีก : “ผมแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว”

พูดแล้วก็กระพริบตาให้เธอ

มองท่าทีที่เขาทำ เธอก็อดหัวเราะไม่ได้

พูดต่อไม่กี่คำ หร่วนซือซือเหลือบตาดูเวลา ก็หาข้ออ้างกลับ ใครจะไปรู้ว่าซ่งเย้อันเรียกเธอไว้ : “ซือซือ รอก่อน”

“ทำไมเหรอ?”

“ผลงานเธอครั้งนี้ ฉันจะโอนไปที่บัญชีของเธอนะ อีกเรื่องหนึ่ง ทางผมยังมีเอกสารที่ต้องแปลอีกหลายฉบับ ถ้าเธอเต็มใจล่ะก็……”

หร่วนซือซือนิ่งไปชั่วอึดใจ ก็ยิ้มขึ้นที่มุมปาก : “เย้อัน ขอโทษที ช่วงนี้บริษัทพึ่งทำโครงการใหม่ เกรงว่าจะไม่มีเวลารับงานอื่นแล้วล่ะสิ”

เมื่อได้ยินเธอพูดแบบนี้ เขาก็ก้มหน้าลงในแววตาเต็มไปด้วยความผิดหวัง พริบตาเดียว เขาก็ยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า : “ได้ รอเธอมีเวลาแล้วเราค่อยร่วมงานกันใหม่”

หร่วนซือซือรีบโบกมือบอกลา เธอยิ้ม : “โอเค งั้นฉันไปก่อนนะ”

มองเห็นเธอที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ซ่งเย้อันก็ยิ้มอ่อน คำพูดที่อยากจะพูดก็เก็บมันเอาไว้

ในตอนแรกเขากะจะนัดเธอ น่าสียดายที่เธอยุ่งมาก งั้นก็รอคราวหน้าแล้วกัน

หร่วนซือซือที่กลับจากร้านกาแฟมาถึงบริษัท เธอก็เริ่มวางแผนงานต่างๆไม่หยุด งานนี้ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีสำหรับเธอเลยทีเดียว ที่จะพิสูจน์ตัวเอง เธอจะทำมันพังไม่ได้เด็ดขาด

เมื่อเธออ่านเอกสารเรียบร้อย หร่วนซือซือก็พอจะเข้าใจในระดับหนึ่ง เธอได้เพิ่มหลี่หยวนเป็นผู้วางแผนการตลาดของบริษัท และนัดเวลาเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับการวางแผนงานเบื้องต้น

หลังจากการระบุแผนงานคร่าวๆแล้ว ก็ถึงเวลานัดกับหลี่หยวนพอดี เธอปลิ๊นเอกสารเกี่ยวกับแผนงานเบื้องต้นออกมาเรียบร้อย แล้วรีบตรงไปที่พื้นที่พักผ่อนส่วนกลางของบริษัททันที

อวี้กรุ๊ปถือเป็นบริษัทที่ปฏิบัติต่อพนักงานอย่างมีมนุษยธรรม โดยได้จัดเตรียมห้องพักผ่อนส่วนกลางพิเศษให้กับพนักงาน บรรยากาศเงียบสงบ เหมาะกับการพักผ่อนระหว่างงาน รวมถึงเหมาะกับเป็นที่ประชุมกลุ่มเล็กๆแบบสองสามคน

เมื่อเจอหน้าหลี่หยวน ทั้งคู่ก็ทำความเข้าใจเนื้อหาหัวข้อเบื้องต้น และเริ่มหารือเกี่ยวกับขั้นตอนการวางแผน

เมื่อเห็นว่าหร่วนซือซือยังไม่ได้สรุปเนื้อหาเบื้องต้น หลี่หยวนจึงออกความคิดเห็น : “ผมคิดว่าความคิดของคุณใช้ได้เลย แต่ก็ควรจะตระหนักปัญหาหน้างานด้วย ถ้าหากจัดพื้นที่แสดงสินค้าแบบนี้ คงต้องใช้คนดูแลรักษาความปลอดภัยมากทีเดียว แบบนี้ก็จะเกินจากงบประมาณที่เราคำนวนไว้มาก”

หร่วนซือซือฟังแล้ว ก็เริ่มลังเล ดูแผนที่ของพื้นที่จัดงานแสดงสินค้าแล้ว เหมือนที่หลี่หยวนพูดไว้เลย เธอพยักหน้า นวดขมับเบาๆ แล้วพูดขึ้นว่า : “ก็จริง”

ถึงแม้ว่าเธอเองเคยร่วมในการวางแผนกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับแผนกบริหาร แต่ประสบณ์การณ์ยังไม่พอ จึงไม่รอบคอบอยู่หลายๆด้าน

หลี่หยวนเมื่อเห็นสีหน้าเริ่มเคลียดของเธอแล้ว ขยับแว่น แล้วหัวเราะขึ้นเบาๆ : “นี่เป็นเหตุการณ์ที่ปกติมาก ถึงแม้จะวางแผนเรียบร้อยมา แต่เราก็ต้องแก้ซ้ำอีกหลายๆรอบถึงจะได้ ไม่เป็นไรเลย ค่อยเป็นค่อยไป”

หลี่หยวนเป็นคนที่ค่อนข้างถ่อมตัว และถือว่าเป็นคู่หูที่ดีคนหนึ่ง หร่วนซือซือก็หัวเราะออกมา : “งั้นคุณดูไปก่อน ฉันขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อน”

หลี่หยวนพยักหน้า หร่วนซือซือลุกขึ้น ยังยืนไม่ทันมั่นคง อยู่ๆก็รู้สึกหน้ามืด เวียนหัวขึ้นมา

เธอเดินเซไปมา เกือบล้มลง

หลี่หยวนที่นั่งอยู่ก็ลุกขึ้นมาถาม : “คุณโอเครึเปล่า?”

หร่วนซือซือรีบโบกมือปฏิเสธ หัวเราะเบาๆ : “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันยืนขึ้นเร็วเกินไปค่ะ”

พูดจบเธอก็รีบเดินไปทางห้องน้ำ แต่ก็ยังรู้สึกเวียนหัวอยู่

หรือว่าเธอทำงานหนักไปรึเปล่า?

เธอไม่คิดต่อ รีบเดินไปข้างหน้า แต่เดินได้ไม่กี่ก้าว รู้สึกหัวหนักขึ้นเรื่อยๆ ภาพตรงหน้าเริ่มหมุนและเบลอ

เธอก้าวขา ร่างการสูญเสียสมดุล และเซล้มไปด้านข้าง

Options

not work with dark mode
Reset