ดั่งรักบันดาล 109

ตอนที่ 109

หร่วนซือซือและซ่งอวิ้นอันมองไปตามเสียงที่พูดขึ้นเมื่อสักครู่ เฉิงลู่ยืนทำท่ากอดอกอยู่ข้างหลังของพวกเธอด้วยสีหน้าเย้ยหยัน

ตอนที่เฉิงลู่เห็นซ่งอวิ้นอันที่ยืนอยู่ข้างๆหร่วนซือซือ สีหน้าเธอไม่พอใจและพูดจาแปลกๆ " ทำไม? วันนี้พาเพื่อนมาด้วยหรอ? จะมาทำอะไรกันล่ะ! "

หร่วนซือซือเข้าใจความหมายของคำพูดเยาะเย้ยของเฉิงลู่ดี เขาตั้งใจจะรอดูเธอขายหน้า เธอไม่พูดอะไรแค่เพียงเหลือบตาไปมองเธอแวบหนึ่ง แล้วหันไปพูดกับซ่งอวิ้นอันว่า " อันอัน เดี๋ยวเธออยากกินอะไร? ฉันจะพาไป "

พอเฉิงลู่เห็นว่าหร่วนซือซือไม่มีการตอบสนองใดๆ อีกทั้งยังทำเหมือนตัวเองไม่มีตัวตน ทันใดนั้นเขาก็โกรธจนไฟร้อนขึ้นหัวเลยทันที " หร่วนซือซือ เธออย่ามาเสแสร้ง ตอนนี้ทุกคนในบริษัทต่างก็รู้กันหมดว่าเธอกับรองประธานสวี่มีความสัมพันธ์อะไรกัน! ทำไมยังมีหน้ามาบริษัทอยู่อีก? "

พอเธอพูดแบบนี้ ก็ทำให้สายตาผู้คนที่กำลังรอลิฟต์อยู่หันมามองซือซือกันเป็นแถว

หร่วนซือซือขมวดคิ้วและกำลังจะเอ่ยปากพูด แต่ใครจะไปรู้ว่าซ่งอวิ้นอันที่อยู่ข้างๆจู่ๆเธอจะก้าวขึ้นไปข้างหน้าและตรงเข้าไปใกล้เฉิงลู่ " เฮ้ คุณป้าท่านนี้ พูดก็พูดเถอะทำไมแรงอาฆาตในตัวคุณมันถึงแรงขนาดนี้? มีไม่มีความสัมพันธ์อะไรแล้วไง? ซือซือจะมาหรือไม่มาบริษัทแล้วเกี่ยวอะไรกับคุณไม่ทราบ คุณเป็นเจ้าของบริษัทหรอ? ยุ่งไปสะทุกเรื่อง ไม่น่าละหน้าถึงได้เหลืองและซีดเซียวแบบนี้! "

"เธอ…เธอเรียกฉันว่าอะไรนะ! "

เฉิงลู่แสดงสีหน้าไม่พอใจสุดๆ เธอชี้หน้าซ่งอวิ้นอันด้วยความโมโหมากๆ

ซ่งอวิ้นอันไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย เธอปัดมือของเขาออก สายตาของเธอมองไปที่ป้ายชื่อที่ติดอยู่ตรงหน้าอกของเธอ จากนั้นก็ยิ้มมุมปาก " เฉิงลู่ใช่ไหม ฉันจะจำชื่อคุณไว้ ขอเตือนไว้คำหนึ่งนะ อย่ามาทำนิสัยแย่ๆในบริษัท จะโดนคนดักตีเอาได้! ถ้าเธอกล้ารังแกซือซือของฉัน เธอก็รอดูได้เลย "

ซ่งอวิ้นอันตัวสูงกว่าเฉิงลู่มากๆ และพลังของเธอก็เหนือกว่าเธอมาก เธอพูดออกมามากมาย เฉิงลู่ไม่ได้พูดอะไรสักคำ

หร่วนซือซือที่อยู่ข้างก็คิดไม่ถึงว่าซ่งอวิ้นอันจะว่าเฉิงลู่แบบนี้ พอเห็นฉากนี้เธอก็รู้สึกสะใจเล็กน้อย พอเห็นว่าลิฟต์มาแล้วเธอจับมือซ่งอวิ้นอันและพูดว่า " อันอันพอแล้ว ลิฟต์มาแล้ว "

" โอเค ไปกันเถอะ! "

ซ่งอวิ้นอันหันหลังจับมือซือซือแล้วขึ้นลิฟต์ไปราวกับว่าไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น

สีหน้าของเฉิงลู่เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย และก้าวเข้าไปในลิฟต์ด้วยความโกรธสุดขีด แต่ลิฟต์นั้นกลับมีเสียง " ติ๊ด ติ๊ด " ซ่งเป็นสัญญาณว่าน้ำหนักเกิน

ซ่งอวิ้นอันยักคิ้วแล้วมองไปที่เฉิงลู่ที่อยู่ข้างๆ " เฮ้ น้ำหนักเกิน ใครบางคนควรจะรู้ตัวและออกไปเองนะ! "

ครู่หนึ่ง ทุกคนในลิฟต์ก็ต่างมองไปที่เฉิงลู่

เธอเข้ามาในลิฟต์เป็นคนสุดท้ายก็จริง แต่เธอยอมไม่ได้ เธอยืนนิ่งราวกับว่าไม่ยินยอมที่จะออกไป

เธอกัดฟันและเบียดตัวเข้าไปข้างใน " ฉันเป็นพนักงานของบริษัทนี้ ทำไมต้องเป็นฉันที่ออกไปด้วย? คนที่ควรจะออกไปเป็นเธอมากกว่า "

ซ่งอวิ้นอันได้ยินแบบนี้ก็ทำท่าเบะปากมองบนใส่เธอไปหนึ่งทีแล้วหันไปมองผู้คนรอบๆในลิฟต์และยิ้มให้พวกเขา " เมื้อสักครู่ทุกคนก็คงจะเห็นใช่ไหมคะว่าใครขึ้นมาเป็นคนสุดท้าย? "

พอเธอยิ้มแบบนี้ ผู้ชายที่อยู่ในลิฟต์ต่างก็ตะลึงไปตามๆกัน

ซ่งอวิ้นอันรูปร่างหน้าตาสวยงาม และเป็นคนตรงๆ เป็นเหมือนกับดอกกุหลาบที่มีหนาม หร่วนซือซือที่อยู่ข้างๆถึงเธอจะไม่ค่อยพูด แต่ความเงียบของเธอมันทำให้ตัวเธอมีเสน่ห์ที่น่าดึงดูด พอมีสองสาวสวยมายืนอยู่ตรงนี้ แน่นอนว่าพวกเขาก็มีคำตอบในใจอยู่แล้ว

อีกทั้งเฉิงลู่ยังนิสัยเสียอีก พอเป็นแบบนี้ก็ไม่มีใครจะจะอยากพูดเข้าข้างเธอหรอก

" เห็นครับ……"

" จริง รู้ตัวเองหน่อยแล้วออกไปเถอะ อย่าทำให้คนอื่นต้องเสียเวลา "

"……"

คนในลิฟต์ต่างซุบซิบกัน และพูดออกไปตรงๆต่อหน้าเฉิงลู่จนเธอทนไม่ได้ หน้าเธอแดง เธอทั้งโกรธทั้งโมโห เธอกระแทกรองเท้าส้นสูงเดินออกไปราวกับว่าเธออยากจะกระแทกจนทำให้พื้นเกิดเป็นหลุม

พอเธอออกไปและประตูลิฟต์ก็ปิดลง ซ่งอวิ้นอันหันไปยิ้มอย่างสะใจกับหร่วนซือซือ

หร่วนซือซือยิ้ม ในใจของเธอรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก ก่อนหน้านี้เธอรู้มาโดยตลอดว่าเฉิงลู่ตั้งใจทำให้เธอลำบากใจ แต่ต่อหน้าเพื่อนร่วมงานเธอไม่เคยฉีกหน้าเขาเลยแม้แต่ครั้งเดียว

แต่ว่าการแสดงออกของซ่งอวิ้นอันเมื่อกี้มันทำให้เธอเข้าใจเลยทันที ไม่ว่าสะสานการณ์แบบไหนมันก็ไม่สำคัญ ที่สำคัญที่สุดคือพูดตามใจของตัวเอง พูดในสิ่งที่อยากพูดและควรพูด

เดิมทีใจที่กระสับกระส่ายก็รู้สึกดีขึ้นมาก เธอล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าและลูกจดหมายลาออกไปมาทำให้เธอสบายใจขึ้นมากๆ

ดูแล้ว คงถึงเวลาแล้วที่จะจบเรื่องอวี้อี่มั่วลงสักที

พอออกจากลิฟต์ หร่วนซือซือและซ่งอวิ้นอันก็มาถึงห้องทำงานผู้บริหาร ยังไม่ทันได้เข้าใกล้ห้องทำงาน พวกเธอก็ถูกขวางไว้สะก่อน

อันหร่านพอเห็นหร่วนซือซือ ท่าทีเยือกเย็นมากๆ " ผู้ช่วยหร่วน มีเรื่องอะไรรึเปล่า? ตอนนี้ประธานอวี้ยุ่งอยู่ "

หร่วนซือซือสูดหายใจเข้าลึกๆ และพูดช้าๆอย่างชัดเจนว่า " มีเรื่องสำคัญ "

" มีอะไรก็บอกกับฉันก่อน แล้วฉันจะบอกประธานอวี้ให้……"

หร่วนซือซือไม่ยอมถอย ท่าทางเธอหนักแน่นมาก " ไม่ต้องหรอก ขอเวลาประธานอวี้แค่ห้านาทีก็พอ "

พอเห็นท่าทีที่หนักแน่นของเธอ สีหน้าของอันหร่านเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ในที่สุดก็ยอมถอยให้หนึ่งก้าว " ฉันจะแจ้งให้ท่านประธานทราบก่อน "

พอพูดจบเธอก็กลับไปที่ห้องทำงาน

ซ่งอวิ้นอันที่ยืนอยู่ข้างๆแตกที่ไหล่ของหร่วนซือซือและพูดชมเธอว่า " ซือซือ ต้องหนักแน่นแบบนี้แหละถูกแล้ว! "

หร่วนซือซือยิ้ม เธอเงียบไม่ได้พูดอะไร ถึงท่าทางภายนอกของเธอจะดูนิ่งๆ แต่ในใจเธอนั้นลุกลี้ลุกลนเล็กน้อย

ไม่นาน อันหร่านก็เดินออกมาจากห้องทำงานแล้วมองไปที่หร่วนซือซือ " เข้าไปเถอะ "

หร่วนซือซือพยักหน้าให้เธอ จับมือซ่งอวิ้นอันแล้วเดินเข้าไปยังห้องทำงาน

ในห้องทำงาน อวี้อี่มั่วนั่งอยู่บนโต๊ะทำงาน ตู้เยี่ยยืนอยู่ข้างๆ พอทั้งสองเห็นหร่วนซือซือและซ่งอวิ้นอันที่เดินเข้ามาด้วยรัศมีของความดุร้ายต่างก็ตะลึง

สีหน้าของอวี้อี่มั่วนิ่งมาก วางเอกสารในมือลง สายตาของเขากวาดมองไปที่แขนของหร่วนซือซือที่พันเต็มไปด้วยผ้าพันแผล จากนั้นก็พูดอย่างเย็นชา " มีอะไร? "

พอซ่งอวิ้นอันเห็นหน้าอวี้อี่มั่วเธอเองก็ตกใจเล็กน้อย ในจินตนาการของเธอคือผู้ชายที่รังแกซือซือเขาต้องหน้าตาขี้เหล่และโหดร้าย แต่ว่าหน้าตาภายนอกของอวี้อี่มั่วไม่ได้เป็นไปตามที่คิดเลย แต่กลับหล่อเหลาด้วยซ้ำ ก็แค่ใบหน้าเย็นช้ามากไปหน่อย……

เธอละสายตาและเห็นตู้เยี่ยที่อยู่ข้าง เธอก็ดึงสติกลับมาได้ จากนั้นก็พูดว่า " คนที่ไม่เกี่ยวข้องให้ออกไปก่อน วันนี้ฉันตั้งใจมาคุยกับอวี้อี่มั่วให้รู้เรื่อง! "

ตู้เยี่ยรู้สึกได้ถึงสายตาของซ่งอวิ้นอันที่มองมาทางเขา เขาเองก็ตกใจ จากนั้นก็เงยหน้าไปมองสีหน้าของอวี้อี่มั่ว

อวี้อี่มั่วเองก็คิดไม่ถึงว่าหร่วนซือซือจะพาผู้ช่วยมาด้วย เขาขมวดคิ้ว และมองไปที่หร่วนซือซือ และเอ่ยปากพูดขึ้นว่า " มีเรื่องจะคุยกับฉัน? "

เมื่อเผชิญกับสายตาสุดลึกล้ำของชายผู้นั้น หร่วนซือซือก็กำเสื้อผ้าของตัวเองแน่นและทำอะไรไม่ถูก เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ " อือ "

ซ่งอวิ้นอันที่อยู่ข้างๆจับมือซือซือไว้แล้วพูดเบาๆว่า " ซือซือ เดี๋ยวฉันพูดเริ่มให้ก่อน "

ในขณะที่พูดเธอก็พันกลับมามองหน้าอวี้อี่มั่วอยู่นานมาก จากนั้นก็หัวเราะเย้ยหยัน " อวี้อี่มั่วสินะ? คุณไม่เหมือนกับภาพที่ฉันจินตนาการไว้เท่าไหร่ แต่ว่ายนี่มันก็ทำให้ฉันเข้าใจมากขึ้น คุณใช้รูปร่างหน้าตาของคุณมารังแกผู้หญิงดีดี และมาหลอกแต่งงานกับผู้หญิงจิตใจดี ถ้าเรื่องพวกนี้ถึงหูพนักงานของคุณ คุณรู้ไหมว่าจะเป็นเรื่องใหญ่ขนาดไหน "

" ทำไม แต่งงานก็หลอกสำเร็จไปแล้ว คนก็แตะต้องจนหนำใจแล้ว ตั้งแต่แรกเริ่มจนถึงหย่ากันไปแล้วยังไม่ยอมปล่อยกันไปอีกหรอ? คุณไม่เคยคิดจะรับผิดชอบซือซือสักหน่อยเลยหรอ? อวี้อี่มั่ว คุณยังเป็นลูกผู้ชายอยู่ไหม!

ซ่งอวิ้นอันพูดเรื่องที่ไม่น่าฟังภายในรวดเดียว และตามที่คาดไว้ อวี้อี่มั่วหน้าเสียไปพักหนึ่ง

หร่วนซือซือที่ยืนอยู่ข้างๆ สีหน้าของเธอก็ตกใจเช่นกัน เดิมทีเธอคิดว่าซ่งอวิ้นอันเพียงแค่จะมาทวงคืนความยุติธรรมให้กับเธอ เพื่อช่วยให้เธอกล้าหาญมากขึ้น คิดไม่ถึงว่าเธอจะพูดเรื่องที่น่าตะลึงเช่นนี้ มาไม่มาก็ด่าอวี้อี่มั่วยับเยินรางกับเป็นหมาข้างถนน

สัมผัสได้ถึงอากาศที่เบาบางลง หร่วนซือซือกัดริมฝีปากของตัวเอง เธอยื่นมือไม่ดึงซ่งอวิ้นอัน " อันอัน หยุดพูดได้แล้ว……"

ถ้าเธอยังคงพูดต่อไป เธอกลัวว่าอวี้อี่มั่วจะไม่เห็นด้วยกับการลาออก!

Options

not work with dark mode
Reset