เฉิงลู่เลิกคิ้วขึ้น จ้องมองหร่วนซือซือ ในใจก็ไม่แน่ใจ
หรือว่าข้อมูลส่วนตัวของหร่วนซือซือที่ระบุไว้ปลอมเหรอ?แต่ว่าทำไมเธอลุกลี้ลุกลนแบบนี้?
เฉิงลู่ไม่เลิกคิด ลุกขึ้นยืน“ไป พวกเราตามไปดู!”
หลังจากที่หร่วนซือซือวางจานอาหารเก็บเรียบร้อยแล้ว ก้าวออกไปจากโรงอาหาร ยังเดินไม่ได้ไกล เธอก็รู้สึกได้ชัดเจนว่าคันในทุกส่วนของร่างกาย แขน ลำคอ แม้กระทั่งแก้ม ทั้งร้อนทั้งคัน
ความรู้สึกดูเหมือนจะคุ้นเคย เธอจับแขน ยกแขนเสื้อขึ้นดู ก็มองเห็นชั้นบางๆรอยเล็กๆละเอียดบนแขนของเธอ
เธอ…นี่เธอกำลังเป็นภูมิแพ้แล้ว!
ก่อนหน้านี้เธอเคยเป็นภูมิแพ้มาก่อน ไปตรวจดูที่โรงพยาบาลพบว่าแพ้มะม่วง แต่วันนี้เธอยังไม่ได้ทานมะม่วงโดยสิ้นเชิง!
ไม่รอให้เธอได้เข้าใจ อาการคันตามร่างกายของเธอเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เธออดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปจับที่เหล่านั้น ที่ที่ถูกจับก็เป็นผื่นแดงขึ้นมา ไม่เพียงแต่ไม่หยุดนิ่ง กลับจะยิ่งคันมากขึ้น
ความรู้สึกแบบนี้ เหมือนกับว่ามีแมลงนับหมื่นตัวกัดกินทุกส่วนของร่างกาย ทรมานอย่างสุดขีด
หร่วนซือซือฝืนความรู้สึกทรมานนี้ไว้ เร่งฝีเท้าเดินตรงไปข้างหน้า แต่เมื่อยิ่งรีบ ขาก็เดินไม่เป็นระเบียบ สะดุดขาตัวเองล้ม
เธอหกล้มลงไปข้างหน้า สายตามองเห็นว่ากำลังจะล้มลงบนพื้น ทันใดนั้นด้านข้างก็เอื้อมมือออกมารับไว้ จับเธอประคองเอาไว้
“ซือซือ คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?”
หร่วนซือซือยืนมั่งคั่ง เงยหน้าขึ้นก็มองเห็นซ่งหัง
เธอส่ายหน้า ยังไม่ได้พูดอะไร สีหน้าของซ่งหังก็เปลี่ยนไป“หน้าของคุณ…”
หร่วนซือซือตอบสนองกลับมา ยกมือขึ้นจับหน้าของตัวเอง ทั่วทั้งใบหน้าก็บวมขึ้นมา
นี่เป็นอาการเดียวกับอาการแพ้มะม่วงทุกอย่าง แต่ว่าเธอไม่ได้ทานอะไรที่มีมะม่วง …
หรือว่า…เป็นน้ำผลไม้แก้วนั้น?แต่ก่อนหน้านี้เธอเคยดื่มแล้วก็ไม่เป็นอะไร
มองเห็นซ่งหังจะเข้ามา จิตใต้สำนึกสั่งให้หร่วนซือซือถอยหลังไปหนึ่งก้าว“ฉันเป็นภูมิแพ้แล้ว”
ซ่งหังพูดอย่างไม่ลังเล“ผมไปส่งคุณที่โรงพยาบาล!”
เดิมทีหร่วนซือซืออยากปฏิเสธ แต่ว่าความรู้สึกอึดอัดกลับเพิ่มรุนแรงขึ้น เธอไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี จำเป็นต้องยินยอม
….
สนามบินชานเมืองเจียงโจว
อวี้อี่มั่วลงจากเครื่องบิน นำเย่หว่านเอ๋อส่งกลับโรงพยาบาล หลังจากนั้นก็รีบตรงไปที่อวี้กรุ๊ป
เขามองไปที่ตู้เยี่ย และออกคำสั่ง“ไม่กี่วันมานี้ในบริษัทมีเรื่องอะไรบ้าง รายงานมา”
“โครงการนี้เป็นรองประธานเหอจัดการ ทั้งหมดปกติ มีประธานหลายคนที่อยากจะนัดเจอกับท่าน กำหนดการของท่านได้จัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว ยังมี ช่วงนี้เหมือนว่าจะมีข่าวลือเรื่องของท่านกับคุณนายมาตลอด…”
“เรื่องนี้ฉันรู้”อวี้อี่มั่วขมวดคิ้วเล็กน้อย ดวงตามืดครึ้มลง“เดี๋ยวถึงบริษัท นายไปบอกเธอให้มาพบฉัน”
ตู้เยี่ยตอบรับ“ครับ”
อวี้อี่มั่วกลับมาถึงห้องทำงาน พลิกดูเอกสารที่ผู้ช่วยส่งมาให้ ยังไม่ดูให้ละเอียด ตู้เยี่ยก็ผลักประตูเข้ามา
“ประธานอวี้ คุณนายเธอ…เธอไม่อยู่ที่บริษัท แต่อยู่ที่โรงพยาบาล”
“โรงพยาบาล?”อวี้อี่มั้วขมวดคิ้วขึ้นเป็นปม“เกิดอะไรขึ้น?”
ตู้เยี่ยรายงานตามความจริง“ผมได้ยินคนแผนกบริหารพูดว่า เหมือนกับเป็นภูมิแพ้ ตอนนี้คนอยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว”
อวี้อี่มั่วสีหน้าจริงจัง รีบลุกยืนเดินตรงออกไปด้านนอก“โรงพยาบาลอะไร?”
เขาคิดไม่ถึงว่า เพียงแค่เขาออกจากที่นี่ไปไม่กี่วัน เรื่องก็ทยอยมาไม่ขาดสาย เรื่องแรกคือข่าวลือของเขากับหร่วนซือซือ ต่อมาก็ปรากฏตัวของซ่งหัง หลังจากนั้นเธอก็เป็นภูมิแพ้
ตู้เยี่ยลังเลเล็กน้อย“อยู่ที่โรงพยาบาลกลาง ประธานอวี้ จะไปตอนนี้ไหม?เมื่อกี้เพิ่งจะพูดว่าจะประชุมกับผู้บริหารระดับสูงไม่ใช่เหรอครับ?”
อวี้อี่มั่วได้ฟัง สีหน้าก็มืดครึ้มลง แต่ว่าฝีเท้าของเขาไม่ได้หยุดลง“ไปโรงพยาบาล!”
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง อวี้อี่มั่วกับตู้เยี่ยก็รีบมาถึงที่โรงพยาบาล หลังจากหาหมายเลขห้องเจอแล้ว อวี้อี่มั่วมองดูประตูที่ปิดไม่สนิท ก้าวเท้าจะเดินเข้าไป
ทันใดนั้น ก็ได้ยินเสียงดังออกมาจากในห้อง“ซ่งหัง ขอบคุณที่คุณมาส่งฉันที่โรงพยาบาล…”
อวี้อี่มั่วหยุดฝีเท้าไปชั่วขณะ กำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว
คิดไม่ถึงว่า ซ่งหังจะมาส่งเธอ หรือว่าพวกเขาสองคนเป็น…
ในห้องก็มีเสียงดังออกมาอีก“ซือซือ ผมเคยพูดกับคุณแล้วถ้าหากว่าคุณลำบากมาหาผมได้ตลอด”
“ฉันรู้ว่าคุณเป็นคนจิตใจดี คุณดีกับฉันขนาดนี้ฉันต้องขอโทษคุณ ความจริงฉันใช้ประโยชน์จากคุณ…”
หร่วนซือซือลุกขึ้นนั่งบนเตียงผู้ป่วย สูดหายใจเข้าลึกๆและพูดต่อ“ฉันเป็นฝ่ายไปหาคุณนัดทานข้าวด้วยกัน ความจริงเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของทุกคน ฉันไม่อยากให้เป็นเพราะว่าฉันทำให้ประธานอวี้…ต้องลำบาก ดังนั้นฉันจึงใช้ประโยชน์จากคุณ ขอโทษ…”
เดิมทีคำพูดเหล่านี้ข่มไว้ในใจ ท่วมตัวเธอรู้สึกอึดอัด ตอนนี้สารภาพไปแล้ว เธอกลับรู้สึกผ่อนคลายลงมาก
ซ่งหังได้ฟัง ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มเจื่อนๆ“ซือซือ ความจริงผมรู้”
หร่วนซือซืองงงวย“คุณ…รู้?”
ซ่งหังพยักหน้า“อืม คุณมีความลำบาก ผมสามารถช่วยคุณได้ก็ดีใจมากแล้ว ผมไม่แคร์ จริงๆ”
ได้ยินเขาพูดแบบนี้ หร่วนซือซือในใจกลับรู้สึกละอายมากขึ้น เธอกัดริมฝีปาก“ซ่งหัง พวกเราเป็นเพื่อนกันเถอะ ครั้งนี้ฉันติดหนี้บุญคุณคุณ หลังจากนี้มีเรื่องอะไรให้ฉันช่วย คุณพูดมาได้เลย”
ซ่งหังได้ฟัง สีหน้ามืดครึ้มลง แต่สุดท้ายก็พยักหน้า“ได้”
เดิมทีเขาอยากพูดอีกหลายประโยค ยังไม่ทันได้พูด ทันใดนั้นประตูก็ถูกคนผลัก เสียงฝีเท้าเดินเข้ามา
เขาหันหน้ากลับไปมอง ก็มองเห็นประธานอวี้สีหน้าเย็นชา ตกใจไปชั่วขณะ“ประธานอวี้?”
อวี้อี่มั่วกวาดสายตาเย็นชามองเขา“ออกไป”
หร่วนซือซือที่นั่งอยู่บนเตียงก็มองด้วยความมึนงง“คุณ…คุณกลับมาแล้ว?”
ประตูห้องถูกปิดลง ตอนนี้ในห้องหลงเหลือแค่พวกเขาทั้งสองคน
อวี้อี่มั่วก้าวเดินเข้ามาตรงหน้า ทั่วตัวกระจายความเย็นชา
หร่วนซือซือมองเขา ใจฝ่อขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว“คุณ…”
ผู้ชายก้มตัวลงมา มือทั้งสองข้างวางไว้บนเตียง ขวางเธอไว้ด้วยแขนของตัวเองกับระหว่างหน้าอก
ระยะห่างของทั้งสองคนใกล้เข้ามาอย่างกะทันหัน อวี้อี่มั่วมองเห็นไฝเล็กๆที่อยู่บนจมูกของผู้หญิงอย่างชัดเจน และผื่นแดงของภูมิแพ้ที่อยู่บนใบหน้า
อวี้อี่มั่วโมโห“ถ้าผมไม่กลับมา คุณก็ไม่คิดจะบอกผม?”
หร่วนซือซือหลบสายตา“ฉัน…ฉันกลัวว่าจะมีผลกระทบกับคุณ”
อวี้อี่มั่วเริ่มพูด เสียงสูงขึ้นมา“ผมเคยพูดกับคุณแล้วยัง คุณเป็นภรรยาของผม คุณมีเรื่องอะไรก็ไม่ควรจะปกปิดผม!”
หร่วนซือซือร่างกายแข็งทื่อ พูดไม่ออกไปชั่วขณะ
อวี้อี่มั่วมองดูผู้หญิงรอบดวงตาแดง ทันใดนั้นในใจก็รู้สึกตำหนิตัวเอง เมื่อกี้เขาอยู่หน้าประตู ได้ยินคำพูดของหร่วนซือซือกับซ่งหังพูดอย่างชัดเจน เขาเพิ่งจะรู้ว่าเป้าหมายที่เธอไปหาซ่งหังความจริงก็เพื่อจะปกป้องเขา แต่เขาต้องการให้เธอปกป้องที่ไหนกันล่ะ?
เขาทั้งโมโหทั้งจนปัญญา ก้มหน้าลง มองเห็นดวงตาทั้งสองข้างของหร่วนซือซือน้ำตาคลอเบ้า ท่าทางน่าสงสาร ตอนนี้ก็รู้สึกใจอ่อน เขาค่อยๆยืดตัวขึ้น เสียงเบาลงเล็กน้อย“ถอดเสื้อ ให้ผมดู”
“หา?”หร่วนซือซือยังคิดว่าตัวเองฟังผิด“ถอด..ถอดเสื้อทำไม!”
อวี้อี่มั่วขมวดคิ้วขึ้น“คุณไม่ใช่เป็นภูมิแพ้เหรอ?”
มาถึงตอนนี้แล้ว เธอยังคิดอะไรอยู่!
“อ้อ..”
หร่วนซือซือผ่อนคลายลง ยกแขนเสื้อขึ้น“ฉีดยาแล้ว ดีขึ้นมากแล้ว หมอยังให้ยา เดี๋ยวก็หายแล้ว”
อวี้อี่มั่วมองไปที่ผื่นแดงหนาแน่นบนท่อนแขนขาวสะอาดของผู้หญิง เลิกคิ้วถาม“ทำไมคุณถึงเป็นภูมิแพ้ได้ ตัวเองรู้ไหม?”
หร่วนซือซือพูดเสียงเบา“หมอตรวจดูแล้วว่าเป็นเพราะแพ้มะม่วง แต่วันนี้น้ำผลไม้ของโรงอาหารอาจจะมีมะม่วง”
เหตุผลละเอียด ตัวเธอเองก็ยังไม่รู้ชัดเจน
อวี้อี่มั่วสีหน้ามืดครึ้ม“ผมให้ตู้เยี่ยไปถามมาแล้ว วันนี้น้ำผลไม้ของโรงอาหารไม่ได้ใส่มะม่วง”
หร่วนซือซือได้ฟัง ก็รู้สึกแปลกใจ
ในเมื่อในน้ำผลไม้ไม่มีมะม่วง งั้นเธอจะแพ้ได้ยังไงล่ะ?