“ที่รัก นายทำร้ายเขาทำไม”
ฉินซีพูดด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
ถึงเธอรู้ว่าหยางเฉิน คือผู้คุ้มครองชายแดนเหนือ อีกทั้งยังรู้ว่าหยางเฉิน เป็นคนของตระกูลอวี๋เหวิน แห่งเมืองเยี่ยนตู
แต่ว่า หยางเฉินออกมาจากชายแดนเหนือแล้ว และหลายปีก่อน เขาโดนไล่ออกจากตระกูลอวี๋เหวิน ตอนนี้เขาเป็นเพียงแค่ประธานเยี่ยนเฉินกรุ๊ป
ฐานะแบบนี้ ไม่ต้องเทียบกับคนของแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตูเลย เพราะไม่สามารถเทียบได้
หยางเฉินตบหลินซงต่อหน้าทุกคน แถมที่นี่คือเมืองเยี่ยนตู นี่กำลังรนหาที่ตายไม่ใช่เหรอ
หยางเฉินกุมมือฉินซีแน่น เขายิ้มอย่างอบอุ่น “วางใจเถอะ ผมรู้ว่าอะไรควรทำหรือไม่ควรทำ”
เห็นสีหน้าจริงจังของหยางเฉิน ใจที่กระวนกระวายของฉินซี สงบลงอย่างรวดเร็ว
“ไอ้เลว แกกล้าทำร้ายฉัน ฉันไม่ปล่อยแกไว้แน่!”
หลินซงตะเกียกตะกายลุกขึ้นยืน เขากระเด็นไปหลายเมตร แววตาที่มองหยางเฉิน เต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม
หยางเฉินไม่สนใจเขาสักนิด เดินกุมมือฉินซีออกไปอย่างนั้น
“แกกล้าเมินฉันเหรอ”
หลินซงที่อยู่ด้านหลัง เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อ คุณชายยิ่งใหญ่แห่งตระกูลหลิน ไม่เพียงแต่จะโดนตบ แถมโดนเมินอีกด้วย นี่เป็นสิ่งที่เขาอับอายที่สุด
ตอนนี้ หยางเฉินพาฉินซี ไปที่คฤหาสน์ตระกูลเย่
“ที่รัก นายแน่ใจเหรอว่าจะไม่มีเรื่องอะไร”
ตอนอยู่บนรถ ฉินซีก็ยังไม่วางใจ
หยางเฉินสีหน้าราบเรียบ เขาพูดกับฉินซี ด้วยสีหน้าจริงจัง “เรื่องบางเรื่อง ผมไม่รู้จะพูดกับคุณยังไง แต่ขอให้คุณรู้ไว้ว่า ในแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตู ไม่ว่าตระกูลใด ก็ไม่อยู่ในสายตาของผมทั้งนั้น”
ฉินซีสั่นไปทั้งตัว แววตาของเธอดูตื่นตระหนก
เธอนึกว่าตัวเองรู้จักหยางเฉินดีพอแล้ว แต่พอได้ยินหยางเฉินพูดแบบนี้ จู่ๆ เธอรู้สึกเหมือนยังไม่รู้จักเขาดีพอ
“เสี้ยวเสี้ยวล่ะ”
จู่ๆ หยางเฉินพูดเปลี่ยนเรื่อง
“ตอนฉันออกมา ลูกยังหลับอยู่ วันนี้พ่อกับเสี่ยวยีหยุด เลยจะพาลูกไปสวนสัตว์” ฉินซีเอ่ยขึ้น
หยางเฉินยิ้มแห้ง
เมื่อคืนวาน ตอนที่เขาวิดีโอคอลกับเสี้ยวเสี้ยว เพิ่งให้สัญญาไปว่า จะกลับบ้านวันนี้ตอนเช้า และจะพาลูกไปสวนสัตว์
คิดไม่ถึงว่า เย่จี้จงจะอาการหนัก จนถึงขั้นเสียชีวิต
“เดี๋ยวลูกตื่นมา คงจะร้องไห้อีกนาน”
หยางเฉินพูดอย่างจนปัญญา
ระหว่างทาง หยางเฉินพยายามไม่พูดถึงเรื่องตระกูลเย่ และเอาแต่พูดเรื่องสนุกกับฉินซี จะได้ทำให้เธอผ่อนคลาย
นี่เป็นครั้งแรกที่ฉินซีมาตระกูลเย่ แถมยังมาร่วมงานศพของตาอย่างเป็นทางการ เธอไม่เพียงแต่จะเศร้าใจ อีกทั้งยังกังวลอีกด้วย
เป็นไปตามคาด หยางเฉินเอาแต่พูดเปลี่ยนเรื่องตลอดทาง เมื่อมาถึงคฤหาสน์ตระกูลเย่ ฉินซีจึงคลายความกังวลไปมาก
เมื่อเห็นทั้งคฤหาสน์ตระกูลเย่ ถูกตกแต่งด้วยสีขาว เธออดเศร้าใจไม่ได้
“เราเข้าไปกันเถอะ!”
หยางเฉินพาฉินซีเข้าไปในคฤหาสน์
ตอนที่เย่ม่านเห็นฉินซีมาถึง น้ำตาเธอไหลพราก เธอไม่สามารถควบคุมความรู้สึกได้ และเข้าไปกอดฉินซีเอาไว้
“เสี่ยวซี แม่ขอโทษ! แม่ขอโทษ!”
เย่ม่านร้องไห้โฮ
ตอนนี้ เมื่อผู้หญิงที่แข็งแกร่งอยู่ต่อหน้าลูกสาว เธอไม่สามารถควบคุมความรู้สึกได้
เธอเคียดแค้นเย่จี้จงมาก มันต่อเนื่องมาหลายสิบปี แต่เย่จี้จงเป็นพ่อแท้ๆ ของเธอ
ถึงหมอจะบอกว่า เย่จี้จง เสียชีวิตจากอาการป่วย แต่เย่ม่านรู้ดี ถ้าเธอไม่บีบบังคับให้เย่จี้จงลงจากตำแหน่ง อาการของเขาคงไม่กำเริบ และเสียชีวิตกะทันหันเช่นนี้
แต่เธอก็รู้ดี ถ้าเกิดเรื่องแบบเมื่อคืนขึ้นอีกครั้ง เธอก็ยังไม่ลังเลเหมือนเดิม
อีกอย่าง ชายคนเดียวที่เธอรักมาทั้งชีวิต โดนเย่จี้จงสั่งฆ่า
อันที่จริง คนที่เจ็บปวดที่สุดคือเธอ
สิ่งที่เธอต้องเจอตลอดหลายวันมานี้ ทำให้เธอตระหนักได้ว่า บนโลกใบนี้ ลูกสาวคือสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเธอ
ฉินซีสัมผัสได้ถึงความจริงใจของเย่ม่าน อีกทั้งตอนนี้เธอรู้สึกเจ็บปวด จู่ๆ เธอไม่สามารถสะกดกลั้นความรู้สึกได้ เธอกอดเย่ม่านเอาไว้แน่น และร้องไห้ออกมา
คนในตระกูลเย่เห็นภาพตรงหน้า ก็แอบเช็ดน้ำตาไปด้วย ความโศกเศร้าปกคลุมไปทั่วคฤหาสน์ตระกูลเย่
“หลินเป้า เจ้าบ้านคนก่อนของตระกูลหลิน มาแสดงความเสียใจครับ!”
ขณะนั้น ลูกน้องตระกูลเย่วิ่งเข้ามาบอกว่ามีแขกมาร่วมงานศพ
เมื่อได้ยินคำว่าหลินเป้า คนในตระกูลเย่ถึงกับอึ้ง
เพราะหลินเป้าคือคนรุ่นเดียวกับเย่จี้จง แต่ทว่าหลินเป้ามอบตำแหน่งเจ้าบ้านไปนานแล้ว เขาออกมาใช้ชีวิตกับครอบครัวอย่างมีความสุข
ดูเหมือนหลินเป้าจะอายุ 80 ปีเหมือนกัน เขาค้ำไม้เท้า และยังมีคนหนุ่มในตระกูลคอยพยุงอยู่ข้างๆ สิ่งที่ทำให้หยางเฉินคิดไม่ถึงก็คือ คนหนุ่มที่ว่าคือหลินซง
คนเดียวกับที่สนามบิน ทายาทรุ่นหลังของตระกูลหลิน ที่พยายามลวนลามฉินซี
สถานการณ์เช่นนี้ ยังตามหลินเป้ามาแสดงความเสียใจด้วย ดูเหมือนจะมีตำแหน่งสูงในตระกูลหลิน ไม่งั้นคงไม่ประคองหลินเป้ามาร่วมงานหรอก
ฉินซีที่เพิ่งตั้งสติได้ เห็นหลินซงเช่นกัน เธอรู้สึกกังวล และจับมือหยางเฉินโดยอัตโนมัติ
หยางเฉินบีบมือเธอเบาๆ เพื่อบอกให้เธอวางใจ
หลินซงยังไม่เห็นหยางเฉินกับฉินซี เขาประคองหลินเป้าไปหน้าหีบศพของเย่จี้จง อย่างระมัดระวัง
“ตาเฒ่า ฉันเตือนแกแล้ว ให้ออกจากตำแหน่งเจ้าบ้านเหมือนฉัน และมาใช้ชีวิตกับครอบครัว แต่แกไม่ฟัง”
“เอาแต่กุมอำนาจไว้ในมือ ดูสิ โดนผู้หญิงคนเดียว บีบให้ลงจากตำแหน่ง และตำแหน่งเจ้าบ้าน ก็ไม่ใช่คนที่แกหวังเอาไว้”
“ตายไป ก็ไม่เหลืออะไรแล้ว! แกว่าตัวเองเสียเปรียบไหม ทำเพื่อตระกูลมาทั้งชีวิต เพื่ออะไรงั้นเหรอ”
เห็นได้ชัดว่า ตอนมีชีวิตอยู่ เย่จี้จงกับหลินเป้า มีความสัมพันธ์ที่นับว่าไม่เลว ไม่งั้นเขาคงไม่พูดขนาดนี้
แต่คำพูดของหลินเป้า ไม่ไว้หน้าเจ้าบ้านคนใหม่ อย่างเย่ม่านเลยแม้แต่น้อย
ถึงการที่เย่ม่านบีบเย่จี้จงให้ลงจากตำแหน่งคือเรื่องจริง แต่เย่จี้จงมีชีวิตอยู่ได้แค่นี้ ถึงไม่มีเรื่องเมื่อวาน เขาก็คงอยู่ได้อีกไม่นาน
สีหน้าของเย่ม่านไม่สู้ดี เธอกัดริมฝีปาก จิตใจสับสนไปหมด
เย่จี้จงตายไปแล้ว เธอเสียใจยิ่งกว่าใครทั้งนั้น
“การที่ฉันมาวันนี้ มีด้วยกันสองเรื่อง เรื่องแรก คือแสดงความเสียใจกับการจากไป ของเจ้าบ้านเย่ แต่ฉันยังมีอีกเรื่องหนึ่ง”
ขณะนั้น หลินเป้าหันหลังมา เขากวาดตามองคนตระกูลเย่ ด้วยแววตาราบเรียบ สุดท้ายสายตาของเขาหยุดลงที่เย่ม่าน
เย่ม่านรู้สึกไม่ดี เธอขมวดคิ้วและถามขึ้น “ไม่ทราบว่าลุงหลินมีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ”
“ตอนเจ้าบ้านเย่มีชีวิตอยู่ เขาเคยกำหนดเรื่องแต่งงานเอาไว้กับฉัน วันนี้ฉันมาคุยเรื่องแต่งงาน” หลินเป้าพูดด้วยสีหน้าราบเรียบ
ทุกคนตกตะลึง มาคุยเรื่องแต่งงาน ในงานศพเย่จี้จงเนี่ยนะ
“เรื่องแต่งงานที่ลุงหลินพูด คือเรื่องไหนคะ”
ถึงเย่ม่านจะโกรธมาก แต่เธอก็เอ่ยถาม
“งานแต่งของเธอกับหลินหงเจ๋ลูกชายฉัน!” จู่ๆ หลินเป้าพูดขึ้น
เมื่อได้ยินดังนั้น คนทั้งตระกูลตกใจ
ตอนนี้เย่ม่านเป็นเจ้าบ้านตระกูลเย่ แต่หลินเป้าจะให้เย่ม่าน แต่งเข้าตระกูลหลิน
เห็นได้ชัดว่าหลินเป้าไม่หวังดี