WDS Chapter 115 แรงบันดาลใจ
เมื่อเฟลิกซ์เห็นแดนีลจดจ้องมาที่เขา เขาก็หัวเราะเบาๆออกมา และตอบสนองด้วยการยักไหล่
แดนีลสงบตัวเองลง แม้การถูกทดสอบเช่นนี้จะทำให้เขารู้สึกไม่ดีนัก แต่เขาก็สามารถจะเข้าใจเหตุผลได้ ไม่ว่าอย่างไร เมื่อพวกเขาสาบานตนแล้ว แล้วหลังจากนั้น พวกเขาพบว่า แดนีลไม่ใช่คนที่พวกเขาคิดเอาไว้ มันก็คงจะสายเกินไปที่พวกเขาจะเสียใจ
สำหรับคนรุ่นเยาว์ในกองทัพการปกครอง หลายคนยังคงพิจารณาเกี่ยวกับทางเลือก รวมถึงคนที่เข้าร่วมกับเขาตั้งแต่แรกเริ่ม แม้ความตายจะเกิดขึ้นทั่วไปบนโลกแห่งนี้ แต่พวกเขาก็ยังคงต้องการที่จะเติบโตอย่างแข็งแกร่งพร้อมกับมีชีวิตอยู่ยืนยาว ด้วยสภาพแวดล้อมปัจจุบัน มันเป็นไปได้ที่พวกเขาจะใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข ในราชอาณาจักรที่มีศีลธรรมสูงแห่งนี้
ตระหนักว่านี่เป็นการตัดสินใจที่ใหญ่เกินไป แดนีลจึงกล่าวกับพวกเขาว่า “ใช้เวลากับตัวเอง แม้ว่าตอนนี้พวกเจ้าจะตัดสินใจได้แล้ว แต่ก็จงคิดอีกครั้ง แล้วค่อยบอกข้าในอีก 3 วันหลังจากนี้ สำหรับตอนนี้ กลับกันไปได้แล้ว”
หันหลังกลับ เขาเริ่มเดินกลับไปยังพระราชวังพร้อมกับอีก 3 คน
แม้บางคนอย่าง โจชัว จะตัดสินใจแล้วและกำลังจะกล่าวออกไป แต่พวกเขาก็หยุดลงเมื่อได้ยินสิ่งที่แดนีลกล่าว
เมื่อกลับมาถึงห้องประชุดเล็ก ที่เขาพูดคุยกับเฟลิกซ์ก่อนหน้านี้แล้ว แดนีลก็ปิดประตูก่อนจะกล่าวว่า “ตาแก่ ท่านทำได้ดี ข้าไม่คิดมาก่อนเลยว่ามันจะเป็นการทดสอบ อย่างไรก็ตาม มันค่อนข้างน่าอึดอัดใจทีเดียว”
เขานั่งลง แดนีลกล่าวออกไปและกำลังรอคำตอบจากอาจารย์ของเขา ตลอดเวลาที่พวกเขาอยู่ด้วยกัน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่แดนีลเรียกอาจารย์ตรงหน้าเขาว่า ตาแก่
“ฮ่าๆๆ เด็กน้อย ข้าไม่มีทางเลือก นี่คือสิ่งที่สอดคล้องกับสิ่งที่ผู้ก่อตั้งสำนักฝึกอบรมกำหนดไว้เป็นเงื่อนไขสำหรับการสาบานตนของสำนักฝึกอบรมต่อกองกำลังใดๆ มันคือบททดสอบลักษณะนิสัยทางศีลธรรม แต่ข้ายอมรับว่า มันเป็นความคิดของข้า และการแสดงออกของเจ้าเมื่อครั้งที่วอลมาบอกกับเจ้า มันมีค่าอย่างมาก มันเป็นภาพของราชาที่พวกเขาต้องการจะเห็น”
โดยไม่ยับยั้งตัวเองใดๆ เฟลิกซ์หัวเราะออกมาอีกครั้ง ในความเป็นจริง เขามีความสุขอย่างมากเมื่อได้เห็นวิธีที่แดนีลกระทำ และเขาก็รู้สึกภาคภูมิใจที่การสังเกตเกี่ยวกับราชาของเขาไม่ผิดพลาด
เคลเลอร์หัวเราะเบาๆ ราวกับเขามีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ด้วย
อีกด้าน แดนีลก็แฟกซัลต่างก็สับสนที่เห็นชายชราทั้งสองแลกเปลี่ยนสายตากัน
มีการเชื่อมโยงกันระหว่างคนทั้งสองนี้?
“ฝ่าบาท ต้องขออภัยด้วยที่ข้าไม่ได้บอกเรื่องนี้กับท่านก่อนหน้านี้ ข้ารู้จักกับเฟลิกซ์มาเป็นเวลานานแล้ว เฉพาะอย่างยิ่ง ด้วยความพยายามของเขาในการช่วยเหลือผู้ที่ถูกกดขี่ ในความเป็นจริง เขาก็เป็นหนึ่งในคนที่ข้าขอให้ค้นหา คนที่สามารถจะนำแลนธานอร์ไปสู่ยุคใหม่ด้วยเช่นกัน เมื่อครั้งที่ข้าค้นพบพลังของท่าน ข้ายังเคยล้อเลียนเขาว่า เขามองผ่านท่านที่อยู่ใต้จมูกของเขาไปได้อย่างไร”
ความเข้าใจปรากฎขึ้นบนใบหน้าของทั้งสองขณะที่ได้ยินสิ่งนี้ ในความเป็นจริง เคลเลอร์ได้ทำงานอย่างลับๆ ซึ่งมีเป้าหมายที่จะเปลี่ยนแปลงผู้ปกครองแลนธานอร์ ดังนั้น มันจึงไม่น่าแปลกใจใดๆที่เขาจะรู้จักเฟลิกซ์ที่มีอุดมการณ์เดียวกัน
“เอาล่ะ ข้าจำเป็นจะต้องกลับไปหาเหล่าผู้เชี่ยวชาญ พวกเราทุกคนพร้อมที่จะสาบานตนแล้ว หลังจากนั้น พวกเราก็จำเป็นจะต้องกลับไปยังสำนักฝึกอบรม เพื่อจัดการกับเรื่องที่ค้างอยู่ เจ้าเองก็ควรที่จะมากับพวกเรา เพื่อตรวจดูเทคนิคลับที่ผู้ก่อตั้งของพวกเราทิ้งเอาไว้ ในความเป็นจริง พวกเขาหลายคนอยู่ในระดับที่สูงกว่าพวกเราอย่างมาก ซึ่งพวกเราไม่สามารถที่จะเข้าใจพวกเขาได้ คล้ายๆกับผู้ก่อตั้งของนิกายสังหารซ่อนเร้น ผู้เชี่ยวชาญทุกคนที่ติดตามข้ามายังพระราชวัง พวกเขาได้รับการคัดเลือกแล้วว่า เป็นผู้ที่อุทิศเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน การกระทำของพวกเขาก่อนหน้านี้ เป็นเพียงการแสดงเท่านั้น”
แดนีลหนักหน้าอย่างอายๆ ก่อนที่เขาจะหันไปหาเคลเลอร์และกล่าวว่า “มอบสำเนาคำสาบานตนให้กับเขา ข้าจะนำคำสาบานตนเข้าไปในหินสาบานตนไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนี้”
หลังจากที่เคลเลอร์มอบกระดาษที่แดนีลบอกให้เขาเตรียมไว้ให้แล้ว เฟลิกซ์ก็ก้าวเดินออกไปพร้อมรอยยิ้ม มันดูราวกับว่า ชายชราผู้นี้จะมีความสุขมากที่สุดในรอบหลายปี
“เคลเลอร์ นี่เป็นเทคนิคสำหรับจอมเวทย์ ฝึกฝนให้ดี และพยายามทะลวงเข้าสู่ระดับนักรบ ท่านได้สาบานตนแล้ว และคำสาบานตนของริชาร์ดเข้มงวดไม่ด้อยไปกว่าของข้าเลย และข้าขอกล่าวอีกครั้งว่า ขอบคุณที่สนับสนุนข้า”
เมื่อเคลเลอร์เห็นประดาษสี่เหลี่ยมที่เปร่งประกายอยู่บนฝ่ามือของแดนีล เขาก็ยื่นมาไปข้างหน้าและรับมันมาด้วยมือของเขา
ด้วยเทคนิคในมือของเขา การทะลวงเข้าสู่ระดับนักรบของเขาจะขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น
แม้เขาจะเป็นหนึ่งในคนแรกๆที่ได้ฟังคำแนะนำ แต่มันก็ดูราวกับเป็นบางสิ่งที่ไม่น่าจะมีอยู่จริง
เฉพาะตอนนี้ที่เขาได้รับมันมาแล้วเท่านั้น เขาถึงเชื่อในที่สุดว่า มันมีอยู่จริงๆ
หากเขาสามารถจะไปถึงระดับนักรบได้ เขาจะมีเวลามากขึ้นในการดูแลประชาชนที่เขารักอย่างมาก
เห็นน้ำตาของเขา แดนีลถามว่า “ข้ารู้ว่าแรกเริ่ม ท่านถูกจอมเวทย์ราชสำนักใหญ่คนก่อนพาตัวมา หลังจากที่เขาเห็นถึงพรสวรรค์ของท่าน แต่สิ่งใดทำให้ท่านรู้สึกมีความสุขมากที่ได้มีโอกาสในการได้รับพลังอำนาจที่มากขึ้น?”
นี่เป็นคำถามส่วนตัว แต่แดนีลพบว่า เขามีความสนใจในแรงบันดาลใจที่ผลักดันผู้คนไปข้างหน้า มากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ
ในความเป็นจริง ที่เขาสงสัยเช่นนั้น เพราะเขาต้องการที่จะค้นแรงบันดาลใจของตัวเขาเอง
“ความผิดบาป ฝ่าบาท ความผิดบาป จากทุกครั้งที่ข้าเห็นสิ่งที่น่ากลัวมากมายเกิดขึ้นกับประชาชนในราชอาณาจักร ขณะที่มือของเขาถูกมัดเอาไว้ ข้ายังคงจดจำใบหน้าของพวกเขาได้ทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งโจนาห์ เขาพิเศษกว่าตนอื่นๆ เพราะพวกเราสนิทกันมาก แต่สุดท้ายแล้ว ข้าก็ไม่สามารถจะช่วยอะไรเขาได้เลย ด้วยพลังอำนาจที่มากขึ้น ข้าปรารถนาที่จะระงับความผิดบาปนี้ในตัวของข้า ด้วยการช่วยประชาชนให้ได้มากที่สุดก่อนที่ชีวิตของข้าจะสิ้นสุดลง”
แดนีลพยักหน้า เมื่อตระหนักได้ว่า การคาดเดาของเขาถูกต้อง เขาสังเกตเห็นร่องรอยความผิดบาปในดวงตาของเคลเลอร์นานแล้ว และเขาเพียงต้องการจะยืนยันมันให้แน่ใจ
“เอาล่ะ ฝึกฝนให้ดี แล้วท่านจะมีเวลาอีก 100 ปี ในการทำสิ่งที่ท่านต้องการ การค้นหาอาจารย์ของข้าเป็นอย่างไรบ้าง?”
แดนีลถามเคลเลอร์เกี่ยวกับที่อยู่ในปัจจุบันของอาจารย์เขา ผู้ซึ่งเป็นหนึ่งในคนที่ช่วยเขาในการเดินทางของเขา
“ยังไม่มีผลลัพธ์ใดๆเลย ฝ่าบาท ครั้งสุดท้ายที่เห็นเขาก็คือ ช่วงเวลาที่ท่านได้รับการประกาศเป็นราชา หลังจากนั้น เขาก็หายตัวไป”
แดนีลถอนหายใจและโบกมือ เป็นสัญญาณให้เคลเลอร์ออกไป ในที่สุด ภายในห้องก็เหลือเพียงเขาและแฟกซัล
“แฟกซัล ตอนนี้เจ้าคงจะเลือกได้แล้ว เจ้ายังต้องการจะไปนิกายการสังหารซ่อนเร้นอยู่หรือไม่? หากเป็นเช่นนั้น ข้าไม่สามารถจะมอบเทคนิคนี้ให้แก่เจ้าได้ เพราะมันมีความเสี่ยงที่จะถูกสังเกตเห็นโดยเหล่าผู้เชี่ยวชาญสูงเกินไป ด้วยสถานการณ์ในปัจจุบันของพวกเรา พวกเราจำเป็นจะต้องเก็บเทคนิคนี้ไว้เป็นความลับ”
“ข้าจะอยู่”
สามคำง่ายๆ แต่พวกมันเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ซึ่งแดนีลแทบจะไม่เคยได้ยินจากสหายของเขาเลย
ไม่มีความจำเป็นจะต้องกล่าวใดๆอีกต่อไป หลังจากมอบกระดาษที่มีทั้งเทคนิคสำหรับนักสู้และจอมเวทย์ให้กับเขาแล้ว แดนีลก็บอกให้เขาออกไป ส่วนตนเองนั่งลงบนเก้าอี้ มองออกไปข้างนอกในระยะไกล
แล้วแรงบันดาลใจของตัวเขาคืออะไร?
แน่นอนว่า เขามีแรงบันดาลใจที่จะรับใช้ราชอาณาจักร และทำสิ่งที่เขาสามารถทำได้อย่างดีที่สุดเพื่อประชาชน แต่นั่นคือทั้งหมดหรือไม่
ก่อนหน้านี้ แรงบันดาลใจของเขาก็คือ การแก้แค้นให้กับครอบครัวของเขา ซึ่งมันสำเร็จไปแล้ว ราชาองค์ก่อนตายแล้วและคนชั้นสูงที่ทำให้พ่อของเขาถูกขับไล่ออกจากกองทัพก็มีกำหนดถูกประหารในวันพรุ่งนี้พร้อมกับคนอื่นๆทั้งหมดที่กระทำผิดมากเกินข้อจำกัดที่กำหนดไว้สำหรับการลงโทษไม่ถึงตาย
ในตอนนี้ เขาคิดย้อนกลับไปถึงตัวเขาเมื่อตอนอยู่หน้าห้องสมุดเมือง ขณะที่ผู้คนตะโกนชื่อของเขาซึ่งเป็นผู้เรียกร้องความยุติธรรมออกมาเสียงดัง และเขาก็รู้สึกเช่นเดียวกันนั้น เมื่อครั้งที่ชื่อของเขาถูกตะโกนออกมาทั่วทั้งราชอาณาจักร และประกาศว่า เขาเป็นราชา
โดยไม่รู้ตัว แดนีลตระหนักว่า ความกระหายก่อตัวขึ้นในตัวของเขา
ความกระหายนี้จะทุเลาลงได้ก็ต่อเมื่อ เขาได้เห็นว่า ประชาชนมีความสุขและพอใจในสิ่งที่พวกเขามี แทนที่จะเป็นการใช้ชีวิตของพวกเขาจากการถูกฝังอยู่ใต้ภูเขาแห่งความทุกข์ทรมานเหมือนก่อนหน้านี้
เขาไม่แม้แต่จะให้คณูปการตัวเองกับสิ่งที่เขาทำ สำหรับแดนีลแล้ว เพียงแค่ได้เห็นผลลัพธ์ที่ดี มันก็ทำให้เขาพึงพอใจแล้ว มันไม่สำคัญว่าใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ
สำหรับตอนนี้ ความกระหายนี้ได้ทุเลาลงชั่วคราว เนื่องจากเขาได้สังหารราชาองค์ก่อน และดำเนินการแก้ไขความอยุติธรรมทั้งหมดที่เกิดขึ้น
แต่ความกระหายนี้จะก่อตัวขึ้นอีกครั้งหรือไม่? แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่รู้
มีเพียงเวลาเท่านั้นที่จะบอกได้
ลุกขึ้นจากเก้าอี้ แดนีลไปยังหนึ่งในห้องโถงฝึกอบรมกระตุ้นพลังงานที่มีอยู่หลายแห่งภายในพระราชวัง ในที่สุด เขาก็จะเริ่มการฝึกฝนของเขาอีกครั้งแล้ว