หลังจากเหตุการณ์ที่ดาดฟ้า ผ่านไป 30 นาที
มุชิกิถูกพามาที่หน้าประตูขนาดใหญ่ในอาคารเรียนกลาง
「คุโรเอะ ที่นี่คือ?」
「ห้องประชุมค่ะ วันนี้เป็นวันประชุมตามกำหนดการของฝ่ายบริหารอุทยาน
―― สถานการณ์แบบนี้ถ้าเป็นไปได้ก็อยากเมินอยู่หรอกค่ะ แต่จะขาดท่านไซกะไปไม่ได้ก็เลยไม่มีทางเลือก」
พอคุโรเอะตอบคำถามของมุชิกิเสร็จก็พูดเตือนต่อ
「ตอนนี้ฝ่ายบริหารกับกองอัศวินคงจะมากันครบแล้ว เรื่องการโต้ตอบทางนี้จะพยายามทำอะไรสักอย่างเองค่ะ ระหว่างนี้คุณมุชิกิช่วยพยายามอย่าพูดออกมาด้วยนะคะ」
「เข้าใจแล้วครับ จะทำให้คุณไซกะเสียภาพพจน์ไม่ได้สินะครับ」
「อ่า…ค่ะ ก็ประมาณนั้นแหละ」
คุโรเอะแสดงสีหน้าประมาณว่า 「จริงๆแล้วก็ไม่ถูกเสียทีเดียว แต่ปล่อยให้เข้าใจแบบนี้น่าจะสะดวกกว่า 」จากนั้นจึงเคาะประตูห้องแล้วค่อยๆเปิดออก
เสร็จก็โบ้ยให้มุชิกิเดินเข้าห้องราวกับจะพูดว่า ‘เชิญค่ะ’
มุชิกิทำตามที่ว่า ค่อยๆก้าวเท้าเข้าไปในห้องประชุมด้วยความประหม่าเล็กน้อย
「ว้า…」
ทันทีที่มุชิกิก้าวเข้ามาในห้อง ก็เผลอหลุดเสียงออกมาเบาๆทั้งที่ถูกเตือนให้งดพูด
แต่ว่านั่นมันช่วยไม่ได้ ห้องประชุมในตอนนี้มีคนอยู่ประมาณสิบคนแล้ว แต่ทุกคนกลับยืนขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกันเพื่อต้อนรับมุชิกิ
「―― ท่านไซกะ เชิญที่ที่นั่งค่ะ」
พอเห็นมุชิกิกำลังยืนอึ้ง คุโรเอะก็พูดขึ้นมาเพื่อเตือนให้ไปนั่งที่
ก็จริงที่จะเอาแต่ยืนนิ่งไม่ได้ มุชิกิเดินเก้ๆกังๆไปที่โต๊ะประชุม แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ที่ว่างอยู่
แต่ทันใดนั้นพวกฝ่ายบริหารที่ยืนอยู่ก็ทำท่าตกใจเกิดเสียเซ็งแซ่ขึ้น
「ทะ ท่านแม่มด……?」
「เป็นอะไรไปครับ?」
「เอ๊ะ……?」
พอมุชิกิเอียงคอด้วยความสงสัย คุโรเอะก็เดินเข้ามาข้างหลังแล้วกระซิบที่ข้างหู
「―― ที่นั่งของท่านไซกะอยู่ทางนู้นค่ะ」
พูดจบก็โบ้ยไปทางที่นั่งที่อยู่ตำแหน่งลึกที่สุดในห้อง
ที่นั่งหัวโต๊ะ หรือที่เรียกกันว่าที่นั่งเจ้าของวันเกิดนั่นเอง แต่เพราะบรรยากาศในห้องตอนนี้ เลยดูเป็นที่นั่งหัวหน้าองค์กรณ์ร้ายมากกว่าแขกกิตติมศักดิ์
「อ๊ะ…」
มุชิกิพูดด้วยเสียงเบาๆ แล้วรีบเปลี่ยนไปนั่งตรงนั้นอย่างลนลาน
พอทำเช่นนั้น ในที่สุดทุกๆคนก็ทยอยกลับไปนั่ง
「…………」
มุชิกิมองไปรอบๆโต๊ะด้วยความรู้สึกประหม่าอย่างประหลาด
จากนั้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย คนส่วนใหญ่สวมชุดสูทเรียบร้อย แต่ในนั้นมี 2 คนที่แต่งกายดูไม่เข้ากับสถานที่
คนแรกคือเด็กผู้หญิงอายุราวสิบปีต้นๆ ไหล่ที่แข็งแรงกับแก้มที่แดงเล็กน้อยช่วยเสริมให้ใบหน้าที่อ่อนเยาว์อยู่แล้วดูอ่อนลงไปอีก ภายนอกใส่เสื้อกาวน์สีขาวยาว แต่ไม่รู้ทำไมข้างใต้กลับมีแต่กางเกงวอร์มและชุดท่อนบนที่มีลวดลายเหมือนชุดชนเผ่า ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังสวมแต่ชุดชั้นใน ดูไม่เข้ากับรูปลักษณ์ภายนอก
「คุโรเอะ เด็กคนนั้นคือ?」
พอมุชิกิถามด้วยเสียงเบา คุโรเอะที่ยืนอยู่หลังเก้าอี้ก็พูดราวกับกระซิบกลับมา
「อัศวินเอลูลูก้า เฟรเอล่า ถึงจะดูอ่อนเยาว์ก็จริง แต่ในอุทยานแห่งนี้ถือเป็นจอมเวทย์ที่อยู่มานานรองจากท่านไซกะเลยล่ะค่ะ」
「เห……」
ตัดสินคนจากภายนอกไม่ได้เลยจริงๆ มุชิกิส่งเสียงออกมาด้วยความประหลาดใจ
ส่วนอีกคน มุชิกิเลื่อนสายตาไปยังเด็กสาวที่นั่งอยู่ใกล้ๆ
ถึงจะไม่เด็กขนาดเอลูลูก้าแต่ก็ยังดูอ่อนวัย อายุน่าจะราวๆ 16 ถึง 17 ปีได้ อีกสิ่งหนึ่งที่ช่วยยืนยันคือเครื่องแบบที่สวมเป็นเครื่องแบบแบบเดียวกับพวกนักเรียน
ผมยาวถูกมัดไว้สองข้าง ดวงตาที่คมเรียวกับริมฝีปากที่ปิดสนิทให้ความรู้สึกเป็นคนจิตใจเข้มแข็ง
พอถึงตรงนั้นมุชิกิก็ขมวดคิ้วออกมา
หน้าตาของเด็กสาวคนนี้ รู้สึกเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน
「……… หรือว่าจะเป็น…รูริ?」
「―― คะ? มีอะไรหรือคะ ท่านแม่มด」
พอมุชิกิพึมพำออกมา เด็กสาวคนนั้น― รูริเอียงก็คอแล้วตอบกลับ ในดวงตาคู่นั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความปิติยินดีที่ถูกไซกะเรียกชื่อ
「อ๊ะ― เปล่า」
ไม่ได้ตั้งใจจะเรียก แต่เหมือนจะถูกได้ยินเข้าซะแล้ว มุชิกิพูดปัดไป
พอเหลือบไปข้างหลังก็เห็นคุโรเอะกำลังจ้องมองมาด้วยสายตาเคลือบแคลง
แต่ก็ไม่น่าแปลกอะไร เพราะอยู่ๆมุชิกิก็ดันเรียกชื่อเด็กสาวที่ไม่ควรจะรู้จักกันมาก่อน
「……!」
ในระหว่างที่มุชิกิกำลังคิดว่าจะอธิบายยังไง ประตูของห้องประชุมก็ถูกประแทกเปิดออก
แล้วชายที่ถูกพันด้วยผ้าพันแผลเต็มตัวก็เดินโซซัดโซเซเข้ามา
ตอนแรกก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่พอเห็นสายตาอาฆาตที่จ้องมองมาที่มุชิกิ
―― นี่มันอัศวินที่เจอกันก่อนหน้านี้ อัลเวียต สวานน่านี่นา
พอเห็นสภาพแบบนั้น พวกฝ่ายบริหารก็พากันตาเบิกโพลง
「ทะ ท่านสวานน่า! บาดแผลพวกนั้นมัน……!?」
「หรือว่า… ตอนที่ต่อสู้กับปัจจัยแห่งการล่มสลาย!?」
「บ้าน่า แม้แต่จอมเวทย์ระดับS อย่างคุณอัลเวียตเนี่ยนะ!?」
อัลเวียตเดาะลิ้นออกมาเหมือนเป็นการบอกให้พวกฝ่ายบริหารเงียบ
「……อย่าโวยวายกันสิฟะ อย่างตูไม่มีทางเสียท่าให้กับพวกกระจอกแบบนั้นหรอกเฟ้ย」
「ถะ ถ้างั้นบาดแผลพวกนั้น……」
พอถูกชายสวมแว่นถาม อัลเวียตก็ส่งสายตาแค้นเคืองมาทางมุชิกิอีกครั้ง
พอเห็นเช่นนั้น พวกคนจากฝ่ายบริหารก็พากันร้องอ๋อ
「อะไรกัน……ท่านแม่มดเองเหรอ」
「ถ้าเป็นท่านแม่มดก็ช่วยไม่ได้นะครับ」
「ยังอุตส่ารอดมีชีวิตมาได้นี่ดีจริงๆนะครับ คุณอัลเวียต」
「อย่ายอมรับกันง่ายๆแบบนี้สิว้อย ไอ้พวกบ้านี่!」
อัลเวียตพูดขึ้นมาอย่างไม่สบอารมณ์ แล้วนั่งกระแทกก้นลงบนเก้าอี้ข้างๆเอลูลูก้า
ตอนทำแบบนั้นเหมือนจะเจ็บแผลน่าดู คิ้วบิดเล็กน้อยด้วย แต่ดูท่าจะไม่อยากให้ใครรู้ก็เลยตัวสั่นไม่ส่งเสียงออกมา
「ช้ามากค่ะ อัลเวียต ทำไมถึงปล่อยให้ท่านแม่มดรอแบบนี้คะ」
「หนวกหูเฟ้ย แค่ยอมมาให้ก็รู้สึกยินดีไว้ซะ」
อัลเวียตส่งเสียงฟึดฟัดขึ้นจมูกกับการเตือนของรูริ
รูริส่ายหน้าก่อนจะกวาดสายตาไปรอบๆโต๊ะ
「―― ถ้างั้น ในเมื่อมากันทุกคนแล้วขอเริ่มประชุมตามกำหนดการนะคะ เริ่มจากทางนี้ก่อน」
พอพูดจบรูริก็เอื้อมมือไปแตะแผงควบคุมที่อยู่ใกล้ๆ มีภาพฉายข้อมูลลอยขึ้นมาที่ใจกลางของโต๊ะรูปวงรี
「―― นับจากหลังการประชุมครั้งก่อน จำนวนครั้งที่ปัจจัยแห่งการล่มสลายปรากฏขึ้นคือ 2 ครั้ง หมายเลข 52 : Leprechaun และหมายเลข 206 : Dragon ทั้งสองครั้งสามารถจัดการได้สำเร็จภายในระยะเวลากำจัดเพื่อฟื้นคืน การสูญเสียของฝั่งจอมเวทย์คือ―― 」
ด้วยน้ำเสียงที่ชัดเจน งานประชุมก็ถูกดำเนินต่อไป
ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจเรื่องที่พูด แต่จะแสดงสีหน้าไม่สนใจออกไปก็คงไม่ดี
มุชิกิทำท่าสนใจกับการพูดของรูริไปพร้อมๆกับพยายามรักษาท่าทางอยู่บนเก้าอี้
หลังจากนั้น ด้วยการดำเนินของรูริ การรายงานก็เกิดขึ้นอีกหลายครั้ง
「―― ขอบคุณมากค่ะ นอกจากนี้มีใครอยากจะแจ้งอะไรอีกมั้ยคะ?」
นับจากตอนเริ่มก็ผ่านไปประมาณ 40 นาทีได้ล่ะมั้ง พอทุกคนรายงานกันจบแล้ว รูริก็พูดพลางมองไปที่ทุกคน
ทุกคนต่างตอบกลับด้วยความเงียบ รูริที่รู้สึกได้จากบรรยากาศก็พยักหน้าเบาๆ
「ถ้าอย่างงั้น―― 」
แต่ว่าในจังหวะนั้น คุโรเอะที่ยืนอยู่ข้างหลังมุชิกิก็ก้าวออกมาก้าวหนึ่ง
「―― ขออภัยค่ะ ทางฉันก็มีอยู่เรื่องหนึ่ง ขออนุญาติได้มั้ยคะ」
「เธอคือ?」
「ขออภัยที่ไม่ได้บอกก่อนค่ะ ดิฉันคือผู้รับใช้ของท่านไซกะ ชื่อว่าคาราสุมะ คุโรเอะ เนื่องจากวันนี้ท่านไซกะสภาพร่างกายไม่ค่อยดี ดิฉันจึงตามมาด้วยค่ะ」
「เอ๊ะ!?」
รูริเผลอร้องออกมาเพราะคำพูดของคุโรเอะ
「สถาพร่างกายไม่ค่อยดี ปะ-เป็นอะไรมากหรือเปล่าคะ!?」
「ค่ะ ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง ใช่มั้ยคะ ท่านไซกะ」
「เอ๊ะ? อา…อืม」
คุโรเอะส่งสายตามาเป็นการบอกให้มุชิกิพูดตามน้ำ มุชิกิก็พยักหน้ากลับไป
「แล้วยังไงต่อล่ะ? เกิดอะไรขึ้น」
เอลูลูก้าตั้งท่าเท้าคางบนโต๊ะแล้วถามกลับมา
คุโรเอะตอบกลับด้วยการพยักหน้าแล้วขยับริมฝีปาก
「―― เมื่อวาน ท่านไซกะถูกใครบางคนลอบโจมตีค่ะ คาดว่าน่าจะเป็นจอมเวทย์ แต่ยังไม่สามารถยืนยันรูปร่างได้ มีโอกาสที่ท่านไซกะจะถูกโจมตีอีกครั้ง เพราะฉะนั้น จึงอยากให้เพิ่มระดับการเฝ้าระวังด้วยค่ะ」
「……!?」
คำพูดของคุโรเอะทำเอาเหล่าผู้คนโดยรอบใบหน้าแข็งทื่อกันไปหมด
「ทะ ท่านแม่มด…ถูกลอบโจมตี!?」
「แล้วยังหนีรอดไปได้โดยสืบตัวจริงไม่ได้ด้วย !?」
「บ้าน่า เรื่องแบบนั้นมัน!」
พวกฝ่ายบริหารเผยความหวาดหวั่นออกมา
มุชิกิแอบลดระดับเสียงลงแล้วพูดถามคุโรเอะ
「คุโรเอะ เรื่องนี้พูดออกไปจะดีเหรอครับ?」
「―― ขอแค่ไม่รู้สถานการณ์ของท่านไซกะก็ไม่มีปัญหาค่ะ ในทางตรงกันข้าม ขู่ให้กลัวแบบนี้น่าจะช่วยให้ระวังกันมากขึ้น」
คุโรเอะจ้องไปยังเหล่าผู้คนที่กำลังลนลาน แล้วพูดออกมาด้วยใบหน้าสงบนิ่ง มุชิกิก็พยักหน้า’อย่างนี้นี่เอง’
ก็จริงที่ถ้าปิดเงียบทุกอย่าง ก็มีโอกาสที่มุชิกิจะถูกอีกฝั่งลอบโจมตีอีกครั้งโดยไร้การป้องกัน
「คุ―― ฮ่ะฮ่ะ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า !」
แต่ในระหว่างที่ทุกคนกำลังเสียขวัญกัน ก็มีคนๆหนึ่งส่งเสียงหัวเราะขึ้นมา อัลเวียตไงล่ะ
「ถูกศัตรูลอบโจมตี แล้วยังปล่อยให้หนีไปได้โดยไม่รู้ตัวจริงเนี่ยนะ? ฮ่ะ ดูไม่ได้เลยนะเว้ย แม้แต่ท่านแม่มดผู้ยิ่งใหญ่ก็เลอะเลือนเป็นเหมือนกันไม่ใช่หรอฟะ?」
อัลเวียตพูดแล้วยักไหล่ให้เห็นอย่างจงใจ
พอทำแบบนั้น รูริที่กำลังมองมาทางมุชิกิด้วยความเป็นห่วง ก็จ้องเขม็งไปที่อัลเวียต
「โห พูดจาดูใหญ่โตจังนะคะ อัลเวียต ฟังดูไม่เหมือนคนที่ครองสติแพ้ราบคาบให้กับท่านแม่มดเลยนะคะ」
「อ๋า …?」
อัลเวียตไหล่กระตุกแล้วจ้องกลับไปที่รูริ
ทว่ารูริกลับไม่ไหวหวั่น และยังเติมเชื้อเพลิงเข้าไปอย่างต่อเนื่อง
「หรือว่าจริงๆแล้วคนร้ายคือนายเองสินะคะ? เพราะสู้ต่อหน้าแล้วเทียบท่านแม่มดไม่ติด สุดท้ายเลยต้องงัดวิธีสกปรกออกมา?」
「หาาาาาา!? นี่แก พูดไม่สวยเลยนะเฟ้ย」
「อาา ขอโทษทีค่ะ เมื่อกี้พูดเกินไปหน่อย อย่างนายคงไม่มีทางเป็นคนลอบโจมตีหรอกค่ะ เพราะถ้าเกิดทำขึ้นมาจริงๆ คงไม่รอดมายืนตรงนี้หรอก 」
「อยากตายหรอฟะแกน่ะ!」
「ก็มาสิคะ― 」
อัลเวียตกับรูริถีบเก้าอี้ลุกขึ้นมาประจันหน้ากัน
ในตอนนั้น บรรยากาศรอบๆก็เริ่มสั่นไหว เริ่มมีแสงจางๆไหลวนระหว่างทั้งสองคน
「หนวกหูจริง ไปตีกันทีหลัง」
เอลูลูก้าที่นั่งอยู่ระหว่างรูริกับอัลเวียตพูดขึ้นมาด้วยความรำคาญ แล้วใช้แขนเสื้อกาวน์ตบหน้าทั้งสองคน
「อุ…..」
「……ท่านเอลูลูก้า」
แม้ทั้งคู่จะยังไม่สงบลงเต็มที่ แต่ก็ยอมถอยไปนั่งอย่างไม่เต็มใจ พวกฝ่ายบริหารที่อยู่ในห้องพากันถอนหายใจอย่างโล่งอก
「เรื่องรายละเอียดรับทราบแล้ว ทางนี้จะจัดการให้เอง ―― แล้วยังไงต่อล่ะ เรื่องที่จะพูดมีแค่นี้รึ ?」
เอลูลูก้าเลื่อนสายตาไปที่คุโรเอะแล้วถาม
พอทำอย่างนั้น คุโรเอะก็พูดต่ออย่างสงบ
「เกี่ยวกับเรื่องนั้น มีข้อเสนอจากท่านไซกะค่ะ」
「โห? ว่ายังไงล่ะ ลองพูดมาซิ」
「ค่ะ ―― อย่างแรก ในตอนนี้ท่านไซกะจะวางมือจากปัจจัยแห่งการล่มสลายระดับพังทลายลงไป รวมถึงการประชุมแบบนี้ ก็จะขอให้ลดจำนวนลงด้วยค่ะ」
「ฮึ่ม…เรื่องนั้นข้าก็ไม่ขัดข้องอะไรหรอก แต่เพราะอะไรกันล่ะ คงไม่บอกว่าได้รับบาดเจ็บจากการลอบโจมตีนั่นหรอกนะ?」
เอลูลูก้าจ้องเข้ามายังดวงตาของมุชิกิ
สายตาที่ราวกับเจาะทะลุเข้ามาในจิตใจ มุชิกิรู้สึกว่าหัวใจกำลังเต้นแรงขึ้น
แต่แล้ว คุโรเอะก็ส่ายหน้าด้วยท่าทีใจเย็นสุดๆ
「เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ การที่จะมีคนสร้างบาดแผลให้ท่านไซกะได้น่ะ」
「รู้อยู่หรอกน่า แค่ล้อนิดหน่อยน่ะ ….แล้วเหตุผลล่ะ?」
「ท่านไซกะบอกว่า มีเรื่องอื่นที่ต้องทำค่ะ」
「เรื่องอื่นที่ต้องทำรึ?」
เอลูลูก้าเอียงคอสงสัย
คุโรเอะก็พยักหน้าอย่างหนักแน่น แล้วประกาศ
「ค่ะ ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป ―― ท่านไซกะจะไปโรงเรียนในฐานะนักเรียนค่ะ」
「…………หา?」
คำพูดของคุโรเอะ ทำให้ทุกคนในห้องรวมถึงมุชิกิเผลอส่งเสียงโง่ๆออกมา
จบบทที่ 1